สมาชิก

เคหาสน์สีแดง

ตอนที่ 13

เพียง​เดิน​เข้าถ้ำ​ไป​ไม่​กี่​อึดใจ พระ​ศัลย์ฯ​ก็ถอด​ใจ ​ขอ​ออกไปรอ​ข้าง​นอก​กับ​น้า​สังวาล​ย์​และ​เด็กๆ ส่วน​เสา​ว​รส​ก็​เกาะภาคิ​นัย​ไม่​ยอม​ปล่อย

รุจ​เห็น​พระ​ศัลย์ฯ​ถอย​ออก​ไป เขา​ถาม​อา​ร​ยาว่า​เธอ​จะ​ว่า​อย่างไร อา​ร​ยา​พูด​ประชด​ใน​ที​ว่า​รีบไป​เถิด เพราะ​เสา​ว​รส​ไป​โน่น​แล้ว รุจ​สวน​กลับ​ทันควัน​ว่า ไม่​ใช่เธอ​หรือ​ที่​อยาก​ไป​ให้​เร็ว​เพื่อ​ให้​ทัน​ใคร

ทั้ง​คู่​ต่อปากต่อคำ​ประชดประชัน​กัน​ตาม​ประสา​ของ​คน​ที่​มี​อะไร​อยู่​ใน​ใจ​แต่​ต่าง​ไม่​ยอม​รับ จน​เมื่อ​รุจ​ส่งไฟฉาย​ให้​อา​ร​ยา จะ​ให้​เธอ​เดิน​ล่วงหน้า​ไป เธอ​ไม่​ยอม​ไป​คน​เดียว​เลย​ถูกรุ​จก​ระ​ชา​ก​เสียง​อย่าง​ไม่​พอใจ​ว่า

“เธอ​จะ​ให้​ฉัน​ไป​ทำไม เพื่อ​ให้​เธอ​แสดง​อะไร​ให้​ฉัน​รู้ และ​ฉัน​จะ​ได้​ไม่​มา​วุ่นวาย​กวน​ใจ​เธอ​รึ”

“คุณ​รุจ​คิด​ไป​เอง...”

อา​ร​ยา​พูด​ไม่ทัน​จบ​ก็​ถู​กรุ​จ​จับ​ไหล่​เขย่า​อย่าง​แรง ปาก​พูด​ตา​จ้อง​ตา​เขม็ง

“บอก​ฉัน​มา​เถอะ​ว่า เธอ​เตรียมตัว​จะ​อยู่​ไร่​รวงผึ้ง ใน​ฐานะ​เจ้าของ​ฝ่าย​หญิง”

แม้​จะ​อารมณ์​พลุ่ง​พล่าน​ด้วย​ความ​โกรธ แต่​ตา​ต่อตา​ที่​จ้อง​กัน​อย่าง​ใกล้​ชิด ก็​ทำให้​หวั่นไหว​ไป​ทั้ง​คู่ รุจ​พึมพำ  

“อา​ร​ยา...” ก้มหน้า​เข้าหา​เธอ​เหมือน​ลืมตัว แต่​พริบตา​นั้น อา​ร​ยา​เบี่ยง​ตัว​เดิน​ออก​ไป​ทาง​ปาก​ถ้ำ​อย่าง​เร็วจน​ร่าง​เธอ​หาย​ไป​แล้ว รุจ​ยัง​ยืน​นิ่ง​อยู่​ที่​เดิม

ooooooo

ใน​ถ้ำ​ที่​ลึก​กว่า​นั้น เสา​ว​รส​เกาะ​ภาคิ​นัย​จน​เขา​แทบ​จะเดิน​ไม่ได้ เขา​ขอ​ให้​เธอ​เกาะ​ให้​น้อย​กว่า​นี้​ไม่​อย่าง​นั้นจะไม่ทัน​คน​นำทาง เสา​ว​รส​บ่น​ออด​ว่า​ถ้า​รู้ว่าลึกขนาด​นี้ตน​ไม่​มา​หรอก

ทันใดนั้น​ภาคิ​นัย​ร้อง​บอก​​ว่า​เธอ​เหยียบ​เท้า​เขา เสา​ว​รส​ขอโทษ ​เขา​จึง​ส่ง​ไฟฉาย​ให้​เธอ​ถือ ​แล้ว​ก้ม​ลง​ผูก​เชือก​รองเท้า ระหว่าง​นั้น​เสา​ว​รส​ส่อง​ไฟฉาย​ไป​รอบๆพลัน ก็​ร้อง​กรี๊ด ไฟฉาย​ตก​แสงไฟดับ​วูบ

ภาคิ​นัย​ตกใจ​ถาม​ว่า​เป็น​อะไร เธอ​บอก​ว่า​ตัว​อะไรก็ ไม่​รู้​ไฟ​ส่อง​ตา​มัน แล้ว​ทำ​เสียง​สยอง​โผ​เข้า​กอด​ภาคิ​นัยแน่น​จน​หน้า​แนบ​หน้า

เสา​ว​รส​ยั่วยวน​จน​ภาคิ​นัย​อดใจ​ไม่ได้​ตวัด​ร่าง​เธอ​กอด​รัด​ระดม​จูบ​ซุก​ไซ้​อย่าง​ลืมตัว

“ยัง​รัก​ฉัน​อยู่​ใช่​ไหม​คะ ภาคิ​นัย” เสา​ว​รส​กระซิบ​เสียง​แผ่ว ภาคิ​นัย​ยัง​ลุ่มหลง​รส​สัมผัส​กอด​รัด​อย่าง​กระ​สัน

เสา​ว​รส​ตอบ​สนอง​อย่าง​แนบ​สนิท กระซิบ​บอก“ภาคิ​นัย​รัก​เสา​ว​รส เสา​ว​รส​ก็​รัก​คุณ​ค่ะ​เรา​แต่งงาน​กัน​นะ​คะ”

ภาคิ​นัย​หยุด​การ​เคลื่อนไหว​ใน​ฉับพลัน แต่​เสา​ว​รส​ยัง​เคล้าเคลีย​ไม่​หยุด​

เมื่อเสาวรสขอคำตอบ ภาคินัยดันร่างเธอออกไป ถามว่าแต่งงานหรือ มองหน้าเธอนิ่ง พูด​อย่าง​ไร้​อารมณ์​ว่า “ผม​ไม่​เคย​รัก​คุณ เรา​จะ​ไม่​แต่งงาน​กัน”

“อะไร​นะ”

“ผม​ไม่​เคย​คิด​ว่า​เรา​จะ​แต่งงาน​กัน”

เสา​วรส​เปลี่ยน​เป็น​เกรี้ยว​กราด​ใน​พริบตา เธอ​ต่อว่า​ตำหนิ​เขา​อย่าง​รุนแรง​ที่​กอด​จูบ​ตน​อยู่​หยกๆ ยัง​บอก​ว่า​ไม่ได้​รัก หา​ว่า​เขา​ปัน​ใจ​ให้ “นัง​ผู้หญิง​คน​นั้น...อา​ร​ยาใช่​ไหม”

ภาคินัยฉุนขาดตวาดถามว่าอารยาเกี่ยวอะไรด้วยไปจิกหัว เรียกเขาอย่างนั้นทำไม ทำให้เสาวรสยิ่งโมโหคราวนี้ด่าว่า เขาเองนั่นแหละหน้าโง่ รักนังเด็กคนนั้นทั้งที่ไม่รู้หัวนอน ปลายตีน

เสาวรสเป่าหูภาคินัยและใส่ไฟอารยาว่า อารยาอยู่บ้าน เดียวกับรุจมานานมากแล้วใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนุ่มสาวที่

อยู่บ้านเดียวกัน จนกระทั่งโพล่งออกมาว่า

“นังเด็กคนนั้นมันเป็นเมียหมอรุจ หมอรุจตามคนของเขา มาด้วยความหึงหวง ฉันจะบอกให้”

พอเห็นภาคินัยตะลึงงัน เสาวรสตัดบทว่าไม่เชื่อก็ ตามใจ ให้ดูเอาเองก็แล้วกัน บอกให้เขาพาตนออกจากถ้ำ อุบาทว์นี้ได้แล้ว ตะคอกถามว่าไฟฉายอยู่ไหน ทั้งที่ตัวเอง ทำหล่นไปเมื่อครู่นี้แท้ๆ

ooooooo

การไปเที่ยวถ้ำครั้งนี้ กลายเป็นหนุ่มสาวทั้งสี่ ยิ่งบาดหมางกันมากขึ้น เสาวรสหึงภาคินัย รุจจับผิด อารยากับภาคินัย และภาคินัยระแวงรุจกับอารยา เมื่อกลับมาถึงบ้านไร่รวงผึ้ง อารมณ์ของสองหนุ่มก็ยัง กรุ่นระแวงกันอยู่

ส่วนเสาวรสฮึดฮัดหุนหันสั่งอินตาให้ขับรถพาตนกลับไป โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ เมื่อพระศัลย์ฯถามว่าเราต้องค้างที่นี่ อีกคืนหนึ่งไม่ใช่หรือ เธอก็แว้ดใส่ว่า

“คุณพ่ออยากค้างก็ค้างไป ลูกกลับ!” แต่พอเข้าไป ในบ้านเห็นอารยากำลังชงกาแฟให้ภาคินัยอยู่อย่างใกล้ชิด ก็เดือดปุดก้าวพรวดๆขึ้นชั้นบน หันมาสั่งพระศัลย์ฯที่เงอะงะ ตามไปติดๆว่า“คุณพ่อ ไปเก็บ
ของเร็วๆล่ะ”

ooooooo

ดื่มกาแฟแล้วภาคินัยขึ้นไปหาภคินีที่ห้อง เสาวรสเปิดประตูพรวดเข้าไป พอเขาหันมอง ก็ถูกเธอ ตบหน้าเพียะ แล้วตะคอกใส่หน้าขณะที่ภาคินัยยังยืน งงๆอยู่ว่า

“สาแก่ใจคุณล่ะสิ คุณแก้แค้นฉันใช่ไหม”

“เสาวรส ถ้าพูดถึงความรัก ผมอาจจะมีให้ไม่เท่าเดิม แต่ผมยังมีความรู้สึกดีๆให้คุณเสมอ​ ผมดีใจมากที่เห็นคุณ มาเที่ยวที่นี่ คุณจะได้เห็นว่าผมเตรียมอะไรไว้ให้คุณบ้าง”

ภาคินัยพูดไม่ทันขาดคำก็ถูกเธอตบเข้าอีกเพียะ พูดใส่หน้า

“แล้วคุณก็สะใจที่ได้พูดใส่หน้าฉันว่าคุณไม่ต้องการแต่งงานกับฉัน”

ภาคินัยยังใจเย็น พยายามให้เธอทบทวนความสัมพันธ์ ที่ผ่านมา​ ถามว่าตนแสดงอุปนิสัยกับเธอไว้อย่างไร เธอยังคิดว่า ตนสะใจได้ลงคอหรือ

“แน่นอน ฉันจะไม่ลืมเลยว่าคุณปฏิเสธฉัน ปฏิเสธแบบ ไม่ได้คิดสักวินาทีเดียวด้วยซ้ำ ปฏิเสธฉันเพื่อไปเลือกนังเด็ก หน้าจืดชืด ไม่มีน้ำยา คุณหยามฉัน เห็นนังเด็กไม่มีหัวนอน ปลายตีนดีกว่าฉัน เลือกมันมาแทนที่ฉัน”

“แทน​ที่​คุณ​จะ​ว่า​คน​อื่น คุณ​เอา​เวลา​ไป​พิจารณา​ตัว​เอง​ดี​กว่า” ภาคิ​นัย​เตือนสติ เธอ​ตวาด​ถาม​ว่า​ทำไม ภาคิ​นัย​ชี้แจง​อย่าง​ใจเย็น​ว่า “แล้ว​คุณ​จะ​เห็น​คำ​ตอบ​ทั้งหมด​ว่า​มัน​ไม่​ใช่​แก้แค้น ไม่​ใช่​หยาม​เหยียด ​ไม่​ใช่​สะใจ แต่​ผม​ไม่​แต่งงาน​และ​ไม่​มี​วัน​แต่งงาน​กับ​คุณ เพราะ​ตัว​คุณ​นั่นแหละ คุณ​ดู​ตัว​เอง​ยัง​ไม่​ออก​เลย​เสา​ว​รส”

เสา​ว​รส​มอง​เขา​ตา​ค้าง อึ้ง​สนิท​อย่าง​คาด​ไม่​ถึง ภาคิ​นัย​นิ่ง​ไป​นิดหนึ่ง​แล้ว​จึง​พูด​ต่อ​ที่​ทำให้​เธอ​ยิ่ง​คลั่ง​แค้น​แสน​สาหัส​ว่า

“ถ้า​คุณ​จะ​แต่งงาน​กับ​ผม เพราะ​คุณ​รัก​ผม​จริงๆ เชื่อ​เถอะ​เสา​ว​รส ป่านนี้​เรา​แต่ง​กัน​ไป​เรียบร้อย​แล้ว”

“จำ​ไว้ จำ​คำ​พูด​ของ​คุณ​ไว้ วัน​หนึ่ง​จะ​ทำให้​รู้​ว่า​เสียใจ​ที่​พูด​อย่าง​นั้น” เสา​ว​รส​จ้อง​จิก​เขา หัน​หลัง​ปิด​ประตู​ปัง​ใส่​หน้า​เมื่อ​ออก​ไป

ooooooo

ตก​เย็น​ ภาคิ​นัย​ไป​คุย​กับ​รุจ​ที่​ยืน​ชม​ทิวทัศน์​ไร่​รวงผึ้ง​อยู่ เข้าไป​ถาม​ตรงๆว่า​ อา​ร​ยา​เคย​อยู่​บ้าน​เดียว​กับ​เขา​ใช่​ไหม รัก​กัน​ใช่​ไหม

รุจ​ยอม​รับ​ว่า​อยู่​บ้าน​เดียวกัน แต่​เรื่อง​รัก​กัน​นั้น เขา​ปฏิเสธ​บอก​ว่า​ตน​เป็น​ผู้​ปกครอง​อา​ร​ยา ด้วย​ความ​ประสงค์​ของ​แม่​เธอ​ที่​ตาย​ไป​แล้ว ภาคิ​นัย​หน้า​คลาย​เครียด​ลง​ทันที พึมพำ​ว่า​ถ้า​เช่น​นั้น คน​ที่​บอก​ตน​คง​เข้าใจ​ผิด​มาก

“คน​คน​นั้น​ใส่ร้าย หรือ​ไม่​ก็​พูดจา​กลั่นแกล้ง” รุจ​พูด​เหมือน​จะ​รู้​ว่า​ภาคิ​นัย​ฟัง​มา​จาก​ใคร

ภาคิ​นัย​เอ่ย​ปาก​ขอ​อา​ร​ยา​แต่งงาน รุจ​ใน​ฐานะ​ผู้​ปกครอง​จะ​อนุญาต​หรือ​ไม่ รุจ​แสง​ตา​วาบ​ขึ้น​แวบหนึ่ง​ด้วย​ความรู้สึก​ที่​ตัว​เอง​ก็​จับ​ไม่ได้ แต่​ถาม​ภาคิ​นัย​ด้วย​นํ้า​เสียง​ปกติ​ว่า บอก​อา​ร​ยา​แล้ว​หรือ​ยัง

“ยัง​ครับ แต่​เชื่อ​ว่า...”

“อา​ร​ยา​คง​ไม่​ปฏิเสธ”

“ครับ​ผม​หวัง​เช่น​นั้น”

“ถ้า​อา​ร​ยา​ไม่​ปฏิเสธ ผม​จะ​ทำได้​อย่าง​เดียว​คือ แสดง​ความ​ยินดี”

พูด​แล้ว​รุจ​จับ​มือ​ภาคิ​นัย​แสดง​ความ​ยินดี​ด้วย อา​ร​ยา​แอบ​ดู​อยู่​ที่​หน้าต่าง​มอง​อย่าง​ฉงน​กับ​ท่าทาง​ของ​สอง​หนุ่ม จน​เมื่อ​อา​ร​ยา​จะ​เอา​อาหาร​มา​ให้​ภคินี รุจ​ดัก​เธอ​ที่​หน้า​ห้อง บอก​เธอ​ว่า

“ฉัน​จะ​กลับ​โรงพยาบาล​เย็น​นี้ รุ่ง​ขึ้น​จะ​กลับ​พระนคร”

“ค่ะ” อา​ร​ยา​รับ​ทราบ​เบาๆ ก้มหน้า​ลง รุจ​ก้าว​เข้าหา มอง​ด้วย​สายตา​อาวรณ์ แต่​พูด​ด้วย​อารมณ์​เจ็บปวด​แกม​ประชด​ว่า

“อยู่​ที่​นี่​มี​ความ​สุขมาก​หรือ ถึง​ไม่​อยาก​ไป​ไหน”

“ค่ะ”

“มาก​กว่า​ที่​ที่​เคย​อยู่”

“ค่ะ”

“ฉัน​ยินดี​ด้วย​กับ​ตำแหน่ง​นาย​หญิง​เจ้าของ​ไร่​รวงผึ้ง” รุ​จร​วบ​รัด อา​ร​ยา​พยายามจะ​ปฏิเสธ แต่​เขา​ไม่​ฟัง​ขัด​ขึ้น​ทันที “เธอ​จะ​ได้​ไม่​ต้อง​พบ​ฉัน​ให้​เป็น​ที่​รำคาญใจ​อีก ฉัน​ขอ​ลา​เธอ​เสีย​ใน​วัน​นี้”

อา​ร​ยา​นิ่ง​งัน รุจ​เอง​พูด​แล้ว​ก็​นิ่ง​งัน​เช่น​กัน ​ต่าง​จ้อง​หน้า​กัน​นิ่ง​นาน

ooooooo

กลับ​ถึงที่​พักโรงพยาบาล เสา​ว​รส​ร้องไห้​อย่าง​หนัก​ ทั้ง​อาย ทั้ง​โกรธ ทั้ง​แค้น​ที่​ถูก​ภาคิ​นัย​ปฏิเสธ​ไม่​แต่งงาน​ด้วย พระ​ศัลย์ฯ​ปลอบ​ใจ​ลูก​สาว​อย่า​ร้องไห้ เรา​จะ​กลับ​พระนคร​พรุ่งนี้​เลย​จะ​ได้​ไม่​ต้อง​เห็น​หน้า​กัน​อีก​ต่อ​ไป อิน​ตา​ที่​เฝ้า​ดู​อยู่​ตั้งแต่​ต้น เอ่ย​ขึ้น​ว่า

“ท่าน​สอง​คน​มี​บุญคุณ ผม​จะ​ทำ​ทุก​อย่าง​ให้​ท่าน ท่าน​อยาก​ให้​ทำ​อะไร ให้​คน​ที่​ดูถูก​คุณนาย​ไม่​ต้อง​อยู่​ต่อ​ไป”

พระ​ศัลย์ฯ​ตกใจ​บอก​อิน​ตา​อย่า​พูด​บ้าๆอย่าง​นั้น ไม่​มี​ใคร​คิด​ทำ​อย่าง​นั้น แต่​เสา​ว​รส​นิ่ง​ฟัง​นัยน์ตา​เป็น​ประกาย​เหี้ยม

เย็น​นี้ ขณะ​ที่​ภคินี​ให้​พี่​ชาย​อุ้ม​ออก​ไป​ทาน​อาหาร​ที่​ระเบียง​นั้น ภาคิ​นัย​บอก​น้อง​ว่า​ดีใจ​มาก​ที่​เห็น​น้อง​กลับ​มา​ยิ้มแย้ม พูด​คุย​อย่าง​เดิม ภคินี​โอบ​คอ​พี่​ชาย​หอม​แก้ม​เบาๆ ยิ้ม​น่า​รัก​ก่อน​บอก​พี่​ชาย​เสียง​แจ่มใส​ว่า

“ขอบคุณ​ค่ะ ชีวิต​น้อง​ไม่​ต้อง​มี​ใคร นอกจาก​คุณ​น้า น้อง​แฝด และ​พี่​ชาย อ้อ...คุณ​หมอ​รุจ​ด้วย”

“น้อง​ลืม​อา​ร​ยา​แล้ว​หรือ” ภาคิ​นัย​ถาม​ยิ้มๆ แต่​ภคินี​กลับ​หน้า​นิ่ง​ไม่​ตอบ ทำให้​พี่​ชาย​มอง​อย่าง​ไม่สบาย​ใจ พลัน​บรรยากาศ​ก็​เปลี่ยน​ไป​ทันที​เมื่อ​รุจ​มา​เคาะ​ประตู​แล้ว​เข้า​มา​หา​ที่​ระเบียง ภคินี​ยิ้ม​ดีใจ​ทันที

อา​ร​ยา​ถือ​ถาด​อาหารเดิน​ตาม​รุจ​เข้า​มา ภาคิ​นัย​รีบ​เข้าไป​ช่วย​รับ​ไว้ รุ​จม​องแวบ​หนึ่ง​แล้ว​บอก​ภคินี​ว่า

“ทาน​อาหาร​เสร็จ​แล้ว หมอ​จะ​ลา​ภคินี​แล้ว​นะ​ครับ คราว​นี้​ไป​จริงๆ” เห็น​ภคินี​หน้า​เจื่อน​ลง รุจ​พูด​ให้​กำลังใจ​ว่า “อีก 3 เดือน​หมอ​จะ​มา​รับ​ภคินี ต่อ​จาก​นั้น​อีก​ไม่​เกิน 3 เดือน...คุณ​จะ​วิ่ง​ได้”

ภคินี​ดีใจ​มาก​ถาม​ว่า​จริงๆหรือ รุจ​พยัก​หน้า​ยิ้ม​อ่อนโยน​เชื่อ​มั่น ภคินี​ยื่นมือ​ไป​ขอ​มือ​หมอ รุจ​ส่ง​มือ​ให้​เธอ​ประคอง​มือ​เขา​ไป​แนบ​แก้ม​ยิ้ม​ตื้นตัน​นํ้า​ตา​คลอ รุจ​ตบ​หลัง​มือ​ภคินี​เบาๆ ยืนยัน​ว่า

“สาม​เดือน​ไม่​นาน หมอ​จะ​กลับ​มา​หา​ภคินี​นะ​ครับ”

อา​ร​ยา​มอง​ภาพ​นั้น​นิ่ง มี​แต่​แวว​ตา​ที่​บอก​ถึง​ความ​สะเทือนใจ รุจ​หัน​สบ​ตา​อา​ร​ยา​แล้ว​มอง​ไป​ทาง​ภาคิ​นัย เห็น​ภาคิ​นัย​มอง​อา​ร​ยา​อยู่​ก่อน​แล้ว เพียง​แต่​เขา​ไม่​เห็น​แวว​ตา​ที่​สะเทือนใจ​ของ​เธอ​เท่านั้น...

ooooooo

ภาคิ​นัย​ออก​มา​ส่ง​รุจ เขา​ขอบคุณ​ที่​รุจ​ทำให้​ความรู้สึก​ที่​หมด​หวัง​จน​แทบ​จะ​ตาย​ตาม​ไป​ด้วย​กับ​น้อง​ของ​ตน​กลับ​มา​มี​ความ​หวัง​ขึ้น​เต็ม​เปี่ยม

“ถ้า​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ ยัง​มี​ความ​หวัง​เสมอ​นะ​ครับ อย่า​หมด​หวัง” รุจ​พูด​เรียบๆ ภาคิ​นัย​รับคำ​ต่าง​ยิ้ม​อย่าง​มี​มิตรภาพ​ต่อ​กัน

อา​ร​ยา​ยืน​มอง​จาก​หน้าต่าง​ห้อง​ชั้น​บน จน​เห็น​รุจ​เดิน​ไป​จะ​ขึ้น​รถ แล้ว​จู่ๆเขา​ก็​มอง​ขึ้น​มา อา​ร​ยา​ตกใจ​รีบ​ยกมือ​ไหว้ รุ​จม​อง​นิ่งๆ แล้ว​หัน​หลัง​ขึ้น​รถ​ไป​ทันที อา​ร​ยา​มอง​นิ่ง​แต่​ความ​ผิดหวัง​พลุ่ง​พล่าน​ขึ้น​เต็ม​หัวใจ...

ส่วน​ภคินี​ร้องไห้​เสียใจ​รำพึง​รำพัน “แล้ว​วัน​นี้​ก็​มา​ถึง วัน​ที่​หมอ​ต้อง​ไป” จน​น้า​สังวาล​ย์​ต้อง​ปลอบ​ใจ​ว่า​สาม​เดือน​ก็​แป๊บ​เดียว​เอง อีก​ไม่​นาน​คุณ​น้อง​ก็​จะ​หาย หมอ​รุจ​จะ​ทำให้​คุณ​น้อง​หาย บอก​ภคินี​ว่า

“คุณ​น้อง​ชื่นชม​หมอ​รุจ​ถูก​แล้ว​ค่ะ ไม่​ผิด​อะไร​เลย”

“คุณ​น้า...คุณ​น้า​สังเกต​ไหม​คะ​ว่า หมอ​รุจ​กับ​​อา​ร​ยา​มี​เรื่อง​อะไร​กัน ทำไม​เขา​ไม่​พูด​กัน” ภคินี​ตั้ง​ข้อ​สังเกต​กับ​น้า​สังวาล​ย์​อย่าง​สงสัย

และ​เมื่อ​อา​ร​ยา​เข้า​มา​ทำ​กายภาพบำบัด​ให้​ภคินี​ตาม​ปกติ ครู่​เดียว​ภคินี​ก็​บอก​ให้​เธอ​ออก​ไป​เสีย​ไม่​ต้อง​ทำ​แล้ว สั่ง​ให้​เรียก​ฝ้ายคำ​มา​ทำ​แทน อา​ร​ยา​หน้า​เจื่อน งุนงง ไม่ทราบ ​สาเหตุ

ooooooo

เมื่อ​ลง​มา​ข้าง​ล่าง เจอ​น้า​สังวาล​ย์ คุณ​น้า​บอก​อา​ร​ยา​ให้​ชง​กาแฟ​ให้​ภาคิ​นัย เธอ​รับคำ​แล้วไป​ชง​กาแฟ จาก​นั้น​ยก​ไป​ให้​ภาคิ​นัย​ที่นั่ง​รอ​อยู่​ใน​สวน เขา​รับ​ถ้วยกาแฟ เอ่ย​ขอบคุณแล้ว​ชวน​นั่ง อา​ร​ยา​ขอตัว​จะ​ไป​ดูแล​น้อง​ฝาแฝด​ทาน​อาหาร เขา​บอก​ว่า​ไม่​ต้อง น้า​สังวาล​ย์​ดูอยู่​แล้ว จาก​นั้น​เริ่ม​เรื่อง​ที่​ต้องการ​พูดด้วย​นํ้า​เสียงอ่อน​โยน แต่​มี​ความ​จริงจัง​ใน​ที

“อา​ร​ยา สิ่ง​ที่​ผม​จะ​พูด​ให้​ฟัง อา​ร​ยา​ฟัง​แล้ว​อาจจะ​โกรธ​ผม แต่​ผม​ขอบ​อก​ว่า​เป็น​ความ​จริงใจ​ที่สุด​ของ​ผม​ที่​มี​ต่อ​อา​ร​ยามา​นาน ตั้งแต่​มา​อยู่​ที่​นี่​ใหม่ๆจนถึง​วัน​นี้...ผม​จะ​บอก...แล้ว​ต่อ​จาก​นั้น อะไร​จะ​เกิด​ขึ้น​ผม​ยอม​รับ​ทุก​อย่าง” เมื่อ​อา​ร​ยา​มอง​หน้า​เขา​งงๆ ภาคิ​นัย​มอง​ตา​เธอ​บอก​ว่า “ผม​รัก​อา​ร​ยา”

อา​ร​ยา​นิ่ง​งัน ภาคิ​นัย​เอะใจ​ถาม​ว่า​หรือ​เพราะ​หมอ​รุจ คราว​นี้​เธอ​ตกใจ​ถาม​ว่า​เขา​รู้​หรือ ภาคิ​นัย​บอก​ว่า​ตน​รู้​จาก​เสา​ว​รส แต่​พอ​เธอ​ปฏิเสธ​ว่า​ไม่​จริง เขา​ก็​บอก​ว่า “ผม​ไม่​เคย​เชื่อ​คำ​เสา​ว​รส”

ภาคิ​นัย​เล่า​ว่า ​ตน​เคย​ถาม​รุจ​ตรงๆ ทำให้​รุจ​ไม่​พอใจ​มาก อา​ร​ยาใจ​เต้น​แรง​ถาม​ว่า​แล้ว​รุจ​ว่า​อย่างไร พอ​ฟัง​ภาคิ​นัย​บอก​ว่า “หมอ​รุ​จบ​อก​ว่า​ระหว่าง​อา​ร​ยา​กับ​เขา​ไม่ได้​มี​เรื่อง​รัก​ต่อ​กัน” เท่านั้น แม้​ว่า​หน้า​เธอ​จะ​นิ่ง​สนิท​แต่​ตัว​ชา​ไป​หมด​ใจหาย​วาบ

ภาคิ​นัย​ถาม​ว่า​เป็น​อะไร​หรือ​เปล่า เธอ​หัน​มา​สบตา​เขา แวว​ตา​ที่​เธอ​มอง​เขา ทำให้​ภาคิ​นัย​เดา​คำ​ตอบ​ได้​ทันที เขา​หน้า​สลด​ลง อา​ร​ยา​ยกมือ​ไหว้​ขอโทษ เขา​ถาม​เสียง​แผ่ว​ว่า

