ทำเลทองกลางเมือง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า วิวทิวทัศน์แสนสบายตา...องค์ประกอบเหล่านี้ ทำให้ราคาคอนโด พุ่งสูงขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ตัวการสำคัญที่คอยกระตุกราคาคอนโดให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างลับๆ โดยที่ไม่ควรจะเป็น ตัวการที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คืออะไร? ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปไขคำตอบ!

ในภาพ: (จากซ้าย) อารีพันธ์ เจริญสุข ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ, รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย, อัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, สรรค์ สุขุขาวดี ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ ดร.มานะ นิมิตรมงคล
ในภาพ: (จากซ้าย) อารีพันธ์ เจริญสุข ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ, รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย, อัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, สรรค์ สุขุขาวดี ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ ดร.มานะ นิมิตรมงคล

...

ไขปริศนาลับฉบับใต้โต๊ะ คนไทยซื้อคอนโดแพง เพราะอะไร?

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัจจุบันราคาคอนโดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระราคาค่าที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่ควรจะเป็น ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายบางประการที่ซ่อนเร้นอยู่กับฟากฝั่งของผู้ประกอบการ

“และค่าใช้จ่ายนั้นก็คือ เงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายให้กับข้าราชการในการขอใบอนุญาต ซึ่งใบอนุญาตที่ต้องยื่นขอกับทางราชการนั้น มีเป็นจำนวนมากอีกด้วย” เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวถึงมูลเหตุสำคัญที่หลายคนยังไม่เคยได้รู้

ดร.มานะ ได้ระบุไว้ว่า ทุกวันนี้คนไทยต้องซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในราคาที่แพงเกินจริง เหตุเพราะผู้ประกอบการได้บวกต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการที่เขาต้องจ่ายเงินสินบนให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ออกใบอนุญาตอนุมัติต่างๆ โดยประเมินว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องจ่ายเงินประมาณ 1.5 - 2.7 หมื่นบาทต่อยูนิตก่อสร้าง ขณะที่รายเล็กต้องจ่ายประมาณ 2 - 5 หมื่นบาทต่อหลัง แต่หากเป็นกรณีที่มีการหลีกเลี่ยงกฎหมายบางอย่างก็อาจต้องจ่ายมากถึงร้อยละ 10 ของต้นทุน เช่น บ้านราคา 3 ล้านบาท กลับต้องจ่ายสารพัดเงินสินบนถึง 3 แสนบาท

จากการสำรวจยังพบว่า จำนวนใบอนุญาตอนุมัติที่ผู้ประกอบธุรกิจบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมต้องจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาเป็นค่าหล่อลื่นเพื่อมิให้มีการกลั่นแกล้งหรือดึงเรื่องให้ชักช้านี้ แต่ละโครงการอาจต้องยื่นขอมากถึง 15 - 25 รายการ เช่น การออกหรือแยกโฉนด ใบอนุญาตจัดสรรฯ ใบอนุญาตก่อสร้าง ขอติดตั้งน้ำประปา - ไฟฟ้า ค่าจดโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้า ค่าทำถนนหรือสะพานเชื่อมทาง เป็นต้น

นอกจากนี้ ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ยังต้องจ่ายเงินเบี้ยบ้ายรายทางให้กับเจ้าหน้าที่ที่มาเรียกเก็บเป็นรายเดือนโดยไม่มีใบเสร็จอีกจำนวนมาก โดยพบว่าโครงการขนาดใหญ่บางรายต้องจ่ายให้กับผู้มาเรียกเก็บมากถึง 32 รายการ โดยข้ออ้างหรือข้อหาที่ใช้เรียกเงินไม่ว่าจะมีการทำผิดจริงหรือไม่ก็ตาม เช่น ส่งเสียงรบกวนผู้อื่น, รถขนดินหกเรี่ยราด, มีการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย, ไม่ป้องกันฝุ่นละออง และค่าดูแลในพื้นที่ เป็นต้น

ใบอนุญาตการสร้าง จำเป็น แต่ต้องปรับปรุง!

ขณะเดียวกัน รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงปัญหาการขอใบอนุญาตว่า แม้ว่าใบอนุญาตจะเป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ แต่ใบอนุญาตบางฉบับมีความจำเป็นอย่างมากในแง่ความปลอดภัยของประชาชน แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัย และลดทอนความยากลำบากลงให้มากที่สุด

...

“เรามีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหานี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ด้วยความที่การแก้ปัญหานั้น ขาดความต่อเนื่อง และขาดความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ผลที่ออกมาไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน" รศ.ดร.ต่อตระกูล กล่าวถึงปัญหาที่คาราคาซังมาเนิ่นนาน

“ในประเทศไทย เนื้อหาของกฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคารนั้น ถือว่าดี และมีหลายใบหลายประเภทมาก เริ่มตั้งแต่การขออนุญาตก่อสร้างจนถึงขออนุญาตใช้อาคาร แต่กระบวนการได้มาซึ่งใบอนุญาตนี้ จะเป็นที่รู้กันในวงการก่อสร้างว่า ใบอนุญาตมักเกี่ยวพันกับการเรียกรับและขอจ่ายสินบน รศ.ดร.ต่อตระกูล กล่าวถึงสิ่งที่เคยพานพบ

ข้าราชการเงินเดือนเงินน้อย แรงจูงใจรับใต้โต๊ะ?

นายอัชชพล ดุสิตานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวในเรื่องเดียวกันนี้ว่า ปัญหาการขอใบอนุญาตเกิดขึ้นมาจากหลายปัจจัย ยกตัวอย่างเช่น ค่านิยมของคนในสังคมที่ประชาชนอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าขุนมูลนาย, กฎหมายของประเทศที่ยังไม่ศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้ทุกคนคิดแต่จะเลี่ยงกฎหมาย และพื้นฐานทางด้านการศึกษาของแต่ละบุคคล เป็นต้น

...

"นอกจากนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่า ปัจจุบันข้าราชการระดับสูงเงินเดือนค่อนข้างน้อย อาทิ นายกรัฐมนตรีมีเงินเดือนเพียงแสนกว่าบาท ข้าราชการระดับปลัดกระทรวงมีเงินเดือนเพียงแค่ไม่กี่หมื่นบาท ระดับรองๆ ลงไปก็ยิ่งน้อยกว่านั้น เมื่อต้องเผชิญกับภาระค่าครองชีพที่สูง ก็อาจคิดใช้อำนาจไปในทางทุจริตได้ โดยเฉพาะเมื่อเอกชนเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้เพื่อแลกกับความสะดวก จึงทำให้คนกลุ่มนี้ถูกชักจูงด้วยกลุ่มพ่อค้าที่เข้ามาหยิบยื่นข้อเสนอบางอย่างให้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ตนต้องการ" นายอัชชพล กล่าวตามความเป็นไปของสังคม

“แบ่งปันรายได้” คำหรู ดูดีแทน “แป๊ะเจี๊ยะ”

นายสรรค์ สุขุขาวดี ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ถ่ายทอดประสบการณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า นับตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ ผู้บริหารบริษัทจะถูกเชิญไปพูดคุยกับผู้มีอำนาจอนุมัติ โดยเปิดคำถามแรกอย่างตรงไปตรงมาว่า "คุณตัดสินใจได้ไหม?" ถ้าไม่ได้ก็ไม่คุย ให้ไปเรียกคนที่ตัดสินใจได้ในองค์กรมาแทน จากนั้นก็จะเป็นการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ ซึ่งทุกวันนี้จะใช้คำว่า "แบ่งปันรายได้" แทนที่จะเป็นศัพท์เดิมๆ อย่างแป๊ะเจี๊ยะ เก๋าเจี๊ยะ ค่าน้ำร้อนน้ำชา ฯลฯ เพื่อให้ฟังแล้วรู้สึกสบายหู ดูดีขึ้น

...

“ในความเป็นจริงนั้น ไม่มีใครอยากจ่ายหรอกครับ เพราะนั่นหมายถึงต้นทุน ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องผลักภาระไปให้ผู้บริโภคด้วยราคาอาคารที่แพงขึ้น” นายสรรค์ บอกเล่าอย่างไม่กั๊ก

“ผู้ประกอบการต้องซื้อเวลา เพราะเมื่อลงทุนไปแล้วแต่ใบอนุญาตก่อสร้างยังไม่ออก ผู้ประกอบการก็จะไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ บางแห่งใช้เวลานานนับปี ลักษณะนี้เป็นการบีบให้ผู้ประกอบการยอมจ่ายใต้โต๊ะ เพราะเมื่อเวลายิ่งเนิ่นนานออกไป ต้นทุนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่รัฐสามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะการก่อสร้างอาคารสักหลังหนึ่ง มีข้อกฎหมายหรือกฎระเบียบยิบย่อยเต็มไปหมด และที่สำคัญ สิ่งเหล่านี้เปิดให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจของตนเอง เพื่อดึงเรื่องให้ล่าช้าได้อีกด้วย นายสรรค์ สะท้อนความเห็นจากฟากฝั่งของเอกชน

หนทาง ปิดตายปัญหา “สินบนขอใบอนุญาตก่อสร้าง”

นางอารีพันธ์ เจริญสุข ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ในฐานะตัวแทนจากภาครัฐ มีความเห็นเช่นเดียวกับท่านอื่นๆ ว่า ภาครัฐได้สร้างกลไกความไม่สะดวกให้เกิดขึ้นจากการเข้าไปกำกับดูแลในทุกขั้นตอน จึงทำให้ภาคเอกชนต้องใช้เงินเพื่อซื้อความสะดวก และในท้ายที่สุด การกระทำเช่นนี้ จึงเป็นต้นตอของการคอร์รัปชัน

“เบื้องต้น ต้องปิดช่องการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ก่อนเป็นลำดับแรก โดยกำหนดให้หน่วยงานราชการที่มีอำนาจหน้าที่อนุมัติ หรืออนุญาตทั้งหลาย จัดทำระเบียบให้ชัดเจนว่า การยื่นขอในแต่ละเรื่องต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง จ่ายค่าธรรมเนียมเท่าไร ใช้เวลาดำเนินการเท่าใด โดยเชื่อว่า เมื่อขั้นตอนทุกอย่างชัดเจน ก็ไม่จำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่อีกต่อไป” นางอารีพันธ์ กล่าวถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ ก.พ.ร. ได้มีแนวคิดในการพัฒนาบริการภาครัฐไปสู่ระบบดิจิทัลให้มากขึ้น หรือ Zero Touch ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยระบบที่ตั้งไว้ รวมทั้งลดเวลาในการดำเนินการ และลดปัญหาการคอร์รัปชัน ซึ่งปัจจุบัน อยู่ในระหว่างการของบประมาณจาก กสทช. เพื่อทำ Single Form และนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป อย่างไรก็ตาม หากโครงการนี้สำเร็จ จะสามารถลดขั้นตอนและเวลาดำเนินการต่างๆ ไปได้ 30-50%


“จ่ายใต้โต๊ะ” หรือ “แบ่งปันรายได้”
จะหายไปจากสังคมไทย ได้หรือไม่?
คนไทยจะซื้อคอนโดในราคาถูกลง ได้หรือไม่?
ต้องติดตามอย่าให้คลาดสายตา
มิเช่นนั้น อาจจะกลับมาอีหรอบเดิม!