พายุคัลแมกี ฝนปนหนาว อากาศแปรปรวนจัด จับตาพายุฝนส่งท้าย 6 – 9 พ.ย. นี้ เปิดต้นเหตุฝนตกแช่สะสม ชี้อดใจรออากาศเย็น ถ้าไม่ผิดนัด มาแน่ 14 – 15 พ.ย. นี้
ข้อมูลจาก กรมชลประทาน ระบุว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกตอนบน และภาคอีสานตอนล่าง ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดตาก, กำแพงเพชร,นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, กาญจนบุรี, ราชบุรี, สุพรรณบุรี, นครปฐม และเพชรบุรี ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักและแม่น้ำสาขา โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. (3 พ.ย.68) ที่ผ่านมา ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,542 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่สถานี ct.25 แม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 216 ลบ.ม./วินาที ก่อนจะไหลมาสมทบบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนยกตัวสูงขึ้นอยู่ในระดับ +16.92 ม.รทก. โดยปริมาณน้ำจากทางตอนบนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักสะสมในช่วงที่ผ่านมา
...
กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ว่า พายุคัลแมกี (Kalmaegi) บริเวณทะเลจีนใต้ เคลื่อนเข้าสู่เวียดนามและลาวช่วง 6–7 พ.ย.68 นี้ จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าระวังระดับน้ำและติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น
จับตาพายุฝนตกแช่ ก่อนอากาศเย็นลงรวดเร็ว
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง สมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ที่ฝนตกหนักและเป็นลักษณะตกแช่เป็นเวลานาน เกิดจากการที่ลมเปลี่ยนทิศทาง ทั้งที่จริงต้นเดือนพฤศจิกายน จะต้องเป็นลมหนาวเข้ามาปกคลุม แต่ตอนนี้มวลอากาศเย็นยังไม่มาถึง ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ช่วงแรกก่อนเปลี่ยนถ่ายจากฤดูฝนไปฤดูหนาว
ปีนี้พ่วงด้วยปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีฝนตก และอาจทำให้ไทยยังมีฝนบางส่วนในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งหลังจากวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ฝนที่ตกหนักในภาคกลางก็จะเริ่มซาลง มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคใต้
ช่วงวันที่ 4 – 5 พฤศจิกายน 2568 ก็อาจจะมีฝนตกในบางพื้นที่ หลังจากนั้นฝนจะเริ่มซาลงไปในพื้นที่ภาคกลางและลุ่มน้ำเจ้าพระยา
...
พายุคัลแมกี สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้คือ พายุโซนร้อน “คัลแมกี” (KALMAEGI) ที่มีอิทธิพลในประเทศเพื่อนบ้าน และอาจมีอิทธิพลต่อไทยทำให้มีฝนตกช่วงวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568 ถ้าพายุลูกนี้เข้ามาไทยจะมีอิทธิพลทำให้พื้นที่ภาคอีสานมีฝนตกหนัก ก่อนที่จะมีอากาศเย็นลงในวันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2568
พายุโซนร้อน คัลแมกี ตอนนี้ยังเคลื่อนตัวอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกของฟิลิปปินส์ หากเคลื่อนตัวมายังทะเลจีนใต้อาจกลายเป็นไต้ฝุ่น โดยต้องรอดูว่าจะมีมวลอากาศเย็นเข้ามาปกคลุมไทยเพื่อป้องกันพายุฝนได้หรือไม่
“แรงกระตุ้นที่ทำให้อากาศแปรปรวน และมีแนวโน้มว่าฝนจะตกหนักก่อนเปลี่ยนเป็นอากาศเย็นอย่างรวดเร็ว มีตัวกระตุ้นมาจากลมตะวันออก และลมตะวันออกเฉียงใต้ ที่พัดมาจากทะเลจีนใต้มีความชื้น มีอิทธิพลจากลานีญาทำให้มีฝนตกต่อเนื่องในช่วง พฤศจิกายน – ธันวาคม ของปีนี้"
...