ประเมิน 3 ปมเหตุ “บุหรี่ไฟฟ้า” บึมคาปากชายวัย 47 ดับอนาถ คาดลัดวงจร-พกติดกระเป๋านั่งทับ ห่วงเกิดบ่อยขึ้นในอนาคต เป็นภาระงบเยียวยา 

จากกรณีวันที่ 18 ตุลาคม 2568 สภ.เมืองหนองบัวลำภู รับแจ้งเหตุพบศพชาย อายุ 47 ปี เสียชีวิตที่บริเวณฝายน้ำล้น บ้านกุดฉิม ต.นาคำไฮ อ.เมือง โดยมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ทั้งที่บริเวณใบหน้า มือ และหน้าอก พบชิ้นส่วนของบุหรี่ไฟฟ้าปะปนอยู่ในบาดแผลและร่างกายของผู้เสียชีวิต ผลชันสูตรชี้สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากแรงระเบิดของตัวแบตเตอรี่ในบุหรี่ไฟฟ้า

คาด 3 สาเหตุ บุหรี่ไฟฟ้าระเบิด 

นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านบุหรี่ไฟฟ้า วิเคราะห์ถึงการระเบิดของแบตเตอรี่ อาจเกิดจาก 3 สาเหตุดังนี้

1. ไฟฟ้าของแบตเตอรี่ภายในลัดวงจร

2. เกิดจากแบตเตอรี่ถูกกดทับ เช่น การใส่ในกระเป๋าแล้วนั่งทับ ทำให้แบตเตอรี่ผิดรูป ประจุไฟฟ้ารั่วไหลได้

3. แบตเตอรี่มีการใช้ซ้ำนานจนเกินไป ไม่มีการเปลี่ยนอุปกรณ์

เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ดังนั้นสินค้าเหล่านี้ไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานอุตสาหกรรม ไม่มีการรับรองความปลอดภัยอยู่แล้ว โอกาสระเบิดจึงเกิดขึ้นได้

ส่วนประเภทของบุหรี่ไฟฟ้าที่เกิดการระเบิด คาดว่าเป็น “บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง” ซึ่งเป็นประเภทที่น้ำยาและแบตเตอรี่จะหมดไปพร้อม ๆ กันไม่สามารถชาร์จใช้ซ้ำได้ ซึ่งมักจะออกแบบมาให้แบตเตอรี่มีมิลลิแอมป์ที่สูงเพื่อให้เพียงพอกับน้ำยา จึงอาจมีความเสี่ยง ซึ่งกรณีบุหรี่ไฟฟ้าระเบิดเกิดขึ้นบ่อยครั้งในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีประชากรใช้บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากกว่าไทย

...

“กรณีที่เป็นข่าว เป็นเคสที่ไม่อยากให้เกิดมากที่สุดเพราะอันตรายมาก เคสนี้เสียชีวิต แต่ถ้าไปดูตัวอย่างในสหรัฐฯ มีหลายเคสมากที่กลายเป็นคนพิการ มือขาด ปากแหว่งเพดานโหว่ กลายเป็นว่าคนเหล่านี้จะเป็นภาระทางงบประมาณที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินเยียวยาจากเหตุที่ไม่จำเป็นต้องพิการ”

“นิโคติน” ซ้ำเติมความรุนแรงในเด็ก พิษภัยทางสุขภาพ

นายพชรพรรษ์ เผยว่า แนวโน้มการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบคนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 11.44 เท่า จากเดิม 78,742 คน ในปี 2564 เพิ่มเป็น 900,459 คน ในปี 2567 โดยเกือบครึ่งเป็นเด็กและเยาวชน ทำให้เกิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าแพร่กระจายอยู่ทุกมุมของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ซึ่งอยู่รอบสถานศึกษารัศมี 300-500 เมตร 

ปัจจัยที่ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยม เกิดจากการแก้จุดอ่อนของ “บุหรี่มวน” ที่มีกลิ่นเหม็น มีภาพจำว่าเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง แต่บุหรี่ไฟฟ้ามีกลิ่นหอม ถูกทำให้การสูบกลายเป็นเรื่องปกติ เป็นหนึ่งในวิถีชีวิตโดยมีความสวยงาม มีเคส เป็นอุปกรณ์ตกแต่งบนร่างกายได้

ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เยาวชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า ทั้งที่จริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินมากกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากใช้นิโคตินสังเคราะห์ ต่างจากบุหรี่มวนที่ใช้นิโคตินจากธรรมชาติ รวมถึงการเติมแต่งกลิ่น สี รสชาติ ได้อย่างอิสระ เพื่อให้ผู้บริโภคใช้งานได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้บุหรี่ไฟฟ้ามีผลกระทบทางด้านร่างกายมากกว่า ทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร รวมถึงส่งผลต่อระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ การทำงานของภูมิคุ้มกัน และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและมะเร็งหลายชนิด

“บุหรี่ไฟฟ้าอาจไม่ได้แสดงอาการทันที โดยเฉพาะในคนที่แข็งแรงอาจไม่แสดงอาการเลย แต่ข้างในยังเจ็บป่วยอยู่ ยกตัวอย่างเคสนักมวยในอุบลราชธานีที่เสียชีวิตก็ไม่มีอาการ แต่ถึงจุดหนึ่งเขาเสียชีวิตเลยในทันที”

นายพชรพรรษ์ เผย มีงานวิจัยยืนยันว่าเด็กและเยาวชนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่เด็ก จะเกิดการติดความสุขจากการเสพนิโคติน เมื่อเด็กเหล่านี้เกิดความเครียด พวกเขาจะไม่พึ่งความสุขที่ได้จากธรรมชาติ แต่จะหันมาพึ่งความสุขที่ได้จากการเสพนิโคตินแทน ทำให้นำมาสู่ภาวะเครียดและซึมเศร้าในเวลาต่อมา นิโคตินจึงเป็น 1 ในต้นเหตุที่ทำให้ปัญหาความรุนแรงในเด็กไทยหนักขึ้นด้วย

พชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย
พชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย

...

บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางออกของการเลิกบุหรี่มวน?

นายพชรพรรษ์ เผยว่า ในประเทศอังกฤษเคยใช้แนวทางนี้ โดยบุหรี่ไฟฟ้าจัดอยู่ในเครื่องมือทางการแพทย์ที่วางขายอยู่ตามร้านขายยาทั่วไป เนื่องจากต้องการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยของการเลิกบุหรี่มวน โดยทางแพทย์จะเป็นผู้ปรับขนาดนิโคตินให้น้อยลงเรื่อยๆ ท้ายที่สุดคนไข้ก็สามารถหยุดการเสพนิโคตินจากบุหรี่มวนได้ 

แต่เมื่อบุหรี่ไฟฟ้าสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ส่งผลให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ทำให้อังกฤษเกิดปัญหาเยาวชนติดบุหรี่ไฟฟ้าเช่นเดียวกับไทยในตอนนี้ เนื่องจากใช้ผิดวัตถุประสงค์

แนะบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด

ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ 4 ฉบับ ได้แก่

1. ประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. 2557 ห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับ 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบสินค้าและพาหนะที่ใช้บรรทุก

2. พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ห้ามผลิตเพื่อขาย หรือขาย หรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

...

3. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ห้ามครอบครองหรือช่วยซ่อนเร้นจำหน่าย พาไปเสีย รับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 4 เท่าของราคาของ หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเขตปลอดบุหรี่ มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

นายพชรพรรษ์ มองว่ากฎหมายของไทยค่อนข้างดีอยู่แล้วและมีถึง 4 ฉบับ แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่การบังคับใช้ หากเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีก็จะทำให้ปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้าในไทยไม่ลุกลามมาจนถึงทุกวันนี้

“บุหรี่ไฟฟ้า 90% นำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นการปราบจึงง่ายมาก คือการซีลชายแดน ซีลด่านศุลกากรต่างๆ หากเราทำได้ดี เชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าแทบไม่ระบาด”

ทั้งนี้ในช่วงรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ที่มีการเดินหน้าปราบปรามก็พบว่าจำนวนลดลง มีการใช้กฎหมายเข้มงวดขึ้น โดยในสมัยก่อนการนำเข้าแต่ละครั้งจะเป็นล็อตใหญ่ แต่ปัจจุบันเลี่ยงโดยการนำเข้าเป็นล็อตเล็กๆ และซ่อนสินค้าให้แนบเนียนที่สุด เพื่อให้สินค้าผ่านด่านและนำมาขายต่อได้ ส่งผลให้ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าหาซื้อยากขึ้นและมีราคาสูงกว่าในอดีต

“ตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าราคาแพงขึ้นเท่าตัว แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการซื้อ แต่มีสินค้าน้อยลง สะท้อนว่าการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้ายากขึ้น”

ทั้งนี้หากต้องการเลิกบุหรี่แต่ไม่สามารถด้วยตนเองได้ สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาและรับยาเลิกบุหรี่ได้ที่คลินิกก้าวใหม่พลัส (พื้นที่กทม.) สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 หรือโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย