ไทยเผชิญแรงกดดัน ภายใต้ภูมิทัศน์มหาอำนาจที่เปลี่ยนไปจากเดิม "ภูมิธรรม เวชยชัย" มองแรงกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่รอบประเทศ ต้องใช้การเจรจากับจีน ตลอดจนการดำเนินนโยบายต่างประเทศกับสหรัฐอเมริกา
เมื่อวาน (4 มี.ค.68) ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี (TJA 70th Anniversary Talk) โดยมี "ภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ THAILAND VS GLOBAL โอกาสและความท้าทายในภูมิทัศน์โลก ว่า ที่ผ่านมาคนไทยเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์วันหนึ่งประมาณ 80 ล้านบาท เดือดร้อนกันไปทั่ว แต่จากการที่เราเท่าทันกับความเปลี่ยนแปลง ได้รับรู้และรับทราบภัยคุกคาม
การที่เราร่วมมือกัน 3 ประเทศ ไทย จีน เมียนมา เป็นการพูดคุยกัน 3 ประเทศ ไม่ใช่มาจากจีนกำหนด แล้วเราทำตามจีน แต่เป็นการพูดคุยกัน 3 ประเทศก่อนหน้านี้มาเป็นเดือน รัฐมนตรีความมั่นคงของจีน ได้คุยกับกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นทางผ่านของไทย ทั้งซีกตะวันตก ภาคเหนือ ลามมาถึงภาคตะวันออก ภาคใต้มีบ้าง แต่ต้องโผล่ไปที่มาเลเซีย ดังนั้น มีปัญหาทุกด้าน จึงได้ไปคุยด้วยทั้งหมด
...
คนที่เป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ จีนมีมากที่สุด รองลงมา แอฟริกา เอธิโอเปีย เคนยา แต่ในการส่งเหยื่อค้ามนุษย์กลับประเทศ เรากำลังประสบปัญหาในการลำเลียงคนเหล่านี้ออกยาก จึงกำหนดเงื่อนไขในการตรวจสอบ คัดกรอง ก่อนเข้าประเทศ ถ้าประเทศต้นทางพร้อมมารับ จึงจะให้เข้าประเทศไทย เพราะถ้านำเข้าประเทศแล้วไม่มีประเทศต้นทางมารับ จะต้องรับผิดชอบดูแล ซึ่งไทยไม่ใช่ประเทศที่ใหญ่ ไม่มีปัญญาทำแบบนั้น
“ยืนยันว่าเราทำละเอียดรอบคอบ ไบโอเมทริกซ์เราใช้หมด ไม่ต้องห่วง ไม่ทำผมติดคุกหมด ไม่ได้เป็นวาทกรรมที่ไปเที่ยวพูด และเราอนุมัติให้ประเทศต้นทางมารับ รีบทยอยเอาเหยื่อกลับไปให้หมด เพราะกลุ่มประเทศที่เป็นชนกลุ่มน้อย ตามแนวชายแดน เขารับไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาปล่อยคนเหล่านี้ เมื่อประเทศไทยมีช่องทางธรรมชาติค่อนข้างยาว ทำให้คนทะลักเข้ามาประเทศไทยทั้งหมด จึงสั่งให้รีบติดต่อทุกประเทศ
จีนยอมรับ จะเข้ามาทุกวันรับคนของเขาออก ยอดขณะนี้ 4,000-7,000 คน แต่จริงๆ อาจมีถึง 50,000 คน ซึ่งควรต้องออกไป รวมถึงประเทศในแอฟริกา ยุโรปตะวันออก ทั้งหมดยอดมหาศาล และสิ่งที่ต้องทำโดยเร็วจึงต้องนำออกไป”
“ทรัมป์” ผลกระทบไทยต้องเฝ้าระวัง
"ภูมิธรรม" เล่าต่อว่า ผลกระทบจากระเบียบโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนผู้นำมหาอำนาจ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็เป็นปัญหาแล้ว ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของประเทศมหาอำนาจที่มีการเปลี่ยนผู้นำ ส่งแรงสะเทือนไปทั่วภูมิภาค และกำลังกำหนดทิศทางใหม่ให้กับเศรษฐกิจโลกด้วย
รวมถึการเมืองระหว่างประเทศ และความมั่นคงในแต่ละภูมิภาค ผลของความเปลี่ยนแปลงจะทำให้แต่ละประเทศต้องเผชิญกับการเฝ้าระวัง
การพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆ และประคองจุดยืนของประเทศให้มีความสมดุล ขณะเดียวกันมีเสถียรภาพ มีการสร้างความเข้มแข็งในการจัดการปัญหาต่างๆ ของประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคง ท่ามกลางพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลไทยตระหนักดีถึงปัญหา ข้อเท็จจริง และเรากำลังดำเนินนโยบายที่สมดุล เพื่อช่วงชิงโอกาสและรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย
“การกลับมาของทรัมป์ มีผลสะเทือนถือเป็นจุดเปลี่ยนอย่างยิ่งของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะนโยบายเรื่อง American First กำลังถูกผลักดันอย่างเข้มข้น สหรัฐฯ ลดบทบาทในระบบพหุภาคี และหันมาเน้นการเจรจากับทวิภาคีมากขึ้น ใช้มาตรการภาษีนำเข้านโยบายกีดกันทางการค้า เป็นเครื่องมือหลักในการต่อรองกับประเทศอื่นๆ ทำให้เราอาจเผชิญเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งการลดดุลการค้า การลดการลงทุน แม้แต่การลดความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคง”
...
ความขัดแย้งทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน ก็กำลังรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ตนไปในทุกเวทีประเด็นหนึ่งที่ต้องคุยคือความขัดแย้งทางทะเลจีนใต้ ทะเลเกาหลี ในอาเซียน ภูมิภาคต่างๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจ และดำเนินการ แก้ปัญหากับมัน ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก ผลักดันให้บริษัทข้ามชาติจำนวนมากต้องปรับตัวกระจายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอื่นๆ