มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ บุกยื่นหนังสือ ก.เกษตรฯ ผลักดันแก้ไข พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ 3 ข้อสำคัญ เพิ่มโทษ-อำนาจเจ้าหน้าที่ หวังช่วยหมาแมวจรปลอดภัยมากขึ้น
วันนี้ (18 พ.ย. 68) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ (WDT) ได้เข้าร่วมประชุมและยื่นหนังสือ “โครงการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ และการเพิ่มประสิทธิภาพ บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการจัดการและดูแลสุนัข-แมวจรจัดอย่างยั่งยืน” ให้กับทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ
...
เนื่องจากทางมูลนิธิเล็งเห็นปัญหาของกฎหมายที่เข้มงวดไม่เพียงพอ ทำให้สัตว์จรจัดถูกทารุณกรรมอยู่เรื่อยมา ปัญหาการทารุณกรรมสัตว์และการเพิ่มจำนวนของสุนัข-แมวจรจัดในประเทศไทย ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบในด้านศีลธรรม ความปลอดภัย และสุขอนามัยภายในสังคม ถึงแม้ประเทศไทยจะมี พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองสัตว์ครั้งแรกของประเทศไทย แต่ปัจจุบันกลับพบว่าการใช้กฎหมายยังไม่สามารถป้องกันหรือยับยั้งการกระทำความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางภูริตา วัฒนศักดิ์ ประธานมูลนิธิและหัวหน้ากฎหมาย WDT อธิบายถึงการวิเคราะห์สภาพปัญหาและการบังคับใช้กฎหมาย พบว่ามีข้อจำกัดหลัก 3 ประการดังนี้
1. ข้อจำกัดของตัวบทกฎหมาย : โทษยังไม่สอดคล้องกับลักษณะความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และขาดกลไกให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้ายับยั้งการทารุณกรรมสัตว์ได้อย่างทันท่วงที
2. ข้อจำกัดของกลไกระดับท้องถิ่น (อปท.) : องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังไม่มีงบประมาณเฉพาะทาง ขาดสถานที่รับรองสัตว์ และบุคลากรที่มีความรู้ด้านสวัสดิภาพสัตว์ ทำให้การจัดการสุนัข-แมวจรจัด ยังไม่เป็นระบบ
3. ช่องว่างของการบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน : การดำเนินงานยังเป็นลักษณะแยกส่วน ขาดแนวทางและมาตรฐานเดียวกัน ส่งผลให้การคุ้มครองสัตว์และการดูแลสุนัข-แมวจรจัดไม่เกิดผลยั่งยืน
นางภูริตา เผยว่า จากเหตุการณ์ทารุณกรรมสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของที่ตนเคยเจอ มีการปรับเพียงแค่ 300 บาท ทั้งที่ตามกฎหมาย การทารุณกรรมสัตว์ต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำให้ประชาชนที่รักสัตว์ทั่วประเทศผิดหวังและเสียใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ขอความเมตตาจากผู้ใหญ่ เปิดการตั้งคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขกฎหมาย ให้มีโทษเพิ่มดังนี้
1. เพิ่มโทษจำคุกและค่าปรับ : จากเดิม จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท ปรับเป็น “โทษจำคุกเกิน 2 ปี” เพื่อให้คดีอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัด จากเดิมที่อยู่ในอำนาจศาลแขวง
2. กำหนดโทษขั้นต่ำในกฎหมาย : เพื่อสร้างมาตรฐานกลางให้ศาลใช้เป็นแนวทางในการลงโทษ ลดปัญหาการรอลงอาญาหรือบทลงโทษที่เบาเกินควร
3. เพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็น “พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.” : เพื่อให้สามารถออกคำสั่งเข้าช่วยเหลือ ตรวจยึด หรือดำเนินการเกี่ยวกับสัตว์ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้การช่วยเหลือสัตว์มีความรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
การยื่นหนังสือในครั้งนี้ เป็นการขอคำปรึกษาจากทาง รมช.เกษตรฯ เพื่อจัดทำร่างกฎหมายฉบับใหม่ และดำเนินการกับส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
...
นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรฯ พร้อมคณะ ได้รับฟังถึงปัญหาและสิ่งที่ทางมูลนิธิต้องการจะผลักดันและแก้ไข พร้อมให้ข้อเสนอแนะ โดยนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ที่ปรึกษา รมช.เกษตรฯ ได้ให้คำปรึกษาถึงการยื่นหนังสือว่า หากต้องการจะยื่นข้อเสนอ แนะนำให้ร่างกฎหมายและยื่นผ่านสมาชิกพรรคการเมืองไหนก็ได้ที่มีความสนใจในเรื่องนี้ และให้นำเรื่องนี้เข้าสู่สภา
นายอาดิลัน กล่าวว่า ตอนนี้มีกฎหมายอยู่ประมาณ 100 ฉบับ ที่รอการแก้ไขโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากต้องการให้แก้ไขโดยเร็วที่สุด ตามข้อบังคับของสภา กฎหมายนี้จะต้องถูกยื่นข้อเสนอโดยรัฐบาล โดยจะบรรจุเป็นกฎหมายด่วน และต้องนำเข้าพิจารณาทันที ฉะนั้น ทางมูลนิธิต้องร่างข้อเสนอให้กับทางพรรคการเมือง ขณะเดียวกันหากรัฐบาลเห็นด้วยกับร่างข้อเสนอ รัฐบาลจะนำเสนอให้กับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และร่างกฎหมายนี้จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาทันที
ขณะที่ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ให้คำปรึกษาอีกทางว่า สามารถเข้าไปยื่นข้อเสนอให้หน่วยงานที่ดูแลกฎหมายนี้เป็นหลัก ว่าต้องการให้กฎหมายฉบับนี้แก้ไขตรงไหน หากทางส่วนราชการตกลงแก้ไขตามข้อเสนอ จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพูดคุย จากนั้นส่วนราชการจะเสนอกลับมาให้ทางรัฐมนตรี หากมีมติเห็นชอบ ข้อเสนอก็จะถูกส่งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งตอนนี้ทางมูลนิธิยังไม่มีการร่างกฎหมาย จึงอยากให้ทางมูลนิธิดำเนินการในส่วนนี้ก่อน แล้วค่อยดำเนินการในส่วนต่อไป
...
ทั้งนี้ นายอามินทร์ กล่าวขอบคุณมูลนิธิ WDT ที่เข้ามายื่นข้อเสนอและขอปรึกษากับทางกระทรวง ทำให้ได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น กฎหมายฉบับนี้ถูกใช้มาแล้วเกือบ 10 ปี แต่ยังไม่ถูกใช้เท่าที่ควร สิ่งไหนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรฯ และกรมปศุสัตว์ ทางกระทรวงจะรับเรื่องและดำเนินการส่งเข้า ครม. ให้ ส่วนการแก้กฎหมาย จะฝากทางสมาชิกผู้แทนราษฎรยื่นเรื่องเข้าสภา และหารือในการแก้ไขร่วมกัน