“เธอ​รัก​คน​อื่น​แล้ว​หรือ ชา​ลี​ใช่​ไหม” อา​ร​ยา​พยายาม​จะ​พูด​ทั้งที่​พูด​ไม่​ออก ภาคิ​นัย​เอา​มือ​แตะ​ปาก​เธอ​ไว้ แล้ว​เป็น​ฝ่าย​พูด​เอง​ว่า “ผม​ผิด​เอง​ที่​ทำให้​อา​ร​ยา​รัก​ผม​ไม่ได้ เป็น​เช่น​นี้​แล้ว อา​ร​ยา​จะ​ลา​ออก​หรือ​เปล่า​ครับ”

“ไม่​ค่ะ ไม่​ลา ดิฉัน​จะ​ไม่​ทิ้ง​คุณ​ภคินี​ไป​จนกว่า​ที่​นี่​จะ​ไม่​ต้องการ​ดิฉัน”

“ที่​นี่​ไม่​มี​วัน​ไม่​ต้องการ​อา​ร​ยา” ภาคิ​นัย​พูด​จาก​หัวใจ “ถ้า​อา​ร​ยา​ยัง​มี​หัวใจ​ให้​กับ​ภคินี ผม​ขอ​คำ​สัญญา​ว่า​ อา​ร​ยา​จะ​อยู่​จนกว่า​ภคินี​จะ​ผ่า​ตัด​ครั้ง​สำคัญ​ใน​สาม​เดือน​ข้าง​หน้า จะ​ได้​หรือ​ไม่”

“ดิฉัน​สัญญา​ค่ะ จะ​ไม่​มี​อะไร​มา​ทำให้​ดิฉัน​ไป​จาก​ไร่​รวงผึ้ง​ใน​อีก 3 เดือน​ข้าง​หน้าเป็น​อัน​ขาด”

อา​ร​ยา​สบ​ตาภาคิ​นัย​เป็น​การ​ยืนยัน​คำมั่น​สัญญา​ของ​ตน

คืน​นี้...ช่าง​เป็น​คืน​ที่​ว้าเหว่ เศร้าสร้อย และ​เจ็บปวด​ของ​ภาคิ​นัย​ที่​ผิดหวัง​จาก​อา​ร​ยา ของ​ภคินี​ที่​คิดถึง​รุจ ของ​อา​ร​ยา​ที่​ไม่​ว่า​จะ​หลับตา​หรือ​ลืมตา​ก็​เห็น​แต่​ภาพ​รุจ​กับ​ตน​ใน​โอกาส​ต่างๆกัน ส่วน​รุจ​สมอง​ก็​ครุ่นคิด​วนเวียน​อยู่​แต่​เรื่อง​ของ​อา​ร​ยา​จน​นอน​ไม่ได้​นั่ง​ไม่​ติด

ooooooo

เสา​ว​รส​แค้น​ภาคิ​นัย​มาก รุ่ง​ขึ้น​เธอ​บอก​อิน​ตา​ให้​จัดการ​ภาคิ​นัย เอา​แค่​เจ็บ​หนักๆ ไม่​ต้อง​ให้​ถึง​ตาย พระ​ศัลย์ฯ​ดู​อาการ​ก็​รู้​ว่า​ลูก​สาว​จะ​ทำ​อะไร แต่​ทักท้วง​ไป​ก็​ไร้​ผล ถูก​เอ็ด​กลับ​มา​จน​หน้า​เจื่อน

เป็น​เช้า​ที่​รุจ​จะ​เดินทาง​กลับ​พระนคร แต่​มี​ปัญหา​ให้​ต้อง​อยู่​ต่อ​อีก​จน​ได้ เมื่อ​หมอ​ประพัฒน์​มา​บอก​ว่า ท่าน​อธิบดี​มา​ตรวจ​งาน​ภาค​เหนือ​ท่าน​ล้ม​เมื่อ​เช้ามืด รุจ​จึง​ต้อง​เป็น​ธุระ​ไป​ดูแล​ท่าน​อธิบดี​ที่​บ้านรับรอง

ส่วน​ภาคิ​นัย วัน​นี้​เขา​เตรียม​ไป​ไร่​แต่​เช้า บอก​ภคินี​ว่า​อาจจะ​กลับ​คํ่า​หน่อย เพราะ​คน​งาน​จะ​แต่งงาน​กัน ภคินี​ทัก​พี่​ชาย​ว่า​เป็น​อะไร​หรือ​เปล่า ดู​หน้าตา​ไม่สบาย​ใจ เขาบอก ​แต่​เพียง​ว่า​ไม่​เป็น​อะไร

ภคินี​เตือน​พี่​ชาย​อย่า​ลืม​ของขวัญ​ให้​คน​งาน เขา​บอก​ว่า​ให้​เงิน​ไป​แล้ว นึก​ได้​ว่า​น่า​จะ​ให้​พระ​กับ​เจ้าบ่าว​สัก​องค์ แล้ว​เข้าไป​ที่​ห้อง​พระ กราบ​พระ​แล้ว​หยิบ​พระเครื่อง​จาก​กล่อง​หน้า​หิ้ง​พระ​ไป​องค์​หนึ่ง

พอ​ลง​มา​ถึง​หน้า​เรือน อา​ร​ยา​กำลัง​จะ​พา​น้อง​ฝาแฝด​ไป​โรงเรียน​แต่​วัน​นี้​ไม่​ต้อง​นั่ง​รถ​สาม​ล้อ เพราะ​พี่​ชาย​จะ​ไป​ส่ง ภาคิ​นัย​ลง​มา​พอดี​ เรียก​น้อง​สอง​คน​ให้​รีบ​มา​ขึ้น​รถ อา​ร​ยา​เห็น​หน้า​เขา​ก็​สะดุดใจ​ถาม​ว่า​เป็น​อะไร​หรือ​เปล่า

“ไม่ได้​เป็น​อะไร นอกจาก​นอน​ไม่​หลับ”

“คุณ​ภาคิ​นัย...ดิฉัน​เสียใจ ขอโทษ​ที่​ทำให้...”

ภาคิ​นัย​พูด​ขัด​ขึ้น​ว่า​ไม่​เป็นไร​เรื่อง​หัวใจ​บังคับ​กัน​ไม่ได้ แม้​ว่า​เธอ​จะ​ปฏิเสธ​แต่​ตน​รู้​ว่า​เธอ​รู้สึก​ดีๆกับ​ตน พูด​อย่าง​ผู้ใหญ่​ว่า “ผม​เป็น​พี่​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่รัก​และ​หวัง​ดี​ต่อ​น้อง​คน​นี้​เสมอ รู้​ไว้​ด้วย​นะ”

“ค่ะ ขอบคุณ​ค่ะ”

“ไม่​ต้อง​กลัว​ผม​โกรธ ไม่​ต้อง​กลัว​ผม​เสียใจ หลังจาก​ที่​ผ่าน​เมื่อ​คืน​มา​แล้ว ผม​รู้​ว่า​จะ​แปร​เปลี่ยน​ความรู้สึก​จาก​รัก​ฉัน​หนุ่ม​สาว​มา​เป็น​รัก​เหมือน​น้อง​สาว​น่ะ...ไม่​ยาก​เลย”

อา​ร​ยา​โล่ง​ใจ​อย่าง​บอก​ไม่​ถูก ยืน​โบก​มือ​ส่ง​ดา​ริ​กา​กับ​กุมารี​ด้วย​ใบหน้า​อิ่มเอิบ

ooooooo

คืน​นี้​ระหว่าง​ทาง​ที่​ภาคิ​นัย​เดินทาง​กลับบ้าน​ไร่​รวงผึ้ง​นั่นเอง นาย​เอิ้น​คน​ขับ​รถ​ขอ​แวะ​ไปทุ่ง​ข้าง​ทาง​มี​นาย​จ้อย​คน​งาน​อยู่เป็น​เพื่อ​นภา​คิ​นัย​ที่​รถ

ภาคิ​นัย​ถูก​ลอบ​ยิง​ขณะ​รอ​นาย​เอิ้น​ไปทุ่ง พอ​นาย​เอิ้​น ก​ลับ​มา​ก็​รีบ​พา​ภาคิ​นัย​ไป​ส่ง​โรงพยาบาล หมอ​ทินกร​เป็น​หมอ​ฝึกหัด​อยู่​ที่​นั่น ตรวจ​แล้ว​พบ​ว่า​กระสุน​ฝัง​ใน​ที่​ปอด​ต้อง​ผ่า​ตัด​ด่วน ตน​เป็น​หมอ​ฝึกหัด ​ผ่า​ตัด​ไม่ได้ ส่วน​หมอ​วิโรจน์ หมอ​ใหญ่​ก็​ไม่สบาย​มาก​นอน​รักษา​ตัว​อยู่ แต่​ก็​จัดการ​ติดต่อ​และ​แนะนำ​ว่า

“หมอ​วิโรจน์​บอก​ว่า​คุณ​พระ​ศัลย์ฯ​เป็น​หมอ​ใหญ่​จาก​กรุงเทพฯ เก่ง​ทาง​ผ่า​ตัด​โดยเฉพาะ อยู่​โรงพยาบาล​ที่​อำเภอ ให้​ไป​หา​ท่าน​ให้​ผ่า​ตัด​ให้”

แต่​พอ​นาย​เอิ้น​ขับ​รถ​ไป​ถึง​ทาง​แยก​ไป​อำเภอ​ปรากฏ​ว่า​ถนน​เสียคน​งาน​กำลัง​ซ่อม ​รถ​ผ่าน​ไม่ได้ หมอ​ทินกร​ตัดสินใจ​ให้​กลับ​ไป​จังหวัด แต่​ก็​ยัง​กังวล​ว่า​แล้ว​ใคร​จะเป็นคน​ผ่า​ตัด อีก​ทั้ง​ภาคิ​นัย​เสีย​เลือด​มาก​ด้วย

“ไม่​รู้​ล่ะ ผม​เอา​เข้า​บ้าน​นาย​ก่อน​นะ​หมอ ทาง​แยก​ข้าง​หน้าทาง​เข้า​บ้าน​นาย ถึง​แล้ว” นาย​เอิ้น​ตัดสินใจ​เลี้ยว​รถ​เข้า​บ้าน​ไร่​รวงผึ้ง

