แถลงนโยบายวันแรก ฝ่ายค้าน-สว.อภิปรายเดือด “นายกฯ อนุทิน” ปมปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา จี้เร่งแก้ปัญหา-วางยุทธศาสตร์เชิงรุก เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
วันนี้ (29 กันยายน 2568) วันแรกของการแถลงนโยบายรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ถูกจับตามองจากทุกฝ่าย เมื่อสมาชิกรัฐสภาหลายคนลุกขึ้นอภิปรายประเด็นความมั่นคงชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้งเรื่องการใช้กำลังทหาร การปิดด่าน ไปจนถึงปัญหาเยียวยาประชาชนและข้อถกเถียงเรื่อง MOU พ.ศ.2543–2544 สะท้อนแรงกดดันที่รัฐบาลต้องเผชิญในการแก้โจทย์ใหญ่ซึ่งกระทบทั้งเรื่องอธิปไตยและความเป็นอยู่ของประชาชน
“จุรินทร์” เชื่อประชาชนเห็นด้วยกับการปิดด่าน
เวลา 11.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ตนเชื่อว่าประชาชนได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความรักชาติ รักแผ่นดินร่วมกัน และทราบแล้วว่าประเทศกัมพูชาเป็นอย่างไร
สิ่งที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าอยู่ทุกวันนี้คือ ใช้นโยบายการทหาร การเศรษฐกิจ การทูต ควบคู่กันไป โดยการทหาร ตนเชื่อว่าทุกคนในที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลฝ่ายค้านทุกคน ให้กำลังใจกองทัพและผู้เสียสละอยู่ในแนวหน้าทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น
...
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ตนเชื่อว่าทุกคนเห็นด้วยกับการปิดด่าน จนกว่ากัมพูชาจะหมดการเป็นภัยต่อความมั่นคงและการทูต เมื่อวานตนขอชื่นชมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กล่าวในเวที UN ว่าท่านทำได้ดี
“ชัชวาล” ทวงเงินเยียวยาประชาชน ลั่นรัฐบาลต้องเด็ดขาด อย่าปล่อยกองทัพรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียว
เวลา 13.36 น. นายชัชวาล แพทยาไทย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีประชาชนจำนวนมากที่ลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินเยียวยา จากเหตุการณ์การสู้รบกันตามแนวชายแดน ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด รวมแล้วกว่า 315,000 ครัวเรือน โดยคำถามที่สำคัญคือ ประชาชนเหล่านี้จะได้รับเงินเยียวยาเมื่อไหร่ และที่สำคัญที่สุดคือเหตุการณ์นี้จะมีการยุติลงเมื่อไหร่
ปัญหาความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ใช่ปัญหาที่กองทัพต้องรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยรัฐบาลที่เข้มแข็งและจริงจัง เนื่องจากประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้อดีตนายกฯ ต้องหลุดจากเก้าอี้มาแล้ว
กรณีพิพาทคดีบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่กัมพูชาบุกรุกพื้นที่กว่า 200 ไร่ และมีหลักเขตชายแดนชัดเจน แต่ทำไมรัฐบาลไม่บังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาด เสียงสะท้อนชัดเจนว่าประชาชนต้องการเห็นรัฐบาลแสดงท่าทีที่เข้มแข็งมากกว่านี้ หากกัมพูชายังบุกรุก ทางรัฐบาลต้องประกาศมาตรการที่ชัดเจน ไม่เพียงแต่การตั้งรับ แล้วรอให้เกิดการสูญเสีย ถึงจะเริ่มแก้ไข
สว. “นพดล” ย้ำประชาชนต้องรับรู้ข้อมูล MOU 43/44 ทุกมิติ ก่อนออกเสียงประชามติ
เวลา 14.11 น. ผศ.ดร.นพดล อินนา สว. กล่าวว่า หนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดของปัญหาชายแดน คือ MOU พ.ศ. 2543/2544 ซึ่งมีข้อถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวางถึงข้อดีและข้อเสียของการยกเลิกในครั้งนี้ ซึ่งวุฒิสภาได้มีมติตั้งกรรมการวิสามัญ เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซึ่ง MOU ที่ทั้ง 2 ประเทศตกลงร่วมกันนั้น จะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในส่วนของ MOU พ.ศ. 2544 เกี่ยวกับพื้นที่ไหล่ทวีปและการทับซ้อนทางทะเล ซึ่งต่างฝ่ายต่างลากเส้นเขตแดนทางทะเลที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนเป็นจำนวนมาก และมีการดำเนินการสวนทางกับแนวทางปฏิบัติในระดับสากล
กระบวนการที่ได้มาของ MOU ชอบรัฐธรรมนูญ ชอบด้วยกฎหมาย และเนื้อหาของ MOU ในทางปฏิบัติ ยังมีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหรือไม่ ในการจัดทำประชามตินั้น ประชาชนจะต้องได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนในทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเกี่ยวกับ MOU ทั้ง 2 ฉบับนี้ ซึ่งในส่วนของกรรมาธิการวุฒิสภา จะช่วยให้ข้อมูลต่อประชาชนอีกทางหนึ่ง
นายนพดล กล่าวต่อว่า เราต้องยอมรับความจริงว่าทั้งสองประเทศคือประเทศที่มีเขตแดนติดต่อกันกว่า 798 กิโลเมตร ไม่สามารถย้ายหนีไปที่อื่นได้ ตนเชื่อว่าหากรัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ประเทศไทยจะสามารถรักษาอธิปไตย มิตรภาพกับเพื่อนบ้าน และผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนไปพร้อมกันได้
...
“ศรีญาดา” ชู “รัฐบาลอิ๊งค์” รักษาสันติภาพตามหลักสากล จี้รัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์เชิงรุก
เวลา 14.40 น. ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความขัดแย้งยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและภูมิภาคอาเซียน กระทบการค้า การลงทุน และการพัฒนาชีวิตของพี่น้องประชาชนในประเทศไทย
ขณะที่กัมพูชาเดินเกมรุก สร้างสถานการณ์เพื่อยกระดับปัญหาชายแดนไปสู่เวทีระดับชาติ กล่าวหาไทยว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รุกล้ำพื้นที่อ้างสิทธิ์ ใช้อาวุธต่อพลเรือนกัมพูชา เพื่อสร้างภาพว่าไทยเป็นผู้โจมตีก่อน แต่แท้จริง กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกล้ำ ลอบวางทุ่นระเบิดสังหาร โจมตีโรงพยาบาลและพื้นที่ชุมชน จนมีเด็กและผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต
ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลของนางสาวแพทองธาร เน้นจุดยืนของประเทศ รักษาสันติภาพ เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศ ตามหลักมนุษยธรรมและข้อตกลงหยุดยิงในประชาคมโลกมาโดยตลอด
ทพญ.ศรีญาดา กล่าวต่อว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์การเมืองเชิงรุกที่ชัดเจน ต้องสื่อสารข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่องและจริงจัง