ทิศทางการเมืองไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตพรรคก้าวไกล ไปไม่ถึงฝั่งฝันชวดนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต้องเปิดทางให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมีความเป็นได้สูงจะเสนอชื่อตัวเต็ง “เศรษฐา ทวีสิน” เข้าสู่กระบวนการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นโจทย์ใหญ่พรรคเพื่อไทย ในการฝ่าด่านให้ได้เสียงสนับสนุน 376 เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมสองสภา จะต้องถอดสูตรสมการให้ได้ในการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างการจับมือแน่นกับพรรคก้าวไกล หรือจำเป็นต้องโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล ให้เป็นฝ่ายค้าน เพราะทั้ง สว.และสส.พรรคขั้วอำนาจเดิม ต่างประกาศชัดไม่เอาพรรคก้าวไกล ไม่ต้องการให้ยุ่งเกี่ยวกับมาตรา 112 ถือเป็นอีกห้วงเวลาในการเล่มเกมการเมืองแบบไม่มีใครยอมใคร ขณะที่พรรคก้าวไกล ยืนยันยึดฉันทามติของมหาชน 14 ล้านเสียง ต้องการจะปิดสวิตช์ 3 ป.ให้ได้
ระหว่างรอดูหน้าตารัฐบาลชุดใหม่ คาดกันว่าจะเป็นรูปเป็นร่างในเดือน ส.ค.นี้ โดยมีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นำไปสู่การถอดสมการสูตรจัดตั้งรัฐบาลที่มีโอกาสจะเป็นไปได้ในลักษณะรัฐบาลข้ามขั้ว ไม่มีพรรคก้าวไกล เข้าร่วม จากการประเมินของ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากถึง 90% ที่พรรคก้าวไกล จะเป็นฝ่ายค้าน
...
สูตรจัดตั้งรัฐบาล “เพื่อไทย” 3 แบบ ฉบับรศ.ดร.ยุทธพร
สูตรจัดตั้งรัฐบาล “เพื่อไทยข้ามขั้ว” แบบที่ 1 พรรคเพื่อไทย 141 เสียง รวมกับพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง และพรรคประชาชาติ 9 เสียง รวม 6 พรรค 296 เสียง
หรืออาจดึงพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง และพรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง รวม 9 พรรค จะได้ 305 เสียง ซึ่งสูตรจัดตั้งรัฐบาลแบบที่ 1 มีโอกาสเป็นได้ 60% และเสียงของรัฐบาล 296 เสียง น่าจะเพียงพอ ต้องการเสียง สว.และส.ส. อีก 80 เสียงในการโหวตนายกฯ หากมี 9 พรรค ก็ต้องการอีก 71 เสียง แต่จะบริหารจัดการยาก และสมการนี้มี “ลุงป้อม” อาจจะเกิดปัญหา และต้องตอบคำถามเรื่องความชอบธรรม หากพรรคก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้าน
สูตรจัดตั้งรัฐบาล “เพื่อไทยข้ามขั้ว” แบบที่ 2 พรรคเพื่อไทย 141 เสียง รวมกับพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง และพรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง รวม 8 พรรค 265 เสียง ซึ่งสูตรนี้พรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านเช่นกัน แต่ไม่มี “2 ลุง” และเสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่มาก ต้องการเสียง สว.และ สส.โหวตให้เป็นนายกฯ อีก 111 เสียง มีโอกาสเป็นไปได้ 70%
สูตรจัดตั้งรัฐบาล “8 พรรคร่วมรัฐบาล” แบบที่ 3 พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคก้าวไกล 151 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคเป็นธรรม 1 เสียง และพรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง รวม 8 พรรค 312 เสียง
หรืออาจจะเติมอีก 35 เสียง ให้ได้ 347 เสียง ในการดึงพรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง และพรรคประชาธิปัตย์ อีก 25 เสียง ซึ่งต้องการเสียง สว.และ สส.โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี อีก 29 เสียง แต่เมื่อพรรคก้าวไกลยังอยู่ ทำให้ยากต่อการที่ สว.และ สส.ส่วนใหญ่ จะโหวตผ่านให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสมการนี้มีโอกาสเกิดได้ยาก มีโอกาสจะสลายขั้ว 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก หรือยกเลิกเอ็มโอยู.