เมื่อ​พา​ภาคิ​นัย​เข้า​บ้าน ทุก​คน​ที่​บ้าน​ตกใจ​แทบ​สิ้น​สติ​เมื่อ​รู้​ว่า​เขา​ถูก​ยิง​บาดเจ็บ​สาหัส

ooooooo

น้า​สังวาล​ย์​ต้อง​ปลอบ​ภคินี​ที่​จะ​ไป​หา​พี่​ชาย​ให้​ได้​ว่า​ไม่​ต้อง​ห่วง เพราะ​มี​หมอ​มา​ด้วย แต่​เธอ​ก็​ให้​พา​ไป​จน​ได้ เมื่อ​เจอ​หมอ​ทินกร เขา​บอก​ว่า​ต้อง​ไป​ตาม​หมอ​ที่​อำเภอ​มา​ผ่า​ตัด​กระสุน​ออก ภคินี​ถาม​ว่า​ผ่า​ตัด​นอก​โรงพยาบาล​ได้​หรือ

“ได้​ครับ ถ้า​มี​เครื่องมือ มี​ผู้​ช่วย หมอ​เก่งๆทำได้​ครับ” น้า​สังวาล​ย์​ถาม​ว่า​หมอ​คน​นั้น​ชื่อ​อะไร “คุณ​พระ​ศัลย– แพทย์​พิสุทธิ์​ครับ”

พอได้​ยิน​ชื่อ​หมอ ​ทั้ง​สาม​ก็​ตกใจ ภคินี​ไม่สบาย​ใจ เพราะ​พี่​ชาย​มี​เรื่อง​กับ​เสา​ว​รส​อยู่ น้า​สังวาล​ย์​บ่นถึง​หมอ​รุจ​แล้ว​อาสา​จะ​ไป​บอก​พระ​ศัลย์ฯ แต่​ภคินี​อยู่​คน​เดียว​ไม่ได้ สุดท้าย​อา​ร​ยา​อาสา

“ดิฉัน​ไป​เอง​ค่ะ หมอ​อยู่​ดู​คุณ​ภาคิ​นัย คุณ​น้า คุณ​น้อง ดิฉัน​จะ​ไป​พา​คุณ​พระ​ศัลย์​ฯมา​ให้​ได้ ต่อ​ให้​ต้อง​กราบ​เท้า​ก็​จะ​ทำ” พูด​แล้ว​รีบ​เดิน​ออก​ไป เรียก​นาย​เอิ้น​ให้​ขับ​รถ​ไป​ส่ง แม้​นาย​เอิ้น​จะ​บอก​ว่า​ทาง​ไป​โรงพยาบาล​เป็น​หลุม​เป็น​บ่อ​มาก อา​ร​ยา​ก็​ตัดสินใจ​จะ​ไป

ooooooo

รุจ​มา​อยู่​ที่​โรงพยาบาล​เพียง​สอง​วัน ​ปรากฏ​ว่า​มี​คนไข้ คน​ป่วย คน​บาดเจ็บ​มา​รักษา​มากมาย ​จน​เขา

ถาม​หมอ​ประพัฒน์​ว่า​คน​เจ็บ​กัน​มาก​ขนาด​นี้​เลย​หรือ​ทั้ง​ยัง​มี​หมอ​อยู่​เพียง​คน​เดียว​ด้วย

“ฉัน​จะ​กลับ​ไป​ทำ​เรื่อง​ย้าย​มา​อยู่​ที่​นี่” รุจ​เด็ดเดี่ยว​มาก

“เขา​ไม่​ให้​แก​มา​หรอก หมอ​ศัลย์​ฯฝีมือ​เยี่ยมอย่าง​แก​เขา​เอา​ไว้​รักษา​คน​อีก​ชั้น​หนึ่ง​ใน​พระนคร ​แก​ขอ​ให้​ตาย​เขา​ก็​ไม่​อนุมัติ”

“ไม่​แฟร์​เลย เมือง​ไทย​มี​คน​จบ​หมอ​ปี​ละ​กี่​คน”

หมอ​ประพัฒน์​บอก​ว่า​ถึง​ร้อย​คน​หรือ​เปล่า​ก็​ไม่​รู้ พลาง​จะ​ผละ​ไป รุจ​ถาม​ว่า​จะ​ไป​ไหน

“ภรรยา​ผู้​ว่า​ราชการ​จังหวัด​ไม่สบาย ผู้​ว่าฯ​มี​บัญชา​ให้​ไป​ตรวจ​ที่​จวน”

รุจ​ถาม​ว่า​ถ้า​ตน​ไม่​อยู่ เขา​ไป​แล้ว​ทาง​นี้​ก็​ไม่​มี​หมอ​เลย​นะ หมอ​ประพัฒน์​พูด​คำเดียว​ว่า​ก็​ต้อง​ไป รุจ​รับ​ไม่ได้​ถาม​ว่า​ทำไม​ไม่​มา​ที่​โรงพยาบาล

“ขี้เกียจ​ตอบ​ อยู่ๆไป​จะ​รู้​เอง​ว่าคน​เป็น​เจ้า​เมือง​น่ะ​ใหญ่​ขนาด​ไหน ข้า​ราชการ​ทุก​คนใน​จังหวัด​นี้​อยู่​ใต้​บังคับบัญชา​ของ​ท่าน​หมด”

“รวม​ทั้ง​ภรรยา​ด้วย?”

“คน​นี้​อยู่​เหนือ​ผู้​ว่า​ฯอีก​ที​ว่ะ” หมอ​ประ​พัฒน์​ตอบ​แล้ว​เดิน​ลิ่ว​ขึ้น​รถ​ไป​เลย

ooooooo

อา​ร​ยามา​ถึง​โรงพยาบาล​ถาม​เจ้าหน้าที่​ที่​เดิน​สวน​มา​ว่า​บ้านพัก​หมอ​อยู่​ไหน เขา​ชี้​ให้​ดู​แล้ว​พา​ไป​อย่าง​มี​น้ำใจ

มา​ถึง​หน้า​ห้อง​พัก อา​ร​ยา​ต้อง​ปลุกใจ​ตัว​เอง​อยู่​ครู่​หนึ่ง​จึง​เคาะ​ประตู​เรียก เคาะ​แล้ว​ข้าง​ใน​เงียบ เธอ​เคาะ​อีก​ครั้ง​ดัง​กว่า​เก่า อึด​ใจเดียว​เสา​ว​รส​ก็​เปิด​ประตู เธอ​มอง​อา​ร​ยา​ใน​สภาพ​มอมแมม​อย่าง​สมเพช อา​ร​ยา​พยายาม​บอก​เรื่อง​ภาคิ​นัย แต่​ทั้ง​ตื่นเต้น​ ประหม่า ​และ​เหน็ดเหนื่อย​ทำให้​เธอ​พูด​ไม่​ออก

เสา​ว​รส​ด่า​ฉอดๆ ว่า​ทำไม​ไม่​พูด​ทำให้​ตน​เสีย​เวลา​แล้ว​ทำท่า​จะ​ปิด​ประตู จน​อา​ร​ยา​โพล่ง​ออก​มา​ว่า “คุณ​ภาคิ​นัย​ถูก​ยิง​ค่ะ” แทนที่จะ​เห็น​เสา​ว​รส​ตกใจ เธอ​กลับ​สะใจ​ใน​หน้า พระ​ศัลย์ฯ​ที่มา​แอบ​ฟัง​อยู่​ใจคอ​ไม่​ดี เพราะ​คาด​ได้​ว่า​เป็น​ฝีมือ​ใคร

เสา​ว​รส​พูด​โยกโย้​เล่น​แง่​เล่นตัว ถาม​ว่า​ภาคิ​นัย​ถูก​ยิง​แล้ว​มา​บอก​ตน​ทำไม อา​ร​ยา​ขอร้อง​ว่า​จะ​มา​ขอ​ความ​กรุณา​จาก​พระ​ศัลยแพทย์​ช่วย​ผ่า​ตัด​ภาคิ​นัย​เพราะ​กระสุน​ฝัง​ใน และ​หมอ​ใหญ่​ทาง​จังหวัด​แนะนำ​ให้​มา​เชิญ​ท่าน​ไป​ผ่า​ตัด​ให้ เสา​ว​รส​ถาม​ว่า​เรื่อง​อะไร​เอา​คน​ป่วย​มา​โยน​ให้​พ่อ​ตน
อา​ร​ยา​พยายาม​อ้อนวอน​กระทั่ง​คุกเข่า​พนม​มือ​ไหว้ ขอ​แค่​ให้​ตน​ได้​พบ​กับ​พระ​ศัลย์ฯ​เท่านั้น

“อ้อนวอน​เสีย​เวลา​เปล่า กลับ​ไป​ได้​แล้ว” เสา​ว​รส​ไล่​ส่ง “กลับ​ไป​นั่ง​ประคอง​กัน​ที่​บ้าน​ดี​กว่า​จะ​มา​เที่ยว​ซมซาน​รบกวน​คน​อื่น​อย่าง​นี้ กลับ​ไป​พยาบาล​เขา​เพราะ​เขา​รัก​เธอ​มาก กลับ​ไป​เลย ไป​แต่งงาน​กับ​ภาคิ​นัย​หรือ​ศพ​ของ​ภาคิ​นัย​ก็ได้” เสา​ว​รส​พูด​ใส่​หน้า หัวเราะ​เยาะ จน​อา​ร​ยา​พูด​ไม่​ออก พระ​ศัลย์ฯ​ที่​แอบ​ฟัง​อยู่​แม้​จะ​รู้สึก​ไม่สบาย​ใจ​แต่​ก็​ไม่​กล้า​ออก​ไป​ปรากฏ​ตัว

เสียง​อา​ร​ยา​ยัง​อ้อนวอน​อยู่​หน้า​ห้อง จน​พระ​ศัลย์ฯ​ตัดสินใจ​จะ​ออก​ไป เสา​ว​รส​ปิด​ประตู​ปัง​จ้อง​หน้า​พ่อ​เขม็ง แค่​นั้น​พระ​ศัลย์ฯ​ก็​หน้าจ๋อย​ไป​ทันที

อารยาเดินกลับอย่างผิดหวัง เธอ​ร้องไห้​อย่าง​ขมขื่น​อ้างว้าง​ที่​ใน​ยาม​หน้าสิ่วหน้าขวาน​นี้​ตน​ไม่​สามารถ​ช่วย​ภาคิ​นัย​ได้ จน​เพชร​เจ้าหน้าที่​ที่​พา​มา​ถาม​ว่า​ทำไม​ต้อง​เจาะ​จง​หมอ​คน​นี้ อา​ร​ยาบ​อก​ว่า​ตอน​นี้​มี​ท่าน​คน​เดียว

เพชร​ถาม​ว่า​ใคร​บอก​ว่า​มี​หมอ​คน​เดียว อา​ร​ยา​ติง​ว่า​หมอ​ประพัฒน์​ไม่​ใช่​หมอ​ผ่า​ตัด

“แต่​หมอ​รุจ​เป็น​หมอ​ผ่า​ตัด​นี่​ครับ” เพชร​บอก ทำให้​อา​ร​ยา​ขนลุก​ซู่ ถาม​ว่า​เขา​ไป​พระนคร​แล้ว​ไม่​ใช่​หรือ

เมื่อ​รู้​ว่า​รุจ​ยัง​ไม่ได้​กลับ​พระนคร อา​ร​ยา​ดีใจ​มาก​วิ่ง​ไป​ที่​โรงพยาบาล ปรากฏ​ว่า​รุจ​กำลัง​ผ่า​ตัด​คน​บาดเจ็บ​รถ​คว่ำ​กระดูก​ขา​แตก​อยู่ เธอ​รอ​อยู่​หน้า​ห้อง​อย่าง​กระวนกระวาย ตา​คอย​มอง​หน้า​ห้อง​ผ่า​ตัด ใจ​เป็น​ห่วง​ภาคิ​นัย​ที่นอน​รอ​หมอ​อยู่​ที่​บ้าน...

ooooooo

ที่​บ้าน​พนา​เวส ชา​ลี​สอบ​เสร็จ​แล้ว แต่​เขา​ไม่ได้​กลับ​บ้าน​ทันที กลับ​มา​ถึง​บ้าน​ตอน​ดึก​ก็​ถูก​วัฒนาถาม​ว่า​หาย​ไป​ไหน​มาก​ลับ​เสีย​ดึก พอดี​คุณนาย​พนา​เวส​ออก​มา ชา​ลี​ไม่ทัน​ทัก​ถาม​อะไร​ก็​บอก​ว่า

“คุณ​แม่ พรุ่งนี้​ชา​ลี​ไป​เชียงใหม่​นะ​ครับ”

คุณนาย​ถาม​ว่า​ทำไม​ต้อง​รีบ​ร้อน​อย่าง​นี้ บอก​ให้​ไป​อาบ​น้ำ​พักผ่อน​ก่อน​พรุ่งนี้​ค่อย​ว่า​กัน ชา​ลี​ลังเล คุณนาย​เลย​รุน​หลัง​ให้​ไป กำชับ​ว่า​อาบ​น้ำ​เสร็จ​ให้​นอน​เลย

วัฒนา​รู้​เจตนา​ของ​แม่​บอก​ว่า​ถึง​พรุ่งนี้​ชา​ลี​ก็​จะ​บอก​แม่​อย่าง​นี้​เหมือน​กัน​แล้ว​จะ​ปล่อย​ให้​ไป​หรือ

วัฒนา​เป็น​ห่วง​กลัว​น้อง​จะ​รับ​ความ​จริง​ที่​รุจ​กับ​อา​ร​ยา​อาจ​พบ​กัน​แล้ว​ไม่ได้ แต่​ก็​เพราะ​ชา​ลี​ส่ง​รุจ​ไป​เอง ซึ่ง​ทั้ง​คุณนาย​และ​วัฒนา​เห็น​ว่า​ชา​ลี​ทำ​ถูกต้อง​แล้ว เพราะ​อย่างไร​ก็​ต้อง​ช่วย​ภคินี

“ชา​ลี​ต้อง​รับ​ความ​ผิดหวัง​ได้ เห็น​ไหม​ว่าความ​รัก​บางที​ก็​หาเหตุ​ผล​ไม่ได้ ชา​ลี​ทั้ง​รัก​ทั้ง​ถนอม​มา​ตั้ง​กี่​ปี หนู​น้อย​รัก​ซะ​ที่ไหน” คุณนาย​พนา​เวส​พูด​ปลงๆ

วัฒนา​บ่นๆว่า​ทำไม​ถึง​เป็น​แบบ​นี้​ไป​ได้​ทั้งที่​รุจ​ไม่​ดี​กับ​อา​ร​ยา​มาก แต่​เธอ​ก็​ยัง​รัก ​แปลก​จริงๆ

“เพราะ​ใน​สิ่ง​เหล่า​นั้น​มี​อย่าง​อื่น​น่ะ​สิ​หนู​นา มี​สายใย​ของ​ความ​รัก แค่​นัยน์ตา​ที่​บอก​ความ​อาทร​สัก​แว๊บ​หนึ่ง ไอ้​ที่​เขา​เคย​เหยียดหยาม​ดูถูก​เอา​ไว้​ก็​ไม่​รู้​ไป​อยู่​ที่ไหน​แล้ว”

วัฒนา​ถาม​ทึ่ง​ว่า​แค่​มอง​แว็บ​เดียว​หรือ คุณนาย​เลย​บอก​ว่า​ไม่​อย่าง​นั้น​เขา​จะ​พูด​ว่าดวง​ตา​คือ​หน้าต่าง​ดวงใจ​หรือ

ooooooo

รุจ​ผ่า​ตัด​เสร็จ​ออก​มา​เห็น​อา​ร​ยา เขา​มอง​เธอ​ด้วย​แวว​ตา​ห่วง​อาวรณ์​แว็บ​หนึ่ง อา​ร​ยา​เงย​หน้า​เห็น​เขา​สบตา​กัน​นิ่ง เธอ​ดีใจ​มาก​รีบ​ยกมือ​ไหว้ รุจ​ถาม​ว่า​มี​อะไร​หรือ​เปล่า พอ​รู้​ว่า​ภาคิ​นัย​ถูก​ยิง​อยู่​ที่​บ้าน​อาการ​หนัก​มาก ตน​ไป​ตาม​พระ​ศัลย์ฯ​แล้ว แต่​เสา​ว​รส​ไม่​ให้​ไป

ฟัง​อา​ร​ยา​แล้ว​รุจ​รับ​ไม่ได้​ถาม​ว่า​แล้ว​พระ​ศัลย์ฯ​ล่ะ อา​ร​ยาบ​อก​ว่า​ตน​ไม่ได้​พบ เพราะ​เสา​ว​รส​ไม่​ให้​พบ รุจ​ถาม​ว่า​แล้ว​จะ​ให้​ตน​ทำ​อย่างไร อา​ร​ยา​ขอ​ให้​เขา​ไป​แทน​พระ​ศัลย์ฯ

รุจ​เกี่ยง​ว่า​ทาง​โน้น​เขา​ต้องการ​พระ​ศัลย์ฯ​ไม่​ใช่​หรือ อา​ร​ยา​แก้ต่าง​ให้​ว่า​เพราะ​พวก​เขา​ไม่​ทราบ​ว่า​รุจ​ยัง​อยู่ เขา​ก็​อ้าง​อีก​ว่า​ตน​มี​คนไข้​หนักๆต้อง​ดูแล ให้​อา​ร​ยา​ไป​อ้อนวอน​พระ​ศัลย์ฯ​อีก​ครั้ง​ขอ​พบ​ตัว​ท่าน​เลย อา​ร​ยา​ผิดหวัง​มาก พูด​เสียง​สั่น​เครือ​อย่าง​เจ็บปวด​ใจ​ว่า

“เห็นจะ​ถึงที่​สุด​ของ​คุณ​ภาคิ​นัย​แล้ว คุณ​เสา​ว​รส​ถึง​ยัง​ไง​ก็​เคย​เป็น​เพื่อน ยัง​ยินดี​ที่​จะ​เห็น​เขา​ตาย ถึง​คุณ​รุจ​ก็​เหมือน​กัน ขืน​จะ​ให้​ไป​อ้อนวอน​ทั้งๆที่​ทราบ​ดี​ว่า​คุณ​เสา​ว​รส​เจตนา​แก้แค้น”

แม้​รุจ​จะ​เกี่ยง​ว่า​นั่น​เป็น​เรื่อง​ระหว่าง​เธอ​กับ​เสา​ว​รส ถ้า​อยาก​ลอง​ดู​อีก​ที​ให้​ตน​ไป​ช่วย​อ้อนวอน​ด้วย​ก็ได้ อา​ร​ยา​หัน​จะ​เดิน​ไป​เธอ​เซ​ไป​เซมา​ทั้ง​เพราะ​อ่อนเพลีย​และ​เสียใจ รุ​จ รี​บ​จับ​แขน​ไว้​ดึง​ให้​หัน​มา​ฟัง

“อา​ร​ยา ฟัง​นะ ฉัน​จะ​เอา​เธอ​กลับ​ไป​รุจิ​โรจน์​ก็ได้ แต่​ฉัน​ไม่​ทำ เพราะ​ภาคิ​นัย​ขอ​เธอ​ไป​จาก​ฉัน อ้าง​ว่า​เธอ​รัก​เขา ฉัน​จึง​ตั้งใจ​จะ​จาก​ไป​อย่าง​คน​แพ้ แต่​มัน​เป็น​กรรม​อะไร​ที่​ทำให้​ฉัน​ต้อง​อยู่​ ตอน​นี้คู่รัก​เธอ​กำลัง​จะ​ตาย เธอ​เชื่อ​หรือ​ว่า ฉัน​จะ​ไม่​ฆ่า​เขา​เพราะ​ความ​หึง​หวง เธอ​ก็​รู้​ว่า​ฉัน​ก็​รัก​เธอ เท่า​หรือ​อาจจะ​มาก​กว่า​เขา”

