หากคิดจะออกนโยบายประชานิยม ต้องมีแผนปลดหนี้ สร้างรายได้ และมีผลตอบแทนกลับเข้ารัฐเพื่อขับเคลื่อนประชานิยมด้วย มุมคิดจากทีมเศรษฐกิจไทยสร้างไทย...

"นโยบายประชานิยมต้องสัมพันธ์กับการสร้างรายได้" ฉะนั้นคำถามสำคัญสำหรับประเด็นนี้ คือ ในเมื่อแต่ละพรรคการเมืองแข่งขันกันนำเสนอนโยบายประชานิยมออกมาแล้ว มีแผนการสำหรับการหารายได้เพื่อการขับเคลื่อนนโยบายประชานิยมมากน้อยแค่เพียงใดโดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว วันนี้ “ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์” จึงขอไปสนทนาเพื่อตั้งคำถามนี้ กับ “นายสุพันธุ์ มงคลสุธี” อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย ถึงประเด็นสำคัญในเรื่องนี้

“นายสุพันธุ์ มงคลสุธี” อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย
“นายสุพันธุ์ มงคลสุธี” อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย

...

นโยบายเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย :

“นโยบายเศรษฐกิจที่พรรคไทยสร้างไทย จะมุ่งโฟกัสในการนำเสนอต่อประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ การแก้ไขปัญหาหนี้ และการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจต่างๆ เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น เพราะหากทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ ประชาชนก็จะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นเพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย และทำให้เกิดสภาพคล่องขึ้นในระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป”

วิสัยทัศน์เศรษฐกิจโลกปี 2023 :

“ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่นำไปสู่เงินเฟ้อ ได้ทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงแล้ว โดยสัญญาณที่สังเกตเห็นได้อย่างเด่นชัด คือ วิกฤติธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงการชะลอตัวของตัวเลขการส่งออกของประเทศไทย อย่างไรก็ดีผมอยากให้มองว่าในวิกฤติคือโอกาส เพราะความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน ได้ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากประเทศจีนไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย

ส่วนคำถามที่ว่าหลัง ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นไปแตะระดับ 4.75 - 5% จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหรือไม่นั้น ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า เฟด น่าจะหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว เนื่องจากเรตปัจจุบันต้องถือว่าสูงมากแล้ว อีกทั้ง เงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาเอง ณ เวลานี้ก็เริ่มชะลอตัวลงแล้วด้วย

สำหรับประเทศไทยในความเห็นส่วนตัวผม ขอคัดค้านการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สูงกว่าระดับ 1.5% ณ ปัจจุบัน นั้นเป็นเพราะ...ข้อแรกปัญหาเงินเฟ้อในประเทศไทยไม่ได้รุนแรงเหมือนสหรัฐฯ และยุโรป และถึงแม้จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างไร ก็คงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดที่อยู่ในระดับ 4.75 - 5% ได้ไม่ทันอยู่ดี

ส่วนหากเมื่อทำเช่นนั้นแล้ว ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอยู่บ้างนั้น ส่วนตัวมองว่า ไม่น่าจะมีปัญหามากนัก เพราะค่าเงินที่อ่อนลงจะไปช่วยเรื่องการส่งออกของไทยได้ อีกสถานะทางการคลังของไทยในปัจจุบันเองก็ยังแข็งแกร่งอยู่มากด้วย

ฉะนั้น แบงก์ชาติจึงไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกแล้ว เพราะการทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้ประชาชนที่ปัจจุบันมีรายได้น้อยและมีตัวเลขหนี้ครัวเรือนสูง ต้องแบกภาระหนี้มากขึ้น จนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้ ด้วยเหตุนี้ในความเห็นส่วนตัวผมจึงคิดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ณ ปัจจุบัน ถือว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสมดีอยู่แล้ว

สำหรับวิกฤติเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ ในความเห็นส่วนตัวมองว่า เกิดจากความเหลื่อมล้ำ โดยจะเห็นได้จากตัวเลขประชาชนที่มีรายได้น้อยขยายตัวมากขึ้น อีกทั้งยังมีหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศหลังการเลือกตั้ง ควรจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ของประชาชนเป็นลำดับแรก”

...

