ตอนที่ 14
พอได้ยินจากปากเอกภาพว่าห่วงและแคร์เธอมาก ปัทมาก็เขินจนต้องตัดบทบอกไปว่า เธอเข้าใจแล้ว เอกภาพจึงให้เธอยิ้มก่อน เอกภาพแหย่จนปัทมาอมยิ้ม ปัทมาถามว่าสำคัญอะไร เขาตอบว่าสำคัญสำหรับเขา เพราะเขาแคร์ความรู้สึกของเธอ...ทั้งสองเดินคุยกันไปในห้าง
"ผมไม่อยากให้คุณเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับงานที่ทำมากแบบนี้เลย มันอันตรายคุณก็รู้"
"ฉันเป็นนักข่าวสายอาชญากรรมนะคุณ แล้วอาชญากรรมที่ไหนมันไม่เสี่ยงบ้าง ก็เหมือนกับคุณนั่นแหละที่ต้องเผชิญหน้าคนร้ายแทบทุกวัน มันก็เสี่ยงพอๆกัน แต่ทั้งฉันและคุณก็ต้องทำ ไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่อย่างเดียว แต่มันเป็นสิ่งที่เราเลือกแล้วและก็มีความสุขที่จะทำมัน"
"มันก็จริงของคุณ แต่ถึงยังไงผมก็อดห่วงคุณไม่ได้อยู่ดี"
"เอาเป็นว่าฉันจะระวังตัวก็แล้วกัน คุณเองก็เหมือนกัน" ปัทมาพูดแล้วก็อายเดินหนี
"คุณเป็นห่วงผมใช่มั้ย" เอกภาพวิ่งตามไปถาม
"คนบ้า รู้แล้วยังจะถามอีก" ปัทมาเร่งฝีเท้าเดินหนี... เอกภาพยิ้มกริ่มวิ่งตามติด...
คืนนั้น เจนจิราเข้ามาถามชาญยุทธ์ว่าจะให้ใครมาคุมผับแทนสายชล ชาญยุทธ์บอกให้เจนจิราดูแลแทนไปเลยเพราะสายชลไม่มีโอกาสกลับมาดูแลแล้ว เจนจิราสังหรณ์ใจเรื่องไม่ดีแน่
และแล้วก็มีคนมายื่นประกันตัวสายชลออกไป เอกภาพถามว่าใครมายื่นประกันตัว ธัญญะตอบว่าไม่รู้จัก แต่พอจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง วีระชัยบ่นว่าคงวางแผนกันไว้แล้วว่าประกันตัวออกไปสู้คดี แต่เอกภาพไม่คิดแบบนั้น เขากังวลใจบางอย่าง จึงรีบขับรถไปที่ศาล ปัทมากับโข่งได้ยินข่าวประกันตัวก็รีบไปที่หน้าศาลเพื่อทำข่าวเช่นกัน
จริงอย่างที่เอกภาพสังหรณ์ใจ ขณะที่สิริมาศกำลังสัมภาษณ์ สายชลที่หน้าศาล รถเอกภาพกับรถโข่งมาจอดข้างกัน เอกภาพลงรถมาเจอปัทมาก็แซว "มาเร็วพอๆกับเจ้าหน้าที่เลยนะคุณ"
"นั่นสิคะ ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันเร็วหรือว่าตำรวจช้า" ปัทมาโต้กลับจนเอกภาพส่ายหน้า
ลินดาซุ่มอยู่บนยอดตึก ส่องกล้องที่ติดปืนเห็นเอกภาพ ก็ส่ายหน้าเอือมๆที่มาทันเวลาพอดี ก่อนจะหันไปเล็งยิงใส่สายชลล้มลง ทุกคนพากันหลบด้วยความตกใจ เอกภาพบังปัทมาไว้ อดไม่ได้ที่จะแขวะ "คุณมาทีไรได้เรื่องวุ่นๆทุกทีเลยนะ"
"ทำยังกับว่าฉันไม่มาแล้วคนร้ายมันไม่ก่อเรื่องงั้นแหละ ฉันน่ะมาทำงาน ว่าแต่คุณเถอะมาทำอะไร พักงานอยู่ไม่ใช่เหรอ"
