“ย่านลิเภา” วัชพืชไร้ค่า สู่สินค้าจักรสานระดับโลก ด้วยสายพระเนตร “สมเด็จพระพันปีหลวง” ฝึกอาชีพชาวบ้านจนเป็น “มรดกศิลป์แห่งแผ่นดิน”

การเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของปวงชนชาวไทย ที่ต่างโศกเศร้าและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ภาพแห่งพระเมตตา และพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์ต่อพสกนิกร ยังตราตรึงในความทรงจำของคนไทยตลอดหลายทศวรรษ พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินเคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรในทุกภูมิภาค ไม่ว่าพื้นที่นั้นทุรกันดารเพียงใด พระองค์ทรงมุ่งมั่นคลายความทุกข์ สร้างความสุขแก่ประชาชน


หนึ่งในโครงการสำคัญ สะท้อนพระราชปณิธานการสร้างอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิต คือ “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” มูลนิธิที่เกิดจากสายพระเนตรยาวไกล ทรงมุ่งหมายให้ราษฎรสามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างรายได้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น และรักษารากเหง้าวัฒนธรรมไทย

...

“ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทย มีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ชาวนา หรืออาชีพใด อยู่สารทิศใดคนไทยมีความละเอียดอ่อน และไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้เขาได้โอกาสฝึกฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็นได้”

มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้ต่อยอดงานศิลป์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นหลากหลายแขนง และสิ่งหนึ่งที่ทรงทอดพระเนตรเห็นคุณค่าด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล คือ “ย่านลิเภา” สมบัติล้ำค่าที่ธรรมชาติมอบให้แด่ชาวไทย


วัชพืชไร้ค่ากลายเป็นงานศิลป์น่าจดจำ


“ย่านลิเภา” หรือ “หญ้าลิเภา” เป็นพืชตระกูลเฟิร์นที่เลื้อยพาดพันไม้ใหญ่ มีความยาวราว 1–2 เมตร บางชนิดยาวถึง 5 เมตร พบมากในจังหวัดนครศรีธรรมราช สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

ในอดีต ชาวบ้านนิยมนำย่านลิเภามาประดับศาลา หรือโรงเรือนในงานบุญ เพราะใบมีสีเขียวคงทนอยู่นาน ส่วนเส้นใยของย่านลิเภามีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรง และไม่ถูกแมลงกัดกินง่าย เลยถูกนำมาสานเป็นของใช้พื้นบ้าน เช่น กระเป๋าหมาก เชี่ยนหมาก หมวก กล่องใส่ยาเส้น และขันดอกไม้ธูปเทียน

และยังมีการใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน แก้ไข้ บรรเทาปวดเมื่อย หรือรักษาอาการทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต ทางธรรมชาติช่วยรักษาสมดุลระบบนิเวศ เพิ่มความชื้นในอากาศ ปรับปรุงคุณภาพดินในพื้นที่ชุ่มชื้น



จากวัชพืชไร้ค่า สู่เครื่องประดับแห่งศิลปาชีพ


...

ครั้งหนึ่ง ย่านลิเภาถูกมองว่าเป็นเพียงวัชพืชปกคลุมสวนยางพารา ใช้เพียงเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดิน กระทั่งวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2524 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการศิลปาชีพด้านการจักสานย่านลิเภา” เพื่อฟื้นฟูภูมิปัญญาและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้

“ย่านลิเภานี้เป็นศิลปะเก่าแก่ของบรรพบุรุษเรา แล้วก็วัตถุดิบก็เกิดขึ้นเองภายในประเทศคือ ทางภาคใต้ที่ฝนตกมาก ลักษณะพิเศษของย่านลิเภา ถ้าแม้นว่าทิ้งให้แก่กับต้นแล้ว ใยของเขาจะเหนียวอยู่ได้เป็นร้อยปี โดยที่ไม่มีตัวแมลงมากัดกินเลย ฉะนั้นพูดได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเมืองไทย”


จากพระราชดำริดังกล่าว ย่านลิเภาจึงได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพและความประณีตมากยิ่งขึ้น ช่างฝีมือได้รับการฝึกอบรมให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่งดงาม จนกลายเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับอันทรงคุณค่า


...


จากผืนดินภาคใต้ สู่เวทีสายตาชาวโลก


ปี พ.ศ. 2566 ผลงานจักสานย่านลิเภาได้รับการกล่าวถึงอีกครั้ง เมื่อ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงถือกระเป๋าย่านลิเภาผลงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ในการเสด็จฯ พร้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เยือนสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน 


ภาพพระราชินีแห่งสยามทรงถือกระเป๋าจักสานจาก “ย่านลิเภา” บนเวทีโลก กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามแห่งศิลปะไทย สะท้อนภูมิปัญญา และพระราชปณิธานของ “สมเด็จพระพันปีหลวง”

...



แม้กาลเวลาจะผ่านไป จากวัชพืชไร้ค่า สู่งานจักสานย่านลิเภาที่ได้รับต่อยอดให้เข้ากับยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าถือแฟชั่น กล่องเครื่องประดับ ของฝากหรูหรา หรือของตกแต่งบ้านสะท้อนอัตลักษณ์ไทย โดยยังคงความงามประณีต และคงทนอยู่เช่นเดิม


ย่านลิเภาจึงมิใช่เพียงวัสดุจากธรรมชาติ แต่เป็น “มรดกศิลป์แห่งแผ่นดิน” ที่เกิดจากสายพระเนตร และพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของ สมเด็จพระพันปีหลวง มรดกที่บอกเล่าความงดงามของภูมิปัญญาไทย และควรค่าแก่การอนุรักษ์ สืบสาน และภาคภูมิใจตราบนานเท่านาน


แหล่งอ้างอิง

https://www.finearts.go.th

https://medthai.com

https://siamrath.co.th

https://radionarathiwat.prd.go.th

เพจ ศูนย์รวมตะวัน ณ กาญจนบุรี

https://www.chobmai.com