พรรคไทยสร้างไทย กับ นโยบายประชานิยม :

“สิ่งหนึ่งที่ผมมีความเป็นห่วงจนต้องกระโดดเข้ามาในการเมืองครั้งนี้ เป็นเพราะได้เห็นว่ามีการออกนโยบายประชานิยมออกมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่เห็นมีใครที่พูดถึงโครงการหารายได้ที่สามารถจับต้องได้และได้ผลอย่างจริงจัง เห็นมีแต่พูดถึงการพึ่งพาตัวเลขจากการส่งออกอย่างเดียว ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะสิ่งที่ต้องมองให้ออก คือ ในเมื่อมีนโยบายที่เป็นประชานิยมออกมาแล้ว สำคัญเลยคือ...มีวิธีการในการหารายได้มาได้มากน้อยแค่ไหน?

ซึ่งในส่วนของพรรคไทยสร้างไทยเองมีความมั่นใจว่า จะสามารถหารายได้มาใช้ในนโยบายเหล่านั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น การให้แต้มต่อกับธุรกิจ SME ให้มีความเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่าย ช่วยเหลือด้านเงินทุน ระบบภาษี การหาตลาดใหม่ๆ ให้ รวมถึงสนับสนุนจุดเด่นของไทย ในเรื่องภาคธุรกิจการเกษตรและภาคการท่องเที่ยวและบริการต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายสำคัญ คือ การหารายได้เพิ่มเติมสำหรับนำมาใช้กับนโยบายประชานิยมต่างๆ ของพรรคไทยสร้างไทย

ทั้งนี้ ส่วนตัวซึ่งมาจากภาคเอกชน และได้คลุกคลีเศรษฐกิจทั้งในระดับทั้งจุลภาค และมหภาคมาก่อน ยังมีความเชื่อมั่นด้วยว่าจะสามารถหารายได้จากโครงการต่างๆ ของพรรคไทยสร้างไทยเพื่อนำไปสู่การดึงให้เศรษฐกิจฐานรากกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งด้วย

...

การสร้างรายได้ กับ นโยบายประชานิยม :

“ประชานิยมควรจะเป็นประชานิยมที่จำเป็น และสามารถหมุนเงินประชานิยมเข้ามาสู่ในระบบได้หลายรอบ เพราะหากหมุนได้หลายรอบมันจะเกิดประโยชน์ และประชานิยมที่ออกไปมันต้องมีผลตอบแทนกลับมาภาครัฐ ก็อย่างที่ผมพูดเอาไว้ พรรคไทยสร้างไทยทำประชานิยมออกไปแต่ทุกคนต้องเข้ามาสู่ในระบบเพื่อให้เศรษฐกิจเกิดความหมุนเวียน และนำไปสู่การทำให้รัฐบาลแข็งแกร่งและนำเงินไปทำประชานิยมได้ต่อๆ ไป อย่างไรก็ดี โครงการประชานิยมต้องมีการแบ่งเป็นระยะสั้นและระยะยาว บางโครงการเป็นระยะสั้น บางโครงการเป็นระยะยาว เพื่อให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน”

ทีมเศรษฐกิจไทยสร้างไทย VS ฝ่ายการเมือง :

“ผมมาจากเอกชนนะครับ ฉะนั้นหากไม่อิสระผมไม่กระโดดเข้ามาสู่การเมืองแน่นอน และผมเชื่อว่า พรรคไทยสร้างไทยจะให้อิสระกับทีมเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ และนโยบายของพรรคที่ออกมาทั้งหมดก็มาจากทีมเศรษฐกิจและทีมฝ่ายการเมืองของพรรคช่วยกันคิดช่วยกันทำ ฉะนั้นทุกๆ นโยบายเมื่อออกมาแล้วต้องใช้ได้ ขับเคลื่อนได้ และเป็นผลประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างจริงจังแน่นอน” นายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย ปิดท้ายการสนทนา กับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยว

สร้างงานเพิ่มรายได้ การเมืองแบบพอดี ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย

รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ และแก้ของแพง หลักคิด ชาติพัฒนากล้า

แผนเศรษฐกิจ ชทพ. เกษตรผสม ก้าวหน้า เลิกประชานิยม

ไม่ประชานิยม เน้นความยั่งยืน โจทย์ทีมเศรษฐกิจ พปชร.