เขย่ากระทรวงมหาดไทย หลังมีคำสั่งโยกย้าย 45 ข้าราชการ ภูมิใจไทย เดินเกมสร้างแต้มอยู่ยาว ล้างบางราชการสายสีแดง นักวิชาการชี้ การเมืองแทรกแซง ระบบภายในยิ่งเสื่อม

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีมติเห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งสิ้น 45 ตำแหน่ง

การแต่งตั้งครั้งนี้ครอบคลุมตำแหน่งสำคัญ อาทิ รองปลัดกระทรวง อธิบดีกรม ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นการปรับทัพครั้งใหญ่ในหน่วยงานหลักของกระทรวง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถูกตั้งคำถามถึงกระแสข่าวว่า การโยกย้ายครั้งนี้มีนัยทางการเมืองระหว่าง “สีน้ำเงิน–สีแดง” หรือไม่ นายกรัฐมนตรีเพียงส่ายหน้าและตอบสั้น ๆ ว่า “ไม่มี”


...

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การโยกย้ายครั้งนี้เป็นการคืนความเป็นธรรมหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “ใช่” พร้อมระบุว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้เสนอรายชื่อโยกย้าย ตนเพียงนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า “ปลัดฯ ไม่ได้ปรึกษาตนก่อนหน้านี้” และทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมแต่งตั้งได้เพียงตำแหน่งปลัดคนเดียว”

ด้าน รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย รองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ของกระทรวงมหาดไทย อาจสะท้อนยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย “อยู่สร้างเพื่ออยู่ยาว” เนื่องจากมีนัยสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะการแต่งตั้งในช่วงใกล้เข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง และเปิดช่องให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม

“ส่วนใหญ่การโยกย้ายรอบนี้ถูกวิจารณ์ เพราะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามา อีกทั้งตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับสายงานมหาดไทย ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องจักรหลักของระบบราชการ การขยับตัวครั้งนี้จึงอาจเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้กับพรรคภูมิใจไทย”


โดยหลักการแล้ว การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2560 ซึ่งบัญญัติห้ามแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการประจำในช่วงที่มีการเลือกตั้ง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาดังกล่าวเริ่มนับตั้งแต่วันที่ประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ดังนั้นช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยดำเนินการแต่งตั้งโยกย้ายได้ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้ง

ปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบราชการไทยว่า “ระบบข้าราชการไทยมีลักษณะรวมศูนย์แต่แตกเป็นเสี่ยง” หมายถึง การตัดสินใจอยู่ในมือคนไม่กี่คน ขณะที่แต่ละหน่วยงานต่างยึดกฎหมายของตนเอง จนเกิดสภาพ “ต่างคนต่างทำ” หากโครงสร้างระบบราชการยังคงเป็นแบบนี้ ตนคิดว่าอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ของระบบราชการไทยในอนาคต


“ทุกวันนี้เรายังเห็นการแทรกแซงทางการเมืองอยู่เสมอ ทั้งในทางคุณและทางโทษ การแทรกแซงที่ให้โทษคือการโยกย้ายไม่เป็นธรรม ส่วนที่ให้คุณคือการโยกย้ายแบบอุปถัมภ์ มีพรรคพวกและเครือข่าย ทำให้ยากต่อการควบคุมและไม่สามารถกำกับอะไรได้ ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือระบบข้าราชการต้องมีการปฏิรูป เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการแทรกแซงทางการเมืองได้ง่าย”

...





...