ย้อน 33 ปี พฤษภาทมิฬ ปี 2535 จุดเริ่มต้น “ม็อบมือถือ” สู่การสลายการชุมนุม ที่ยังทิ้งปริศนาถึงยอดผู้เสียชีวิตจริงมาถึงปัจจุบัน พร้อมตอกย้ำบทเรียนหลังการเลือกตั้ง พรรคที่ได้คะแนนสูงสุด แต่ไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาล

พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ด้วยอายุ 91 ปี เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 เวลา 01.57 น. เจ้าของวลี "เสียสัตย์เพื่อชาติ" ซึ่งนำสู่เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองบนหน้าประวัติศาสตร์ พฤษภาทมิฬ ระหว่างวันที่ 17-24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535

โดยประชาชนต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. ภายหลังผู้นำทหารยึดอำนาจจากนักการเมือง และเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ลงมาเล่นการเมือง แต่ในห้วงเวลานั้น "บิ๊กสุ” กลับนั่งเก้าอี้นายกฯ และนำสู่การบอบช้ำของคนไทยทั้งประเทศ

พล.อ.สุจินดา เป็นผู้นำคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เข้ายึดอำนาจการปกครองจากพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 จนกระทั่งหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 พรรคการเมือง 5 พรรค คือ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้สุจินดาเป็นนายกรัฐมนตรี

...

ก่อนหน้านั้น พรรคร่วม 5 พรรคประกาศสนับสนุนณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงข่าวว่า ณรงค์ วงศ์วรรณ ติดบัญชีดำ ถูกห้ามเข้าสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพัวพันกับขบวนการค้าสารเสพติด

พล.อ.สุจินดา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งกล่าวว่า "เสียสัตย์เพื่อชาติ" ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุจินดา ได้แต่งตั้งพลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช. ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยา ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงถูกคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม
ทำให้ร้อยตรี ฉลาด วรฉัตร อดอาหารประท้วง และพลตรี จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำการชุมนุมของประชาชนเพื่อเรียกร้องให้สุจินดา ลาออกเนื่องจากเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รสช.

เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ประชาชนเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมือง ระหว่างวันที่ 17-24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 นำไปสู่เหตุการณ์ปราบปรามและปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกับประชาชนผู้ชุมนุม มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

พลเอกสุจินดา คราประยูร แถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 44 คน บาดเจ็บ 1,728 คน และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อีกทั้งยังมีการตื่นตัวทางการเมืองจากกลุ่มชนชั้นกลาง จึงเรียกกันว่า “ม็อบมือถือ”

ในเวลาต่อมาในหลวง ร.9 ได้ทรงรับสั่งให้พลเอกสุจินดา คราประยูรและพลตรีจำลอง ศรีเมืองเข้าเฝ้าฯ โดยทรงพระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ซึ่งได้มีการเผยแพร่ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.)

จากนั้นอีก 4 วันพลเอกสุจินดา คราประยูร ได้ประกาศลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และนายอานันท์ ปันยารชุนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก่อนการเลือกตั้งในเวลาต่อมา