เปิดเมืองสแกมเมอร์ ใต้ปีกกะเหรี่ยงฯ DKBA ริมชายแดนไทยเมียนมา หลังถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร เหยื่อที่ถูกหลอกมาส่วนใหญ่เป็นแอฟริกา เปิดโปรไฟล์บริษัทคนไทยโดนคว่ำบาตร เจ้าของแจงไม่เกี่ยวสแกมเมอร์  

จากกรณีวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติของสหรัฐฯ (OFAC) ประกาศแถลงการณ์คว่ำบาตรบุคคลและบริษัทในเมียนมาและประเทศไทย ฐานมีส่วนเกี่ยวพันกับแก๊งสแกมเมอร์ โดยระบุว่า กลุ่มกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือ DKBA และบริษัทที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติของจีน ตั้งศูนย์สแกมในเขตชายแดนเมียนมา-ไทย เพื่อดูดเงินจากเหยื่อในสหรัฐฯ ผ่านการลงทุนปลอม โดยรายได้ที่ได้จากศูนย์สแกมเหล่านี้ยังถูกนำไปสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมายและความรุนแรงของ DKBA

ในแถลงการณ์ของ OFAC ยังระบุถึงการคว่ำบาตร บริษัท ทรานส์เอเชีย อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด (ทรานส์เอเชีย) บริษัทในแม่สอด ประเทศไทย, บริษัท ทรอธ สตาร์ จำกัด (ทรอธ สตาร์) ในประเทศเมียนมา และนายจะมู สว่าง (Chamu Sawang) สัญชาติไทย หรือที่รู้จักกันในชื่อ หยู เจี้ยนจวิน (Yu Jianjun) เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรมจีน และได้ร่วมมือกับ DKBA และกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ เพื่อพัฒนาศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้ 

บริเวณตรงข้ามบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
บริเวณตรงข้ามบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก

...

ส่องเมืองสแกมเมอร์ใต้ร่ม DKBA

แนทตี้-อรรวี แตงมีแสง เจ้าของเพจ Natty in Myanmar อดีตผู้สื่อข่าวสายอาเซียนที่เชี่ยวชาญในเรื่องประเทศเมียนมา เปิดเผยว่า สำหรับกลุ่มกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือ DKBA มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองสแกมเมอร์ ไท่ฉางทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี ฝั่งตรงข้ามบ้านช่องแคบ บ้านวาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก

ซึ่งหากเปรียบเทียบกับศูนย์สแกมเมอร์ขนาดใหญ่ริมชายแดน อย่าง “ชเวโก๊กโก่” หรือ “เคเคปาร์ก” ศูนย์สแกมเมอร์ใต้ DKBA อาจมีขนาดเล็กกว่า  

นอกจากนี้อาจไม่ได้อยู่รูปแบบเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กาสิโน แล้วแฝงสแกมเมอร์ แต่เปิดหน้าเป็นศูนย์สแกมเมอร์อย่างชัดเจน โดยมีลักษณะเป็นตึกไม่สูงมาก ขนาด 3-4 ชั้นตั้งอยู่เรียงกันหลายๆ แห่ง ต่างจาก ชเวโก๊กโก่ หรือ เคเคปาร์ก ที่จะมีตึกสูงระฟ้า ประดับไฟสว่างไสว

บริเวณตรงข้ามบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
บริเวณตรงข้ามบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก

ข้อมูลที่ได้รับทราบว่าเมื่อช่วงต้นปี 2568 พบว่าเหยื่อที่ถูกหลอกเข้าไปทำงานส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกัน เหยื่อคนไทยอาจไม่มากนักเมื่อเทียบกับเมืองสแกมเมอร์จุดอื่น 

สำหรับชายไทยที่โดนสหรัฐฯ คว่ำบาตร คาดเป็นชาวชาติพันธุ์ในไทย มีสัญชาติไทย สามารถพูดไทย จีน เมียนมาได้ โดยจากการสืบค้นพบข้อมูลเคยบริจาคให้กับโรงพยาบาล และสโมสรฟุตบอลในพื้นที่

สำหรับข้อสงสัยว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่ แนตตี้ อรรวี มองว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับชายที่ถูกพาดพิงคนนี้ด้วย เพราะยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดว่าเป็นเงินจากธุรกิจค้าขายจริงๆ หรือเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อาจต้องสืบเส้นทางการเงินต่อไป แต่ก็ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ไทยมีคำสั่งให้ตรวจสอบกรณีนี้แล้วหรือไม่

ทั้งนี้การคว่ำบาตรต่อบุคคลหรือองค์กรในเมียนมาที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์เกิดขึ้นโดยทั่วไป เช่น พ.อ.ชิตตู่ ผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง BGF และครอบครัว แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยังใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจต่อได้เป็นปกติ แต่นั่นเป็นเรื่องในประเทศเมียนมา แต่ในกรณีนี้มีชื่อและบริษัทของคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง

แนตตี้ อรรวี เปิดเผยด้วยว่า จากการลงพื้นที่บริเวณหน้าบริษัทดังกล่าว พบเป็นออฟฟิศในตึกแถว 2 คูหา ตั้งอยู่ใกล้บริเวณตลาดแม่สอด ซึ่งถือว่าอยู่ใจกลางอำเภอแม่สอด โดยพบว่าปิดไฟไม่เห็นคนเข้าออก เหมือนไม่ได้เปิดทำการอยู่ อย่างไรก็ดีไม่ทราบว่าภายในมีคนอยู่หรือไม่

แนทตี้-อรรวี แตงมีแสง เจ้าของเพจ Natty in Myanmar
แนทตี้-อรรวี แตงมีแสง เจ้าของเพจ Natty in Myanmar

...

คนไทยและบริษัทไทยที่ถูกคว่ำบาตร เป็นใคร?

ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท ทรานส์เอเชีย อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป มีสถานะเป็นบริษัทจำกัด จดทะเบียนเมื่อ กุมภาพันธ์ 2563 ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ตั้งอยู่ในตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ระบุเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขายส่งสินค้าทั่วไป รายชื่อกรรมการคือ นายจะมู สว่าง โดยในปี 2567 ข้อมูลผลประกอบการเบื้องต้น (ปีงบการเงิน 2567) รายได้รวม 8.4 ล้านบาท ขาดทุน 4.9 แสนบาท

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักข่าวสยามโฟกัสไทม์ รายงานว่า นายจะมู สว่าง นักธุรกิจค้าขาย 3 ประเทศ คือไทย จีน เมียนมา บริจาคเงินให้กับ รพ.แม่สอด 3 แสนบาท เพื่อปรับปรุงอาคารผู้ป่วยจิตเวช 

ล่าสุดวันนี้ (14 พ.ย.) นายจะมู สว่าง หรือ หมอจีน ชี้แจงว่า สมัยก่อนตนไปเช่าที่จริง แต่ทำไม่เป็น ขาดทุนและเสียหายสุดท้ายยกเลิกไป และที่ทำมามีการเสียภาษีถูกต้อง ซึ่งยกเลิกไปเมื่อ พ.ศ.2564 หรือ 4 ปีที่แล้ว หากยังคงเช่าอยู่ก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย จากนั้นจึงมาทำท่าข้ามได้ขออนุญาตถูกต้อง ในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด

...

นายจะมูกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง และตนไม่มีความผิดอะไร เหมือนกับถูกใส่ร้าย ไม่สามารถทำอะไรฝ่ายที่กล่าวหาได้เลย 

“ผมอยู่ที่ อ.แม่สอด มานาน 36 ปี ทำธุรกิจขายส่งเสื้อผ้าไปยังฝั่งเมียนมา และขณะนี้อายุมากแล้ว ไม่ได้ทำอะไร”

 อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบไปยัง สภ.แม่สอด ทราบว่าตำรวจยังไม่ได้สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นเพียงข่าว และไม่มีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการใดๆ