กองทัพกัมพูชา (Royal Cambodian Armed Forces: RCAF) มีการจัดหายุทโธปกรณ์ที่หลากหลาย โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต/รัสเซีย และจีน ซึ่งรวมถึงอาวุธหลักที่มีอานุภาพในการทำลายล้างสูงบางชนิด
อาวุธหลักของกองทัพกัมพูชา
กองทัพกัมพูชามียุทโธปกรณ์หลายประเภทตั้งแต่อาวุธประจำกายไปจนถึงระบบปืนใหญ่หนัก:
ระบบจรวดหลายลำกล้อง (Multiple Rocket Launcher Systems - MLRS):
BM-21 Grad (ขนาด 122 มม.): เป็นระบบจรวดที่ไม่นำวิถี (ส่วนใหญ่) เน้นการยิงแบบ ปูพรมในพื้นที่กว้างมีท่อยิง 40 ลำกล้อง ระยะยิงประมาณ 20-40 กิโลเมตร อานุภาพทำลายล้างสูงในพื้นที่เป้าหมาย
RM-70: พัฒนาจาก BM-21 ถือเป็นหนึ่งในอาวุธปืนใหญ่ที่ทรงพลังที่สุดของกัมพูชา
PHL-03 (ขนาด 300 มม. - จรวดพิสัยไกล): เป็นระบบที่จัดหามาจากจีน มีขีดความสามารถที่น่าจับตามองมาก ระยะยิงไกลถึง 70 - 130 หรือ 160 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับชนิดจรวด) สามารถใช้จรวดนำวิถีได้ และมีอำนาจทำลายล้างพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างราบคาบ ถือเป็นอาวุธพลิกเกม
...
ปืนใหญ่สนามลากจูง:
มีการใช้งานปืนใหญ่หลายขนาด เช่น Type 59-1 (ขนาด 130 มม.) จากจีน, D-30 (ขนาด 122 มม.) จากโซเวียต/รัสเซีย
ยานเกราะและรถถัง:
มีการใช้งานรถถังหลักรุ่นเก่า เช่น T-54/55 และรุ่นลอกแบบ Type 59 รวมถึงยานรบทหารราบ BMP-3 และรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ BTR-60PB นอกจากนี้ยังมีรายงานการจัดซื้อรถถังหลักรุ่นใหม่ VT-4 และปืนใหญ่อัตตาจร SH1 (155 มม.) จากจีน
ปืนเล็กยาวและอาวุธประจำกาย:
ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่มาจากอดีตโซเวียตและจีน เช่น AK-47, Type 56/81, และปืนที่มาจากตะวันตก เช่น M16A1
อานุภาพการทำลาย
อาวุธที่น่ากังวลที่สุดในบริบทชายแดนคือ ระบบจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) เช่น BM-21 Grad และ PHL-03
BM-21 Grad: แม้จะขาดความแม่นยำสูง (เน้นการยิงปูพรม) แต่การยิงจรวดพร้อมกัน 40 ลูกในพื้นที่เป้าหมายจะก่อให้เกิด ความเสียหายรุนแรงในวงกว้าง ทั้งต่อกำลังพล อาคารบ้านเรือน และโครงสร้างพื้นฐานในแนวหลัง
PHL-03: ด้วยพิสัยการยิงที่ไกลและจรวดที่มีตัวเลือกนำวิถี จะทำให้อำนาจการยิงของกัมพูชา ครอบคลุมพื้นที่ลึกเข้าไปในประเทศไทยได้มากขึ้น และสามารถทำลายล้างพื้นที่ขนาดใหญ่ได้
เคยยิงมาฝั่งไทยหรือไม่ และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง
มีการรายงานอย่างเป็นทางการว่าอาวุธของกัมพูชาเคยยิงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย ในเหตุการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีการปะทะหลายครั้งในช่วงปี พ.ศ. 2554 (กรณีปราสาทพระวิหาร) และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง
...
เหตุการณ์ในอดีต (เช่น ปี พ.ศ. 2554/2568):
มีการรายงานการใช้ เครื่องยิงจรวด BM-21 Grad ยิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนลึกในฝั่งไทย
ตัวอย่างเช่น ใน เหตุการณ์ปะทะไทย-กัมพูชาเมื่อกรกฎาคม พ.ศ. 2568 มีรายงานว่ากระสุนจาก BM-21ตกลงใส่ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชน
การอ้างอิงในปัจจุบัน:
ล่าสุดใน เดือนธันวาคม พ.ศ. 2568 มีรายงานการปะทะกันอย่างหนักบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี/ศรีสะเกษ ซึ่งกองทัพบกไทยได้ประณามการกระทำของกัมพูชาที่ใช้อาวุธยิงสนับสนุนต่างๆ ยิงมายังแนวทหารและ เคยยิงใส่พื้นที่เป้าหมายพลเรือนฝ่ายไทย ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต (อ้างอิง: Line Today, The101.world) นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงว่ากัมพูชาได้ยิง BM-21 ลงพื้นที่บ้านเรือนประชาชนฝั่งไทย ในจังหวัดบุรีรัมย์ (อ.บ้านกรวด)
ข้อตกลงในการถอนอาวุธ:
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ได้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระหว่างไทยและกัมพูชา และมีข้อตกลงร่วมกันในการ ถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ออกจากแนวชายแดนเป็นระยะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาวุธเหล่านี้เคยถูกนำมาประจำการในบริเวณดังกล่าว
...
...