ขบวนการหลอกพาคนไทยไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ริมชายแดนประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีอยู่ เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่กำลังหางาน ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยจะต้องทำยอดให้ได้ตามเป้าแต่ละเดือน หากไม่ได้จะถูกซ้อมทรมาน ทำร้ายจนเสียชีวิต

ปฏิมา ตั้งปรัชญากูล ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) กล่าวว่า ขบวนการข้ามชาติหลอกพาคนไทยไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน เดิมจะมีมากในเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา แต่พอมีการกวาดล้าง ขบวนการเหล่านี้ ย้ายมาบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ติดชายแดนไทย แต่ขบวนการหลอกมีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งจะมีการประกาศเชิญชวนให้มาสมัครงานผ่านออนไลน์ โดยอ้างว่ามาทำธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือมาทำงานในบ่อน งานสบายได้เงินเดือนสูง 

กลุ่มคนที่ถูกหลอกส่วนใหญ่ เป็นคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ อายุตั้งแต่ 17-30 ปี หลายคนจบระดับปริญญาตรี กำลังหางาน พอมาเจอการสมัครงานบนออนไลน์ จึงหลงเชื่อ โดยระยะแรกจะมีการติดต่อสื่อสารกันผ่านกล่องข้อความและไลน์ ก่อนนัดเหยื่อให้มาพบบริเวณชายแดน จากนั้นพาข้ามแดนแบบผิดกฎหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติ กรณีนี้น่าสนใจว่า เจ้าหน้าที่รัฐน่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย

...

เมื่อไปถึงประเทศปลายทาง จะถูกบังคับให้โทรมาหลอกคนไทย หรือหลอกให้รักแล้วทำการดูดเงิน ที่ผ่านมาเคยคุยกับเหยื่อพบว่า แต่ละเดือนต้องทำยอดให้ได้ 1 ล้านบาท โดยยอดนี้มีการตั้งเป็นทีมประมาณ 6 คน แบ่งการทำงานให้คนแรกโทรมา เพื่อหลอกให้หลงเชื่อ หากเหยื่อยังไม่เชื่อใจ จะมีอีกคนโทรมาอ้างว่าเป็นตำรวจ หรือมีกระบวนการโน้มน้าวที่แตกต่างกันเป็นรายกรณี

สำหรับคนถูกหลอกไปทำงาน เดือนแรกจะจ่ายค่าแรงปกติ แต่พอเดือนต่อมาจะเริ่มหักค่ากินค่าอยู่ จนแทบไม่ได้รับเงินเดือน ถ้าทำยอดไม่ได้ตามเป้าหมายก็ถูกขัง ซ้อมทรมาน ขณะเดียวกันบางคนที่ต้องการกลับบ้าน ต้องหาเงินมาจ่ายค่าไถ่ประมาณ 9 หมื่น-2 แสนบาท ดังนั้นคนที่ต้องการกลับไทย ต้องทำงานชดใช้ค่าไถ่ให้ครบ ถึงจะถูกส่งตัวกลับมาได้

“ด้วยความที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย หลายคนต้องจำยอม แต่พอกลับมาประเทศไทย บางคนก็มีความผิด เพราะมีพฤติกรรมหลบหนีเข้าเมือง กระบวนการนี้เลยทำให้เหยื่อที่ถูกหลอกหลายคนต้องจำยอม”

สำหรับคนที่ถูกทำร้ายหนักสุด กรณีหนีออกมาขอความช่วยเหลือ จะถูกทำโทษร้ายแรง ด้วยการจับโยนลงมาจากตึกจนเสียชีวิต แต่มีบางคนถูกกักขังมา 4 ปี แล้วไม่สามารถออกไปไหนได้ เกิดอาการซึมเศร้าจนฆ่าตัวตาย ก็พบเห็นได้บ่อย

ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยยังไม่มีการแก้ปัญหา คนที่ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์จริงจัง ทั้งที่จริงควรออกมารณรงค์ให้ความรู้กับประชาชน ไม่ควรหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพ ที่อ้างว่าพาไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่มีที่อยู่บริษัท หรือหน่วยงานที่ต้องไปทำงานปลายทางที่ชัดเจน

ขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาต้องมีการประสานกันระหว่างประเทศในระดับภูมิภาค เพราะเป็นการค้ามนุษย์รูปแบบหนึ่ง แต่ที่ผ่านมามีเพียงการบังคับใช้กฎหมายหลบหนีเข้าเมือง ส่วนคนที่ถูกหลอกไป พอกลับมาก็ไม่กล้าไปแจ้งความ เนื่องจากตนเองสมัครใจไปตั้งแต่แรก

จึงอยากเตือนคนที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อว่า ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณาว่า ทำงานง่ายได้เงินวันละพันกว่าบาท และสามารถไปทำได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานยืนยัน หรือไม่ต้องเตรียมเอกสารในการข้ามแดน สิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง และไม่ควรหลงเชื่อบรรดากลุ่มมิจฉาชีพ.