เอกภาพชะงักหยุดต่อล้อต่อเถียงด้วย หยิบกล้องออกมาส่องไปทางยอดตึก เห็นลินดาส่งจูบให้อย่างท้าทายก่อนจะโบกมือผลุบหายไป จึงร้องบอกลูกน้อง "มือปืนอยู่ทางโน้น"
ก่อนจะวิ่งไป เอกภาพหันมาบอกปัทมา "ถ้าคุณจะตามไปล่ะก็อยู่หลังผมไว้นะจะได้ไม่อันตราย"
ปัทมารีบบอกโข่งตามทันที เอกภาพบอกลูกน้องว่า มือปืนเป็นผู้หญิงใส่ชุดดำทะมัดทะแมง ลินดาเดินยิ้มไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไปอย่างไม่มีใครเห็น แต่ปัทมาเห็นรีบชี้บอกเอกภาพ พอดีรถเคเอฟซีขี่มา ปัทมาจึงไปบอกว่าตำรวจขอยืม แล้วเรียกเอกภาพให้รีบมาซ้อนท้าย เอกภาพจะไม่ให้ปัทมาไป แต่เธอไม่สนขี่รถจะออกไป เอกภาพต้องโดดขึ้นซ้อนท้าย
ระหว่างขี่ตาม ปัทมาโวย "นี่คุณจะให้ฉันขี่พาชมวิวหรือไง ปืนในมือน่ะทำไมไม่ยิงล่ะ"
"ยิงได้ยังไงคุณ คนเยอะแยะ เดี๋ยวพลาดไปโดนคนบริสุทธิ์เข้าจะทำยังไง"
แต่ลินดาไม่คิดแบบนั้น ยิงใส่เอกภาพ โดนแขนปัทมาเลือดสาด เอกภาพตกใจที่ปัทมายังขี่รถไม่ยอมหยุด พอเลือด กระเซ็นมาโดนเอกภาพ เขาจึงร้องให้จอดรถ ปัทมาตกใจรีบจอด
"คุณจะให้ฉันจอดทำไม เดี๋ยวก็ตามมือปืนไม่ทันกันพอดี"
"นี่คุณจะบ้าหรือไง โดนยิงแบบนี้ยังจะคิดไล่ตามมือปืนอีก"
"ก็ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"
"โดนยิงเนี่ยนะคุณไม่ได้เป็นอะไร ลงมาซ้อนท้ายเลยเดี๋ยวผมขี่เอง"
"แล้วมันเรื่องอะไรของคุณกันเนี่ยมาเจ้ากี้เจ้าการฉันอยู่ได้"
"ก็ผมเป็นห่วงคุณ เหตุผลแค่นี้พอมั้ย"
เจอไม้นี้ ปัทมาต้องเงียบพูดไม่ออก...เอกภาพพาปัทมาไปโรงพยาบาลให้วันวิสาข์ทำแผลให้ แล้วบ่นว่า "คุณหมอต้องจัดการเพื่อนหน่อยแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะบ้าบิ่นเอาโล่หรือไง นี่ขนาดโดนยิงแล้วยังจะขี่รถไล่ตามมือปืนไปอีก ผมต้องบังคับให้มาทำแผลถึงจะยอม"
"รายนี้น่ะเขาไม่เคยฟังใครหรอกค่ะ คนจะคบกับยัยปัทได้ห้ามเป็นโรคหัวใจค่ะ ไม่งั้นมีหวังหัวใจวายวันละหลายรอบ"
ปัทมาเคืองที่เพื่อนรวมหัวกับเอกภาพรุมเธอ พลันพยาบาลมาบอกว่าดาวช็อก วันวิสาข์ตกใจรีบวิ่งออกไป...ทุกคน รออยู่หน้าห้องไอซียู นักรบท่าทางกระวนกระวาย จนวันวิสาข์ ออกมาบอกว่าอาการปลอดภัยแล้ว แต่ต้องอยู่ในห้องไอซียูสักพัก นักรบถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
"อาการแพ้เกิดขึ้นได้กับคนไข้ที่รับเคมีทุกคนค่ะ ต่างกันตรงมากน้อยนี่แหละ กรณีของน้องดาวน่าจะเกิดมาจากสภาพร่างกายอ่อนแอด้วย ก็เลยแพ้หนัก"
เอกภาพถามว่าดาวจะแพ้แบบนี้ทุกครั้งไหม วันวิสาข์ บอกไม่ได้ต้องดูไปตามอาการ ปัทมาถามถึงเรื่องสเต็มเซลล์หาได้หรือยัง วันวิสาข์ส่ายหน้า เพราะทั้งของนักรบและของเธอก็ใช้ไม่ได้ ต้องรอผู้บริจาคต่อไป ปัทมากับเอกภาพตัดสินใจให้ตรวจสเต็มเซลล์ ทั้งที่กลัวเข็มทั้งคู่ วันวิสาข์ขำสีหน้าเพื่อน "เธอกับคุณเอกภาพนี่เหมือนกันเลยนะ ลุยมาสารพัด แต่พอเจอเข็มฉีดยาแล้วหน้าเหลือไม่ถึงสองนิ้ว"
ถึงอย่างไร ปัทมาก็ยังดีใจที่ได้ตรวจเช็ก เธอจะได้ ไม่เสียใจทีหลัง ถ้ามารู้ว่าสามารถช่วยดาวได้ คงรู้สึกผิดไป ตลอดชีวิต
ooooooo
คมสันต์รายงานชาญยุทธ์ว่าลินดาทำงานสำเร็จแล้ว แต่ไปเจอเอกภาพตามจับ ดีที่หนีรอดมาได้ ชาญยุทธ์ แปลกใจที่เอกภาพโดนพักงานอยู่ แล้วมาวุ่นวายได้อย่างไร
"พรุ่งนี้มันก็ต้องไปฟังคำตัดสินเรื่องระเบิดห้องเย็นไอ้ยอดชายแล้วครับ งานนี้คงจะรอดยากนะครับ" คมสันต์ออกความคิดเห็น
"ฉันไม่รู้ว่าไอ้ยอดชายมันมีหลักฐานอะไรแค่ไหน ยัยนักข่าวรายการเกาะประเด็นนั่นคงต้องหาทางช่วยไอ้รองเอกภาพแน่ๆ ยังไงนายก็บอกให้ลินดาคอยดูๆเอาไว้ด้วย อย่าให้มันไปช่วยไอ้รองได้ล่ะ ฉันอยากเห็นมันถูกออกจากตำรวจเต็มแก่แล้ว" ชาญยุทธ์สั่งคมสันต์...
ด้านกรกชกับลุงสิงห์ ก็คุยกันถึงเรื่องการพักงานของเอกภาพว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยเพราะเอกภาพก็ยังเป็นแบ็ก ให้ลูกทีมตามกวนอยู่ดี ลุงสิงห์เห็นด้วย "เอกภาพน่ะ นิสัยเหมือนพ่อมันไม่มีผิด ถ้าได้จับคดีไหนแล้วกัดไม่ปล่อย ลุงเองก็นึกวิธีจัดการมันยังไม่ได้เหมือนกัน"
"หนูมีวิธีค่ะ..." กรกชบอกลุงสิงห์ว่าเธอจะใช้วิธีของผู้หญิง...
ปัทมานั่งมองเจ๋งตัดต่องานแต่ท่าทางเป็นกังวลใจห่วงเอกภาพที่ต้องฟังคำตัดสินคดีวันนี้ ทั้งโข่งและเจ๋งแซวว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย พลันปัทมาเห็นภาพจากฟุตเตจที่เจ๋งเปิดดูจึงรีบบอกให้ถอยกลับไป เธอเห็นภาพนทีคนของยอดชายกำลังเอาระเบิดวางที่ข้างห้องเย็น จึงรีบคว้าม้วนเทปนั้น
"ไปสำนักงานตำรวจกันพี่โข่ง ด่วนเลย" ปัทมาดึงโข่งให้ไปด้วยกัน
หน้าบริษัท ลินดาซุ่มรออยู่ พอเห็นปัทมาซ้อนท้ายรถโข่งออกไป ก็ขึ้นขี่รถตามไปทันที ปัทมาหันไปมองแล้วบอกโข่ง "สงสัยจะงานเข้าแล้วพี่โข่ง มีใครก็ไม่รู้จะขอร่วมทางไปกับเรา"
โข่งมองทางกระจกแล้วเร่งเครื่องหนีสุดชีวิต นักรบคาดการไว้แล้วจึงคอยช่วยปัทมา เขาขี่รถตามลินดาอีกที แล้วลินดาก็ชักปืนออกมาจะยิงใส่ปัทมา นักรบรีบหยิบปืนเล็งใส่ ปืนในมือลินดากระเด็นหลุดไป ลินดาหันมามองพอเห็นนักรบก็เบนรถไปอีกทางเลิกตามปัทมา...
ในห้องสอบสวน สำนักงานตำรวจ เอกภาพยืนอยู่หน้าคณะกรรมการสอบสวน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด พล.ต.ท.ชาลีเป็นประธานกรรมการสอบสวนกล่าวขึ้นว่า
"คุณรู้ใช่มั้ยว่าสิ่งที่คุณทำลงไปมันถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง การทำลายทรัพย์สินของประชาชนแบบนั้นมีความผิดถึงขั้นออกจากราชการ แล้วต้องดำเนินคดีกันไปตามความจริง"
"ผมยังยืนยันครับว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่เกี่ยวข้องกับการระเบิดห้องเย็น ผมแค่นำกำลังไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ" เอกภาพยังยืนยันความบริสุทธิ์
พล.ต.ท.วิชัยตัดบทให้อ่านคำตัดสินเลย พล.ต.ท.ชาลีสีหน้าไม่พอใจที่ต้องอ่านคำตัดสินให้เอกภาพพ้นผิดเพราะทางผู้เสียหายถอนฟ้อง แต่ไม่วายตำหนิตักเตือนเพื่อทำลายความเชื่อถือของเอกภาพต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านอื่นๆเอกภาพงงที่ผลออกมาแบบนี้ ทุกคนทยอยกันเดินออกจากห้องสอบสวน พล.ต.ท.วิชัยแสดงความยินดีกับเอกภาพ แต่
พล.ต.ท.ชาลีเข้ามาพูดเบาๆ "โชคดีนะที่คุณกรกชยื่นมือเข้ามาช่วย ไม่งั้นนายมีหวังดาวหลุดจากบ่าแน่"
กรกชเดินยิ้มร่าเข้ามา พล.ต.ท.ชาลีจึงเดินไป เอกภาพจึงถามเธอว่าช่วยเขาทำไม
"ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ มีอะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยๆกันไป"
"ยังไงผมก็ต้องขอบคุณที่คุณกรกชยื่นมือเข้ามาช่วย"
"ฉันขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นมื้อเที่ยงดีกว่านะคะ" กรกชทำท่าเอียงอาย
พอเอกภาพรับปาก เธอก็หันไปบอกสุพจน์ให้กลับไปก่อน แล้วเธอจะกลับเอง กรกชคล้องแขนเอกภาพเดินออกไป
โข่งขี่รถมาจอดหน้าสำนักงานตำรวจพอดี ปัทมาจึงเห็นกรกชคล้องแขนเอกภาพไปขึ้นรถ โข่งเปรย "สงสัยแกกับฉันจะเสี่ยงตายมาเก้อซะแล้วว่ะไอ้ปัท"
ปัทมาหน้าเครียดไม่พูดไม่จาขึ้นขี่รถสตาร์ตเครื่อง โข่งรีบโดดซ้อนท้ายแทบไม่ทัน ปัทมาขี่รถมาปาดหน้ารถของเอกภาพ ก่อนจะเบิ้ลเครื่องแล้วบิดหายไป กรกชบ่นคิดว่าเป็นพวกนิสัยไม่ดี แต่เอกภาพรู้ว่าเป็นปัทมา...
