หนุนไทย วางรั้วลวดหนามแนวชายแดน ผลักดันกัมพูชารุกล้ำ เผยที่ผ่านมาไทยยอมจนชาวบ้านกัมพูชาแอบมาตั้งบ้านตามกลยุทธ์ฮุนเซน แนะประกาศแนวสันปันน้ำฝ่ายเดียว ก่อนให้ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเข้ามาปักปันใหม่



พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาฯ สมช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการวางรั้วลวดหนามบริเวณรอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมองว่าการล้อมรั้วลวดหนามเป็นสิ่งที่ต้องทำ ที่ผ่านมาฝั่งกัมพูชามีความพยายามรุกล้ำพื้นที่ตลอดเวลา เริ่มต้นจากจุดที่พบว่ามีการรุกล้ำเข้ามาแล้ว รวมถึง 3ปราสาท และ 1 พื้นที่ เป็นจุดพิพาทที่อีกฝ่ายต้องการสร้างเรื่องขึ้นมา จึงจำเป็นต้องวางแนวให้ชัดเจน

...


“อย่างบ้านหนองจานที่มีหลักเขตอยู่ 2 ด้าน แต่ยังมีการรุกล้ำเข้ามา ซึ่งไม่ต้องทำทั้งหมด เพราะสิ้นเปลือง ให้วางลวดหนามเป็นจุดไป”


พล.ท.พงศกร ระบุว่า ปัญหาใหญ่คือเราไม่รู้เขตชายแดนที่แน่นอน จึงแนะนำให้ต้องประกาศแนวสันปันน้ำฝ่ายเดียวไปก่อน แล้วนำองค์กรระหว่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญในการสำรวจภูมิศาสตร์มาร่วมเป็นพยาน รวมถึงการใช้เครื่องมือเรดาร์ โดรน เลเซอร์ ดาวเทียม เพื่อขีดเส้นตลอดทั้งแนว อีกทั้งยังทำให้ทหารรู้ว่าจะเป็นเส้นเขตที่ไม่ให้ล่วงเลยซึ่งกันและกัน แต่หากพบก็ให้ผลักดันกลับไป จะมีข้ออ้างตามเส้นแนวที่ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาอลุ่มอล่วยกันจนไม่รู้ว่าเส้นแนวของใครอยู่ตรงไหนกันแน่ จึงต้องรีบทำเป็นอันดับแรก


ส่วนปัญหาและแรงกดดันในพื้นที่ชายแดน พล.ท.พงศกร ระบุว่า ตอนนี้ไม่ต้องสนใจแล้ว เพราะไม่ได้เป็นเพื่อนบ้านที่มีมิตรไมตรีต่อกัน ไทยจึงต้องทำแนวลวดหนามเพื่อให้เห็นเส้นเขตแดนที่ชัดเจนก่อน หลังจากนั้นก็ผลักดันไป อย่างบางจุด เช่น บ้านหนองจาน ที่มีหลักเขตแดนที่ชัดเจนอยู่แล้ว ก็สามารถผลักดันออกจากพื้นที่ได้เลย


สำหรับความเสี่ยงเรื่องพื้นที่ที่อาจมีทุ่นระเบิดติดตั้งอยู่ พล.ท.พงศกร บอกว่า โดยทั่วไปต้องไปรื้อทำลาย แต่ที่ผ่านมาทหารไทยใช้เครื่องตรวจระเบิดโลหะ จึงแนะนำให้ใช้โดรนที่มีระบบเรดาร์ยิงคลื่นกลับมา แล้วแสดงผลเป็นภาพไม่ใช่แค่เสียง ซึ่งสามารถเห็นเป็นรูปร่างของระเบิดได้

...



พล.ท.พงศกร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากัมพูชาก็รุกล้ำในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของฝั่งเขา โดยเฉพาะพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของไทย ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ จึงเกิดการรุกล้ำเข้ามา ส่วนพื้นที่บ้านหนองจานก็พบเห็นได้ชัดเจน เพราะเป็นที่โล่งธรรมดา เขาก็อุตส่าห์เข้ามา รวมถึง 3ปราสาท และช่องอานม้าที่ฝั่งกัมพูชาพยายามเคลมให้ได้ด้วย



...