เด็กเล่นมือถือนาน สายตาสั้นก่อนวัย หมอแนะ 3 เทคนิค เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่ควรใช้เวลาหน้าจอ เด็กอายุ 2-5 ปี ใช้เวลาหน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมง สุดท้ายอายุ 6 ปี ขึ้นไปไม่ควรใช้เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
กรมการแพทย์โดย รพ.เมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) มีความห่วงใยสายตาของลูกน้อยจากคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟนที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น อีกทั้งยังนิยมใช้เป็นสื่อหนึ่งในการเพิ่มทักษะต่างๆ ให้แก่เด็ก การใช้อุปกรณ์เหล่านี้มีข้อแนะนำเพื่อให้เด็กไม่เกิดปัญหาที่จะตามมาโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพของดวงตา เช่น อาการปวดศีรษะ ปวดตา ตาแห้ง เคืองตา และตามัว สายตาสั้นก่อนวัย รวมถึงภาวะจิตสังคมขาดสายใยผูกพันระหว่างคนในครอบครัวได้
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในยุคดิจิทัลโทรศัพท์มือถือไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสาร แต่ยังกลายเป็นสิ่งใกล้ตัวของเด็กๆ หลายครอบครัว ไม่ว่าจะใช้เพื่อความบันเทิง การเรียนรู้ หรือการติดต่อกับคนรอบข้าง อย่างไรก็ตาม การให้เด็กเล็กใช้มือถือนั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย โดยเฉพาะต่อ “ดวงตา” ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่กำลังพัฒนา หากปล่อยให้ใช้เกินความเหมาะสม ย่อมส่งผลเสียต่อสายตา สมาธิ การนอน และพัฒนาการทางร่างกาย การสร้างสมดุลด้วยการจำกัดเวลา พักสายตา และส่งเสริมการเล่นกลางแจ้ง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับสายตาและสุขภาพของเด็กน้อยในยุคดิจิทัล
...
นายแพทย์กิตติวัฒน์ มะโนจันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มว่า เด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญจากการที่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตใช้งานไม่ยากมีซอฟต์แวร์น่าใช้ดึงดูดการใช้งาน นอกจากนี้ผู้ปกครองยังนิยมใช้เป็นสื่อหนึ่งในการเพิ่มทักษะต่างๆ ให้แก่เด็กโดยอาจขาดความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ถึงโทษที่จะตามมาโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพตา พบว่าเด็กมักใช้เวลาวันละประมาณ 7 ชั่วโมงไปกับสื่อเอนเตอร์เทน ในด้านสติปัญญา การพัฒนาทางอารมณ์และสังคม พบว่าการใช้สื่อต่างๆ เป็นเวลานานส่งผลต่อความตั้งใจเรียนที่โรงเรียนลดลง พฤติกรรมการกินการนอนผิดไปและเกิดโรคอ้วนตามมา ปัญหาทางตาที่พบจากการใช้สื่ออุปกรณ์เหล่านี้ได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดตา ตาแห้ง เคืองตา ตามัว และเสี่ยงสายตาสั้นก่อนเวลาอันควร
แพทย์หญิงจิราภา ทรงเพ็ชร์มงคล แพทย์เฉพาะทางด้านจักษุวิทยาเด็กและตาเข กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแสงสีฟ้าที่พบได้จากมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ แสงสีฟ้ามีความกระเจิงแสงทำให้เกิดความไม่สบายตาในการมองและอาจมีผลต่อคุณภาพการนอนหลับ ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่า แสงสีฟ้าก่อโรคต่อดวงตาชัดเจน เพราะฉะนั้นแว่นตาตัดแสงสีฟ้าอาจจะมีประโยชน์ในแง่ช่วยให้มองภาพสบายตามากขึ้น มีคำถามว่าลูกน้อยควรใช้เวลาหน้าจอเท่าไรต่อวัน จักษุแพทย์แนะว่า หากเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่ควรใช้เวลาหน้าจอเลย และในช่วงอายุ 2-5 ปี ใช้เวลาหน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน และในช่วงอายุ 6 ปี ขึ้นไปไม่ควรใช้เวลาหน้าจอเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
สำหรับคำแนะนำในการดูแลลูกน้อยในขณะใช้หน้าจอ คือ 1. ควรพักสายตาเมื่อลูกน้อยใช้หน้าจอ โดยใช้หลัก 20-20-20 โดยพักจากหน้าจอทุก 20 นาที พักสายตาโดยมองวัตถุที่ไกลออกไปประมาณ 20 ฟุต และพักเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที 2. ปรับแสงสว่างให้เพียงพอ วางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ห่างประมาณ 25 นิ้ว ปรับหน้าจอความเข้ม ความสว่างให้พอดี 3. การใช้น้ำตาเทียม อาจมีประโยชน์สำหรับกรณีมีอาการตาแห้งร่วมด้วย
...
และ 4. ควรพบจักษุแพทย์ หากลูกน้อยมีอาการกระพริบตาบ่อย มองภาพไม่ชัด มีตาเข ปวดศีรษะ แต่ทั้งนี้เพื่อสุขภาพกายที่ดี ลดเสี่ยงสายตาสั้น และเพื่อให้เกิดการพัฒนาของสติปัญญา ทางจิตใจ อารมณ์ และสังคม แนะนำให้เด็กๆ มีกิจกรรมกลางแจ้งหรืออ่านหนังสือ และที่สำคัญสมองเด็กมีพัฒนาการที่เร็วมากในช่วงอายุ 2-3 ขวบปีแรก จึงควรให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ดีกว่าจอคอมพิวเตอร์ วิธีสังเกตถ้าเด็กในปกครองมีอาการ เช่น อาจจะบ่นปวดตาหรือแสบตา ตาแดง กระพริบตาบ่อย หรือเอามือขยี้ตา ควร รีบพบจักษุแพทย์ทันที