กลับมาบริษัทด้วยอารมณ์บูดเบี้ยว พอเจ๋งถามว่าช่วยเอกภาพทันไหม ปัทมาก็ตอบห้วนๆก่อนจะเดินหนีเข้าห้องตัดต่อไปว่า "ไม่ทัน โดนประหารชีวิตไปแล้ว"
เจ๋งตกใจหันมาถามโข่งว่าทำไมโทษรุนแรงขนาดนั้น โข่งตอบว่า "รองเอกภาพน่าจะรอดตัวแล้วแหละ เพราะเห็นควงแขนกันออกไปกับคุณกรกช แต่ไอ้ที่จะไม่รอดก็จะโดนเจ๊ปัทของพวกแกเล่นงานนี่แหละ"
"อ๋อ...แบบนี้แถวบ้านหนูเข้าเรียกว่าพิษรักแรงหึง" เจ๋งพูดโพล่งออกไปแล้วรีบปิดปากกลัวปัทมาได้ยิน...
ร้านที่เอกภาพพากรกชมาทานอาหารเป็นร้านอาหารธรรมดาๆ เขาบอกเธอว่าเงินเดือนตำรวจอย่างเขามีปัญญาเลี้ยงตอบแทนเธอได้เท่านี้ กรกชจึงชวนให้ทำงานพิเศษกับเธอจะได้มีเงินใช้จ่ายเหลือเฟือ เอกภาพพูดอย่างชัดเจนว่า
"ที่ผมบอกว่าเงินเดือนตำรวจไม่มากแต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่พอใช้นะครับ ผมมีความสุขกับสิ่งที่มีและเป็นอยู่ แค่นี้ก็พอแล้วครับ" เอกภาพชวนให้กรกชสั่งอาหารเพราะเขาต้องรีบกลับไปทำงานก่อนที่คนร้ายจะวางแผนเลวๆกันอีก กรกชถึงกับสะอึก...
ทุกคนที่หน่วยดีใจที่เอกภาพพ้นผิด แต่ก็แปลกใจที่กรกชเป็นคนช่วย เอกภาพเองก็ไม่เข้าใจ "ผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก ท่านชาลีบอกแค่ว่าคุณกรกชทำให้นายยอดชายถอนฟ้อง แต่อีท่าไหนนี่ไม่รู้เหมือนกัน"
"ลงผู้หญิงอย่างคุณกรกชเดินเข้าหารองทั้งๆที่รู้อยู่ว่า
อยู่กันคนละขั้วแบบนี้ คงต้องมีแผนการอะไรแน่ๆเลยค่ะรอง" วรัญญาตั้งข้อสังเกต
"ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกันแหละหมวด เพียงแต่ว่าต้องดูกันไปว่าคุณกรกชมีแผนจะทำอะไรกันแน่ แต่ถ้าจะเอาเรื่องบุญคุณมาบีบให้ผมเกียร์ว่างล่ะก็ไม่สำเร็จแน่นอน ถึงเขาไม่เข้ามาช่วย ผมก็ต้องรอดอยู่แล้วเพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด" เอกภาพพูดอย่างมั่นใจ...
ในขณะที่กรกชยังมั่นใจว่าผู้หญิงกับเงินจะเอาชนะผู้ชายได้ แต่ลุงสิงห์เกรงว่าจะเอาชนะเอกภาพไม่ได้ "อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คุณหนูคิดนะครับ เลือดพ่อมันแรง รักษาหน้าที่ยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก ลุงไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเอกภาพมันจะยอมเป็นพวกเราง่ายๆ"
"ไม่ต้องถึงกับเป็นพวกหรอกค่ะลุง ขอแค่ยอมปิดหูปิดตาแล้วเปิดทางให้เราบ้างก็พอ..."
ยอดชายได้เงินจากกรกชจำนวนมาก นำมาทำธุรกิจ สิริมาศมาขอสัมภาษณ์ว่าเป็นธุรกิจอะไร ยอดชายยืดอกตอบ "บอกได้ครับไม่มีปัญหา เพราะผมจับอะไรต้องโปร่งใสบริสุทธิ์อยู่แล้วครับ ธุรกิจที่ทำนี่เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกในเมืองไทยครับ รับรองว่าเราเป็นเจ้าแรกจริงๆ..."
พอชาญยุทธ์รู้ว่ากรกชใช้เงินเคลียร์กับยอดชายก็แปลกใจว่าเล่นแผนไหน ยิ่งมารู้ว่ายอดชายทำธุรกิจใหญ่โตก็คิดว่าคงสร้างภาพ...
ooooooo










