“แพทองธาร” เสี่ยงไม่ได้ไปต่อปมคลิปเสียงฮุนเซน “นักวิชาการ” มองแม้รอดศาลแต่สังคมไม่ยอมรับ สุดท้ายอาจต้องหลุดตำแหน่ง ชี้ “เพื่อไทย” อยู่ในภาวะสุกงอม เปลี่ยนตัวนายกฯ ยื้ออำนาจนานที่สุด จัดทัพรอเลือกตั้งใหม่

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้อง สว.ปมคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) และมาตรา 160 (4)(5) หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวนพยานบุคคล 2 ปาก คือนายกฯ แพทองธาร และ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ และนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค. 2568

ผศ.ว่าที่ ร.ต.จตุพล ดวงจิตร อาจารย์ประจำวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ว่า ในกรณีของนายกฯ แพทองธาร อยู่ในลักษณะค่อนข้างนามธรรม เพราะยังไม่เคยมีการตีความกฎหมายคำว่า “จริยธรรม” ในมุมนี้มาก่อน จึงต้องขึ้นอยู่กับว่าตุลาการจะตีความอย่างไร ซึ่งหากเปรียบเทียบกับอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กรณีนั้นมีการเขียนกฎเกณฑ์ไว้ชัดเจนในการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จึงชัดเจนว่าบกพร่องและต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯ

...

ผศ.ว่าที่ ร.ต.จตุพล มองความเป็นไปได้ คือ 60% หลุดจากตำแหน่งนายกฯ และ 40% ไม่หลุดจากตำแหน่ง และเสียงของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ออกมาเป็นเอกฉันท์ อย่างไรก็ดีจากมุมของประชาชนและนักวิชาการ ด้วยคุณสมบัติ ความเหมาะสม และวุฒิภาวะของนายกฯ แพทองธาร ไม่ว่าจะอยู่ต่อหรือหลุดจากตำแหน่งก็อยู่ในสถานะที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมแล้ว และโดยมารยาทเมื่อเทียบเคียงกับผู้นำหลายๆ ประเทศ แม้กระทั่งในระดับ สส. หรือรัฐมนตรี หากเกิดกรณีที่สังคมตั้งคำถาม ต้องมีการรับผิดชอบด้วยการลาออก 

ผศ.ว่าที่ ร.ต.จตุพล ดวงจิตร
ผศ.ว่าที่ ร.ต.จตุพล ดวงจิตร

พรรคเพื่อไทย ในขณะนี้หากเปรียบเป็นผลไม้ถือว่า “สุกงอม” หมายถึงการยอมรับ ความชอบธรรม และการบริหารจัดการไม่เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม ทั้งจากภาพลักษณ์ของตัวผู้นำเอง รวมถึงการที่ชินวัตรทั้งผู้พ่อและผู้ลูกต่างมีเงื่อนไขคดีความบนศาล และการบริหารจัดการเรื่องอำนาจและกลุ่มผลประโยชน์ในบางมิติที่ไม่สามารถคลายปมหรืออธิบายกับสังคมได้อย่างชัดเจน

ทางออกของเพื่อไทยมีไม่มาก คงต้องยื้ออำนาจต่อไปให้ได้นานที่สุด ในส่วนของเงื่อนไขการผ่านร่างงบประมาณก็คงผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในส่วนของเงื่อนไขการเลือกตั้งสมัยหน้าจะกลายเป็นโจทย์ใหญ่ในการวางเกมทางการเมืองของตระกูลชินวัตร หากวันนี้ผลีผลามปล่อยให้มีการพ้นสภาพ ยุบสภา ลาออกหรือกรณีอะไรก็ตามที่ทำให้หลุดจากอำนาจ คาดว่าการที่จะกลับมาได้คะแนนเสียงหรือได้ที่นั่ง สส.เท่าเดิม หรือพอสู้กับพรรคคู่แข่งนั้นเป็นไปได้ยากมาก

ดังนั้นฉากทัศน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในลำดับถัดไป หากนายกฯ แพทองธารหลุดจากตำแหน่ง คือ คุณชัยเกษม นิติสิริ น่าจะเป็นหมากสำคัญ แม้จะมีเงื่อนไขเรื่องของสุขภาพ หรือจุดด่างพร้อยอยู่บ้าง แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็น่าจะเป็นหมากที่ขึ้นมาขัดตาทัพก่อน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเกลี่ยผลประโยชน์ หรือจัดทัพสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้ทัน โดยมองว่าทางเลือกนี้เป็นไปได้เร็วที่สุด

“เบอร์นี้แหละ ไม่ได้ไม่เสียกับตัวของท่าน (ชัยเกษม) เอง กับตัวของผู้นำตัวจริงเองด้วย ขณะเดียวกันด้วยอนาคตทางการเมือง เบอร์นี้เหมาะสมที่จะแลกกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้”

...

ขณะเดียวกันหากผลคำตัดสินออกมาว่า นายกฯ แพทองธารไม่หลุดจากตำแหน่ง ก็คงทำหน้าที่ต่อไปได้ยาก เพราะโดยสถานะตอนนี้สังคมไม่ไว้วางใจ ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อประคับประคอง หรือในท้ายที่สุดก็อาจต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ อยู่ดี 

“อย่างวันที่จะไปให้ข้อมูลกับศาล ก็มีโจทย์อยู่ว่าท่านนายกฯ จะไปด้วยตนเองหรือไม่ เพราะคิดว่าด้วยคาแรคเตอร์ การแสดงออก หรือการให้คำตอบต่างๆ คิดว่าการเงียบ การไม่ให้ข้อมูลทางวาจาจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทุกๆ ครั้งที่นายกฯ อิ๊งค์ให้ข้อมูลกับสื่อ มันส่งผลย้อนกลับค่อนข้างแรง”

“คาดไว้ตั้งแต่ตอนที่คุณแพทองธารได้เป็นนายกฯ ในฐานะที่เป็นตัวแทนของคุณทักษิณ สิ่งที่จะถูกท้าทายอย่างมากคือเรื่องของวุฒิภาวะและประสบการณ์ ต้องเจอกับการใช้นิติสงครามในการจัดการหรือตรวจสอบ ซึ่งวันนี้มาถึงแล้วคือการใช้นิติสงครามกับพฤติการณ์และสิ่งที่เขาทำ”