เรื่องราวการไล่ตามความฝันเป็นอะไรที่เราอาจได้ยินกันบ่อยครั้ง แต่ฟังกี่ทีก็ไม่มีวันเบื่อ เพราะมันคือสารตั้งต้นของแรงบันดาลใจที่ดีเสมอ เหมือนอย่างผู้จัดรายการข่าว และผู้ประกาศคนใหม่แห่งบ้านไทยรัฐทีวี “กระเต็น วราภรณ์ สมพงษ์” คนข่าวทีวีที่คุณผู้ชมคุ้นเคยมานานกว่า 23 ปี ที่ได้ออกเดินทางสู่ความท้าทายครั้งใหม่ กับรายการ “ข่าวเย็นไทยรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา
เรื่องราวการล่าฝันที่ “เริ่มต้นจากศูนย์” ยิ่งทำให้น่าสนใจว่า กระเต็น ทำอย่างไรจึงสามารถพาตนเองมายืนที่จุดสตาร์ต ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจสู้คนอื่นไม่ได้ แถมยังกล้าที่จะวิ่งต่อไม่หยุด จนกว่าจะไปสิ้นสุดที่เส้นชัย
การเดินทางบนถนนสายผู้ประกาศข่าวกว่า 23 ปี สำหรับกระเต็นแล้ว มีเทคนิคการทำงาน ไลฟ์สไตล์ และการเชื่อมโยงประสบการณ์กับความกล้าที่จะลองอย่างลงตัว เพื่อบทบาทใหม่ล่าสุดที่ไทยรัฐทีวีอย่างไร มาติดตามไปด้วยกัน
จุดเปลี่ยนครั้งที่หนึ่ง เมื่อความฝันผลักดันให้ออกเดิน
...
“พี่เริ่มต้นจากศูนย์” กระเต็น บอกเป็นคำแรกเมื่อเอ่ยถามถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าว
ย้อนกลับไปราว 20 ปีก่อนหน้านี้ สำหรับวงการโทรทัศน์ หลายคนคงยังจำกันได้ว่าไอทีวีคือหนึ่งในค่ายข่าวที่มีความร้อนแรง และกระเต็น ก็เหมือนกับคนที่มีความฝันอยากเป็นผู้ประกาศข่าวหลายคน คือ เข้ามาที่ไอทีวี ซึมซับประสบการณ์ระดับหนึ่ง ก่อนจะไต่ขึ้นไปตามเส้นทางนี้
เคยเป็นก้อปปี้ไรเตอร์ของบริษัทโฆษณา ชื่อ แอดพลัส แล้วมาสมัครอ่านข่าวที่ไอทีวี เนื่องจากดูข่าวไอทีวีแล้วชอบ ได้เห็นการทำงานของนักข่าว ผู้ประกาศ เห็นสิ่งที่ช่องทำ เราเลยอยากจะเข้าไปอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นบ้าง มันเลยกลายเป็นความฝันว่าอยากจะทำอาชีพนี้
"พอดีว่าทางช่องเขามีโครงการรับสมัครผู้ประกาศหน้าใหม่จากทั่วประเทศ เราเองก็มองเป็นโอกาส แม้จะไม่มีประสบการณ์อะไรมาก่อนเลย แต่ก็ยังถือใบสมัครพร้อมเทปที่ตัวเองอัดเสียงสปอตโฆษณาไปสมัครกับเขา สุดท้ายเขาคัดเหลือแค่ 5 คนเพื่อมาร่วมกันเวิร์กช็อป และพี่เป็นหนึ่งในนั้น
โอกาสนี้มันเป็นวิชาที่สุดยอดมากที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย พี่ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างทั้งการนำเสนอหน้าจอ วิธีการออกเสียงอ่านข่าว ต้องมีสไตล์ กระชับ ไม่ลากไม่ห้วน แล้วยังมีการสัมภาษณ์ผ่านหน้าจอ การทำงานควบคู่กับภาคสนาม ทำให้เราได้ความรู้มาเป็นแพ็กก่อนที่จะเริ่มงานจริง แม้เราจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้งานหรือเปล่า เพราะเขาเองก็ไม่ได้บอกว่าจะรับกี่คน แต่มันก็คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พี่ได้มายืนตรงจุดสตาร์ต”
บทที่สองของอาชีพ จุดเปลี่ยนชีวิตจากความกล้าที่จะลอง
หลังการฝึกจบลง กระเต็น ก็ได้ก้าวสู่เส้นทางของผู้ประกาศเต็มตัว เริ่มต้นตั้งแต่การอ่านข่าวเช้ามืด ข่าวดึก ข่าวเบรก จากนั้นเริ่มได้รับโอกาสขยับมาอ่านข่าวเที่ยง แล้วก็มาถึงข่าวค่ำ
รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปแล้ว 8 ปี แล้วความฝันอื่นๆ ก็เริ่มเข้ามาทักทาย เช่น การอยากทำหนังสือ นิตยสาร เป็นต้น เริ่มมองหาโจทย์ใหม่ๆ ที่จะพาตัวเองออกจากข้อจำกัดบางอย่าง จนมาที่ช่อง 3 เพื่อไปร่วมในโปรเจกต์ครอบครัวข่าว กลายเป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเส้นทางชีวิต
“เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของพี่เลย เพราะว่าจากการอ่านข่าว อยู่ในแวดวงของคนข่าวที่มีความมุ่งมั่นในข่าวทุกด้าน มันก็จะเป็นอีกสไตล์หนึ่ง แต่ที่ช่อง 3 มันจะมีทั้งบันเทิงและข่าวปนๆ กันไป เราก็ได้เรียนรู้เทคนิคการนำเสนออีกรูปแบบ ทำให้เราต้องเล่าแบบมีลีลามากขึ้น ให้เหมือนเรากำลังนั่งคุยกับเขา ทำให้เราได้เรียนรู้ มองเห็นโลกกว้างขึ้น ได้เจอการทำงานใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆ ซึ่งทุกอย่างมันมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะเรากล้าที่จะลอง”
...
บทปัจจุบัน จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในฐานะผู้จัดที่ “ไทยรัฐทีวี”
“การได้มาทำที่ไทยรัฐทีวี พี่คิดว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด” กระเต็นยืนยันกับเราหลังจากเล่ามาถึงจุดนี้ ชวนให้อยากรู้ว่าอะไรทำให้เธอคิดเช่นนั้น
“อยู่มานานถึง 16 ปีที่ช่อง 3 รวมกับที่ไอทีวีพี่ก็อยู่ในวงการนี้มา 23 ปีกว่าแล้ว จนเรารู้สึกว่ามันเป็นช่วงที่ควรจะคิดแล้วว่าจะไปยังไงต่อดี เหมือนต้นไม้ที่โตมาถึงระดับหนึ่ง เราจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ หรือว่าจะเติบโตไปยังไงดี เพื่อหาทางแลนดิ้ง
ต้องยอมรับเลยว่าการมาไทยรัฐทีวี มันเหมือนพี่ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จากปกติที่เคยเป็นแค่คนอ่านข่าวเพื่อนำเสนอหน้าจอ แต่ตอนนี้บทบาทเราจะเริ่มลึกขึ้น เรากลายเป็นเจ้าของรายการจริงๆ เพราะที่นี่พี่จะควบหน้าที่ผู้จัดรายการข่าวเย็นไทยรัฐไปด้วย ต้องทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง กลายเป็นว่าแม้เราจะมีประสบการณ์จากการนำเสนอหน้าจอมากว่า 20 ปี แต่ที่นี่มันมีสิ่งใหม่รอเราอยู่ ทำให้เราต้องเริ่มจากศูนย์”
แน่นอนว่าที่ไทยรัฐทีวี กระเต็นได้รับความรู้ และคำแนะนำจากพี่ๆ ตั้งแต่การเตรียมงาน ดูสถานที่ แม้กระทั่งการเตรียมคุยทีมงานเพื่อเซตระบบ ได้รับความช่วยเหลือจากทุกคน ทั้งน้องๆ ในทีมเอง หรือคนที่ทำงานที่นี่มาก่อนเรา
“หมายความว่าหน้าที่ตรงนี้ทำให้มีการบ้านที่ต้องทำเยอะขึ้น?” ผู้เขียนสอบถามหลังได้ฟังเธอเล่าถึงบทบาทใหม่ด้วยความกระตือรือร้น
“ใช่ ตอนนี้เราต้องรับผิดชอบทุกอย่างเลย ยกตัวอย่างเรื่องการวางกลยุทธ์ แต่ก่อนเราอาจจะแค่อ่านข่าวไปตามคิว แต่วันนี้พี่รู้แล้วว่าคิวมันสำคัญนะ มันมีผลกับเรตติ้ง แต่ละวันพอจบรายการเราก็ต้องมาวิเคราะห์เรตติ้ง จะนำเสนอยังไงให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด”
...
นั่นหมายถึงเมื่อจบรายการแล้ว แต่ภารกิจของกระเต็น ยังไม่จบ
“อย่างเมื่อคืน พี่ก็นั่งดูรายการจนดึก สำรวจดูว่ากราฟที่มันขึ้นลงเกิดจากอะไรบ้าง แล้วก็นั่งลิสต์ไว้ รู้ตัวอีกทีก็ดึกแล้ว แต่เรากลับรู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น เราสนุกสนานกับการทำงานแต่ละวัน มันเหมือนได้เอาทั้งประสบการณ์ที่มีและความรู้ใหม่ๆ มาใช้ เป็นความท้าทายในวัยนี้ ไม่ใช่แค่อยู่หน้าจอ ทำจบแล้วกลับบ้าน แต่เราต้องดูแลทุกๆ อย่าง รวมไปถึงความสุขของทีมงาน ซึ่งพี่ว่ามันดีนะ เหมือนเรากำลังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้ มันปลุกให้เรามีแพสชั่น มีชีวิตชีวา ทำให้พี่ฮึกเหิม”
“ข่าวเย็นไทยรัฐ” เวทีข่าวมืออาชีพผลลัพธ์จากประสบการณ์และตัวตน
เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเธอ เป็นที่น่าสนใจว่าการมาทำหน้าที่ที่ไทยรัฐทีวีของ กระเต็น อาจจะไม่ใช่แค่การปลุกชีวิตชีวาให้ตัวเธอเท่านั้น ในด้านของสถานี ยังอาจจะได้รับการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจหลายอย่างจากประสบการณ์ทำงานและความเป็นมืออาชีพของผู้ประกาศสาวที่คร่ำหวอดในวงการมาอย่างยาวนาน
...
ประสบการณ์ที่เธอเล่าให้เราฟังเพิ่มเติม เกี่ยวกับเทคนิคการทำงานส่วนตัว และสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ในการสร้างข่าวเย็นไทยรัฐในแบบฉบับของเธอ ซึ่งในเวทีนี้ เป็นการนั่งเล่าข่าวร่วมกับ “เบิร์ด ณัชฐพงศ์ มูฮำหมัด” ในรายการ “ข่าวเย็นไทยรัฐ” ไทยรัฐทีวีช่อง 32 วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 16.30-18.00 น.
“สำหรับพี่นะ แม้เราจะทำงานในฐานะผู้ประกาศ แต่พี่จะให้ความสำคัญกับแหล่งข้อมูลเสมอ” เธอตอบทันทีเมื่อเอ่ยถามถึงเทคนิคการทำงานส่วนตัว
“พี่มองว่ามันจะดีมากถ้าเราได้คุยกับนักข่าว หรือบก. (บรรณาธิการข่าว) หรือว่าคนที่เขารู้เรื่องราวของข่าวจริงๆ มันจะทำให้เราได้รับสารโดยตรง เพราะอย่างการเขียนข่าวแต่ละคนก็จะมีสไตล์ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่าเราอาจจะมองหาใจความสำคัญแล้วนำมารายงานได้ แต่หากเราได้พูดคุยกับนักข่าวจริงๆ หรือคนที่เขาคลุกคลีอยู่กับข่าวนั้นๆ หรือได้อ่านข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ได้ดู ได้ฟังมาเยอะๆ จนจับประเด็นได้ ตรงนี้จะทำให้เรานำเสนอในแบบที่เข้าถึงหัวใจของข่าวมากยิ่งขึ้น ซึ่งพี่มองว่ามันเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่งั้นมันจะเหมือนเราอ่านไปเรื่อยๆ เป็นแค่การรายงาน แต่ไม่ได้สื่อสารอะไรถึงผู้ชม”
“ดังนั้นการที่พี่มาเป็นผู้จัด พี่ก็มีความฝันของพี่ในการจะนำเสนออะไรบางอย่างให้กับคนดู แม้เราจะผ่านการรายงานข่าวมาแล้วหลายรูปแบบ แต่พี่เองก็มีสิ่งที่อยากให้เป็นอยู่ในใจ แน่นอนว่ามันเป็นความท้าทาย เพราะสิ่งที่เราอยากนำเสนอจริงๆ บางทีก็ต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูก ปรับจูนให้เหมาะสมกับทั้งผู้ชม ตัวตนของสถานี หาแนวทางต่างๆ ว่ามันดีไหม ซึ่งหลังจากที่พี่ได้เข้ามาทำงานกับไทยรัฐทีวี พี่รู้สึกแฮปปี้มากเลยนะ เพราะที่นี่จะมีวัฒนธรรมของการทุ่มเทพลัง มีการโยนของใส่กัน ทำให้มันเกิดส่วนผสมใหม่ๆ แล้วนำไปให้ผู้ชมพิสูจน์ว่าชอบหรือไม่
ส่วนนี้เป็นอะไรที่เราชอบมากเพราะไม่ว่าจะมีไอเดียอะไรทุกคนก็พร้อมจะทำให้มันเกิด ไม่เวิร์กก็เอาออก ถ้าเวิร์กก็ไปต่อ ดังนั้นพี่เลยฝันเอาไว้ว่ารายการที่พวกเราช่วยกันคิดจะเกิดขึ้นจริงได้ และตอนนี้มันกำลังค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง ยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน แต่พวกเราตั้งใจจะเดินไปให้ถึงจุดนั้น ไม่ใช่แค่เพื่อตัวพวกเราเอง แต่ยังเพื่อคนที่ให้โอกาสเรามายืนในจุดนี้ มันเหมือนการปลูกผักน่ะ เราจะดีใจที่ผักมันโตใช่ไหม พี่ก็เชื่อว่าคนที่เขาให้โอกาสเราก็คงจะดีใจเหมือนคนปลูกต้นไม้นะ ตอนที่เขาเห็นผล เห็นดอกไม้มันบาน เราก็อยากจะเป็นดอกไม้ ที่ทำให้เขาชื่นใจ”
กระเต็น เปรียบเทียบได้เห็นภาพ เพราะมีประสบการณ์ตรงจากงานอดิเรกที่ทำอยู่ และมีส่วนหล่อหลอมให้เป็น กระเต็น ที่มีแนวคิดกล้าลองค้นหาความท้าทายใหม่ๆ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่เสมอ คือการปลูกต้นไม้และพืชผักออร์แกนิกสำหรับรับประทานเอง ที่มาจากจุดเริ่มต้นชอบอาหารเพื่อสุขภาพ จึงได้ลงมือฝึกปลูกด้วยตัวเองในพื้นที่หลังบ้าน ซึ่งตอนแรกก็ล้มเหลวไปเยอะมาก แต่การพยายามลองผิดลองถูกไม่ยอมแพ้ เก็บทุกอย่างมาเรียนรู้เพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง มันกลายเป็นการฝึกตัวเองให้รู้จักที่จะใส่ใจกับการทำสิ่งต่างๆ เช่น การปลูกผักมันไม่ใช่แค่การเอาต้นไม้ปักดิน แต่มันต้องรู้วิธี ตั้งแต่การหมักดิน วางเมล็ด รวมถึงวิธีรดน้ำที่ถูกต้อง
“การปลูกผักมันมอบแนวคิดให้พี่หลายอย่าง อย่างหนึ่งคือการทำให้เรารู้จักกล้าลอง พี่บอกตัวเองเสมอว่า เฮ้ย มันต้องลองดูนะ ถึงจะพลาดก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะคนมันยังไม่เคย แต่พอเป็นแล้วมันก็จะเริ่มคล่อง หลังจากนั้นเราก็จะกล้าเดินต่อ เปิดประตูสู่เรื่องอื่นๆ อีกเยอะมาก คล้ายกับการที่พี่เริ่มต้นงานที่แรกพี่ก็คิดว่ามันดีนะ แต่พอกล้าที่จะลองทำอย่างอื่นก็ได้เจอสิ่งดีเรื่องใหม่ๆ จนตอนนี้ได้โอกาสมาทำที่ไทยรัฐทีวี ก็ได้เจออะไรดีๆ มากขึ้นไปอีก การปลูกผักมันก็คล้ายกับการอ่านข่าวนั่นแหละ ตรงที่มันไม่ใช่แค่การหยิบกระดาษมาอ่าน แต่มันต้องเรียนรู้ ต้องใส่ใจ ต้องมีเทคนิค เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด”
นี่คือเรื่องราวของคนข่าวตัวจริง ในแบบของกระเต็น ที่ทุกเรื่องเล่าตอกย้ำได้ว่าการันตีได้ถึงประสบการณ์อันเปี่ยมล้น ความเจนจัดในสมรภูมิข่าวทุกรูปแบบ รวมไปถึงความมุ่งมั่นที่หวังจะเข้ามาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในแบบกล้าที่คว้าจุดเปลี่ยนไว้เสมอ
ผู้เขียน : พีรพงศ์ เกตุมา
ภาพโดย : วัชรชัย คล้ายพงษ์