ปฏิบัติการสยบตำรวจคลั่ง เกือบสูญเสียกำลังพลจากการถูกยิงบริเวณศีรษะ ในการเข้าจับกุมเมื่อเช้าวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา โชคดีที่หมวกกันกระสุน ช่วยชีวิตหน่วยอรินทราช 26 ถูกยิงเข้าที่หมวก 1 นัด หมวกเป็นยุทธภัณฑ์สำคัญ ออกแบบให้ทันสมัยด้วยวัสดุเบากว่าเดิม โดยหมวกดังกล่าว ออกแบบและผลิตโดยคนไทย ที่มีการส่งขายไปทั่วโลก

วิวรณ์ มีชูธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโวสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตยุทธภัณฑ์ เสื้อและหมวกกันกระสุน เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า การปะทะกันของหน่วยอรินทราช จนมีรอยกระสุนบริเวณหมวกจากด้านหลัง คาดว่า เจ้าหน้าที่ถูกยิงจากด้านหลังแบบเต็มๆ เพราะสีบนหมวกแตก จนเห็นหมวกด้านในปรากฏเป็นสีเหลือง คือ เส้นใยอะรามิด ได้รับการพัฒนาให้มีความทนทานสามารถป้องกันกระสุนได้ หมวกสมัยใหม่ไม่ได้ทำจากเหล็ก ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าหมวกเหล็กที่สวมใส่ในอดีต

“ลักษณะที่เกิดขึ้น กระสุนไม่ได้ฝังใน แสดงว่าระยะในการยิงอยู่ใกล้ เพราะกระสุนมีความแรง ถ้าอยู่ในระยะไกล วิถีกระสุนจะเริ่มหมุน และขุดเป็นรูเหมือนสว่าน แม้ความแรงกระสุนจะลดลง แต่ความเสียหายของสิ่งที่ถูกปะทะยังมีความรุนแรงอยู่ โดยนายตำรวจคนดังกล่าวถือเป็นรายที่ 9 ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าหมวกช่วยชีวิตไว้”

...

มาตรฐานการออกแบบหมวกที่เป็นยุทธภัณฑ์ ต้องป้องกันกระสุนปืนพกสั้นทุกชนิดได้ ส่วนหมวกอีกสเปก ต้องทนสะเก็ดระเบิด เพราะกระสุนปืนเป็นหัวตะกั่ว แต่สะเก็ดระเบิดเป็นเหล็ก มีโอกาสทะลุหมวกได้มากกว่า และต้องป้องกันรอยยุบตัวจากแรงกระแทกของอาวุธได้

“หมวกจะป้องกันแรงสะเก็ดระเบิดได้ 650 เมตรต่อวินาที สำหรับการทดลองประสิทธิภาพ มีการปั้นดินเป็นรูปแบบพิเศษ ให้มีความนุ่มเหมือนกับศีรษะคน ทดลองสวมหมวกให้กับหุ่น และยิงด้วยกระสุนจริง ในระยะ 5 เมตร เพื่อดูว่าแรงกระแทกจากกระสุนทำให้เกิดความบอบช้ำ จนเกิดอันตรายหรือไม่ หลายกรณีแม้กระสุนไม่ทะลุผ่าน แต่ถ้ามีรอยช้ำเกินมาตรฐาน ก็ทำให้เสียชีวิต”

นอกจากนี้ ยังต้องทดสอบด้วยกระสุนที่เปลี่ยนจากหัวตะกั่วมาเป็นหัวเหล็ก โดยยิงออกมาให้ปะทะกับหมวกเสมือนการจำลองเหตุถูกสะเก็ดระเบิด มีความอันตรายรุนแรงมากกว่าหัวกระสุนตะกั่ว

สำหรับน้ำหนักของหมวกอยู่ที่ 850 กรัม ไปจนถึง 1.5 กิโลกรัม ความหนักของหมวกขึ้นอยู่กับความร้ายแรงและภัยคุกคาม ถ้าหมวกขนาดเบาจะไม่ป้องกันแรงอัดกระสุน หน่วยรบพิเศษส่วนใหญ่ใช้รุ่นนี้ เพราะต้องใช้ความรวดเร็วในการเคลื่อนที่จู่โจม

“การผลิตหมวกป้องกันกระสุนโดยคนไทย ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพราะเส้นใยในการผลิตหมวกเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้ เพียงแต่กระบวนการผลิตต้องเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับ สิ่งนี้ทำให้ที่ผ่านมา ชนะการประมูลในสิงคโปร์ ฝรั่งเศส อียิปต์ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคนไทยมีฝีมือในการผลิตเทียบเท่ากับทั่วโลก”

ที่ผ่านมา คนมักไม่รู้ว่าประเทศไทยผลิตยุทธโธปกรณ์ได้ ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทุกวันนี้ตำรวจทหารต้องแบกน้ำหนักมหาศาล บางคนต้องแบกชุกเกราะและหมวกหนัก 20 – 30 กิโลกรัม ต้องมาทำงานเสี่ยงภัย จึงอยากให้เห็นใจ เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะยุทธภัณฑ์เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง.