พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศชัดในการร่าง MOU จัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมือง ถึงการลงโทษนักการเมืองคอร์รัปชัน โดยให้ยุติการทำงานทันที เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ สำหรับผู้เชี่ยวชาญ มองว่ารัฐบาลชุดใหม่ ต้องนำเอกสารของภาครัฐ เปิดเผยผ่านระบบดิจิทัล ให้มีการตรวจสอบอย่างทั่วถึง เพราะที่ผ่านมา แม้มีการประกาศต่อต้านคอร์รัปชัน แต่มีกระบวนการปิดบังซ่อนเร้น ผ่านระบบราชการ

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวกับ ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า จากการแถลงร่าง MOU ของพรรคก้าวไกล และพรรคร่วม ระบุถึง แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยการสร้างระบบ และวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐในทุกหน่วยงาน ถือเป็นหัวใจของความโปร่งใส เพราะที่ผ่านมา เมื่อมีการตรวจสอบการทุจริต หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมักไม่เปิดเผยข้อมูล เพื่อช่วยเหลือนักการเมือง

“ทำให้ข้อมูลไม่ถูกเชื่อมโยง และผ่านการตรวจสอบอย่างโปร่งใส จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น องค์กรอิสระ และสื่อมวลชน ขณะเดียวกันประชาชนไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้ในทางเศรษฐกิจ เช่น หน่วยงานวางแผนว่าจะตัดถนนเส้นไหนบ้างในชุมชน เมื่อถูกปกปิดข้อมูล ชาวบ้านจะไม่รู้ แต่คนที่เป็นนักการเมืองจะรู้ และใช้ข้อมูล ช่องว่างในการทุจริตหาผลประโยชน์”

...

แม้มีกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลของรัฐ แต่กฎหมายนี้ล้าหลัง และไม่สามารถนำมาใช้ได้กับการตรวจสอบในปัจจุบัน ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ หน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ผ่านระบบออนไลน์ของรัฐ

สิ่งสำคัญในการปราบปรามการทุจริตของนักการเมือง เมื่อพบการกระทำผิด ต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เพราะที่ผ่านมา นักการเมืองมักบอกว่าตนเองสุจริต แต่มีกลไกการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย การแทรกแซงทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมไปถึงการโยกงบประมาณ เพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเต็มไปหมด

“เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น กว่า ป.ป.ช. จะชี้มูลความผิด ต้องรอ 1 - 3 ปี โดยเฉพาะคดีการคอร์รัปชันขนาดใหญ่ อย่างจำนำข้าว หรือสนามฟุตซอล ต้องรอตัดสิน 4 - 5 ปี ใช้เวลานานมาก ทำให้นักการเมือง ใช้อำนาจในการคดโกงต่อไปได้เรื่อยๆ จนทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย รู้สึกว่านักการเมืองที่คอร์รัปชัน ไม่ถูกลงโทษ ดังนั้น แนวทางแก้ไขที่ดี ควรพิจาณาให้หยุดทำงานก่อน โดยยังไม่ต้องคำนึงถึงช่วงเวลาในการตัดสินทางกฎหมาย จะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นได้”

สิ่งที่รัฐบาลควรทำอย่างแรก หลังจัดตั้งรัฐบาล ต้องมีการแถลงถึงแนวทางการกำจัดคอร์รัปชันของนักการเมืองให้เป็นไปในรูปแบบใด แม้ที่ผ่านมารัฐบาลบิ๊กตู่ มีการแถลงนโยบายปราบคอร์รัปชัน ต่อรัฐสภา เมื่อเข้ารับตำแหน่ง แต่ต่อมาก็มีกระบวนการปิดบังซ่อนเร้น และคอร์รัปชันตามมา จนประชาชนเริ่มเบื่อหน่าย

ขณะเดียวกัน หน่วยงานรัฐ ต้องมีการนำเข้าเทคโนโลยี ที่ช่วยในการตรวจสอบความผิดปกติ ของข้อมูล เพื่อช่วยให้เกิดการตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงการส่งเสริมให้องค์กรอิสระ สามารถตรวจสอบนักการเมืองได้ โดยไม่มีการแทรกแซงจากระบบเส้นสาย

จากข้อมูล คดีเกี่ยวกับคอร์รัปชัน ศาลตัดสินไปแล้วว่ามีความผิดจริง 470 คดี ที่ศาลสั่งรอลงโทษ สิ่งนี้คือความผิดปกติ เพราะผู้ที่ทำผิดฐานคอร์รัปชัน ติดคุกเพียง 15 - 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งได้ลดโทษ เลยทำให้นักการเมืองที่ทุจริตไม่เกรงกลัว แต่สิ่งที่ทำให้นักการเมืองประเภทนี้กลัวคือ การด่าประณามจากสังคม ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รังเกียจในสังคม และมีพลังมากกว่าการลงโทษทางกฎหมาย

โมเดลการป้องกันการทุจริตของนักการเมืองในอังกฤษ จะมีตำแหน่ง ที่ปรึกษาจริยธรรม ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยคอยแนะนำว่าอะไรที่กระทำเป็นการละเมิดจริยธรรม สิ่งใดสังคมไม่ยอมรับ เช่น การนำอีเมลส่วนตัวมาใช้ ในงานของราชการ ถือว่าเป็นการปกปิดข้อมูลอย่างหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้

...

ประเทศต้องเดินไปข้างหน้าท่ามกลางปัญหาต่างๆ แต่ถ้ามีปัญหาคอร์รัปชัน รัฐบาลที่ใส่ใจ พังไปโดยง่าย แต่ถ้ามีการแก้ไขอย่างจริงจัง จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ดังนั้นอย่าหลงกับอำนาจ จนทำให้เกิดคอร์รัปชันทางการเมือง.