"นักวิชาการ" ประเมิน 5 ฉากทัศน์ ศาลสูงสหรัฐฯ ตัดสินคดี "ภาษีทรัมป์" บังคับใช้ได้หรือไม่ รู้ผล มิ.ย.69 มองระงับปฏิญญาสันติภาพ ส่งผลสหรัฐฯ ใช้เจรจาการค้าบีบไทย แนะใช้แนวทางการเมืองการทูตกดดันกัมพูชา 

วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศาลสูงสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า รัฐบาลทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าโดยใช้อำนาจภายใต้กฎหมาย IEEPA (International Emergency Economic Powers Act) นั้นทำเกินกว่าอำนาจกฎหมายหรือไม่ โดยคาดว่า คำตัดสินของศาลจะออกมาในช่วงก่อนเดือนมิถุนายน ปีหน้า

รศ.ดร.อนุสรณ์  มองว่า ขณะนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และผู้ส่งออกประเทศต่างๆรวมทั้งผู้นำเข้าจากสหรัฐฯยังคงต้องเสียภาษีตามอัตรารัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บต่อไปจนกว่าศาลสูงจะมีคำตัดสินออกมา อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ถึง 5 ฉากทัศน์ ดังนี้

  • ฉากทัศน์แรก ศาลสูงตัดสินว่า ภาษีทรัมป์ทำเกินอำนาจของกฎหมาย สถานการณ์การค้าโลกดีขึ้น สงครามการค้าเบาลง ตลาดการเงินตอบสนองทางบวก สหรัฐฯขาดดุลงบประมาณเพิ่ม ขาดดุลการค้าเพิ่ม ดอลลาร์อ่อนค่า
  • ฉากทัศน์ที่สอง ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์ทำเกินอำนาจของกฎหมายโดยรัฐบาลทรัมป์หาช่องทางอื่นๆ ทางกฎหมายในเก็บภาษีนำเข้าแทน ผลกระทบต่อการค้าโลกและตลาดการเงินยังไม่ชัดเจน
  • ฉากทัศน์ที่สาม ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่อระบบการค้าโลกและตลาดการเงินโลกดำรงอยู่ต่อไปอีก 3 ปี ตลาดการเงินและนักลงทุนอาจตื่นตระหนก ตลาดหุ้นอาจปรับฐานลงแรงได้
  • ฉากทัศน์ที่สี่ ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์สามารถดำเนินการได้อย่างมีเงื่อนไข ความตึงเครียดทางการค้าอาจคลายตัวลงระดับหนึ่ง และ ต้องประเมินว่า เงื่อนไขต่างๆจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าแตกต่างไปจากข้อตกลงภาษีเดิมอย่างไรบ้าง
  • ฉากทัศน์ที่ห้า ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์ไม่สามารถดำเนินการได้และให้คืนภาษีให้กับผู้เสียนำเข้าก่อนหน้านี้ในทันที กระทบต่อค่าเงินดอลลาร์แรง เกิดปัญหาการบริหารงบประมาณของรัฐ

...

ก่อนหน้านี้ ศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568 โดยผู้พิพากษาเสียงข้างมาก 7 คนจากองค์คณะ 11 คน มีคำตัดสินว่า การออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายให้ไว้ และ ไม่ชอบด้วยหลักการแบ่งแยกอำนาจ เท่ากับ ฝ่ายบริหารไปก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติในการตรากฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ถ้าศาลสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ผลที่ตามมา คือ คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ทางการค้าในอัตราสูงต่อสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ จะถูกยกเลิกหมด

การอ้างอำนาจจากกฎหมาย IEEPA ทุกมาตรการตามคำสั่งประธานาธิบดีในการขึ้นภาษีจะถูกยกเลิกทั้งหมด ผู้นำเข้าที่เสียภาษีตามมาตรการขึ้นภาษีก่อนหน้านี้ สามารถเรียกคืนภาษีจากรัฐบาลได้ มาตรการกีดกันการค้าผ่านการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ หากถูกยกเลิกไปจะส่งผลดีต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลก ส่งผลบวกต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทย 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลทรัมป์ยืนยันเดินหน้านโยบายกีดกันการค้าและขึ้นกำแพงภาษีด้วยกลไกกฎหมายอื่นๆ การดำเนินการก็จะสร้างความไม่แน่นอนต่อการเจรจาต่อรองทางด้านการค้าและภาษีที่สหรัฐฯกำลังดำเนินการอยู่กับประเทศต่างๆ  ส่งผลต่อธุรกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

คาดการณ์ว่า มาตรการกีดกันการค้า การขึ้นกำแพงภาษีจะยังไปต่อผ่านกลไกรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าและฐานะการคลัง แต่การขึ้นกำแพงภาษีอาจไม่ง่ายเหมือนเดิมเพราะเป็นไปได้มากขึ้นที่พรรครีพับลิกันจะแพ้เลือกตั้งกลางเทอม ประเมินว่า อัตราภาษีในการจัดเก็บอาจจะไม่สูงมากและกระบวนการในรัฐสภาต้องใช้เวลา

ความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการเปลี่ยนแปลงระบบการค้าเสรีของโลกจากระบบ Rule-Based เป็น Deal-based อาจมีอุปสรรค ระบบการค้าเสรีแบบพหุภาคีอาจฟื้นตัวขึ้นจากกลไกการถ่วงดุลของศาลต่อฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกา ภาวะดังกล่าวย่อมส่งผลดีต่อระบบการค้าโลกและการแตกขั้วของโลกาภิวัตน์จะเบาลง

ภาษีทรัมป์ และข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา 

รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า ความขัดแย้งชายแดนไทยกัมพูชาปะทุขึ้นอีกรอบ จากการไม่ปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพของกัมพูชา ลักลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ นำมาสู่การระงับข้อตกลงเรื่องสันติภาพของรัฐบาลไทย สหรัฐฯ จึงใช้การเจรจาทางการค้าไทยสหรัฐฯ เป็นเครื่องมือในการกดดันไทย สร้างความเสี่ยงต่อภาคส่งออกไทยและสร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจไทย

...