อา​ร​ยา​มอง​ค้าง​ยืน​อึ้ง

“ภาคิ​นัย​เป็น​คน​ดี ใช่​เป็น​เพื่อน​ที่​ดี แต่​ความ​รัก​บวก​กับ​ความ​แค้น​จะ​ทำให้​ฉัน​ไม่​นึกถึง​อะไร ​นอกจาก​ได้​แก้แค้น”

อา​ร​ยา​ไม่​เชื่อ​ว่า​เขา​จะ​เป็น​คน​อย่าง​นั้น ​เชื่อ​ว่า​เขา​ไม่​ทำ​อย่าง​นั้น แต่​เมื่อ​ฟัง​เขา​พูด​เช่น​นั้น เธอ​ผิดหวัง​ด่า​เขาว่า​ใจร้าย ตน​เกลียด...เกลียด​หมอ​ใจร้าย แล้ว​วิ่ง​เตลิด​ไป รุจ วิ่ง​ตาม​ไป​คว้า​ไว้​ลาก​ห​ลุ​นๆไป บอก​เธอ​ว่า

“ฉัน​มี​คนไข้​ไป​ไม่ได้ ไป​หา​พระ​ศัลย์ฯ ต้อง​เอา​ตัว​ไป​ให้​ได้” พูด​แล้ว​ลาก​เธอ​ไป​ด้วยกัน

ooooooo

แต่​พอ​ลาก​เธอ​ไป​ถึง​หน้า​ห้อง​พัก​ของ​เสา​ว​รส​กับ​พระ​ศัลย์ฯ อา​ร​ยา​กลัว​ไม่​กล้า​เข้าไป ขอ​รอ​อยู่​ข้าง​นอก รุจ​ฉุน​จัด​สะบัด​เธอ​กระเด็น​ไป​แล้ว​ตรง​ไป​เคาะ​ประตู​ห้อง เห็น​ข้าง​ใน​เงียบ​จึง​เคาะ​ดัง​ขึ้น​และ​ร้อง​เรียก “ท่าน​ครับ...ท่าน”

พระ​ศัลย์ฯ​เปิด​ประตู​ออก​มา​ถาม​ว่า​มี​อะไร เมื่อ​รุจ​เอ่ย​ปาก​ขอ​ความ​กรุณา​เรื่อง​ภาคิ​นัย พระ​ศัลย์ฯ​เล่น​แง่​เกี่ยง​โน่น​เกี่ยง​นี่ สุดท้าย​อ้าง​ว่า​ตน​แก่​แล้ว ทำไม​หมอ​ที่​ยัง​หนุ่มแน่น​ไม่​ไป​เอง

“ผม​มี​คนไข้​เพิ่ง​ผ่า​ตัด​ใหญ่​ไป​สัก​ครู่​อาการ​น่า​วิตก​มาก​และ​มี​อีก​คน​อาการ​พอกัน ท่าน​กรุณา​ไป​เถิด ด้วย​จรรยาบรรณ​ของ​อาชีพ​เรา อย่า​ปฏิเสธ​เลย​ครับ” รุจ​อ้อนวอน

“เอา...งั้น​ฉัน​จะ​ไป เดี๋ยว​ขอ​เปลี่ยน...”

พระ​ศัลย์​พูด​ไม่ทัน​จบ เสา​ว​รส​ก็​แทรก​เข้า​มา​บอก​รุจ​ว่า​ตน​กับ​พ่อ​สัญญา​กัน​ว่า​จะ​ไม่​เกี่ยวข้อง​กับ​คน​ชื่อ​ภาคิ​นัย​หรือ​คนใน​ครอบครัว​ของ​ภาคิ​นัย​เป็นอันขาด

เสา​ว​รส​แสดง​ความ​เป็น​ปฏิปักษ์​และ​ความ​อำมหิต​ไม่​ยอม​ให้​พ่อ​ไป​ช่วย​ภาคิ​นัย​เด็ดขาด จน​รุจ​ทน​ไม่ได้​รับ​ไม่​ไหว ด่า​เธอ​ว่า​ถึง​เธอ​จะ​เคย​ร้ายกาจ​ยัง​ไง​ก็​ไม่​เท่า​ครั้ง​นี้ ไม่​มี​ใคร​เลว​เท่า​เธอ เลย​ถูก​เธอ​ไล่​ตะเพิด พูด​อาฆาต​ว่า​จะ​แก้แค้น​ภาคิ​นัย​ให้​ได้ ถึง​ครั้ง​นี้​เขา​รอด​ตาย​ก็​จะ​ตาม​แก้แค้น​ไป​ทั้ง​ชาติ

“เป็น​โชค​ดี​ของ​ผู้ชาย​ทุก​คน​ที่​ไม่​หลงกล​แต่งงาน​กับ​เธอ” รุจ​พูด​มอง​เสา​ว​รส​อย่าง​สมเพช

ผล​คือ​ถูก​เสา​ว​รส​ตบ​หน้า​อย่าง​แรง รุจ​ยืน​นิ่ง แต่​พูด​อย่าง​สมเพช​ว่า

“น่า​สมเพช​ผู้หญิง​ที่​พยายาม​จับ​ผู้ชาย​รวยๆ แต่​ไม่​สำเร็จ​แล้ว​เก็บ​ความ​อาย​เป็น​พยาบาท คอย​ดู​ไป​เถอะ มัน​จะ​เป็น​ไฟ​เผา​ชีวิต​เธอ​ตลอด​ไป” พูด​แล้ว​หัน​ไป​ถาม​พระ​ศัลย์ฯ​ว่า​จะ​ว่า​อย่างไร​คนไข้​รอ​หมอ​กำลัง​จะ​ตาย อา​ร​ยา​เอง​ก็​เข้า​มา​อ้อนวอน​ได้​โปรด​เห็นแก่​ชีวิต​มนุษย์​ด้วย​เถิด

แต่​เมื่อ​เสา​ว​รส​ยืนกราน​ไม่​ให้​ไป​พระ​ศัลย์ฯ​ก็​ไม่​กล้า​หือ อา​ร​ยา​ยัง​จะ​พยายาม​อ้อนวอน​อีก รุจ​จับ​แขน​เธอ​ไว้​ไม่​ให้​พูด จูง​ไป​พลาง​บอก​เธอ​ว่า

“พอ...อา​ร​ยา อย่า​เสีย​เวลา​อ้อนวอน​ผู้หญิง​ใจร้าย​คน​นี้​ อีกต่อ​ไป​ฉัน​นี่แหละ​จะ​เป็น​คน​ทำให้​อา​ร​ยา​ได้​แต่งงาน​กับ​ภาคิ​นัย​จริงๆ ไม่​ใช่​กับ​ศพ​ของ​ภาคิ​นัย”

ooooooo

ใน​ที่สุด รุจ​ตัดสินใจ​ไป​ดู​อาการ​คนไข้​ที่​ตน​ผ่า​ตัด​และ​ที่​เหลือ​ถ้า​ไม่​มี​อะไร​ตน​จะ​ไป​กับ​เธอ บอก​ว่า

ตน​ทำ​เพราะ​ไม่​ใจร้าย​พอ​ที่​จะ​เห็น​ภาคิ​นัย​ตาย และ​อีกอย่าง​เขา​จะ​ได้​มี​ชีวิต​สมใจ​เธอ พูด​เน้นๆว่า

“เท่า​นี้​ก็​พอ​จะ​ไถ่บาป​ที่​ฉัน​เคย​ทำ​กับ​เธอ​ได้​แล้ว​นะ”

อา​ร​ยา​พยายาม​จะ​ชี้แจง​อะไร​อีก แต่​รุจ​ตัดบท​ว่า

ไม่​จำเป็น​ต้อง​อ้อนวอน​อะไร ยัง​ไง​เธอ​ก็​สมใจ​แน่ แล้ว​เขา​ก็​เดิน​ไป​คุย​กับ​พยาบาล​สอง​สาม​คม อา​ร​ยา​ได้ยิน​พยาบาล​บอก​ว่า หมอ​ประพัฒน์​เอา​รถ​ไป​บ้าน​ผู้​ว่าฯ อา​ร​ยา​เดา​ได้​เลย​รีบ​เดิน​ไป​บอก​เขา​ว่า

“น้อย​มา​รถ​ของ​ไร่​ค่ะ แต่​รถ​เสีย นาย​เอิ้น​ซ่อม​อยู่”

พอ​รู้​ว่า​รถ​อยู่​ที่ไหน ทั้ง​สอง​ก็​พา​กัน​รีบ​เดิน​ไป แต่​เพราะ​ทาง​เป็น​เนิน อา​ร​ยา​เดิน​อย่างกะปลกกะเปลี้ย จน​สุดท้าย รุจ​ถาม​ว่า​เดิน​ไหว​ไหม ถ้า​ไม่​ไหว​ให้​รอ​ตรง​นี้​ตน​จะ​ไป​ตาม​นาย​เอิ้น​ให้​มา​รับ

“ไหว​ค่ะ” อา​ร​ยา​กัดฟัน​เดิน​ต่อ​ไป

ความอดทนมุ่งมั่นที่จะพาหมอไปรักษาภาคินัยของอารยา ทำให้รุจพูดประชดว่า

“ลืมไปว่าเธอคงไม่ยอมท้อถอยกับอุปสรรคอะไรทั้งนั้น ต่อให้หมดแรง แต่เธอก็จะไม่หยุดหมดใจที่จะต้องเอาหมอคนใด คนหนึ่งไปให้ถึงตัวภาคินัย” พออารยาสวนไปว่าเขาพูดเหมือนไม่ใช่ หมอ​รุจหันขวับราวกับงูจะฉกปรามเธอไม่ต้องพูดถึงตน เพราะตนพูดถึงเธอพูดถึงหัวใจของเธอ ตอกย้ำให้เจ็บช้ำยิ่งขึ้นว่า “ภาคินัยโชคดีแล้วที่เธอรักเขา เพราะเธอคงจะทำทุกอย่างที่จะ รักษาชีวิตของเขา และเธอก็คงอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิต”

