ท่ามกลางโลกที่ซับซ้อน มีหลายวิกฤติเกิดขึ้น และความหวังในการเลือกตั้งครั้งหน้า เรื่องความเห็นต่างไม่น่ากังวล นี่เป็นความเห็นที่ บรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยแม้จะน่าเป็นห่วง แต่ยังมีทางออกจากวิกฤติได้

เริ่มจากการมาดูกันก่อนว่าปัญหาของประเทศไทยตอนนี้เกิดจากอะไรบ้าง และหนักหนาสาหัสแค่ไหน บรรยง ชี้ให้เห็นว่า ไทยเกิดวิกฤติจากความเฉื่อย เศรษฐกิจไม่เติบโต และยังเกิดภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากภาวะของโลก เรียกได้ว่า ตัวเองมีปัญหา เมื่อโลกมีปัญหามากระทบจึงน่าเป็นห่วง แต่วิกฤตินั้นมีหลายแบบ เปรียบเทียบกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 ปัญหาเกิดจากเศรษฐกิจร้อนแรงผิดปกติ แต่ตอนนี้เป็นวิกฤติที่เศรษฐกิจแช่แข็งมานานมาก ดังนั้นจะไม่เกิดวิกฤติแบบเดิม

ปัญหาแรก เรื่องเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจไม่เติบโตนั้น ถือเป็นอาการใหญ่ ที่มีความลึกของปัญหา ที่มาจากทั้งความไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีประสิทธิผล จนไม่มีการเติบโตทางผลิตภาพ หรือ Productivity

ปัญหาที่สอง คือความไม่ทั่วถึงของการเติบโต มีการกระจุกตัว ซึ่งเป็นที่มาของความเหลื่อมล้ำ ที่นำมาสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น ปัญหาสังคม ซึ่งประเทศไทยเป็นคนป่วยแห่งเอเชียมาร่วมสิบปี และยังติดกับดักการพัฒนามานาน 20 ปี

...

ผลิตภาพ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการบริหารจัดการต้นทุนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะมีมากหรือน้อย ส่วนหนึ่งยังได้รับผลกระทบมาจากการดำเนินนโยบายรัฐบาล อย่างประชานิยมซึ่งในทางทฤษฎีมีส่วนที่ดี เพราะมีการเคลื่อนย้ายทรัพยากรจากภาคที่มีมากกว่า ผ่านกระบวนการคลัง เพื่อเอาไปช่วยภาคที่ยังขาดแคลน

แต่ประชานิยมที่ดี คือสุดท้ายแล้วต้องเพิ่มผลิตภาพให้ประชาชน ยกตัวอย่าง ประชานิยมที่ดีที่สุดของนโยบายสาธารณะในหลายสิบปีผ่านมา คือ สุขภาพทั่วหน้า 30 บาท ที่ทำให้คนเข้าถึงระบบสาธารณสุข ให้มีสุขภาพที่ดี ไม่ต้องกังวลกับสุขภาพ เพื่อเอาทรัพยากรไปทุ่มทางด้านอื่น เช่น เรื่องลูก ส่วนประชานิยมที่ไม่ดี เช่น จำนำข้าว ที่ทำลายผลิตภาพ ทำให้เกิดการบิดเบือนทรัพยากร

มาถึงเรื่องของประชานิยมแจกเงินเพื่อไปใช้บริโภค เป็นการช่วยได้ในระยะสั้นแล้วหมดไป แต่ก็ยังดีเพราะช่วยได้ระยะสั้น ดังนั้นการดำเนินนโยบายต้องหาประชานิยมที่สร้างผลิตภาพด้วย

ประเทศชาติที่มีปัญหาหลายมิติในโลกที่ซับซ้อนนี้ สำหรับอนาคตประเทศไทยกับรัฐบาลในฝันนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถในการพยากรณ์เศรษฐกิจแล้ววางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ต้องเป็นรัฐบาลที่เข้าใจปัญหา โดยเฉพาะเชิงโครงสร้างระยะยาว และต้องเป็นรัฐบาลที่มีผู้นำสามารถสื่อสารปัญหากับประชาชนได้อย่างดี เพราะรัฐบาลทำอะไรโดยลำพังไม่ได้มาก แม้จะมีความเห็นต่าง แต่ความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะมีการจัดการความเห็นต่างได้ ที่เรียกว่าประชาธิปไตย

ติดตามความเห็นจาก บรรยง พงษ์พานิช เพิ่มเติมได้จากเวทีสัมมนา ตื่นฟื้นฝัน ไทยรัฐ ฟอรั่ม 2022 (Thairath Forum 2022) วันที่ 19 ต.ค. นี้ เวลา 14.00 น. ผ่านช่องทาง Facebook และ Youtube ไทยรัฐออนไลน์