สมาชิก

บันไดดอกรัก

ตอนที่ 14

ที่ฟาร์มราชินีกล้วยไม้เที่ยงนั้น เทียนมารับกระเช้าไปที่บ้านของเขา ระหว่างเดินมาด้วยกัน เธอถามเขาว่าพาเธอมาที่บ้านทำไม เทียนหันมายิ้มนัยน์ตาพราว บอกว่าพ่อกับแม่ของเขาอยากคุยกับกระเช้าเรื่องรายละเอียดวันแต่งงาน

"ไม่ใช่งานแต่งงานนะคะ" กระเช้ารีบค้าน

"โอเคๆ...งานหมั้นก็ได้...แต่หมั้นไม่นานก็ต้องรีบแต่งนะ ผมไม่ชอบรอ" เทียนยื่นคำขาด กระเช้าหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
พอเข้าไปในห้องที่ศีลกับบุปผากำลังนั่งคอย กระเช้ารีบปรับสีหน้า ยกมือไหว้แล้วนั่งลงตรงข้ามกับสองคนนั่น บุปผา บอกกับเทียนว่าให้รอธูปอีกหน่อย แต่เทียนพูดสวนขึ้น

"ไม่ต้องหรอกครับ ไอ้ธูปมันไม่เคยผิดเวลา ถ้ามันอยากร่วมรับรู้ มันมานานแล้ว แต่ที่มันไม่มาเพราะมันคงไม่อยากคุย ก็ช่างมัน เราเริ่มกันเลยดีกว่าครับ"

กระเช้าก้มหน้า รู้สึกไม่สบายใจที่ได้ยินชื่อธูป ส่วนบุปผาตามใจเทียน บอกว่าคุยก็คุย ศีลจึงเปิดฉากสนทนา

"ก่อนอื่นฉันก็ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองคนนะที่ตกลงกันได้ เห็นเทียนบอกว่าหนูอยากจะขอให้หมั้นไว้ก่อนใช่มั้ย"

"ใช่ค่ะ...กระเช้าเองต้องขอขอบคุณคุณท่านทั้งสอง ที่ไม่รังเกียจกระเช้า" เธอยกมือไหว้

"พวกเราไม่เคยรังเกียจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะฐานะเป็นยังไง ขอแค่เป็นคนดีเท่านั้นพอ..." บุปผาบอก เทียนรีบเสริม

"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ กระเช้าของผมเป็นคนดีแน่นอน" พูดไม่พูดเปล่า ยังเอื้อมมือมาจับมือกระเช้า เธอรีบดึงกลับมาอย่างอายๆ

"เอ้อ...คุณเทียนชมเกินไปแล้วค่ะ"

"ไม่หรอก...ไม่เกินไป ในสายตาผม คุณเป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ" เทียนยิ่งพูด กระเช้ายิ่งก้มหน้า เทียนยิ้มอย่างชอบใจ คิดว่าแฟนคงอายพ่อกับแม่ หันไปดูศีลก็ทำหน้ายิ้มๆอย่างเอ็นดู บุปผาเห็นว่ายิ้มกันไปยิ้มกันมาจะเสียเวลาไปอีกนาน จึงพูดตัดบท

"เอาละๆ ก่อนจะเขินกันไปมากกว่านี้ เข้าเรื่องกันเลยแล้วกัน เรื่องฤกษ์หมั้นเทียนเขาหามาแล้ว เร็วที่สุดก็คืออาทิตย์หน้า"

"อาทิตย์หน้า..." กระเช้าตกใจ

"ใช่...เนี่ยฤกษ์ดีสุดๆ พระอาจารย์ให้มาเอง ส่วนฤกษ์แต่งก็อีกหนึ่งเดือนหลังจากหมั้น ผมหามาเรียบร้อยทั้งหมั้นทั้งแต่ง จะได้ไม่เสียเวลา..."

ศีลพยักหน้าสนับสนุนลูกชาย "ก็ดีนะ...ฉันกับบุปผาจะได้ไปคุยกับพ่อแม่เธอทีเดียวทั้งสองงานเลย"

"คุยกับพ่อแม่เหรอคะ!!" กระเช้าตาเหลือก

"ใช่จ้ะ...ก่อนจะเริ่มเตรียมงานอะไรต่อมิอะไร ฉันกับด็อกเตอร์ขอคุยกับพ่อแม่หนู ทำการขอกันอย่างเป็นทางการ...แล้วพ่อแม่หนูจะพร้อมคุยเมื่อไหร่จ๊ะ"

กระเช้าอึกอัก ไม่รู้จะให้คำตอบแก่บุปผายังไงดี

ooooooo

เย็นวันนั้น   กระเช้าเอาเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้หมี่กรอบฟัง ทำให้หมี่กรอบอยากรู้ว่ากระเช้าตอบด็อกเตอร์ศีลกับบุปผาไปว่ายังไง กระเช้าทำหน้าปั้นยาก บอกจะขอไปปรึกษาพ่อกับแม่ก่อน   แล้วจะรีบมาให้ คำตอบว่าพร้อมจะคุยเมื่อไหร่

"แล้วแกจะไปหาพ่อแม่แกเมื่อไหร่" หมี่กรอบจ้องหน้าเอาคำตอบบ้าง

"อาจจะพรุ่งนี้...หมี่...ฉันกลัวจังเลย กลัวตอนด็อกเตอร์ คุณท่าน และคุณเทียนเจอกับแม่...ฉันกลัวว่า...พวกเขาจะรับแม่ ฉันไม่ได้"

กระเช้าหน้าเครียดอย่างเป็นกังวล หมี่กรอบมองหน้าเพื่อนแล้วเดินมานั่งใกล้ๆ

"แต่มันก็เป็นความจริง...ความจริงของชีวิตแก ความจริงที่แกไม่เคยบอก แต่ทุกคนควรจะรับรู้ โดยเฉพาะคุณเทียน... คนที่กำลังจะเป็นคู่ชีวิตของแกในอนาคต...แกควรต้องให้เขารู้ทุกอย่างที่เป็นตัวแก...ทุกอย่างที่เป็นความจริง"

"ความจริงเหรอ" กระเช้าทำหน้ายุ่งยาก นึกไปถึงสภาพของจวงจิตแล้วก็ถอนใจ

ooooooo

ธูปกลับมาบ้านเอาจนเย็น เจอคนรับใช้ที่หน้าบ้าน ธูปถามว่าแขกที่มาคุยกับพ่อแม่กลับไปหรือยัง คนรับใช้งง ถามแขกเป็นใครหรือ วันนี้เห็นมีแต่คุณกระเช้ามาพบคุณท่านคนเดียวเท่านั้น ไม่เห็นมีแขกที่ไหน ธูปไม่อยากเอ่ยชื่อกระเช้าจึงบอกว่า

"ก็นั่นแหละ...กลับไปหรือยัง"

"อ๋อ...กลับไปนานแล้วค่ะ"

ธูปพยักหน้าอย่างเบาใจที่ไม่ต้องเจอกัน กำลังจะเดินเข้าบ้าน ตั้มเดินเข้ามาหาพลางร้องเรียก พอเข้ามาใกล้ๆก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ บอกว่ากระเช้าฝากให้เขา ธูปกางออกดู เห็นเป็นแผนที่ไปป่าและบ้านพรานบุญ ธูปรู้สึกแปลกใจ

"ฝากไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

ตั้มยิ้มแห้งๆก่อนตอบ "ที่จริง...ฝากไว้สองสามวันก่อนแล้วครับ แต่พอดีผมลืม...แหะๆ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับคุณธูป ตอนแรกผมก็บอกคุณกระเช้าแล้วว่าให้เข้ามาหาคุณธูปเอง เพราะผมขี้หลงขี้ลืม แต่พอคุณกระเช้าเดินเข้ามาในบ้าน สักพักแล้วเดินเหมือนวิ่งออกไปเลย แวะฝากกระดาษนี่ไว้กับผมโดยไม่ได้พูดได้จาด้วยซ้ำ"

ธูปรู้สึกเอะใจนิดๆ "กระเช้าฝากไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ"

"เอ...ผมว่า...สักสองวันก่อนน่ะครับ อ้อ...มาตอนที่คุณธูป ให้ผมเตรียมรถกำลังจะออกไปทำงาน แต่คุณท่านเรียกคุณธูปไว้ก่อนน่ะครับ...หลังจากนั้นแป๊บเดียวคุณกระเช้าก็มาที่นี่..."

ธูปคิดทบทวนแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ "หรือว่า...จะเป็น ตอนนั้น..." หน้าเขาซีดลงทันที

ooooooo

ทับทิมนัดพบกับสามสาวแสบพร้อมกับอิทธิเดชที่ผับไฮโซแห่งหนึ่ง   พอมาพร้อมหน้าทับทิมก็เล่าเรื่องที่เทียนกับกระเช้าจะแต่งงานกันให้ฟัง สามสาวร้องลั่นว่าไม่จริง!

"ฉันไม่เชื่อว่าเทียนจะแต่งงาน เป็นไปไม่ได้" แบมบี้เน้นย้ำ

"แต่มันก็เป็นไปแล้ว...ถึงจะหมั้นกันไว้ก่อน แต่อีกไม่นานแต่งแน่" ทับทิมยืนยัน ปาร์ตี้หันไปทางแบมบี้

"แบมบี้...มันเป็นไปได้ยังไง นังเทพีบ้านนอกมันชนะเธอได้ยังไง"

"นั่นสิ...ขนาดมีเราสองคนคอยช่วย เธอยังทำไม่สำเร็จเลย แต่นังนั่นมันมีแต่นังทอมคอยช่วยอยู่คนเดียว มันยังจับเทียนไว้ได้...ฉันไม่อยากจะเชื่อ..." เอแคลร์ต่อว่าเพื่อน แบมบี้หน้าบูด ยกมือห้าม

"พอๆๆ จะมาทับถมอะไรกันตอนนี้หา...ช่วยกันคิดหาทางออกสิ มาตอกย้ำกันอยู่ได้ ไม่สร้างสรรค์เล้ย..."

แบมบี้หงุดหงิดเริ่มฟาดหัวฟาดหาง อิทธิเดชแทรกขึ้นอย่างเอือมๆ

"เดี๋ยวๆ...ก่อนที่จะคุยอะไรกันไปมากกว่านี้ ขอสรุปหน่อย...ตกลงที่เรียกผมมาวันนี้ก็เพื่อให้มารับทราบว่าไอ้เทียนจะหมั้นและจะแต่งงานกับกระเช้าเนี่ยนะ"

"ใช่...เพราะไหนๆคุณก็เข้าร่วมกระบวนการกับเราแล้ว ก็ต้องรับรู้ไว้ด้วย" ทับทิมตอบทันที อิทธิเดชหันมามองสงสัย ถามว่าเธอเป็นใคร ทับทิมเชิดหน้าวางมาดราวกับเป็นบุคคลสำคัญ "ฉัน...ทับทิม เป็นเลขาฯของคุณธูป"

"แล้วเธอเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย" อิทธิเดชซัก ทับทิมยังไม่ทันตอบ ปาร์ตี้ก็ยื่นหน้าสาระแน

"ก็...ทับทิมเขาตั้งใจจะจับคุณธูป เราสี่คนก็เลยมาร่วมมือกัน"

"สรุป...นี่ฉันถูกดึงเข้ามาเกี่ยวกับแก๊งสี่สาวที่จ้องจะจับผู้ชายเหรอเนี่ย..."

"ใช่...เพราะคุณเองก็สนใจกระเช้าอยู่ไม่ใช่เหรอ เรามาร่วมมือกันก็ถูกต้องที่สุดแล้ว" ทับทิมตีขลุม

อิทธิเดชหัวเราะอย่างแค้นๆ "เฮอะๆ ฉันสนใจเด็กนั่นก็แค่ทำให้ไอ้สองแฝดนั่นมันหัวปั่นนิดๆหน่อยๆเพื่อความสะใจ ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรมากมาย ไร้สาระ..."

