ตอนที่ 16
เสียแผนครั้งไหนก็ไม่เจ็บใจเท่าครั้งนี้ นันทวดี กลับบ้านอย่างหัวเสียสุดขีด พอเข้าห้องนอนเดินไปเปิดห้องน้ำก็ตกใจร้องลั่นเหมือนถูกผีหลอก เมื่อเห็นหนึ่งนอนแช่น้ำอุ่นสบายอารมณ์อยู่ในอ่างน้ำ
นันทวดีชี้หน้า ถามว่าเป็นใคร หนึ่งตอบหน้าตาเฉยว่าเป็นเจ้าของห้องนี้ ย้อนถามว่าแล้วเธอเป็นใคร ทำให้นันทวดี นึกขึ้นได้ว่าเขาคือพี่ชายของนุชนั่นเอง ถามเย้ยว่า "เนี่ยเหรอพี่ชายของนุชรี"
"ครับ แล้วคุณเป็นใครครับ ลูกจ้างคนใหม่ของ
คุณย่าเหรอ" หนึ่งตีหน้ากวน
"ย่า ไม่ได้บอกนายหรอกเหรอว่าฉันเป็นใคร" พอหนึ่งส่ายหน้า เธอแนะนำตัวเองอย่างวางเขื่องข่มว่า "ฉันเป็นพี่สาวแท้ๆของนาย คุณพ่อเขียนพินัยกรรมให้ฉันกลับเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ตามสิทธิที่ฉันควรจะ ได้รับ หลังจากที่แม่นายยัดเยียดความเป็นเมียน้อยให้แม่ฉัน ทั้งๆที่แม่นายนั่นแหละ มาทีหลัง รู้แล้วก็จำใส่หัวเอาไว้ด้วย"
"อ๋อออ...เหรอครับ..." หนึ่งทำหน้านิ่งอาบน้ำถูตัวไปเรื่อย
นันทวดีไล่หนึ่งให้ออกจากห้องไปเดี๋ยวนี้ หนึ่งอ้างว่าห้องนี้เป็นห้องนอนตน พูดยั่วเย้ยว่า
"ขี้ตู่เหมือนแม่คุณเลย ห้องนี้มันห้องนอนผม เหมือนกับที่คุณแม่ผมเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณพ่อ คุณนั่นแหละย้ายออกไปซะ"
"เรื่องอะไรฉันจะต้องไปนอนห้องรับแขกเล็กๆ ฉันมีศักดิ์เป็นพี่นายแล้วก็เป็นผู้หญิงด้วย นายควรให้เกียรติฉัน"
"เท่า ที่รู้ ผมเป็นพี่คนโตครับ มีน้องสาวแค่คนเดียว ไม่เคยมีพี่น้องที่ไหนอีก" พูดแล้วยืดตัวนอนสบายๆในอ่างน้ำไล่ทางอ้อมโดยไม่มองหน้าว่า "ขอความเป็นส่วนตัวด้วยครับ"
นันทวดีโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะไม่เคยมีใครกวนประสาทเท่าคนนี้ มองหนึ่งอย่างเจ็บใจ แล้วแก้เผ็ดทันที
"อ๋อ...ตกลง ไม่ใช่พี่น้องกันใช่ไหม ก็ดี กำลังอยากได้เพื่อนอาบน้ำช่วยถูหลังให้พอดีเลย" ว่าแล้วก็ขยับจะก้าวลงอ่าง หนึ่งร้องเสียงหลงถามว่าจะทำอะไร นันทวดีพูดหน้าตาเฉยว่าจะลงไปอาบน้ำด้วยอ้างว่า "ก็ไม่ใช่พี่น้องกัน ฉันไม่ถือหรอกค่ะ เหมือนลงแช่ออนเซ็นไงคะแฟร์ดีออก คุณเห็นของฉันฉันก็เห็นของคุณ...ฮิๆ"
พูดไม่ทันขาดคำ นันทวดีก็ก้าวลงอ่าง หนึ่งลุกพรวดคว้าผ้าเช็ดตัวห่อตัววิ่งอ้าวออกไป
"ฮึ! ลองของซะแล้ว ไอ้หน้าอ่อน" นันทวดียิ้มสะใจเมื่อขึ้นไปนั่งล้างเครื่องสำอางในห้องนอน
ooooooo
หนึ่งวิ่งอ้าวไปเคาะประตูห้องนุช พอนุชเปิดประตูเขาผลุบเข้าไปราวกับหนีใครมา พอปิดประตูแล้ว หนึ่งเล่าให้นุชฟัง ยอมรับว่า
"พี่เชื่อแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจริงๆ"
นุชขำกิ๊กออกมา หนึ่งมองขวับทำเสียงดุว่า
"ยังมาขำอีก ถ้าเป็นเราเจอผู้ชายมานอนแช่อ่างอาบน้ำในห้องต้องหนีเปิดไปแล้วว่าไหมล่ะ"
"นุชคงไม่เจอหรอกค่ะ เพราะถ้าเจ้าของห้องเขามา นุชก็ต้องย้ายออกไปแล้ว"
"เฮ้อ...แล้ว จะทำยังไงดี ท่าทาเขาคงเกาะบ้านเราไม่ปล่อย" หนึ่งทำเสียงหนักใจ นุชบอกว่า คุณแม่ว่าหมดเวรหมดกรรมต่อกันเขาก็คงไป หนึ่งพูดอย่างคิดหนักอีกว่า "ใจเย็นขนาดคุณแม่ไม่ไหวหรอก พี่ชักจะเชื่อที่คุณย่าบอกแล้วสิว่าเขาจงใจแย่งทุกอย่างไปจากนุช ทั้งคู่หมั้นเก่าของเราแล้วก็คุณนัดอะไรนี่ด้วย"
"ไม่รู้สิคะ ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกค่ะ อะไรจะเกิด ก็เกิดไปเถอะค่ะพี่หนึ่ง นุชขี้เกียจจะคิดแล้ว" นุชตัดบทเบื่อๆแล้วไปเปิดผ้าคลุมเตียงพับเตรียมนอน หนึ่งมองน้องสาวอย่างเห็นใจ พูดขรึมๆว่า
"พี่เห็นทุกคนไม่มีความสุข แบบนี้ พี่คงกลับไปเรียนต่ออย่างไม่สบายใจแน่ๆ ในฐานะที่พี่เป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน พี่จะต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ" ท่าทางขึงขังของหนึ่งทำให้นุชหันมองขำๆเมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา หนึ่งขู่น้องเขินๆว่า "เดี๋ยวจะโดน ขำอะไร พี่พูดจริงๆนะ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ ให้ถึงวันแต่งงานของเรากับคุณนัดก่อนพี่ค่อยกลับ"
"เดี๋ยวเหอะพี่หนึ่ง กลับห้องไปเลย" นุชรุนหลังพี่ชายออกไปแก้เขิน
ooooooo
เจอไก่แก่แม่ปลาช่อนอย่างนันทวดีเข้า ไก่อ่อน อย่างหนึ่งก็ถอยร่นไปอย่างขนหัวลุก เมื่อหนึ่งออกจากห้องไปแล้ว นันทวดีโทรศัพท์ไปที่บ้าน พวงสร้อยเพิ่งปิดประตูหน้าต่างเสร็จจะขึ้นนอนเป็นคนรับสาย
ทีแรกพอรู้ว่าเป็นนันทวดีโทร.มา พวงสร้อยก็งอนใส่ แต่พอนันทวดีถามว่าสองหมื่นหายโกรธไหม พวงสร้อยก็ตาโตตอบเสียงแจ่มใสไปว่า
"หายสนิทเป็นปลิดทิ้งไร้ความรู้สึกไปทั้งเดือนเลยลูก... ให้ยายจริงรึเปล่า"
"จริงสิคะ นี่ยาย...ยายรู้จักไอ้หนึ่งลูกชายคนโตของนังนวลมันไหม" พอยายบอกว่ารู้จักมีอะไรไหม นันทวดีก็พูดอย่างหมั่นไส้ว่า "มันกลับมาเมืองไทยแล้ว ท่าทางมันร้ายกาจเหมือนย่ามัน ท่าจะไม่หมูเหมือนอีสองคนแม่ลูกแล้วล่ะ"
ฟังแล้วพวงสร้อยสีหน้าโกรธแค้นขึ้นมาทันที ยุยงเสี้ยมสอนหลานสาวว่า
"เอ็งอย่าไปอ่อนข้อให้มันเชียวนะ ไอ้เนี่ยแสบซะยิ่งกว่าน้องสาวมันอีก ถ้าไอ้มารหัวขนนี่ไม่เกิดมา พ่อเอ็งก็ไม่ถูกแย่งไปหรอก ตอนแรกพ่อเอ็งหลงเอ็งกับแม่เอ็งยังกับอะไรดี จนไอ้เวรนั่นคลอดออกมามีจำปีเท่านั้นแหละ พ่อเอ็งหายหัวจ้อยเลย...อย่าไปยอมให้มันนะนัน ตอนแกเด็กก็โดนไอ้นี่แย่งทุกอย่างไปทีนึงแล้ว อย่ายอมให้มันมาแย่งอะไรไปได้อีกเชียวนะ"
ฟังยายแล้ว นันทวดีของขึ้นสีหน้าเจ็บแค้นขึ้นมาทันที
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น สองแม่ลูก คือนวลใจกับหนึ่งลงมา เดินจูงมือกันคุยอยู่ในสวนหลังบ้าน หนึ่งปรารภว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ท่าทางมีแผนการไม่น่าจะหวังดีกับบ้านเรา
นวลใจฟังแล้วไม่สบายใจ ปลอบลูกว่าเดี๋ยวเขาก็แพ้ภัยตัวเองแหละ หนึ่งถามว่ารอไหวหรือแม่ นวลใจถอนใจเฮือกใหญ่ โทษว่าคงเป็นกรรมของตนที่ทำกับเขาเอาไว้ ครอบครัวเราถึงได้ไม่มีความสุขเสียที หนึ่งฟังแล้วแย้งว่า
"มันไม่ใช่ความผิดของแม่เลยนะครับ แม่ไม่รู้เรื่องว่าพ่อมีคนรักอยู่แล้ว คุณย่าก็ไม่รู้ว่าเขาท้อง ถ้าแม่กับย่ารู้ ทางออกก็ต้องเป็นอย่างอื่น"
"เอาเถอะ ถือเสียว่าตอนเด็กๆเราสุขสบายกว่าเขาเยอะ ชีวิตเขาเจอความลำบากมาทุกรูปแบบ ถ้าเขาอยากได้อะไร เราไม่เดือดร้อนนักหนาก็ให้เขาไปเถอะ แม่อยากให้หนึ่งคิดเสียว่า ยังไงเสียเขาก็มีสายเลือดคุณพ่ออยู่ในตัวนะลูก"
หนึ่งมองหน้าแม่อย่างชื่นใจ บอกว่าคุยกับแม่ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเลวทุกที แล้วกอดแม่อ้อน "ไม่มีคุณแม่แบบนี้แล้วผมจะเป็นคนดีได้ยังไงเนี่ย"
"ทำให้ได้อย่างที่แม่แนะนำแม่จะชื่นใจกว่าคำพูดหวานๆเยอะ" นวลใจลูบผมลูกหัวเราะขำๆ
หนึ่งกอดแม่ไว้แน่นอย่างมันเขี้ยวแซวว่า "เดี๋ยวนี้คำพูดคำจาคมคายนะ สงสัยจะเตรียมพร้อมรับลูกเขยเป็นนักการทูต"
ooooooo
เช้าวันเดียวกัน รุจิรากับสวีแปลกใจ เมื่อสารัตถ์ไปยืนรอส่งพ่อไปทำงานที่หน้าบ้าน บอกว่ามีเรื่องรอคุยกับคุณพ่อ สวีถามว่าแล้วเมื่อกี้ทำไมไม่คุยที่โต๊ะอาหารเสียเลย
"ผมเพิ่งตัดสินใจได้น่ะครับ คือ...ผมตัดสินใจได้แล้วว่า จะกลับไปคืนดีกับนุชเขา"
รุจิราดีใจถามว่าจริงหรือ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแม่ฟังแล้วสบายใจ ส่วนสวีดักคอว่าถ้าพูดจริงทำจริงก็ดี งามพิศแสดงความดีใจด้วยแต่ก็เป็นห่วง เตือนว่าเขาต้องพยายามมากหน่อย
"แต่ถ้าน้องเขาปฏิเสธผม พ่อคงไม่จับคู่ให้ผมกับใครต่อใครอีกนะครับ" สารัตถ์มีข้อแม้ สวีก็มีข้อแม้เช่นกันว่าเขาต้องไม่ไปคืนดีกับเมียเก่า รุจิรารบเร้าให้ลูกรับปากพ่อเสีย สารัตถ์จึงรับคำว่า "ผมรับปากครับ"
สวีมองหน้าลูกชายนิ่งบอกว่าจะยอมทำใจเชื่ออีกครั้ง แล้วหันบอกรุจิราให้โทร.ยกเลิกนัดทานข้าวกับคุณวิวัฒน์เสาร์นี้ไปก่อน รุจิรารับคำยิ้มแย้มสบายใจ
เมื่อสวีขึ้นรถไปทำงานแล้ว รุจิราเข้าไปย้ำกับลูกชายว่า อย่าชะล่าใจ ต้องเช้าถึงเย็นถึงเพราะนัดดาทำคะแนนทิ้งห่างไปไกลแล้ว
"ครับแม่" สารัตถ์รับคำหน้าขรึม เพราะไม่ว่าจะสัญญากับพ่ออย่างไรใจเขาก็ยังรักนันทวดีไม่เสื่อมคลาย
ooooooo
สายวันเดียวกัน นันทวดีไปพบกับหาญพงศ์ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง หาญพงศ์เอาใบจองทองมาให้บอกให้เก็บไว้ให้ดี นันทวดีดูใบจองแล้วถามอย่างสงสัยว่า "เงินเกือบยี่สิบล้านได้กระดาษมาแผ่นเดียว ทองคำแท่งอยู่ไหน"
"เขาไม่มีทองจะขายคุณแล้ว เหลือแต่ใบจองนี่แหละ" หาญพงศ์ชี้แจง ครั้นเธอถามว่าถ้าต้องการใช้เงินจะทำยังไง "ก็ขายใบจองสิครับ อีก 10 วันโน่นกว่าจะได้ทอง ผมบอกแล้ว ให้ซื้อทองรูปพรรณจากร้านผมเพิ่มก็ไม่เชื่อ"
นันทวดีบ่นว่าซื้อทองร้านเขาจนเต็มเซฟไปหมดแล้ว พลางหยิบใบจองดูบอกว่าอยากแบ่งขายไปซื้อคอนโดฯหรูๆสักห้อง เพราะสังหรณ์ใจยังไงบอกไม่ถูก กลัวไม่มีที่ซุกหัวนอน
"อย่างคุณจะไม่มีที่ซุกหัวนอนได้ยังไง บ้านยายคุณก็มี คอนโดฯผมคุณก็อยู่ได้ คิดมาก" พูดแล้วดูปฏิกิริยาจากเธอ เห็นแค่ยักไหล่แล้วยกกาแฟดื่ม หาญพงศ์เลยรับอาสา "ถ้าคุณอยากได้ก็ไม่เป็นไร คุณอยู่เฉยๆ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง"
"ขอคอนโดฯริมแม่น้ำเจ้าพระยานะ ฉันชอบ"
"จะเอาหนุ่มที่ไหนไปซุก บอกมาซะดีๆนะ" หาญพงศ์ ระแวง เธอแค่ยิ้มๆไม่ยอมตอบ
ooooooo
สายๆหนึ่งไปที่ร้านขนมหวานของนุช สีดาเอาขนมหวานมาให้แล้วนั่งลง นุชถือกาแฟเย็นมาสองถ้วย ให้พี่ชายกับเพื่อน หนึ่งชิมขนมหวานแล้วชมว่าไม่น่าเชื่อว่าน้องสาวจะทำได้ ทำเอานุชยิ้มปลื้ม
สีดาดูดกาแฟเย็นฮวบๆจนหายอยากแล้วลุกขึ้น หนึ่งถามหยอกว่ายังไม่ทันได้คุยกันเลยจะไปเสียแล้ว สีดาหันมา พูดหน้าตาเฉยว่า "หลงเสน่ห์เขาแล้วล่ะสิ" ทำเอาหนึ่งขำพรืด สีดาบอกหนึ่งว่า
"แขกเอาขนมไปให้เพื่อนแม่ก่อน เดี๋ยวบ่ายๆมารับ ไปเที่ยวนะคะพี่หนึ่ง" พอหนึ่งโอเคเธอเดินไปหยิบถุงขนมพร้อมกับพูดเสียงดังว่า "อยากให้เปลี่ยนจากเพื่อนน้องสาวเป็นอย่างอื่นเมื่อไหร่ก็บอกได้เลยนะคะพี่หนึ่ง" แล้วกะพริบ ตาปิ๊งๆขณะหิ้วถุงขนมเดินผ่านเขา
หนึ่งหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู พูดกับนุชว่า "เพื่อนเรานี่ยิ่งโตยิ่งทะเล้น ทำเป็นเล่นไปเดี๋ยวนี้สวยขึ้นเยอะนะ"
"สงสัยบ่ายนี้ปล่อยไปตามลำพังกันไม่ได้ซะแล้ว" นุชแซวพี่ชายแล้วต่างก็หัวเราะขำๆกัน
ooooooo
แยกจากหาญพงศ์แล้ว นันทวดีไปที่บ้านสร้อย-สอางค์ กินมะม่วงน้ำปลาหวานไปบ่นไปว่า
"ตอนนี้รอบๆตัวนันมีแต่ศัตรูเต็มไปหมด บางทีก็เหนื่อยเหมือนกันนะแม่ เฮ้อ...คุณนัดเองช่วงหลังก็แปลกๆไป ระวังตัวมากขึ้น"
"ก็เอ็งทำพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างนั้น ใครจะไม่สงสัยวะ เขาไม่ใช่พวกเคี้ยวเอื้องเหมือนผัวเก่าเอ็งนี่" สร้องสอางค์บ่น นันทวดีเลยพูดเซ็งๆ ว่ายากนักก็หาใหม่ สร้อยสอางค์มองขวับห้ามเสียงดัง "เฮ้ย! เอ็งจะมาถอดใจตอนนี้ไม่ได้นะนัน จะยอมให้อีนุชได้ดีกว่าแกเรอะ อีนวลกับนังคุณนายได้สมน้ำหน้าข้าตายเลย"
พูดแล้วเห็นลูกสาวเอาแต่นั่งถอนใจ สร้อยสอางค์ ตัดสินใจ "สงสัยข้าต้องยื่นมือเข้าไปช่วยแล้วล่ะ ปล่อยเอ็งคนเดียวท่าจะไม่ไหว ต้องรวบรัดเผด็จศึกให้เร็วที่สุด" พูดแล้วนิ่งคิดวางแผน ส่วนนันทวดีก็เอาแต่กินมะม่วงน้ำปลาหวานแก้เซ็งไปเรื่อยๆ
ooooooo
หนึ่งยังนั่งเล่น ดูน้องขายขนม และดูอัลบั้มรูปที่นุชไปเที่ยวเขาใหญ่ไปเพลินๆ พอว่างจากลูกค้า นุชก็มานั่งเป็นเพื่อนพี่ หนึ่งดูแล้วชี้ไปที่นัดดาถามว่า คนนี้หรือพี่นัดดา นุชบอกว่าใช่ หนึ่งทำท่านึกๆ ชมว่าหน้าตาหล่อเหมือนกัน รู้สึกหน้าคุ้นๆเหมือนใครสักคน พลางเงยหน้าขึ้น
ขณะนั้นเองเขาเห็นนัดดาเดินเข้ามาพอดี เห็นสีหน้าสายตาของนัดดาที่มองมา หนึ่งก็เดาอารมณ์ออก นึกสนุกขึ้นมา เลยแกล้งนั่งเบียดนุช พอนุชทัก นัดดาก็พูดแบบแอบหึงว่า
"พี่ไม่รู้ว่านุชมีแขก"
นุชกำลังจะแนะนำ หนึ่งก็ขัดขึ้นก่อนอย่างจงใจแกล้งลองใจ เขาโอบไหล่นุชแถมหอมอีกจุ๊บหนึ่ง ก่อนหันไปบอกนัดดาว่า "ไม่เป็นไรครับตามสบาย เราคนกันเอง"
นัดดาหน้าตึงบอกว่าตนไม่รบกวนดีกว่า หนึ่งยิ้มชอบใจ ที่ทำให้นัดดาหึงได้สำเร็จ นุชแอบหยิกพี่ชายมองอย่างต่อว่า ก็พอดีสารัตถ์เดินเข้ามาอีกคนในชุดแต่งครึ่งท่อนสวมเสื้อยืด นัดดาหันมองสารัตถ์ต่างจ้องหน้ากันเล็กน้อย หนึ่งร้องทักพลางยกมือไหว้
"หวัดดีครับพี่รัตถ์"
นัดดามองงงๆที่สองคนนี้รู้จักกัน นุชรีบออกไปเคลียร์ กับเขาว่าหนึ่งเป็นพี่ชายตนเอง นัดดาเลยมองเหวออยู่ตรงนั้น หนึ่งรีบเข้าไปยกมือไหว้แล้วเข้าไปเช็กแฮนด์ ทำเอานัดดายิ้ม เขินๆที่ไปหึงพี่ชายของนุช
นัดดา หนึ่ง และนุชต่างยิ้มแย้มทักทายกันอย่างเข้าใจ ทิ้งให้สารัตถ์ยืนเป็นส่วนเกินอยู่ตรงนั้น
ooooooo
วารีใช้มาตรการเด็ดขาดสั่งสาวใช้ให้ขนของของนันทวดีใส่ลังให้หมด สาวใช้ลังเลทำให้วารีโมโห ถามว่าใครเป็นเจ้านายพวกเธอกันแน่ จนนวลต้องขอร้องว่าอย่าเพิ่งอารมณ์เสียรอให้นันทวดีกลับมาคุยกันด้วยเหตุผลก่อนดีกว่า
แต่วารีไม่คอยจัดแจงลงมือเองเปิดตู้คว้าเสื้อผ้าของนันทวดีมาโยนที่เตียง สั่งสาวใช้ให้เอาใส่กล่องให้หมด ใคร ไม่กล้าทำอีกตนจะไล่ออกให้หมด สาวใช้เลยต้องรีบเข้าไปทำตามคำสั่ง
"เธอเก็บของบนโต๊ะเครื่องแป้งให้หมด" เสียงวารีดุดันกับสาวใช้อีกคน
"อย่ามาแตะต้องของใช้ของฉันนะ" เสียงนันทวดีแข็งกร้าวแทรกเข้ามา เดินฉับๆเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าไม่พอใจ มากจ้องวารีเขม็งถามว่า "นี่มันอะไรกันคะ เข้ามาในห้องส่วนตัวของนันทำไม"
วารีตวาดใส่ว่าตนเป็นเจ้าของบ้านเมื่อบอกแล้วเธอไม่ยอมคืนห้องให้หนึ่งดีๆก็ต้องทำแบบนี้ ครั้นนันทวดีกระชากเสียงถามว่าแล้วจะให้ตนไปอยู่ไหน นวลใจรีบบอกว่าที่ห้อง พักแขกที่จริงก็เล็กว่าหน่อยแต่อยู่สบายไม่แพ้กัน
"แต่ที่จริง ไหนๆก็ขนของแล้วน่าจะขนออกไปกองหน้าบ้านเสียเลยจะได้ไปให้พ้นๆเสียที" วารีรุกหนัก นันทวดีบีบน้ำตาคลอถามว่ากำลังไล่หลานแท้ๆของตัวเองออกจากบ้านหรือ วารีไม่แยแส สวนไปทันทีว่า "ใช่ เธอฟังไม่ผิดหรอก ตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ฉันไม่เคยมีความสุขเลยสักวัน มีแต่ปัญหาไม่ได้หยุดหย่อน...เธอก็ได้เงินมรดกไปหมดแล้ว ไม่รู้จะหน้าด้านอยู่ทำไมอีก ไม่เห็นมีใครเขาต้อนรับเธอสักคน"
ฟังแล้วนันทวดีบีบน้ำตาเป็นเผาเต่าหันไปพึ่งนวลใจ อ้อนว่า
"คุณแม่คะ คุณแม่บอกมาคำเดียวว่าไม่อยากให้นัน อยู่บ้านหลังนี้แล้ว นันจะไปทันที"
นวลใจยังนิ่งอยู่ ถูกวารีเร่งอย่างบีบคั้นว่าโอกาสทองมาแล้วอย่าใจอ่อนไม่เข้าท่าอีก พูดแล้วจ้องหน้านวลใจเขม็งทั้งขู่ทั้งลุ้น สุดท้ายนวลใจพูดตรงๆแต่ไม่รุนแรงว่า
"ถ้าหนูนันย้ายออกไป ก็คงไม่มีใครต้องรู้สึกอึดอัดใจอีก"
นันทวดีน้ำตาร่องผล็อย ยิ่งเมื่อวารีช่วยแปลให้ดุเดือดขึ้นไปอีกว่านวลใจบอกให้ไสหัวออกไปเสีย ทุกคนจะได้มีความสุขเสียทีเข้าใจชัดหรือยัง นันทวดีร้องไห้โฮ ฉวยกระเป๋าใกล้มือวิ่งออกจากห้อง วารีพูดไล่หลังไปว่า
"สมบัติที่เหลือฉันจะให้คนรถเอาไปส่งให้ที่บ้านแม่หล่อน ไม่ต้องกลับมาเอาอีกล่ะ"
"พอแล้วค่ะคุณแม่" นวลใจขอร้องเพราะสงสารนันทวดี แล้วบอกสาวใช้ "ช่วยเก็บรวบรวมข้าวของของคุณนันให้ดีๆนะ อย่าให้แตกหักเสียหายล่ะ"
พอไล่นันทวดีออกไปสำเร็จ วารีพูดกับนวลใจอย่างแปลกใจว่าทำไมคราวนี้ถึงยอมไปง่ายนัก คราวก่อนด่าแรงกว่านี้ยังไม่ไปเลย ถามนวลใจว่าแปลกๆไหม
"อย่าคิดอะไรอีกเลยค่ะคุณแม่ เขาไปแล้วก็ให้มันจบไปเถอะค่ะ"
"เดี๋ยวหาฤกษ์ทำบุญบ้านใหญ่เสียทีท่าจะดีนะ" วารียิ้มสบายใจที่เขี่ยหอกข้างแคร่ออกไปเสียได้
ส่วนนันทวดีคว้ากระเป๋าเดินปึงปังลงบันไดมาเจอหนึ่งเดินสวนขึ้นมาพอดี ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน นันทวดีหยุดจ้องหน้าหนึ่งอย่างชิงชัง พูดขู่ใส่หน้าว่า "ระวังตัวเอาไว้เถอะ" แล้วจงใจเดินกระแทกหนึ่ง
แต่หนึ่งเกร็งตัวระวังอยู่แล้ว แทนที่หนึ่งจะเซ นันทวดีกลับเซถลาไปเองจนเกือบตกบันได คราวนี้เลยยิ่งโมโห ตั้งหลักได้ก็หันมาถลึงตาใส่หนึ่งก่อนกระแทกเท้าปึงปังลงบันไดไป
หนึ่งมองตาม เขาส่ายหน้าอย่างเหลือเชื่อ แล้วรีบขึ้นไปชั้นบน
ooooooo
บ่ายๆนุชเดินคุยกับสารัตถ์มาตามซอย นุชสีหน้าผ่อนคลายลงมาก จนสารัตถ์ถามว่าไม่โกรธตนใช่ไหม นุชพูดจากใจจริงว่าไม่โกรธ ดีใจกับเขาด้วยซ้ำที่ได้เจอกับคนที่เขารักจริงๆ
นุชยังแสดงความรู้สึกจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า "มาถึงวันนี้ นุชเข้าใจแล้วนะคะพี่รัตถ์ ความรู้สึกที่เราเคยมีให้กันน่าจะเป็นความผูกพันที่มากจนเราเข้าใจว่ามันคือความรักมากกว่า สารัตถ์ถามกระเซ้าว่า ที่นุชเข้าใจเพราะเจอนัดดาใช่ไหม เธอก็เขิน
สารัตน์มองนุชอย่างเอ็นดู เปรยๆว่า ความรักของตนคงไม่ราบรื่นเหมือนนุชแต่ตนก็จะอดทน ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นุชพูดเดาความรู้สึกของนันทวดีว่าถ้าเธอได้ยินคงจะดีใจมาก
"ก็ไม่รู้จะเป็นพี่รักเขาข้างเดียวรึเปล่านะ คุณนันอาจจะไม่ได้รู้สึกขนาดพี่ก็ได้" นุชให้กำลังใจว่า นันทวดีต้องแพ้ความ จริงใจของเขา สารัตถ์ยิ้มสบายใจ ขอบใจแล้วย้ำ "ยังไงก็ช่วยเล่นละครกับพี่ด้วยแล้วกัน อย่าลืมบอกคุณนัดให้เข้าใจด้วยล่ะ"
นุชพยักหน้ายิ้มแย้มยินดี สารัตถ์ถอนใจอย่างโล่งอก บอกว่าวันนี้รู้สึกสบายใจที่สุดเลย นุชบอกว่าตนก็เหมือนกัน รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้ว
"ขอกอดที" สารัตถ์ยิ้มเอ็นดูไร้อารมณ์แบบหนุ่มสาว นุชยอมให้เขาดึงเข้าไปกอด ยิ้มให้กันอย่างสบายใจที่หมดเรื่องค้างคาใจกันแล้ว
ooooooo
เมื่อนุชกลับไปที่ร้านขนมหวานอีกที ถามพนักงานว่านัดดาไปไหน กลับไปแล้วหรือ ถามแล้วจ้องคอยคำตอบอย่างใจจดจ่อ
พอรู้ว่านัดดานั่งดื่มกาแฟอยู่ที่สวนหย่อมหลังร้าน นุชก็รีบไปหา นัดดาถามว่าสารัตถ์มาทำอะไร นุชเล่าตามตรงว่ามาขอให้ตนเล่นละครแกล้งทำเป็นว่าเขากลับมาหาตนอีกเพื่อพ่อแม่ของเขาจะได้ไม่จับคู่ให้กับใครอีก เล่าอย่างตรงไปตรงมาว่า
"พี่รัตถ์เลยให้นุชมาบอกพี่นุชให้รู้เรื่อง จะได้ไม่เข้าใจผิดน่ะค่ะ"
นัดดามองอย่างเป็นห่วงเตือนว่าระวังจะเป็นแผนซ้อนแผนหลอกนุชอีก นุชยืนยันว่าสารัตถ์รักนันทวดีมากจะมาหลอกตนทำไม นัดดาจึงยิ้มโล่งไป
นุชถามว่าที่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกตนนั้น เรื่องอะไรหรือ นัดดาลดเสียงเบาลงเล่าว่า
"พี่รู้ข่าววงในมาว่าไม่เกินปลายปีนี้พี่ต้องย้ายไปประจำ ที่ต่างประเทศ"
นุชดีใจด้วย แต่พอนัดดาทวงสัญญาที่ว่าจะยอมแต่งงานกับตน นุชก็แก้เกี้ยวเขินๆ ว่าตนไม่เคยสัญญาสักหน่อยแล้วทำเป็นงอนๆ ลุกเดินเข้าร้าน นัดดายิ้มกับอาการน่ารักนั้น พูดตามไปว่า
"งั้นพี่ให้อาเล็กดูฤกษ์คราวๆไว้เลยนะครับ"
นุชหันมาย่นจมูกใส่แล้วรีบเดินเข้าร้านไป นัดดามองตามยิ่งโล่งใจ สบายใจในความหวังของตน
ooooooo
นันทวดีคว้ากระเป๋าติดมือกลับไปที่บ้านสร้อยสอางค์ โชคดีที่พวงสร้อยกับสวาทไปเข้าบ่อน เพราะแถวบ้านตำรวจมากวนบ่อยๆ สองแม่ลูกเลยคุยกันสบายๆ
นันทวดีเล่าว่าถูกวารีไล่ออกจากบ้าน ส่วนของที่เหลือจะให้คนรถเอามาส่ง ทั้งยังสั่งห้ามตนไปเหยียบบ้านนั้นอีก เล่าแล้วเหยียดปากพูดอย่างชิงชังท้าทายว่า "คิดว่าห้ามนันได้เรอะ"
"เออ...อย่าไปกลัวมัน วันไหนนึกครึ้มขึ้นมาก็เข้าไปป่วนมันที แม่ว่างจะไปเป็นเพื่อน" พูดแล้วถามอย่างสงสัยว่า "แล้วเอ็งยอมออกจากบ้านมันมาง่ายๆยังงี้ มันไม่สงสัยเอาเหรอวะ"
"มันคงดีใจกันจนลืมสงสัยมั้งแม่"
สร้อยสอางค์บอกว่าไม่สงสัยก็ดีแล้วงั้นโทร.เลย นันทวดีถามว่าจะโทร.ไปไหน เลยถูกย้อนว่า
"อ้าว...ก็เอ็งอยากได้ใครเป็นผัวล่ะ วันนี้ทางสะดวกยายเอ็งเพิ่งออกไป ตี 1 ตี 2 โน่นแหละกว่าจะกลับ ช้าไม่ได้แล้ว โทร.เลยเดี๋ยวแม่คุยให้เอง
ooooooo
สร้อยสอางค์คว้าโทรศัพท์นันทวดีมาโทร.เข้ามือถือของนัดดา เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน พอเห็นเบอร์ โทร.เขาก็ทำหน้าเซ็งๆ กดทิ้ง
สร้อยสอางค์ฟ้องว่าถูกกดตัดสายทิ้ง พูดอย่างจะเอาชนะให้ได้ว่าจะโทร.ทั้งวันทั้งคืนให้รู้ฤทธิ์ซะมั่ง ว่าแล้วกดโทร.เข้าไปใหม่
นัดดาตัดรำคาญจึงกดรับสาย สร้อยสอางค์ตีโพยตีพายร้องไห้ไปเล่าไปว่านันทวดีถูกไล่ออกจากบ้านโน้นทั้งยังถูกหนึ่งปล้ำด้วย ตนกลัวลูกจะฆ่าตัวตาย รีบมาช่วยด้วย
ผ่านไปพักใหญ่ สร้อยสอางค์รีบขึ้นไปหานันทวดีที่ห้องนอนพร้อมแก้วน้ำที่ใส่ยาไว้แล้ว กำชับว่า
"คุณนัดมาถึงแล้วนะ เดี๋ยวแกก็ทำร้องห่มร้องไห้สำออยให้สุดๆ ไปเลย อ๊ะ...เผื่อพลาดมันไม่กินน้ำข้างล่าง แม่ผสมยาสมุนไพรให้เรียบร้อยแล้ว อัตราส่วนเป๊ะๆ รับรองไม่พลาด เอ็งได้ผัวแน่"
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นอย่างเร่งเร้า สร้อยสอางค์ไล่ลูกสาวให้รีบเข้าไปรอในห้อง ส่วนตัวเองหันหลังจะวิ่งลงไป แต่ ไม่ลืมหันมากำชับ "สำเร็จอย่าลืมส่วนแบ่งข้าล่ะ"
"สมนาคุณอย่างงามเลยล่ะแม่" นันทวดีร้องตอบ มองน้ำในแก้วอย่างพอใจ
ooooooo
สร้อยสอางค์ลงไปรับนัดดา แต่แล้วก็เบิกตากว้างเมื่อมองไปข้างหลังเขา
ปรากฏว่านัดดาไม่ได้มาคนเดียวแต่พ่วงเอาอาเล็กกับสีดามาด้วย
ทั้งหมด ขึ้นไปปลอบใจนันทวดีที่ห้อง แล้วชวนลงไปนั่งคุยข้างล่างกันดีกว่าเก็บตัวอยู่แต่ข้างบน แต่พอลงไปที่โถงบ้าน นันทวดีก็หัวเสียแทบจะบ้าเมื่อเห็นสารัตถ์นั่งคุยอยู่กับสร้อยสอางค์ เธอตะคอกถามว่ามาทำอะไร สีดารีบชิงตอบว่า ตนเป็นห่วงกลัวนันทวดีจะตายเลยรีบโทร.ตามสารัตถ์ มาดูใจ
"แส่!" นันทวดีหันมาขยับปากด่าเบาๆ
"ขอบคุณค่ะ" สีดายิ้มรับแล้วกรีดกรายเข้าไปทักทายสารัตถ์
สา รัตถ์พูดอย่างเห็นใจนันทวดีว่ามีปัญหาอะไรตนช่วยได้ก็บอกเลย อาเล็กเสริมว่าเมื่ออยู่บ้านโน้นมีปัญหามากย้ายออกมาก็ดีแล้ว ส่วนนัดดาติงๆว่าเรื่องที่เธอถูกหนึ่งปล้ำนั้นน่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า สีดารีบสนับสนุนว่า
"ใช่ค่ะ แขกไม่เชื่อว่าพี่หนึ่งจะปล้ำพี่นันหรอกค่ะ สไตล์ พี่นันไม่ใช่สเปกพี่หนึ่ง แล้วพี่หนึ่งก็ไม่นิยมคนแก่ด้วยค่ะ"
นันทวดีจ้องจิกสีดาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อาเล็กแอบตีขาสีดาก่อนปั้นยิ้มพูดขึ้นว่า
"เรา มาช่วยคิดหาทางแก้ไขด้วยกันดีไหมคะ จะได้ ไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก" พูดแล้วมองแก้วน้ำบนโต๊ะจะหยิบดื่มแก้คอแห้ง สร้อยสอางค์รีบคว้าไปจิบบอกว่าเป็นของตน นันทวดีตกใจสบตาแม่ เห็นสร้อยสอางค์กลืนน้ำผสมยาคึกคักเข้าไปอึกหนึ่ง กรอกตาไปมาเล็กน้อยแล้วฝืนยิ้มไปรอบๆ
ooooooo
ระหว่างนั่งรถ กลับด้วยกันนั้น สีดาสะใจมากที่แผนของนันทวดีคว่ำไปไม่เป็นท่า เดาว่านันทวดีตั้งใจปล้ำนัดดาแน่นอน อาเล็กชมว่านัดดารอบคอบดีที่ชวนตนกับสีดามาด้วย
นัดดาบอกว่าทีแรกตน จะไม่มาแต่กลัวเป็นเรื่องจริงเดี๋ยวจะเป็นบาปเลยชวนอาเล็กกับสีดามาด้วย ส่วนอาเล็กก็หันไปค้อนสีดาพูดขำๆ "เราก็ร้ายนะโทร.ตามสามีเก่าเขามาด้วย"
"แขกสงสารพี่รัตถ์ อยากจะช่วยให้หูตาสว่างขึ้นมั่งน่ะค่ะ แต่ท่าจะยาก" พูดแล้วถอนใจยาว
นัดดา บอกว่าถ้าเรามัวแต่ตั้งรับอยู่อย่างนี้จะต้องมีพลาดให้นุชเข้าใจผิดได้สัก วัน สีดาเลยยุให้ต้องทำอะไรสักอย่าง เอาให้นันทวดีเข็ดขยาดนัดดาไปเลย
ที่ บ้านสร้อยสอางค์ พอเสียแผน สองแม่ลูกก็อารมณ์เสีย นันทวดีย้ำกับแม่ว่าเห็นหรือยังว่านัดดาระวังตัวขึ้นมาก โทร.ตามใครต่อใครมากันเต็มบ้านไปหมด พูดอย่างถอดใจว่าตนคงหมดโอกาสแย่งนัดดาจากนุชแล้วแน่ๆ สร้อยสอางค์ด่าลูกว่าก็ตัวเองไปแหวกหญ้าให้งูตื่นเอง ยุว่าอย่าเพิ่งถอดใจ นัดดาต้องมีวันพลาดแน่ๆ
นันทวดีเอะใจถามแม่ว่ากินน้ำผสมยาเข้าไปทำไม สร้อยสอางค์ยอมรับว่าตกใจ กลัวว่าถ้าอาเล็กกินเข้าไปความแตกแน่เลย
"แล้วแม่เป็นไงมั่ง" นันทวดีมองหน้าแม่อย่างเป็นห่วง
"จิบเดียวจะไปรู้สึกอะไรวะ ระดับกูต้องกินเป็นโอ่ง"
พอดี มีโทรศัพท์เข้ามือถือ นันทวดีดูเบอร์ที่โชว์แล้วบอกแม่ว่าให้ไปดูซิว่าพวกนั้นกลับไปกันหมดหรือยัง สร้อย–สอางค์ค้อนขวับพูดอย่างรู้ทันว่า
"มึงจะไล่กูออกไปจากห้องก็บอกมาตรงๆก็ได้อีนัน"
ooooooo
เป็น สายจากหาญพงศ์โทร.มาบอกนันทวดีว่าเขาหาคอนโดฯริมน้ำให้ได้แล้ว นัดไปดูกันเดี๋ยวนี้เลยเพราะมีคนจะเอาแต่ยังตกลงราคากันไม่ได้ ขืนช้าเดี๋ยวถูกตัดหน้าไปก่อน นันทวดีจึงรีบออกไป
หารู้ไม่ว่าสารัต ถ์ยังจอดรถซุ่มอยู่กลางซอย พอเห็น รถนันทวดีออกมาก็ขับตามโดยที่เธอไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ฮัมเพลงมีความสุขที่จะ ได้คอนโดฯริมแม่น้ำสมใจ
พอไปดูห้อง นันทวดีชอบใจบอกว่าเอาห้องนี้เลย
หาญ พงศ์บอกว่างั้นก็ขนของเข้ามาอยู่เลย แล้วยื่นคีย์การ์ดให้ นันทวดีมองอย่างรู้ทันถามว่าได้ค่าคอมเท่าไร หาญพงศ์ตอบเหนียมๆว่า ตนจะลดให้เธอไปช็อปสองแสนก็แล้วกัน
ตกลงห้องกันเรียบร้อยแล้วในราคา 12 ล้าน นันทวดีให้จ่ายเงินสดเลยโดยให้ขายใบจองทองคำแท่งไปซื้อคอนโดฯ หาญพงศ์พยายามหน่วงเหนี่ยวแต่นันทวดีให้จัดการแทนตนไปเลยอย่าช้าเดี๋ยวอด
จากนั้นทั้งคู่เดินชมวิวกันอย่างมีความสุข โอบเอวกันไปหอมกันไป หาญพงศ์ปากหวานว่า เห็นเธอมีความสุขแบบนี้แล้ว ตนก็ดีใจ
"ไม่มีใครรู้ใจนันเท่าคุณสักคน ถ้าไม่มีคุณ ชีวิตนันคงวุ่นวายน่าดู คุณดูแลนันทุกเรื่องเลยจริงๆนะ" นันทวดีอ้อนตามเคย
หาญ พงศ์เสนอให้เธอเอาทองที่ตู้เซฟมาไว้ที่คอนโดฯดีไหม นันทวดีไม่เห็นด้วยบอกว่าอยู่ที่บ้านแม่ดีแล้ว ตนคิดจะยกให้แม่กับยายหมด หาญพงศ์หน้าเสียรีบบอกว่าอย่าเพิ่งยกตอนนี้ เผื่อต้องเอามาลงทุนเพราะเธอหมดไปกับคอนโดฯเยอะแล้ว พอนันทวดีตกลง เขายิ้มสบายใจเอ่ยชวน
"ไปกินอะไรกันดีครับ"
"กินหมัดกูไปก่อน แล้วกัน" เสียงสารัตถ์ดุดันโผล่พรวดจากหลังรถคันหนึ่งชกหน้าหาญพงศ์เต็มแรงด้วยความ หึงจนฝ่ายนั้นล้มตึงไปกับพื้น พอจะตามซ้ำก็ถูกนันทวดีดึงตัวไว้
ร้องห้าม "อย่าค่ะคุณรัตถ์"
สารัตถ์เลือดขึ้นหน้าถามว่ามันเป็นใครถึงได้สนิทกันขนาดนี้ นันทวดีทำหน้าตื่นบอกว่าเขาคือเซลส์ขายคอนโดฯ
สารัตถ์ไม่เชื่อ จ้องหน้าหาญพงศ์บอกว่าหน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
ขณะ ที่สารัตถ์พยายามนึกนั้น นันทวดีก็รีบแทรกขึ้นว่า เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันของตน ตนเพิ่งตกลงซื้อคอนโดฯไปเมื่อกี้นี้เอง หาญพงศ์เลยได้ช่องรีบยืนยันแถมเชิญขึ้นไปดูห้องก็ได้ถ้าไม่เชื่อ
"แล้วทำไมต้องเดินโอบกันมาด้วย มาซื้อคอนโดฯหรือเพิ่งขึ้นคอนโดฯมากันแน่" สารัตถ์ถามประชด นันทวดี
ทำ เป็นขำกิ๊กแอบส่งสายตาให้หาญพงศ์แล้วพูดเหมือนผู้หญิงคุยกัน ส่วนหาญพงศ์ก็รับลูกได้ฉับไวทำท่าแต๋วแตกทันที ซ้ำส่งสายตาอ่อยสารัตถ์ด้วย
นันทวดีชวนขึ้นไปดูคอนโดฯกันแล้วโอบเอวสารัตถ์
เดินกลับขึ้นไป สารัตถ์ยังไม่หายเขม่นหาญพงศ์ พอเขาหันหลังให้หาญพงศ์ก็ทำปากด่าอย่างสะใจ
ooooooo
ขึ้น ไปดูห้องแล้ว สารัตถ์คาดว่าคงแพงน่าดู นันทวดีอ้อนเขาว่าตนตั้งใจซื้อไว้เพื่อเราสองคนเพราะหลังจากหย่ากันแล้ว ตนรู้ตัวว่าขาดเขาไม่ได้ เพราะมีแต่ เขาคนเดียวที่ดีกับตนอย่างจริงใจ พูดแล้วบีบน้ำตาอ้อนว่า
"ถึงเราจะแต่งงานกันออกหน้าออกตาไม่ได้ แต่เราก็มีครอบครัวลับๆของเราได้ไม่ใช่เหรอคะ" เมื่อสารัตถ์ถามว่าเธอคงหมดเงินไปเยอะ นันทวดีก็ปั้นหน้าเศร้าบอกว่า "นันก็ผ่อนเอาน่ะค่ะ หนักหน่อย นันเสียดายเงินก้อน"
สารัตถ์กอดเธอ ไว้ด้วยความรักและซาบซึ้งใจ ขอช่วยผ่อนเดือนละสองหมื่นบาท นันทวดีนึกเย้ยในใจว่าแค่นั้นจะพอ อะไร แต่ภายนอกก็ทำเป็นเกรงใจปากหวานว่าต่อให้น้อยกว่านี้ก็มีค่ามากที่สุดสำหรับ ตน
หลังจากดูห้องกันแล้วก็ชวนกันไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า นันทวดีซื้อทั้งทีวี ตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเกือบครบสำหรับครอบครัวใหม่โดยไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาท เดียว!
ooooooo
ที่บ้านนัดดา ทุกคนที่บ้านรวมทั้งนุชกับสีดา
นั่ง คุยกันไปทานผลไม้กันไปอย่างสบายอกสบายใจ สีดาบ่นเสียดายที่ไม่ได้ชวนนุชไปด้วย ถามนัดดาว่า วันนี้ถ้าไม่มีใครอยู่บ้านเลยเขาจะทำอย่างไร นัดดาบอกว่าตนคงไปรับนุชไปด้วยกัน
ทั้งอาเล็กและอาใหญ่ต่างลุ้นหลานชายสุดๆ ย้ำว่าเราวิ่งมาจะถึงเส้นชัยอยู่แล้วอย่าเผลอโดนคนโกงวิ่งชนล้มเสียก่อน เสียดายตายเลย
สีดาฟังแล้วแซวๆว่าวันนี้อาใหญ่รุกน่าดูเลย อาเล็กเลยพูดอย่างหมายมั่นว่า
"เดี๋ยวอารับไม้ต่อรับรองรุกหนักกว่านี้อีก"
นุช นั่งฟังได้แต่ยิ้มเขินไปเขินมา จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ อาเล็กรุกหนักจริงๆด้วยการพานุชขึ้นไปที่ห้องนอนของนัดดา นุชไม่กล้าเข้าไปขอยืนรอที่หน้าห้อง อาเล็กเข้าไปครู่หนึ่งก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งซ่อนไว้ข้างหลังออกมาหานุช
"อา มีอะไรเล็กๆน้อยๆอยากให้หนูนุชดู ไม่รู้ว่าหนูนุชจะรู้สึกอะไรรึเปล่า แต่ถ้าเป็นอานะ มีใครทำอะไรให้กับเราอย่างนี้ อาต้องปลื้มใจมาก เทใจให้ไปเลยล่ะ"
นุชถามว่าอะไรหรืออยากเห็นจัง อาเล็กจึงเอากระดาษแผ่นนั้นมาข้างหน้าพลิกให้ดู เป็นภาพวาดสเกตช์รูปเหมือนใบหน้านุชนั่นเอง นุชมองอึ้ง อาเล็กจึงเล่าให้ฟังว่า ตอนที่นัดดากลับมาเมืองไทยใหม่ๆ เขาไปหาแขกที่คณะ พอกลับมาก็วาดภาพผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนี้
"นัดเขาอายอามากนะ เอาซ่อนใหญ่เลย แต่อาก็แย่งมาดูจนได้ นัดไม่ยอมบอกอาว่าผู้หญิงในรูปเป็นใคร แต่อามั่นใจว่าต้องเป็นรักแรกพบแน่ๆ ไม่งั้นจะจำหน้าเขามาวาดรูปได้ยังไง อาไม่เคยเห็นนัดมีท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย นัดเขาชอบหนูมากจริงๆนะ"
นุชน้ำตารื้นตั้งแต่เห็นภาพแล้ว ต้องคอยกะพริบตากลืนเข้าไปไม่ให้ไหลออกมา เมื่อรุกจนนุชซาบซึ้งแล้ว อาเล็กย้ำว่า
"เราสองคนเหมาะสมกันมากรู้ไหม อาทนรอให้ถึง
ปลายปีไม่ไหวหรอกนะ อาอยากพานัดไปสู่ขอนุชซะวันนี้พรุ่งนี้เลยจะได้ไหม"
"นุช...นุชคงให้คำตอบเองไม่ได้หรอกค่ะ ทั้งหมดต้องขึ้นกับคุณแม่กับคุณย่า" นุชหลบตาเขินจัด
"งั้นถ้าคุณนวลใจกับคุณวารีเซย์เยส หนูก็เซย์เยสใช่ไหมจ๊ะ" ถามแล้วมองหน้าคอยคำตอบ
นุชตอบไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าเอียงอาย อาเล็กดูท่าทีก็อ่านใจออก ยิ้มออกมาอย่างดีใจมากๆ
ooooooo
สา รัตถ์พานันทวดีไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ากลับมาก็นอนกันที่นั่น จนดึกนันทวดีปลุกให้เขาเตรียมตัวกลับเดี๋ยวคุณแม่จะสงสัย เดาว่าถ้าพ่อแม่เขารู้ว่าห้ามลูกชายไม่สำเร็จคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแน่ๆ
สารัตถ์ย้ำว่าให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด นันทวดีเลียบเคียง
ถาม ว่าความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ต่างคนต่างมีใหม่ได้ใช่ไหม สารัตถ์ไม่อยากให้เธอมีใหม่ เธอดักคอเขาว่าแต่เขากำลังจะคืนดีกับนุชไม่ใช่หรือ
"ก็แค่เล่นละคร แต่อีกไม่นานผมก็คงจะเดือดร้อนโดนจับคู่ให้ใหม่อีกแล้วล่ะครับ"
นันท วดีถามว่าทำไม สารัตถ์บอกว่านุชกับนัดดาคงแต่งงานกันเร็วๆนี้ สีดามาพูดกันท่าตนว่านัดดาต้องไปประจำต่างประเทศภายในปีนี้ และคงไม่ยอมไปคนเดียวเพราะกลัว
ตนจะคาบนุชไป ต้องพามาดามไปด้วยแน่ๆ
นันทวดีฟังอย่างตึงเครียด ทั้งหมั่นไส้ ริษยา เจ็บใจจนแทบทนไม่ได้
กว่า สารัตถ์จะกลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว งามพิศคอยอยู่ถามว่าทำไมกลับดึกจัง เขาปดว่าคุยติดพันไปหน่อย ถามว่าแม่นอนหรือยัง งามพิศบอกว่านอนแล้ว เพราะตนโกหกว่าเขานอนหลับไปแล้ว
"ขอบคุณครับพี่งาม" สารัตถ์หอมแก้มเธอฟอดหนึ่งชมว่า "พี่งามน่ารักกับผมที่สุดเลย" แล้วเดินอารมณ์ดีขึ้นไป งามพิศมองตามอย่างสงสัยว่า ทำไมวันนี้เขาอารมณ์ดีผิดสังเกต
ooooooo
ด้วยความริษยานุช นันทวดีจ้างเด็กเกเรแถวนั้น ไปป่วนที่ร้านนุช ถูกนุชฉีดสเปรย์พริกไทยใส่ก็ยิ่งอาละวาดจะพังร้าน ขณะนุชกำลังตึงเครียดนั่นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!"
พวก เด็กเกเรเหล่านั้นพากันวิ่งหนีตัวใครตัวมัน หนึ่งล็อกไว้ได้คนหนึ่ง ถามว่าใครจ้างมาป่วน ถ้าไม่อยากติดคุก สารภาพมาเร็วๆ เขาบิดแขนจนมันร้องจ๊าก
ครู่ใหญ่ต่อมาที่มุมซอยลับตาคน เด็กเกเรเหล่านั้นพากันมาเคาะกระจกรถนันทวดีที่จอดซุ่มอยู่ พวกมันบางคนถือถุงขนมมาให้ดูเป็นหลักฐานว่าไปป่วนร้านมาแล้วจริงๆ
"ดีมาก อีกวันสองวันค่อยไปป่วนมันใหม่ ทำไปเรื่อยๆ เข้าใจไหม" ว่าแล้วควักเงินค่าจ้างให้ 2 พัน
พอเด็กเกเรรับเงินก็ถูกถ่ายรูปไว้ นันทวดีตกใจ เมื่อชาย ที่ถ่ายรูปถอดหมวกกันน็อกออกกลายเป็นหนึ่ง เขาพูดอย่างสะใจว่า
"หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ดิ้นไม่หลุดแล้วล่ะครับ ถ้าคุณยังไม่เลิกก่อกวนร้านของนุชอีก ผมจะส่งคลิปนี้ให้ตำรวจทันที"
นันทวดีตกใจจนรีบขับรถหนีไปต่อหน้าต่อตา ส่วนพวกเด็กเกเรก็วิ่งกันเตลิดเปิดเปิง หนึ่งมองตามพวกนั้นและนันทวดีไปอย่างหนักใจ
เมื่อ ไปเล่าให้นวลใจฟัง ครู่ต่อมาหนึ่งก็ขับรถโดยมี นวลใจบอกทางไปบ้านสร้อยสอางค์ พอจอดรถนวลใจนั่งในรถ แต่หนึ่งลงจากรถ นวลใจถามอย่างไม่สบายใจว่า
"หนึ่งแน่ใจแล้วเหรอว่าจะลงไปคุยกับพวกเขาจริงๆ"
"ครับแม่"
"แม่ไม่ลงไปด้วยนะ"
"ไม่ต้องหรอกครับ แม่รอในรถนี่แหละ" หนึ่งเดินตรงไปที่ประตูรั้ว ท่ามกลางสายตาของนวลใจที่มองตามลูกชาย ไปด้วยความเป็นห่วง
ooooooo










