ดับฝันกัมพูชา รองแม่ทัพภาคที่ 2 เล่าเวียดนามถมทะเลเชื่อมเกาะ ปิดทางเดินเรือกัมพูชา ข้ามไปเกาะฟู้โกว๊ก เส้นทางเศรษฐกิจสำคัญ
“พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์” รองแม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 68 ว่า การสร้างถนนข้ามทะเลปิดกั้นทางเข้าคลองฟูนันเตโชของเวียดนามที่เมืองห่าเตียน กับความชอกช้ำซ้ำสองของเขมร ประวัติศาสตร์ตั้งแต่ต้นจนจบของข้อพิพาทในอ่าวไทยระหว่างเขมร-เวียดนาม
ยาวหน่อย แต่ถ้าอ่านบทความนี้แล้วจะเข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบครับ
เวียดนามมีความคิดที่จะสร้างถนนหรือสะพานจากแผ่นดินใหญ่เพื่อข้ามไปเกาะฟู้โกว๊กมาสักระยะแล้วล่ะครับ แต่ก็น่าจะติดเรื่องงบประมาณ จึงทำให้โครงการนี้ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงเรื่องความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ก่อนจะไปเรื่องการถมทะเลสร้างถนนข้าม ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ของพื้นที่แถบนี้ก่อนแล้วจะรู้ว่าเขมรโดนดอกนี้เข้าไป
ย้อนไปตลอดช่วงเวลาของอาณาจักรอยุธยา ซึ่งตรงกับเขมรช่วงท้าย ๆ ยุคพระนครและยุคหลังพระนคร เขมรเป็นรัฐที่อ่อนแอและส่วนมากจะอยู่ภายใต้อำนาจของฝ่ายอยุธยามาโดยตลอด
ช่วงเวลาที่อยุธยาอ่อนแอ เขมรก็อาจจะพอหายใจหายคอได้บ้าง แต่เมื่ออยุธยาเข้มแข็ง เขมรก็ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของอยุธยาเช่นเดิม
เวียดนาม รัฐทางตะวันตกซึ่งเริ่มมีอำนาจกล้าแข็งขึ้นมา โดยเฉพาะช่วงปลายอยุธยาจนไปถึงช่วงต้นรัตนโกสินทร์ เวียดนามเริ่มเข้ามามีบทบาททางการเมืองในเขมร
เมื่อสองรัฐใหญ่หวังที่จะมีอิทธิพลเหนือผลประโยชน์ในเขมร
จึงเกิดเป็นสงครามระหว่างไทย-เวียดนามในหลายช่วงเวลา (ซึ่งผมจะขอเขียนอีกบทความครับ เกี่ยวกับมุมมองของผมต่อเขมรกับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เวียดนาม แต่ต้องแยกบทความเพราะมันจะยาวเกินไป)
ตัดไปที่เมืองห่าเตียน
...
ในปัจจุบัน (ซึ่งเป็นเมืองต้นทางที่สร้างถนนข้ามทะเล) จริง ๆ แล้วในอดีตเมืองนี้เป็นของเขมรมาก่อนและมีชื่อพุทไธมาศ ซึ่งทางไทยเรียกว่า บันทายมาศ
มีพ่อค้าชาวจีนเข้ามาตั้งรกรากโดยขอทำการค้า จนเมืองพัฒนาและขยายเป็นเมืองท่า มีอำนาจทั้งทางการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจ ในพื้นที่แถบนี้
ตลอดช่วงเวลาความขัดแย้งระหว่างไทย-เวียดนาม เมืองห่าเตียนบางเวลาต้องตกอยู่ในอำนาจฝ่ายไทย บางเวลาไปอยู่กับเวียดนาม (แต่โดยมากจะเป็นของเวียดนาม)
สงครามอันนัม (เวียดนาม) และสยาม (ไทย) หรือในชื่อ อานามสยามยุทธ จบลงด้วยการเข้ามามีอำนาจของเวียดนามและไทยเหนือดินแดนเขมรแบบยอม ๆ กัน จนถึงยุคล่าอาณานิคม ฝรั่งเศสเข้ายึดเวียดนามเป็นอาณานิคม
เมื่อเวียดนามชาติที่มีอำนาจเหนือเขมรคู่กับไทยถูกฝรั่งเศสยึดได้ ประเทศที่มีอำนาจเหนือเขมรหนึ่งเดียวคือไทย
เขมรเองเห็นช่องที่จะสลัดแอกจากไทย จึงขอไปเป็นดินแดนในอารักขาของฝรั่งเศสแทน และสุดท้ายฝรั่งเศสก็รวมเขมรเข้ากับลาวและเวียดนามกลายเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสที่ชื่อว่า อินโดจีนฝรั่งเศส
ในยุคที่ฝรั่งเศสปกครองทั้งเวียดนาม ลาว และกัมพูชา เป็นอินโดจีนฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสได้แบ่งเขตบริหารงานในอินโดจีนฝรั่งเศส แบ่งออกเป็น 5 ภูมิภาค ได้แก่
1 ตังเกี๋ย (ญวนเหนือ)
2 อันนัม (ญวนกลาง)
3 โคชินไชนา (ญวนใต้) เมืองห่าเตียนก็อยู่ในเขตนี้
4 กัมพูชา
5 ลาว
ส่วนเขตบริหารงานทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศส ระหว่างพื้นที่โคชินไชนา (ญวนใต้) กับ กัมพูชา ได้กำหนดให้ใช้ เส้นเบรวิเย่ (Brévié Line) ตั้งตามชื่อ ฌูล เบรวิเย่ (Jules Brévié) ผู้ว่าการอินโดจีนฝรั่งเศส
เส้นแบ่งนี้แบ่งเขตปกครองทางบริหารระหว่างกัมพูชาและโคชินไชนาให้ชัดเจนเท่านั้น (ไม่ใช่การแบ่งประเทศ)
ทำให้เกาะฟู้โกว๊ก เกาะเตียนไฮ่ ไปอยู่ในการบริหารงานของโคชินไชนาหรือญวนใต้
เวลาล่วงเลยไปนานประมาณหนึ่ง กระแสต่อต้านเจ้าอาณานิคมเกิดขึ้น ตามมาด้วยการทำสงครามปลดแอกที่นำโดยเวียดนามสู้กับฝรั่งเศส จนท้ายสุดฝรั่งเศสพ่ายแพ้ให้กับเวียดนาม ในสมรภูมิเดียนเบียนฟู
ฝรั่งเศสจำต้องลงนามในสนธิสัญญาเจนีวาในปี พ.ศ. 2497 หรือ 1954 ยุติการปกครองอาณานิคม โดยให้เอกราชแก่ลาว กัมพูชา และเวียดนาม โดยให้
1 ตังเกี๋ย (ญวนเหนือ) เป็นเวียดนามเหนือ
ส่วน
2 อันนัม (ญวนกลาง)
3 โคชินไชนา (ญวนใต้) เป็นเวียดนามใต้
โดยใช้เส้นขนานที่ 17 เป็นเส้นแบ่งเขตแดน
(ส่วน ลาวและเขมรก็ตามเขตปกครองเดิม)
และในตอนนั้นเส้นเบรวิเย่ จึงได้ถูกนำมาใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของกัมพูชากับเวียดนามใต้
จึงทำให้เกาะฟู้โกว๊กและเกาะน้อยใหญ่ทางตะวันออกและใต้ เช่น เกาะเตียนไฮ่ จึงตกเป็นของเวียดนามใต้
หลังจากเวียดนามเหนือได้รับชัยชนะเหนือสหรัฐฯ และเวียดนามใต้ ในสงครามเวียดนาม
เวียดนามเหนือยึดเวียดนามใต้สามารถรวมชาติได้สำเร็จ กลายเป็นประเทศเวียดนาม ทำให้เกาะฟู้โกว๊กและห่าเตียนซึ่งเดิมเป็นของเขมรแท้ ๆ กลายเป็นของเวียดนามอย่างเต็มตัว
เกาะฟู้โกว๊ก ซึ่งมีระยะทางห่างจากดินแดนเขมรเพียงสิบกว่ากิโลเมตร กลับกลายเป็นของเวียดนามซึ่งแผ่นดินใหญ่อยู่ห่างจากเกาะกว่า 40 กิโลเมตร
หลังจากนั้นช่วงที่เขมรแดงขึ้นครองอำนาจ เขมรแดงพยายามที่จะใช้กำลังโจมตีและยึดดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และเกาะฟู้โกว๊ก ซึ่งเขมรแดงถือว่าพื้นที่เหล่านี้เป็นของชนชาติเขมรมาก่อน คืนจากเวียดนาม
จนเป็นเหตุให้เวียดนามกรีฑาทัพนับแสนเข้ามาล้มรัฐบาลเขมรแดงและให้เฮงสัมรินและฮุนเซนขึ้นมาครองอำนาจแทน (พวกค่ายผู้อพยพต่าง ๆ ของเขมรที่เข้ามาอาศัยในไทยก็เกิดช่วงนี้แหละครับ)
...
ท้ายที่สุด เวียดนามและกัมพูชามีข้อตกลงร่วมกันในชื่อ ความตกลงว่าด้วย “น่านน้ำประวัติศาสตร์” (Agreement on Historic Waters) – 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2525 (July 7, 1982) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่กัมพูชายอมรับอย่างเป็นทางการว่าเกาะฟู้โกว๊ก เป็นของเวียดนาม
เกาะฟู้โกว๊ก เตียนไห่ จึงเป็นของเวียดนามตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้
มาที่เรื่องการสร้างถนนเชื่อมระหว่างเมืองห่าเตียนกับเกาะเตียนไฮ่ จริง ๆ แล้วชาวเวียดนามเองก็มีความคิดที่อยากจะมีเส้นทางเชื่อมระหว่างเกาะฟู้โกว๊กกับดินแดนใหญ่มาสักพักแล้ว
เนื่องจากการเดินทางไปยังเกาะฟู้โกว๊กในปัจจุบันมีสองทาง คือ ทางอากาศกับทางเรือ ซึ่งยุ่งยากและไม่สะดวกมากนัก ทางเรือต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2.5-3 ชั่วโมง ถ้าเรือเร็วก็ประมาณ 1.5 ชั่วโมง นี่ยังไม่รวมถึงสภาพอากาศ หากแปรปรวนก็จะอาจจะทำให้การเดินเรือนั้นช้าและยากลำบากขึ้น
เวียดนามเล็งเห็นศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ จึงมีแผนที่จะสร้างทางเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่และเกาะฟู้โกว๊ก แต่ติดด้วยงบประมาณสูง
ถึงอย่างไรก็ดี เวียดนามได้เริ่มโครงการสร้างถนนออกไปในทะเลมุ่งหน้าเกาะเตียนไฮ่ ซึ่งถนนเส้นนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคมนาคมระหว่างท่าเรือที่ชื่อว่า ท่าเรืออเนกประสงค์เมืองห่าเตียน กับแผ่นดินใหญ่
ผมเข้าใจว่าอนาคตต่อไปคงมีการต่อขยายจนถึงเกาะเตียนไฮ่ และจุดหมายปลายทางคือเกาะฟู้โกว๊ก
ซึ่งการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่นี้ก็จะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่แถบนี้ และหากสร้างสำเร็จจนถึงเกาะฟู้โกว๊กเมื่อไหร่ เชื่อว่าจะทำให้การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ขยายตัวอย่างมาก
มามองที่เขมร Mega project ของเขมรคือคลองฟูนันเตโช ซึ่งเป็นระบบคลองขุดที่จะเชื่อมการขนส่งทางน้ำระหว่างแม่น้ำโขง และอ่าวไทยเข้าด้วยกัน
...
ซึ่งหากโครงการนี้ทำสำเร็จ กัมพูชา ก็สามารถที่จะใช้ขนส่งสินค้าจากแม่น้ำโขงออกสู่ทะเลได้โดยที่ไม่ต้องผ่านเวียดนามอีกต่อไป เพราะในอดีตหากกัมพูชา จีน หรือชาติใดที่ต้องการใช้แม่น้ำโขงเป็นเส้นทางเพื่อออกสู่ทะเล ก็จะต้องผ่านเวียดนามทั้งสิ้น
โครงการนี้ไม่ได้เพียงแต่กระทบต่อเศรษฐกิจและอำนาจต่อรองทางการเมืองของเวียดนาม ยังคาดการณ์ว่าจะก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเกษตรกรรม เนื่องจากน้ำในแม่น้ำโขงจำนวนมากจะต้องถูกนำไปใช้ในระบบคลองฟูนันเตโชแห่งนี้
ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบต่อภาคการเกษตร การปลูกข้าวของเวียดนามตลอดจนปัญหาน้ำเค็มที่จะเข้ามาสู่พื้นที่การเกษตรหากไม่มีน้ำจืดจากแม่น้ำโขงไปดันน้ำเค็ม
สำหรับโครงการคลองฟูนันเตโช เวียดนามเคยขอให้กัมพูชามาร่วมพูดคุย เพื่อหาทางออก แต่กัมพูชาหาได้สนใจไม่
การสร้างสะพานและถนนเชื่อมเกาะฟู้โกว๊ก มองในมุมหนึ่งอาจจะดูเหมือนว่าเวียดนามกำลังดัดหลังกัมพูชาอย่างแรง เพราะเปรียบเหมือนกับการปิดกั้นเส้นทางเดินเรือที่จะเข้าออกคลองฟูนันเตโช
บางคนอาจจะคิดว่าเวียดนามจะถมทะเลสร้างถนนจนถึงเกาะฟู้โกว๊กในอนาคต แต่เท่าที่ผมหาข้อมูลมา ตรงไหนที่เป็นน้ำตื้นเขาจะถมทะเลทำถนน แต่ถ้าตรงไหนน้ำลึกก็จะทำสะพาน
ซึ่งแน่นอนครับพื้นที่ตรงนี้เป็นน่านน้ำของเวียดนาม การที่เรือจะแล่นผ่าน เวียดนามเองก็ต้องอนุญาต ยิ่งในอนาคตถ้ามีสะพานขวาง มันยิ่งต้องมีกฎระเบียบเยอะแยะยิบย่อยสำหรับการเดินเรือลอดสะพาน ทำให้การเดินเรือที่จะเข้าและออกจากคลองฟูนัน จะเกิดความไม่สะดวกหากผ่านทางเวียดนาม และเป็นการบีบให้เรือต้องแล่นผ่านเกาะของเขมร หัวเกาะฟู้โกว๊กทางเหนือแทน แต่ก็อีกแหละครับ มันแคบและไม่ได้สะดวก
เขมรคิดว่าจะใช้คลองฟูนันเพื่อหนีออกทะเลโดยไม่ผ่านอำนาจเวียดนาม แต่ยังไงเขมรก็ไม่สามารถหนีได้
...
การสร้างถนนในตอนนี้และสร้างสะพานในอนาคตเชื่อมแผ่นดินใหญ่และเกาะฟู้โกว๊กของเวียดนามจึงเป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่าเขมรไม่สามารถจะมีอำนาจเหนือรัฐทางใต้และตะวันออกของตนได้
ซึ่งต่างจากรัฐที่อยู่ทางเหนือและทางตะวันตกของเขมร นั่นก็คือประเทศไทย ที่มีท่าทีที่จะประนีประนอม และอ่อนต่อฝ่ายกัมพูชามาก บางครั้งดูมากจนเกินไป (ทำให้บางครั้งผมคิดว่าเวียดนามเอาเปรียบเขมร เขมรก็มาเอาเปรียบไทยต่ออีกที)
แต่การสร้างสะพานและถนนก็มีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งเวียดนามก็น่าจะต้องศึกษาให้ดี เพราะมันต้องมีเรื่องการเปลี่ยนทิศทางน้ำ ตลอดจนการกัดเซาะแนวชายฝั่ง
เอาจริงๆ คลองฟูนันเตโชมีแววว่าจะไม่ได้มีการก่อสร้างจริง เพราะจีนได้ลดการลงทุนในการก่อสร้างไปด้วยหลายเหตุผล จะให้ประเทศแบบ Scambodia ทำเองก็ดูแล้วโครงการคลองนี้อาจจะไม่ได้ไปต่อแน่นอน
ถึงอย่างไรก็ดี การสร้างถนนและสะพานของเวียดนามก็แสดงให้เห็นว่าเขมรไม่สามารถหลบหนีอำนาจของเวียดนามไปได้
เขมรช้ำสองรอบ
ครั้งแรก เสียทั้งเกาะ เสียทั้งเมือง
ครั้งที่ 2 โดนปิดกั้นทางทะเล
เวียดนาม
ครั้งแรกได้ทั้งเกาะ ได้ทั้งเมือง
ครั้งที่ 2 ได้พัฒนาประเทศ, เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และยังได้ปิดกั้นความอหังการเขมรไปในตัว