5 มิถุนายน : เมื่อเวลา 09.40 น. ที่ สะพานช้างโรงสี บริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม ถ.สนามไชย กรุงเทพมหานคร มวลชนกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และเครือข่ายกองทัพธรรม นัดรวมตัวเคลื่อนไหวแสดงพลังครั้งใหญ่ เพื่อทวงถามและเรียกร้องให้กระทรวงกลาโหม แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อปมปัญหาเขตแดน ความมั่นคงของชาติ ในกรณีสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาที่กำลังตึงเครียด นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ดร.ใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม ⁣

โดยกลุ่มมวลชนได้ถือป้ายข้อความต่างๆ และถือปี๊บแปะภาพ หน้าของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมป้อนขวดนมไปที่ปาก ⁣

ทั้งนี้นายพิชิต ไชยมงคล ได้กล่าวถึงการทำหน้าที่ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเสนอให้ใช้กลไกสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลด้านความมั่นคงโดยตรง มีบทบาทขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มากกว่านี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นายภูมิธรรม อาจจะเกรงใจความสัมพันธ์ส่วนตัว ระหว่างสองครอบครัว และระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร และสมเด็จฮุนเซนอยู่หรือไม่ แต่สถานการณ์ชายแดนวันนี้ ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว แต่เป็นความขัดแย้งที่อาจจะบานปลาย จึงมองว่าไทยต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจนมากกว่านี้ ⁣

...


โดย นายพิชิต ยังยืนยันอีกว่า กลุ่มคปท ไม่ได้ออกมากดดันกองทัพ แต่ต้องการสื่อสารไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพลเรือน ที่ขณะนี้มีท่าทีตกเป็นรองทางการเมืองฝ่ายกัมพูชา รวมทั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยแสดงท่าทีตอบโต้อย่างชัดเจนกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาปลุกระดมอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เขตแดนที่ยังตกลงกันไม่ได้ จึงมองว่า แม้ทิศทางทางการเมืองตอนนี้จะตกเป็นรองกัมพูชาแต่ทิศทางด้านความมั่นคง ต้องไม่ตกเป็นรอง⁣

พร้อมย้ำว่าจะจับตาการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ไทยกัมพูชาที่กรุงพนมเปญ 14 มิถุนายนนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ช่องบกจังหวัดอุบลราชธานี และเห็นว่าไทยต้องมีจุดยืนชัดเจน ก่อนที่จะไปเจรจากับกัมพูชา นอกจากนี้ยังเรียกร้อง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้อำนาจกองทัพ ตัดสินใจในพื้นที่ชายแดนมากกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมากองทัพได้เสนอมาตรการแก้ไขปัญหาชายแดนจัดเบาไปหาหนัก เช่นข้อเสนอความปิดการชายแดน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร⁣

ส่วนกองทัพมีท่าทีที่ดีแล้วแม้ว่าจะนิ่ง แต่ก็พร้อมรบ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางกองทัพมากกว่ากัมพูชา แต่ที่ผ่านมาฝ่ายการเมือง เป็นผู้ชักนำ และกองทัพก็ให้เกียรติฝ่ายการเมือง ดังนั้นในวันนี้ถึงเวลาที่ฝ่ายการเมืองต้องให้เกียรติกองทัพตัดสินใจ ⁣

โดยเชื่อว่าแผนที่กองทัพเสนอรัฐบาลมีหลายข้อแต่ถูกปฏิเสธไป และมองว่าหลังการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ อาจจะเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้องเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมใช้ กลไกของสภาความมั่นคง เข้าแก้ไขปัญหา ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มากที่สุด ⁣


จากนั้น คปท.ได้เคลื่อนไปแสดงจุดยืนที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ราชดำเนิน เพื่อให้กำลังใจ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ดูแลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และทวงถามบทบาทของกองทัพบก ในฐานะผู้พิทักษ์อธิปไตยและดินแดนไทย ว่าจะยืนหยัดต่อภัยคุกคามจากภายนอกได้หรือไม่