หากเกิดการปะทะกันและสงครามชายแดนจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สิน และ เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเสียหายอย่างหนักได้ จึงมีความจำเป็นต้องแก้ปัญหาโดยใช้แนวทางทางการทูตและการเมืองเป็นหลัก ตอบโต้กัมพูชาด้วยวิธีอื่นไม่ใช่ระงับปฏิญญาน่าจะเป็นผลดีมากกว่า

นอกจากนี้ ปฏิญญามีเรื่องเกี่ยวกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมหลอกลวงทางไซเบอร์หรือสแกมเมอร์ในกัมพูชา ทำให้เสียโอกาสในการแก้ปัญหาที่สร้างความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 

อย่างไรก็ดีความคืบหน้าล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ แจ้งขอระงับ (suspend) การเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว จนกว่าไทยจะให้คำมั่นว่าปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพ 

ตนได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ชี้แจงจุดยืนว่า ไทยมีความตั้งใจแยกแยะเรื่องชายแดนออกจากการเจรจาการค้า และไทยขอให้แยก 2 เรื่องนี้ออกจากกันเช่นกัน และไทยมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าเจรจาการค้าเสรีกับสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งพยายามใช้กลไกทวิภาคีหารือกับกัมพูชา ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความเข้าใจ รวมถึงรับปากที่จะไปพูดคุยกับผู้แทนการค้าฯ  

ขณะที่วันนี้ (17 พ.ย.) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และคลัง ยืนยันจะยังคงเดินหน้าการเจรจาตามกรอบเดิม มีเป้าหมายปิดการเจรจาให้ได้ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งการพูดคุยของผู้นำทั้งสองประเทศถือเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะไม่เชื่อมโยงการเมืองกับการเจรจาการค้า ในส่วนของเอกสารจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่ส่งมาก่อนหน้านี้นั้น น่าจะจัดทำขึ้นก่อนที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายจะหารือ จึงรอให้ท่าทีจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกส่งต่ออย่างเป็นทางการมายัง USTR ซึ่งสหรัฐฯ เองก็น่าจะต้องกลับไปหารือภายในก่อนส่งสัญญาณตอบกลับอย่างเป็นทางการอีกครั้ง 

...

การลงทุนไทยในกัมพูชา - FDI อาเซียนหดตัว

รศ. ดร. อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า การลงทุนของกลุ่มทุนไทยในกัมพูชาหดตัวอย่างชัดเจน การค้าตามแนวชายแดนหยุดชะงักสิ้นเชิง ขณะที่การลงทุนโดยตรง หรือ FDI ของโลกก็หดตัวต่อเนื่องสองปีเป็นตัวเลขสองหลักอันเป็นผลจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า มีผลทำให้ โลกาภิวัตน์แตกขั้ว

อย่างไรก็ตาม FDI ในอาเซียนยังคงขยายตัวเป็นบวก เมื่อปีที่แล้วอาเซียนรับ FDI รวมกว่า 2.25 แสนล้านดอลลาร์ ปัจจัยหนึ่งที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพราะเป็นภูมิภาคที่มีเสถียรภาพและมีความสงบเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น สงครามชายแดนระหว่างไทยกัมพูชาอาจทำให้ปัจจัยบวกของภูมิภาคลดลงอย่างมาก

ขณะเดียวกัน FDI ของโลกก็มุ่งอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น โครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์ข้อมูล Data Center ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด เป็นต้น การลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้ใช้ทุนเข้มข้น ใช้เทคโนโลยีเข้มข้นแต่มีการจ้างแรงงานน้อย ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้ คือ แรงงานใหม่อายุน้อยว่างงานเพิ่มในสังคมไทย

...

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ

แนะเร่งใช้บำนาญสูตร CARE

รศ. ดร. อนุสรณ์ ในฐานะ ประธานอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพฯ สำนักงานประกันสังคม กล่าวในช่วงท้าย ว่า รัฐบาลควรเร่งประกาศใช้บำนาญสูตร Care ก่อนยุบสภาโดยไม่ชักช้าเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูประบบสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสังคมสูตรใหม่

เมื่อมีการประกาศใช้ จะมีผู้ที่อยู่ในระบบบำนาญของสำนักงานประกันสังคมประมาณ 5.7 แสนคนได้บำนาญเพิ่มทันที ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น สูตรบำนาญ Care ไม่ใช่การเพิ่มบำนาญ แต่เป็นการคำนวณเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น 

สูตรคำนวณบำนาญแบบใหม่ Care คือ คำนวณจากค่าเฉลี่ยของเงินสมทบตลอดอายุการทำงาน ทำให้ได้รับเงินบำนาญสอดคล้องกับเงินสมทบ หลังเกษียณแล้วได้รับบำนาญ 5 ปีก็คืนทุน การคำนวณบำนาญชราภาพตามสูตร Care ยังเป็นไปตามมาตรฐานประเทศพัฒนาแล้ว