ก่อนถึงการเจรจา GBC วันสุดท้ายระหว่างไทย-กัมพูชา ในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) ที่ประเทศมาเลเซีย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงใน จ.บุรีรัมย์ พูดคุยกับประชาชนที่มาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุความไม่สงบบริเวณชายแดน ประชาชนบางส่วนยังไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้
สอบถามนางแป้ง อายุ 64 ชาวอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางมาอาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม วันแรกที่มีเหตุการณ์ปะทะกันที่ชายแดน เล่าว่า เช้าวันดังกล่าวกำลังขายของอยู่ ก่อนได้ยินเสียงระเบิดตู้ม จึงรีบพากันออกจากพื้นที่ทันที โดยลูกสาวที่เป็นกู้ภัย พากลับไปเก็บของบางส่วนที่บ้าน ก่อนเดินทางมาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว
...
นางแป้ง กล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านแต่ยังกลับไม่ได้ ทั้งเป็นห่วงนา และสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้
“อยากให้เขาหยุดยิง เราจะได้กลับบ้าน อยากให้รัฐบาลปรองดองกัน ไม่อยากให้มีเหตุแบบนี้ เราต้องวิ่งจากบ้านจากเมืองออกมา ไม่อยากหนีมาอีกแล้ว ภาระมันเยอะ“ นางแป้ง กล่าว
นางแป้ง ยังเล่าว่าเหตุการณ์ปะทะในปีนี้ถือว่าหนักกว่าเมื่อปี 2554 ส่วนในชุมชนก็มีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเตรียมความพร้อมอพยพตลอดเวลา
สำหรับการรับเงินเยียวยาได้ลงทะเบียนตามที่เจ้าหน้าที่รัฐแนะนำแล้ว โดยได้รับแจ้งว่าจะได้เงินบ้านละ 3,000 บาท แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับ และไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไร ช่องทางไหน แต่มองว่าเงินจำนวนนี้คงไม่เพียงพอ อีกทั้งไม่ได้ทำงานมา 2 สัปดาห์แล้วหลังจากมาพักพิงที่นี่ทำให้ขาดรายได้
...
ประชาชนอีกส่วนหนึ่ง บอกว่าเจ้าหน้าที่ในศูนย์พักพิงดูแลเป็นอย่างดี มีอาหารการกินและสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม รวมถึงมีการทำกิจกรรมในทุกวัน สงสารเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติการอยู่ในแนวหน้า อยากให้ปัญหานี้จบเร็วที่สุดหากได้กลับบ้านในวันพรุ่งนี้เลยก็จะเป็นเรื่องที่ดี
นอกจากนี้ยังมีกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.นครราชสีมา มาลงพื้นที่เล่นดนตรีผ่อนคลาย และเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้พักพิง มีกิจกรรมร้องเพลงและสร้างบรรยากาศสนุกสนานให้กับชาวบ้านและเด็กๆ ในค่ายอพยพ