กองทัพเมียนมา เดินหน้ากวาดล้างสแกมเมอร์-ระเบิดตึกใน "เคเคปาร์ค"  ปฏิบัติครั้งนี้จริงใจ หวังสร้างภาพก่อนเลือกตั้ง หรือขัดผลประโยชน์ จีนเทาไม่จ่ายส่วย?    

วันนี้ (5 พ.ย.68) กองทัพเมียนมา เดินหน้าระเบิดตึกใน“เคเคปาร์ค”ศูนย์สแกมเมอร์ใน จ.เมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ต่อเนื่องเป็นวันที่ 13 หลังได้เริ่มต้นเปิดปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเข้าควบคุมพื้นที่ คุมตัวสมาชิกแก๊งสแกมเมอร์ ยึดอุปกรณ์ ซึ่งรวมถึงเครื่องมือเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียมสตาร์ลิงค์ (Starlink) ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX)

การกวาดล้างครั้งนี้ ส่งผลให้มีแรงงานสแกมเมอร์แห่หนีตายเข้ามายังประเทศไทย ล่าสุดอยู่ที่จำนวน 1,598 คน จากเกือบ 30 สัญชาติ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวและทยอยผลักดันกลับประเทศต้นทาง โดยจะมีการส่งตัวชาวอินเดียกลับชุดแรก 270 คนในวันที่ 6 พ.ย.นี้

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายออกมาตั้งคำถามถึงจุดประสงค์ของปฏิบัติการครั้งนี้ของ กองทัพเมียนมา ผู้ที่ขึ้นสู่อำนาจโดยการรัฐประหารเมื่อปี 2564 ว่าเป็นไปเพื่อกวาดล้างกลุ่มสแกมเมอร์อย่างแท้จริง หรือมีเป้าประสงค์ทางการเมืองหรือผลประโยชน์ทับซ้อนแอบแฝงหรือไม่ หลังเกิดขึ้น

...

“เคเคปาร์ค” อาณาจักรสแกมเมอร์ริมน้ำเมย

“เคเคปาร์ค” (KK-Park) เป็น 1 ใน 2 อาณาจักรสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ประชิดชายแดนไทย ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เรียกได้ว่ามีเพียงแม่น้ำเมยกั้นเท่านั้น โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองเมียวดีราว 45 นาที

เคเคปาร์ค เริ่มก่อสร้างในปี 2563 ในฐานะ “เมืองใหม่” โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน ก่อนกลายเป็นฐานอาชญากรรมออนไลน์ของกลุ่มจีนเทา เชื่อมโยงกับนายหวัน ค็อกคอย หรือ “ไอ้ฟันหลอ” หนึ่งในบอสแก๊ง 14K แก๊งอาชญากรจีนเทาขนาดใหญ่ระดับโลกซึ่งถูกทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ โดยตั้งอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวของกลุ่มสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union - KNU) กองกำลังชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหาร และกองกำลังกะเหรี่ยง BGF (Karen Border Guard Force - Karen BGF) ภายใต้การนำของ พ.อ.ชิต ตู่ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพ

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี เคเคปาร์ค และ ชเวโก๊กโก่ ศูนย์สแกมเมอร์ในคราบเขตเศรษฐกิจพิเศษอีกแห่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลไทยตัดไฟ-ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งแม้ทำให้การดำเนินงานของแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้ชะงักลงบ้าง แต่ก็กลับมาเดินหน้าต่อได้ เพราะมีการปั่นไฟใช้เองและหาแหล่งอินเทอร์เน็ตใหม่

จนมาถึงปฏิบัติการกวาดล้างครั้งล่าสุดของ กองทัพเมียนมา แถลงกล่าวหาว่า KNU ปล่อยให้เครือข่ายสแกมเข้ามาดำเนินการในเคเคปาร์ค และแกนนำของ KNU ค้ากำไรจากการเช่าที่ดินและอารักขาแก๊งสแกมเมอร์

ขณะที่ KNU ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ซอ ตอ นี หัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศ ตอบโต้ว่า รัฐบาลทหารทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมานานหลายปี แต่พอถูกนานาชาติกดดัน กลับพยายามโยนความผิดให้กับ KNU

สถานการณ์ล่าสุดที่เคเคปาร์ค

แนทตี้-อรรวี แตงมีแสง เจ้าของเพจ Natty in Myanmar อดีตผู้สื่อข่าวสายอาเซียนที่ติดตามเรื่องประเทศเมียนมาอย่างใกล้ชิด เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุดยังมีการวางระเบิดอยู่เรื่อยๆ เป็นระยะ แต่โซนที่โดนระเบิดมีการเคลียร์คนออกจากพื้นที่เกือบหมดแล้ว

ข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่ซึ่งควบคุมตัวคนที่หนีมา ทราบว่าในวันเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างมีการตัดไฟก่อน และบังคับให้คนที่ทำงานอยู่ในตึกเหล่านั้นเก็บของออกมาให้หมด ซึ่งคนที่ออกมาหลักๆ จำนวนหลักหมื่นพักที่ตัวเมืองเมียวดีเพื่อรอย้ายไปจุดอื่น บางส่วนก็ถูกกองทัพเมียนมาควบคุมตัว บางส่วนก็อยู่ระหว่างการหลบหนีไปในหลายเส้นทาง เช่น คิงส์โรมัน ฝั่งลาว  

ขณะที่บางส่วนหนีข้ามแม่น้ำมายังฝั่งไทยและถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ที่เกือบ 1,600 คน หลักๆ ผ่านสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 2 และอีกกลุ่มคือเตรียมรอเข้าชเวโก๊กโก่ ซึ่งต้องมีการจ่ายค่าเข้าเมือง-ค่าคุ้มกัน หากเป็นบุคคลระดับสูงในแก๊งยิ่งต้องจ่ายแพงเป็นหลักล้าน

...

“กลุ่มที่หนีข้ามมาไทยส่วนใหญ่เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการและคนที่ถูกหลอกไปทำงาน ส่วนระดับบิ๊กบอส ส่วนมากจะได้รับการดูแลจากกองกำลังในพื้นที่อยู่แล้ว”

แนทตี้-อรรวี แตงมีแสง เจ้าของเพจ Natty in Myanmar
แนทตี้-อรรวี แตงมีแสง เจ้าของเพจ Natty in Myanmar

เคเคปาร์ค อยู่ในพื้นที่ของใครกันแน่ ?

ปฏิบัติการครั้งนี้ กองทัพเมียนมา ร่วมมือกับกองกำลังกะเหรี่ยง BGF ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการของแก๊งสแกมเมอร์ในเคเคปาร์ค เกิดคำถามว่าเหตุใด BGF จึงเข้าไปในพื้นที่ของตนเอง และการกวาดล้างครั้งนี้เป็นสร้างภาพหรือไม่?

รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า กองกำลังหลักที่ดูแล เคเคปาร์ค คือ BGF แต่อาจมีเขตพื้นที่ควบคุมในบางจุดที่อยู่ภายใต้ KNU ซึ่งหากย้อนไปในเหตุการณ์ที่ KNU ร่วมมือกับกองกำลัง PDF (กองกำลังพิทักษ์ประชาชนของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ) เข้ายึดเมียวดี ก็ได้เข้ายึดอาณาจักรสแกมเหล่านี้ด้วยเช่นกันเพื่อสร้างความได้เปรียบทางทหาร ซึ่งในความเป็นจริงอาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยว 100% ตามที่กองทัพเมียนมากล่าวหา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า KNU ทุกคนจะขาวสะอาด

...

ขณะที่ แนทตี้-อรรวี ชี้ว่าพื้นที่นี้ทับซ้อนกันอยู่ของสองกลุ่ม มองว่าเป็นเรื่องการแบ่งผลประโยชน์ที่ลงตัวมากกว่า แม้ KNU จะออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ด้วยความที่ผลประโยชน์ในอาณาจักรสแกมเมอร์มหาศาลระดับแสนล้านบาท ก็ยากที่จะรู้ว่ามีกลุ่มไหนเข้าไปเกี่ยวข้องบ้างหรือมีเอี่ยวมากน้อยแค่ไหน บางทีอาจเป็นระดับลูกน้องแต่หัวหน้าอาจไม่รู้เรื่อง 

รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มธ.
รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มธ.

เป้าหมายแท้จริงของกองทัพเมียนมา?

รศ.ดร.ดุลยภาค มองว่า จุดเริ่มต้นการกวาดล้างครั้งนี้อาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกันทั้ง สาเหตุแรกอาจมาจากการขยับของมหาอำนาจ อย่างสหรัฐฯ และอังกฤษ ในการปราบปรามสแกมเมอร์กัมพูชา รัฐบาลทหารเมียนมาเลยอาจจะอยากปัดเรื่องนี้ให้พ้นตัวไปก่อนเพราะก็มีขบวนการเหล่านี้ดำเนินการอยู่ในประเทศเช่นกัน และกองทัพก็ถูกกล่าวหาว่าไม่ได้ปราบปรามเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดจริงจัง ปล่อยให้จีนเทาเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติ

...

“เรื่องนี้ทำให้เกิดผลดีหลายอย่าง หนึ่งคือทำให้ภาพลักษณ์ทหารเมียนมาดีขึ้นจากการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ สองคือพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาล และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ก็มีการฟื้นความสัมพันธ์กันมาสักระยะ การที่พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่ายมีผลงานเรื่องนี้ก็ถือเป็นการช่วยกำจัดหนึ่งในปัญหาที่สหรัฐฯ กังวล และอีกผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นคือเป็นการปูทางให้ทหารเมียนมาก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลทหารต้องการให้นานาชาติสนับสนุนหรืออย่างน้อยก็ไม่เข้ามาขัดขวาง”

แม้ว่าจะไม่ใช่การถอนรากถอนโคนตัวการใหญ่แต่ก็เป็นท่าทีและแนวปฏิบัติที่จริงจังขึ้น ที่อาจทำให้ สหรัฐฯ รวมถึง จีน ที่ต้องการให้มีการปราบปรามหรือส่งตัวจีนเทา พอใจกับภาพลักษณ์รัฐบาลทหารเมียนมามากขึ้น และไม่ให้เกิดความกดดันเหมือนอย่างที่เกิดกับกัมพูชา

รองลงมาอาจเป็นเป้าหมายการเมือง เห็นได้จากการที่กองทัพออกมาแถลงโจมตีว่า KNU มีเอี่ยวกับเคเคปาร์คทำให้กองทัพต้องเข้าไปกวาดล้าง ต่อสู้กับกิจกรรมที่เลวร้าย ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ก็ลดความชอบธรรมของกลุ่มต่อต้าน แต่ขณะเดียวกันทหารเมียนมาก็มีการปราบปรามอย่างจริงจังพอควร

“จะบอกว่ากองทัพเมียนมาสร้างภาพเฉยๆ ส่วนหนึ่งก็ใช่ แต่ก็ไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมด เพราะระเบิดที่ลงก็หนัก เพียงแต่ว่าไม่มีรายงานการจับกุมจีนเทาตัวท็อปๆ ออกมา อาจมีการตกลงให้หนีก่อน”

ในส่วนของอาณาจักรสแกมเมอร์จุดอื่นอย่าง ชเวโก๊กโก่ หรือ ไท่ฉาง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกกวาดล้างในอนาคต หากมีแรงกดดันมายังรัฐบาลมากขึ้น แต่หากในวันนี้แรงกดดันยังไม่รุนแรงมากนัก รัฐบาลทหารก็อาจคุยกับกลุ่มผู้ดูแลพื้นที่ซึ่งเป็นพันธมิตรได้

ด้าน แนทตี้-อรรวี มองว่า นอกจากข้อสันนิษฐานเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีก่อนการประชุมอาเซียนและการเลือกตั้ง หรือเป็นแรงสะเทือนจากการปราบปรามในกัมพูชา มีอีกหนึ่งทฤษฎีที่ได้รับฟังจากแหล่งข่าวอินไซด์หลายๆ ท่าน ว่าอาจเกิดจากการจัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัว ทางบิ๊กบอสจีนเทาไม่ยอมส่งส่วยให้รัฐบาลทหารเมียนมาหรือจ่ายให้ไม่ครบถ้วน เนื่องจากช่วงนี้จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการหาเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ที่ใกล้จะมาถึง

“เป็นสมมติฐานว่านี่อาจเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการบีบทุนจีนให้ยอมสวามิภักดิ์ เพราะเมื่อต้องมีการโยกย้ายคนหรือย้ายที่ทำธุรกิจ ต้นทุนก็จะเพิ่ม ก็อาจนับเป็นการรีดเงินทางอ้อมได้”

อนาคตของเคเคปาร์ค

รศ.ดร.ดุลยภาค มองว่า เคเคปาร์ค น่าจะซบเซาไปสักระยะหนึ่งแต่ไม่คงไม่สลายหายไป ต้องจับตาว่าจะมีการย้ายไปเปิดเมืองใหญ่ในเมียนมาหรือจุดอื่นในอาเซียนหรือไม่ แต่ถ้าหากสถานการณ์ดีขึ้นแรงกดดันน้อยลงก็อาจกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งก็เป็นได้ เพราะมีการวางโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายการลงทุนเอาไว้แล้ว

ขณะที่ แนทตี้-อรรวี มองว่า เคเคปาร์ค จะไม่หายไปไหน การระเบิดอาคารที่กำลังเกิดขึ้นกินพื้นที่ไม่ถึง 10% ซึ่งเป็นพื้นที่เพียงส่วนเดียวไม่รวมเขตต่อขยายเสียด้วยซ้ำ ตึกที่โดนทำลายก็เป็นตึกเล็กๆ ไม่ใช่ตึกขนาดใหญ่ที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง บางตึกตอนนี้ก็ยังเห็นเปิดไฟอยู่ 

“คนริมน้ำเมยยังแซวกันว่า ที่โดนระเบิดอาจเป็นสนามฟุตบอลหรือลานจอดรถก็ได้ แม้การระเบิดและเกณฑ์คนออกจากพื้นที่ทำให้ขบวนการสแกมเมอร์ถูกรบกวน เกิดความเสียหาย แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเชิงสัญลักษณ์มากกว่าการมุ่งเป้าทำลายล้างจริงๆ เพราะถ้ารัฐบาลทหารเมียนมาอยากทำเช่นนั้นก็มีศักยภาพที่ทำได้ และคงทำไปนานแล้ว ก็เรายังไม่เห็นความพยายามนั้น”