จับพิรุธส่งน้ำมันไปกัมพูชา เสริมกำลังรบ โอกาสไทยเสียเปรียบ? “แหล่งข่าวกองทัพ” แนะจับตาลอบถ่ายน้ำมันกลางทะเล มีโอกาสมากกว่าทางบก

ทางทหาร “น้ำมัน” นับเป็นหนึ่งในยุทธปัจจัย ที่สนับสนุนการทำสงคราม แต่ในช่วงที่ผ่านมา กลับมีกระแสข่าวว่าขณะที่ทหารไทยทำการสู้รบที่แนวชายแดน ยังมีการส่งน้ำมันไปยังกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งการขนส่งน้ำมันทางบกผ่านทางประเทศลาว ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยว่า พบรถน้ำมันเพิ่มขึ้นผิดปกติอาจมีการส่งต่อไปยังปลายทางกัมพูชาหรือไม่ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ออกคำสั่งงดการส่งออกเฉพาะสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดและยุทโธปกรณ์ต่างๆ ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ทำให้มีรถบรรทุกน้ำมันตกค้างจำนวนมาก

รวมถึงการขนส่งน้ำมันทางทะเล ซึ่งในวันที่ 14 ธ.ค.กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) และ ศูนย์บัญชาการทางทหาร (ศบท.) ก็ได้มีคำสั่ง ระงับการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้ายุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชา

จับพิรุธส่งน้ำมันไปกัมพูชา

แหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพ เปิดเผยกับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่า สำหรับการขนส่งน้ำมันทางบกนั้น มีการขนส่งน้ำมันไปให้ลาวผ่านทางด่านช่องเม็กเป็นประจำอยู่แล้ว เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้จากปริมาณการนำเข้า-ส่งออกน้ำมันไปลาวในช่วงก่อนและหลังการปะทะว่าผิดปกติ หรือปริมาณที่ส่งเข้าไปมากเกินคลังน้ำมันลาวจะเก็บได้ ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่าประเด็นการขนส่งน้ำมันทางบก อาจเป็นการเบี่ยงประเด็นจากการส่งน้ำมันทางทะเลที่ควรจับตามากกว่าหรือไม่

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในการขนส่งน้ำมันทางทะเลนั้น คาดมีลักษณะเป็นการสั่งน้ำมันจากไทยไปยังประเทศสิงคโปร์ แต่มีการถ่ายออกระหว่างทาง โดยมีเรือเล็กรับต่อและเข้าไปในกัมพูชา คงไม่ใช่การไปอ้อมผ่านประเทศสิงคโปร์

...

“ไม่รู้ว่าแน่ชัดว่าถ่ายน้ำมันในจุดไหน เคยมีเรือลาดตระเวนไปเห็น แต่ตอนนั้นยังไม่มีคำสั่งก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้มีคำสั่งควบคุมแล้ว ต้องจับตาว่าจะเป็นอย่างไรต่อ”

ปัจจุบันน้ำมันที่ใช้ในกัมพูชา ส่วนใหญ่ยังเป็นน้ำมันจากไทย อาจมีบางส่วนที่มาจากเวียดนาม แต่เวียดนามก็รับจากสิงคโปร์มาอีกทีทำให้มีข้อจำกัดและมีราคาสูง ไทยถือเป็นประเทศที่มีโรงกลั่นน้ำมัน ทำให้ที่ผ่านมากัมพูชา ต้องนำเข้าน้ำมันจากฝั่งไทย

เรือบรรทุกน้ำมัน (แฟ้มภาพ)
เรือบรรทุกน้ำมัน (แฟ้มภาพ)

คุมเข้มส่งน้ำมันทางบก-ทะเล ยันไม่มีส่งน้ำมันไปกัมพูชา

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (16 ธ.ค.68) นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เผยที่ประชุม สมช.มีมติมอบให้ทางศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ นับตั้งแต่เรื่องของการแจ้งเตือนเรือไทยที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ประสานกับกรมเจ้าท่าในการตรวจเรือไทย โดยเน้นเรือไทยที่จะมีการขนส่งสินค้าที่จะเอื้อต่อการทำสงครามในกัมพูชา เรือไทยที่มีสินค้าที่ต้องควบคุม

ส่วนเรื่องของสินค้ายุทธภัณฑ์ ยุทธปัจจัยต่างๆ ก็มอบกระทรวงกลาโหมไปดำเนินการกำหนดสินค้าที่จะควบคุมในการส่งไปยังกัมพูชา โดยเฉพาะสินค้ายุทธภัณฑ์ ยุทธปัจจัยต่างๆ ยึดตามพระราชกำหนดควบคุมสินค้าตามชายแดน พ.ศ. 2524 เป็นกรอบในการดำเนินการ

ในเรื่องรถบรรทุกน้ำมันที่ติดค้างอยู่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี นั้น นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่ากระทรวงพลังงานได้ตรวจสอบแล้ว และขอยืนยันว่าไม่มีการส่งออกน้ำมันจากไทยไปกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางเรือ ได้รับการยืนยันจากผู้ค้าน้ำมันเอง รวมถึงทางกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ส่วนกรณีที่ด่านช่องเม็กเป็นการส่งน้ำมันจากไทยไป สสป.ลาว ปริมาณน้ำมันโดยรวมไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่เป็นปริมาณที่ปกติ อยู่ที่เดือนละประมาณ 100 ล้านลิตร ทั้งนี้ โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เป็นช่วงหน้าร้อนหรือเป็นช่วงที่หมดฝน ทางลาวก็ใช้น้ำมันเยอะกว่าปกติอยู่แล้ว เพื่อนำไปใช้ในการทำเหมืองที่ไม่สามารถทำในหน้าฝนได้ ยืนยันกับทางผู้ค้าแล้วว่าผู้ใช้น้ำมันคือประเทศลาว ไม่ได้ส่งต่อให้กับกัมพูชา และตอนนี้ลาวก็แจ้งมาแล้วว่าได้รับผลกระทบ โดยจะต้องมีการหารือว่าไทยจะมีกลไกอะไรสร้างความมั่นใจว่าน้ำมันที่ส่งไปลาวถูกใช้ในประเทศลาวจริงๆ 

ทั้งนี้ กัมพูชาไม่ได้ซื้อน้ำมันจากไทย แต่ซื้อจากเวียดนาม จีน สิงคโปร์ ส่วนข่าวลือที่ว่ามีบริษัทเอกชนรายใหญ่ส่งน้ำมันไปกัมพูชานั้น ยืนยันว่าไม่มี การที่จะส่งต้องผ่านทางศุลกากร หากส่งทางเรือก็ต้องผ่านกรมเจ้าท่า ทางผู้ขายเองก็ต้องรายงานว่าผลิตน้ำมันแล้วส่งไปไหน ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่พบอะไรที่ผิดปกติ ขอให้ระวังข่าวปลอม

บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก
บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก

...

บริษัทน้ำมันโร่ชี้แจง

จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นหลายบริษัทพลังงาน ได้ออกมายืนยันว่าไม่มีการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชา

วันที่ 15 ธ.ค.68 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ออกเอกสารชี้แจง ระบุว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ ว่า พบการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชานั้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม ยืนยันว่าไม่มีการส่งออกน้ำมันไปที่ประเทศกัมพูชา โดยมีนโยบายงดส่งออกตั้งแต่เดือน มิ.ย.2568 และถือปฏิบัติมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน ในการตระหนักถึงความมั่นคงของประเทศและพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นสำคัญ

ในวันเดียวกัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า บริษัทฯ ไม่มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศกัมพูชา โดยไม่มีการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งทางรถและทางเรือ

สำหรับการจัดส่งน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการดำเนินการตามคำสั่งซื้อและเอกสารทางการค้าอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยมีจุดหมายปลายทางตามที่ระบุไว้เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของหน่วยงานภาครัฐของประเทศนั้นๆ ที่กำหนดให้การนำเข้า–ส่งออกและการขนส่งผ่านแดนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเป็นไปตามใบอนุญาตและพิธีการศุลกากรอย่างเคร่งครัด และห้ามการส่งต่อไปยังประเทศที่สาม ยืนยัน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติและความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ

เช่นเดียวกับ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ผู้ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการประกอบธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้ชื่อคาลเท็กซ์ในประเทศไทย ได้ชี้แจงว่า บริษัทฯ ไม่มีการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชา และไม่มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางบกหรือทางทะเล

...

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และนโยบายของหน่วยงานภาครัฐอย่างเคร่งครัด โดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ความมั่นคงของชาติ และประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญ 

บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก
บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก