การจับกุม 3 ผู้ต้องหาในคดีฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน นำไปสู่การเปิดโปงแก๊ง Outlaw มาเฟียนอกรีต ที่สร้างอาณาจักรลับกลางเมืองพัทยา มีการตั้งข้อสังเกตว่ายังมีมาเฟียข้ามชาติอีกหลายกลุ่มที่ทำธุรกิจสีเทา และเรียกค่าคุ้มครองชาวต่างชาติอยู่ในพื้นที่ ซึ่งแหล่งข่าวคนมีสีในพื้นที่มองว่า กลุ่มมาเฟียเป็นเครือข่ายข้ามชาติ มีแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก สร้างอาณาจักรสีเทาที่กฎหมายไทยไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้

นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ หนึ่งในแก๊งอุ้มฆ่านักธุรกิจชาวเยอรมัน ที่มาอาศัยอยู่ในพัทยา จ.ชลบุรี เป็นเวลานาน จนรู้จักกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และเป็นระดับแกนนำแก๊ง Outlaw มาเฟียนอกรีต โดยมีการสร้างอาณาจักรธุรกิจสีเทา แผ่ขยายอิทธิพล จนอำนาจกฎหมายไม่สามารถเอื้อมถึง

แหล่งข่าวระดับสูงในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี กล่าวกับ ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า กลุ่มชาวต่างชาติที่มีปัญหาส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาในรูปแบบนักท่องเที่ยว แต่ใช้วีซ่านักธุรกิจ หรือ "วีซ่า รีไทร์เมนต์" คือ วีซ่าเกษียณอายุสำหรับชาวต่างชาติที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

...

กลุ่มมาเฟียข้ามชาติส่วนใหญ่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่อาณาจักรของตนเอง รวมกันเป็นกลุ่ม ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐยากในการเข้าถึงและตรวจสอบ หลายครั้งเมื่อได้เข้าตรวจ อาจจะไม่เจอหลักฐานที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการนำไปอำพราง หรือหลบซ่อน

สำหรับแก๊ง Outlaw มีพฤติกรรมเรียกค่าคุ้มครองชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่ ถ้าในอดีตมีกลุ่มที่ทำธุรกิจสีเทา เช่น ค้ายาเสพติด ค้าประเวณี บาร์เบียร์เถื่อน ปัจจุบันแก๊งเหล่านี้อาจพัฒนาไปมากขึ้นกว่าเดิม พอเกิดเหตุนี้ขึ้น ทางผู้ใหญ่ก็ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่พัทยา เริ่มตรวจสอบว่าชาวต่างชาติที่ตั้งกลุ่มเป็นแก๊งมีกี่กลุ่ม มีการทำธุรกิจประเภทใดบ้าง

ที่น่าสังเกตคือ กลุ่มมาเฟียข้ามชาติที่เข้ามาสร้างอาณาจักรส่วนใหญ่ เป็นเครือข่ายข้ามชาติ มีการตั้งกลุ่มและสร้างอิทธิพลอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก และมีการโยกย้ายเงินจากอีกที่มาเพื่อฟอกเงิน

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่พัทยากำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นแก๊งมาเฟีย และเตรียมขยายผลเข้าตรวจค้นในพื้นที่พักอาศัย ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในพื้นที่พัทยา ซึ่งเป็นแหล่งย่านธุรกิจ ส่วนพื้นที่เทศบาลเมืองหนองปรือ จ.ชลบุรี เป็นแหล่งที่พักอาศัย

จากข้อมูลพบว่า แก๊ง Outlaw เป็นหนึ่งในแก๊งมอเตอร์ไซค์ที่อันตรายที่สุด มีเครือข่ายกว่า 27 ประเทศทั่วโลก เหตุฆาตกรรมชาวต่างชาติครั้งนี้ยังคงหวังว่าจะมีการทลายกลุ่มแก๊งมาเฟียในพื้นที่พัทยา และทำให้พื้นที่ท่องเที่ยวปราศจากกลุ่มอิทธิพล ภายใต้กฎหมายไทยอย่างเท่าเทียม.