ข้าวของแพง รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย คนไทยหลายแสนคนตกงาน มาตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาด และหลายคนยังไม่แน่ใจว่าอนาคตของตัวเองเป็นอย่างไร เพราะวิกฤติเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น
สถานการณ์นี้ เป็นแรงกดดันรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บริหารประเทศมาแล้ว 8 ปี โดยเฉพาะช่วงนี้คือช่วงท้ายก่อนหมดวาระ เพื่อนำไปสู่ระบบการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือภาวะยากลำบากนี้ เป็นเหมือนฝันร้ายที่คนไทยทั้งประเทศกำลังเผชิญ
สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว
ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และผู้แทนการค้าไทย อธิบายถึงสาเหตุของการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ และสัญญาณที่เริ่มดีขึ้นได้อย่างน่าสนใจว่า ความจริงแล้วขณะนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอยู่ในระดับน่าพอใจ เพราะจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่แปรผัน เศรษฐกิจไทยก็ยังเป็นบวก โดยคาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะเติบโต 3%
ที่ผ่านมาช่วงโควิด-19 ระบาด เศรษฐกิจไทยสูญเสียรายได้ จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไปเกือบ 20% ของจีดีพี เมื่อตอนนี้เริ่มกลับแดนบวกได้ ก็กระเตื้องขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
...
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ระบุตัวเลขที่ส่งสัญญาณช่วยฟื้นเศรษฐกิจอย่างน่าสนใจว่า ขณะนี้มีนักท่องเที่ยว 7 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะถึง 10 ล้านคน แม้ยังไกลจาก 40 คนล้านคน ที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นฐานที่มาฟื้นฟูรายได้ เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนก็ลดลง ซึ่งที่ผ่านมา ช่วงปี 2563 ช่วยเหลือลูกหนี้สะสมกว่า 12.5 ล้านบัญชี แต่ปีนี้คงเหลือลูกหนี้ที่ต้องช่วย 4 ล้านบัญชี สะท้อนว่ามีหนี้ที่ได้รับการแก้ไขไปพอสมควร
“เมืองไทยวันนี้ผ่านวิกฤติ และยังอยู่ในวิกฤติโดยไม่บุบสลาย ถือว่าทำได้ดีมาก”
ที่ว่าทำได้ดีมากนั้น พิจารณาจากเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย เงินตราต่างประเทศ เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว ก็มีตัวเลขที่น่าพึงพอใจ ปีหน้าน่าจะโต 3% กว่า
แล้วอนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ที่ไหนบ้าง
4 อุตสาหกรรมกับอาวุธลับขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ม.ล.ชโยทิต ระบุชัดเจนว่า มีอยู่ 4 อุตสาหกรรมที่ต้องรักษาไว้ และต้องผ่านช่วงเวลานี้เพื่อการเติบโตต่อไปให้ได้ (S Curve) ดังนี้
1. อุตสาหกรรมรถยนต์ จากเทคโนโลยีการใช้น้ำมัน เปลี่ยนผ่านไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) ให้ได้
2. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะทำอย่างไรให้ไทยหนีเวียดนามไปทำของที่เป็นต้นน้ำ เช่น พวกอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ชิป เซมิคอนดักเตอร์ จากเดิมที่เราเน้นการประกอบมากกว่า
3. อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีศักยภาพสูงให้เข้ามาเมืองไทย
4. การใช้ข้อมูลดิจิทัลเพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น (Digitalization) ซึ่งที่ผ่านมาไทยอยากเป็นอุตสาหกรรม 4.0 แต่ยังไปไม่ถึง เพราะยังไม่เป็นศูนย์รวมของดาต้าเซ็นเตอร์ หรือคลาวด์เซ็นเตอร์
ทั้ง 4 อุตสาหกรรมนี้เป็นอาวุธสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยังมีอาวุธลับที่รัฐบาลไทยเตรียมแผนไว้ คือการใช้พลังงานสะอาด ที่รัฐบาลกำหนดให้ปี 2050 ไทยต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Carbon neutrality) เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ จากการดึงธุรกิจต่างชาติ ที่ให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่ใช้พลังงานสะอาดให้เข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งโอกาสของไทยจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะประเทศไทยใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทนในสัดส่วนมากกว่าถ่านหินอยู่แล้ว โดยใช้ถ่านหินเพียง 10% ขณะที่ประเทศอื่นในอาเซียนใช้ถึง 80%
นอกจากนี้ยังมีโจทย์ใหญ่ คือเรื่องประชานิยม การแจกเงินที่ต้องมีแผนชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นยาพิษ และเรื่องลดความเหลื่อมล้ำ ที่หากแก้ไขได้ ก็จะเป็นส่วนสำคัญการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในที่สุด
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ ม.ล.ชโยทิต เล่าถึงสถานการณ์ของประเทศไทย และส่งสัญญาณถึงอนาคตว่าประเทศไทยจะมีโอกาสฝันไปได้ไกลแค่ไหน ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจ ติดตามความเห็นจาก ม.ล.ชโยทิต เพิ่มเติมได้จากเวทีสัมมนา ตื่นฟื้นฝัน ไทยรัฐ ฟอรั่ม 2022 (Thairath Forum 2022) วันที่ 19 ต.ค. นี้ เวลา 14.00 น. ผ่านช่องทาง Facebook และ Youtube ไทยรัฐออนไลน์