“น้อย​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​มนุษย์​จำเป็น​ต้อง​ทำ​เพื่อ​ช่วย​ชีวิต​มนุษย์​ด้วยกัน ถ้าคุณรุจเป็นน้อย คุณรุจก็ทำอย่างน้อยเหมือนกัน โดยที่คุณรุจ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกพิเศษกับคนคนนั้น หรือว่าคุณรุจ จำเป็นต้องรู้สึกพิเศษถึงจะช่วย”

โดนศอกกลับเข้าจังๆ รุจก็ตวาดไม่ให้เธอพูดถึงตนอีก อารยาหยุดไม่ได้แล้ว เธอพูดไม่สะดุดแม้แต่น้อย แต่เสียงสั่นเครือ ขึ้นทุกทีว่า “เหมือนที่คุณรุจกำลังช่วยคุณภคินี”

รุจเถียงไม่ออก สะบัดหน้าไปอย่างไม่มีท่า แล้วต่างก็เดิน กันไปเงียบๆ พลันอารยาก็สะดุดอะไรบางอย่างจนเซแล้วนั่งพับเพียบ กับพื้นไปเลย รุจหันมองเฉย จนอารยาเงยหน้าขึ้นเขาถาม ประชดว่าต้องการให้ตนช่วย เพราะเป็นหมอหรือเพราะมีความ รู้สึกพิเศษ เธอปฏิเสธอย่างไม่แยแสพยายามลุกขึ้นเอง

แต่เพราะเท้าเจ็บทำให้อารยาเซลุกไม่ขึ้น รุจจึงเข้าประคอง เต็มแขน ดูเหมือนกอดร่างต่อร่าง หน้าต่อหน้าใกล้ชิด จนต่างก็ชะงัก

“เผอิญฉันมีทั้งสองอย่าง” เขาจงใจบอกให้รู้ว่าเป็นทั้ง หมอและมีทั้งความรู้สึกพิเศษ อารยาลุกยืนยังไม่มั่นคงนัก เขาถามว่าได้ไหม พอเธอบอกว่าได้ เขาก้มลงขอดูที่ข้อเท้า

“ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ แค่พลิกยังไม่แพลง” อารยาชักเท้าหนี รุจออกเดินหัวเราะเบาๆ พอเธอถามว่าหัวเราะอะไร เขาตอบ ทั้งที่ยังมีเสียงหัวเราะว่า

“หัวเราะที่เธอว่าแค่พลิกยังไม่แพลง นึกถึงบางคนทั้งพลิก ทั้งแพลง คนโบราณเก่งนะ คิดถ้อยคำได้เก่ง พลิกแพลง...อือม์... พลิกแพลง ขออย่าได้เจอคนอย่างนี้อีกเลย เสียดายที่เคยให้ใจ ไปมากมายทีเดียว”

รุจพูดเป็นปริศนาเสียจนอารยามองหน้าเขางงๆ ว่าพูดอะไรพูดถึงใคร

ooooooo

เมื่อพากันมาถึงที่รถจอดอยู่ นายเอิ้นบอกว่ารถใช้ ไม่ได้เพราะแบตหมดต้องเปลี่ยนแบตใหม่  แต่ตนก็ยืืมรถ จักรยานคนที่ตลาดเตรียมไว้ให้คันหนึ่งแล้วพลางไปจูงจักร-ยานมาให้ รุจรีบไปรับมา

เป็นปัญหาว่าจักรยานมีคันเดียวจะไปกันอย่างไร สุดท้ายรุจบอกว่าไปเอาที่โรงพยาบาลเพราะที่นั่นมีจักรยาน แล้วทั้งสองก็พากันวิ่งย้อนกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ไม่ย่อท้อ

ที่บ้านพักโรงพยาบาล พระศัลย์ฯไม่สบายใจที่ตนเป็นหมอ แต่ไม่ยอมไปรักษาคนบาดเจ็บเจียนตาย เสาวรสพูดประชดว่า ให้ไปช่วยคนอื่นเลย ตนจะฆ่าตัวตายให้ดู

พระ​ศัลย์​ฯถาม​ว่า เป็น​ฝีมือ​อิน​ตา​ใช่​ไหม เธอ​ให้​อินตา ​ไป​ยิง​ภาคิ​นัย​ใช่​ไหม เสา​ว​รส​กลับ​ลอยหน้า เล่น​แง่​ว่า​ถ้า​พ่อ​ไม่​รู้ จรรยา​แพทย์​ของ​พ่อ​ก็​ไม่​เสื่อมเสีย

“มัน​เสีย​ไป​แล้ว​ค่ะ มัน​เสีย​ไป​ตั้งแต่​ที่​พ่อ​ไม่​ยอม​ไป​รักษา​ภาคิ​นัย เสีย​ตรง​นั้น เสีย​ไป​หมด​แล้ว ไม่​มี​อะไร​เหลือ​แล้ว”

“คุณ​พ่อ​ไม่​ต้อง​คิดถึง​เรื่อง​นั้น​อีก เรา​จะ​กลับ​พระนคร​และ​จะ​ไม่​พบ​คน​พวก​นี้​อีก​เลย​ใน​ชาติ​นี้ เรา​จะ​ไป​มี​ชีวิต​ของ​เรา ลืม​คน​พวก​นี้​ไป”

แม้​เสา​ว​รส​จะ​ทำ​เป็น​ปากแข็ง​ไม่​ยี่หระ​กับ​สิ่ง​ที่​ตัว​เอง​ทำ แต่​ลึกๆแล้ว​ก็​อด​ไม่สบาย​ใจ​ไม่ได้​เหมือน​กัน

ooooooo

ได้​จักรยาน​จาก​โรงพยาบาล​มา​แล้ว ทั้ง​รุจ​และ​อา​ร​ยา​ต่าง​ปั่น​จักรยาน​กัน​เต็ม​แรง เพื่อ​จะ​ไป​ให้​ถึงบ้าน​ ไร่​รวงผึ้ง​ให้​เร็ว​ที่สุด

แต่​แล้ว​ก็​เจอ​อุปสรรค​ใหญ่​คือ​ไฟ​ไหม้​ป่า​แผ่​เป็น​แนว​ยาว​อยู่​เบื้องหน้า ทั้ง​สอง​หยุด​มอง รุจ​จ้อง​หน้า​อา​ร​ยา​ถามว่า ​เธอ​คิด​จะ​ทำ​อย่างไร เธอ​ตอบ​มิ​พัก​ต้อง​คิด​ว่า “คุณ​รุจ​ทำ​ยังไง​ น้อย​จะ​ทำ​ตาม​ทุก​อย่าง”

แล้ว​เธอ​ก็​ทำ​ตาม​ที่​พูด​จริงๆ ไม่​ว่า​รุจ​จะ​วาง​แผน​ลุยฝ่า​แนว​ไฟ​ป่า​ไป​อย่างไร เธอ​ทำ​ตาม​ไม่​ลังเล ขอ​แต่มี​เขาไปด้วย​เธอ​ก็​พร้อม​ที่​จะ​ลุย

ระหว่าง​ทาง​เจอ​ทั้ง​ขอน​ไหม้​ไฟ​ท่วม กิ่ง​ไม้​ไฟ​ลุกหล่น ​ลง​มา​จน​เกือบ​ทับ​อา​ร​ยา ดี​แต่​รุจ​คว้า​เธอ​หลบ​มา​ทัน พอ​พ้น​วิกฤติ​ตรง​นั้น​มา​ได้ มอง​ไป​ข้าง​หน้า​ปรากฏ​ว่า​ไฟ​กำลังโหม​ฮือ​ ข้าม​ถนน​มา​แล้ว

“ทำ​ไง​ดี​ล่ะ​คะ” อา​ร​ยา​ถาม​หวาดๆ

“ทาง​นั้น ไฟ​ยัง​ห่าง​อยู่ เรา​วิ่ง​หลบ​หลีก​ไป​ให้​พ้น​แนว​แล้ว​อ้อม​มา​ขึ้น​ถนน​ใหญ่​อีก​ที”

“ถีบ​รถ​ไป​เหรอ​คะ”

“จูง​ไป ถีบ​ไม่ได้​หรอก ตาม​ฉัน​มา” รุจ​จูงมือ​อา​รยา ​วิ่ง​เข้าไป​ใน​บริเวณ​ที่​ไฟ​ยัง​ไม่​แรง​นัก

แต่​เหมือน​เคราะห์​ซํ้า​กรรม​ซัด ปรากฏ​ว่า​รถ​จักรยาน​ที่​อา​ร​ยา​จูง​มา​อย่าง​ยาก​ลำบาก​นั้น ถูก​ไม้​ติด​ไฟ​ฟาด​ลง​มา​พังยับ ​ทั้ง​คัน เลย​จำ​ต้อง​ทิ้ง​รถ​ของ​อา​ร​ยา​พา​กัน​วิ่ง​หนี​เอา​ตัว​รอด​กัน​ล้มลุกคลุกคลาน

จังหวะ​หนึ่ง​รุจ​สะดุด​ล้ม พอ​เขา​ลุก​ขึ้น​มา​ยก​รถ​ตั้ง เหลียว​มอง​ไป​รอบๆ ไม่​เห็น​อา​ร​ยา​แล้ว ​เขา​ลาก​รถ​ไป​พลางมอง​ หา​อา​ร​ยา​อย่าง​ร้อน​ใจ จน​พ้น​แนว​ไฟ ​เขา​สำลัก​ควัน​ไฟ​จน​ล้ม​ควํ่า​ลง

รุ​จน​อ​นอ​ย่าง​หมด​แรง​อยู่​ตรง​นั้น แต่​ครู่​เดียว​พอ​นึก​อะไร​ได้​ก็​ลุก​พรวด​ขึ้น ตะโกน​สุดเสียง

“อา​ร​ยา...อา​ร​ยา...”

ooooooo

เคหาสน์สีแดง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด