“ทอม ไรต์” เปิดข้อมูลอ้างมี ขบวนการ เซ็น MOU รัฐบาลไทย ส่งทีมไอทีฝังตัวโครงสร้างการเงินไทย - โยงอดีตผู้บริหาร บ.หลักทรัพย์ นั่งเก้าอี้ระดับสูงหน่วยงานรัฐ
เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) จัดงานให้ผู้สื่อข่าวและผู้ที่สนใจ ร่วมรับฟังการบรรยายของ ทอม ไรต์ (Tom Wright) นักข่าวชาวอเมริกันผู้โด่งดังจากการเปิดโปง การคอร์รัปชัน 1MDB ในมาเลเซีย และนำไปสู่ผลงานการเขียนหนังสือ Billion Dollar Whale และ เป็นผู้เปิดประเด็นพาดพิงการโยงใยระหว่าง อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกและ รมว.เกษตรฯ และ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ อีกชื่อหนึ่งคือ เบน สมิธ
ชื่อของ “เบน สมิธ” ปรากฏเป็นที่รู้จักของชาวไทย เมื่อรังสิมัน โรม สส.ฝ่ายค้านพรรคประชาชน เปิดเผยข้อมูลในลักษณะกล่าวหาว่า เบน สมิธ คือผู้อยู่เบื้องหลัง นักการเงินผู้ทรงอิทธิพล และเกี่ยวข้องกับการ "ฟอกเงิน" ข้ามชาติโยงใยไปสู่ผู้มีอำนาจทั้งในไทยและกัมพูชา
ประเด็นใหม่ที่ทอม ไรต์ เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา คือ เอกสารลับ ที่กล่าวอ้างว่า เบน สมิธ อยู่เบื้องหลังบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ ที่ได้ลงนาม MOU กับรัฐบาลไทย เพื่อร่วมกันร่างกฎหมายการเงินดิจิทัลของประเทศไทย โดยได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านไอที 500 คน เข้าไปฝังตัวในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของไทยเพื่อขยายอิทธิพลและเข้าถึงระบบทางการเงินดิจิทัลของประเทศ โดยมีการสนับสนุนจากนักการเมือง และ ผู้มีอิทธิพลที่ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานที่กำหนดนโยบายด้านการเงินของไทยโดยตรง
กับคำถามที่ว่า มีหลักฐานว่าก่อนหน้านี้ เมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้เข้าครอบครอง บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งของไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยเชื่อมโยงกับ KuCoin ที่กระทรวงการยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ฟ้องร้อง ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านแพลตฟอร์ม แล้วทำไมทางการไทยถึงไม่ดำเนินการ
...
ทอม ไรต์ ได้ชี้เป้าไปที่บุคคลคนหนึ่งที่เคยเป็นผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ในไทย รับรู้ถึงการเปลี่ยนมืออย่างผิดกฎหมาย และ บัดนี้บุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานของรัฐ ที่กำหนดนโยบายด้านการเงินของประเทศ จึงไม่แปลกใจที่เขาจะมีส่วนในการ “ดึงเช็ง” ไม่ให้การสืบสวนและคดีมีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทั้งที่หลักฐานชัดเจน
ในขณะที่ข้อสงสัย ว่า ความพยายามที่จะครอบครองส่วนในบริษัทพลังงานสัญชาติไทย มีไว้เพื่อแบ่งผลประโยชน์ใต้พิภพนั้น ทอม ไรต์ ชวนให้ตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่สแกมเมอร์ระดับโลกจะต้องมี นอกจากความคุ้มครองจากรัฐบาลในประเทศนั้นๆ แล้ว ต้องอาศัย Data Center ที่มีความมั่นคง ซึ่งต้องใช้พลังงานที่มีความเสถียร นั่นอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญว่าทำไม บริษัทพลังงาน จึงเป็นสิ่งที่เขาและเครือข่ายต้องการครอบครอง
ในขณะที่คนไทยจำนวนมากแสดงความหวงแหนดินแดน และ อำนาจอธิปไตยอย่างชัดเจนในช่วงที่ไทยเกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน ทอม ไรต์ ตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า แล้วการที่ไทย ยอมให้ธุรกิจรูปแบบ ทุนดำ หรือ Dark Capital เข้ามาซื้อนักการเมือง ซื้อบริษัทไทยอย่างผิดกฎหมาย แอบกำหนดนโยบายด้านการเงินอย่างลับๆ “อำนาจอธิปไตยของไทย” กำลังถูกท้าทายและตั้งคำถามอยู่หรือไม่?
ในฝั่งของนายเบน สมิธ ผู้ถูกกล่าวหา วันนี้ (21 พ.ย.) มีรายงานว่า ที่ สน.สำเหร่ นายชูชาติ กันภัย หรือ ทนายตุ๋ย ทนายความของนายเบน สมิธ ได้รับมอบอำนาจให้เข้าแจ้งความเอาผิดนายทอม ไรต์ ในคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังพาดพิงใส่ความให้เสียหาย และฟ้องแพ่งในข้อหาหมิ่นประมาทกับนางสาวสฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ ที่มีการแชร์และโพสต์ข้อความนายทอม ไรต์อย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยันว่านายเบน สมิธไม่ใช่บุคคลสาธารณะที่ถูกวิจารณ์ได้ และไม่ได้ทำธุรกิจสแกมเมอร์ หรือมีการฟอกเงินตามที่โดนกล่าวหา
ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นยังเป็นข้อกล่าวหา ที่ยังต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งถ้ามีข้อชี้แจงเพิ่มเติม ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ จะนำมาเสนอต่อไป