เสียงสี่สาวร้องอ้าวออกมาเหมือนค่างถูกไม้ดีด

"เชิญพวกเธอวางแผนจับผู้ชายทำลายการแต่งงานกันไปตามสบายนะ ฉันยังมีงานต้องทำอีกมาก...ขอถอนตัว..." พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกไปพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ

สี่คนหันมามองหน้ากัน คิดว่าอิทธิเดชถอนตัวออกไปแล้วจะทำยังไงดี ในที่สุดแบมบี้ก็ประกาศว่า

"ไม่ว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป ฉันไม่มีวันยอมยกเทียนให้นังเทพีนั่นเด็ดขาด ฉันจะต้องหาทางทำลายงานแต่งงานครั้งนี้ให้ได้"

"จะทำอะไรก็ตามใจ แต่อย่าทำให้ฉันต้องลำบากไปด้วยก็แล้วกัน เพราะจะว่าไป เขาแต่งกันไปก็ดี กระเช้ามันจะได้เลิกมายุ่งกับคุณธูปของฉัน เพราะฉะนั้น ต่อไปพวกเธอจะทำอะไรฉันไม่เกี่ยว และอย่าให้ความเดือดร้อนกระทบมาถึงฉันด้วย" ว่าแล้วทับทิมก็หิ้วกระเป๋าออกไปอีกคน ปาร์ตี้กับเอแคลร์ร้องพร้อมกันว่าโดนทิ้งอีกแล้วเหรอเนี่ย งั้นก็เหลือเราแค่สามคนเท่านั้น

"แล้วไง...ไม่เห็นจะต้องไปแคร์คนอื่นเลย ถึงจะเหลือเราแค่สามคนก็ต้องหาทางทำลายงานแต่งของเทียนและกำจัดนังกระเช้าออกไปให้ได้...เทียนจะต้องไม่ได้แต่งกับนังเทพีบ้านนอกนั่นเด็ดขาด" น้ำเสียงแบมบี้มุ่งมั่นเป็นอย่างมาก

ooooooo

เช้าวันต่อมา กระเช้าไปหาแม่ที่บ้าน จวงจิตยังเมาเป๋ตามเคย แต่กระเช้าก็ต้องใช้ความอดทนพูดกับแม่ พอจวงจิตรู้เรื่องก็ยิ้มหน้าบาน ถามว่าเป็นเรื่องจริงเหรอที่กระเช้าจะได้แต่งงานกับลูกเจ้าของฟาร์ม แล้วจวงจิตก็สร้างวิมานใหญ่โตว่าอีกหน่อยคนแถวนี้ต้องเรียกเธอว่าคุณนายจวงจิตแน่ๆ สั่งกระเช้าอีกว่า

"นังกระเช้า เอ็งแต่งงานแล้วเอ็งต้องเอาเงินผัวมาให้แม่นะ อย่าลืมล่ะ" พูดแล้วก็พรวดพราดลุกขึ้นจะไปบอกนังปิ่นทองให้มันเจียมตัวไว้บ้าง อีกหน่อยฉันรวย พี่ชิดจะต้องกลับมาหาฉัน

กระเช้ารีบดึงเอาไว้ "แม่...ห้ามแม่ไปหาน้าปิ่นทองเขานะ"

"ทำไม...ทำไมฉันจะไปหามันไม่ได้ เป็นห่วงมันนักหรือไง" จวงจิตเริ่มอาละวาด

"ไม่ใช่อย่างนั้น...ฉันแค่ไม่อยากให้แม่เอาเรื่องของเราไปบอกเขา ฉันว่าแทนที่แม่จะคิดถึงน้าปิ่นทอง คิดถึงตัวเองก่อนดีกว่า...ตอนนี้พ่อแม่ของคุณเทียนเขาอยากจะมาคุยกับพ่อแม่เรื่องพิธี แล้วแม่จะให้เขามาคุยกับแม่ในสภาพแบบนี้เหรอ"

"ทำไม สภาพแบบนี้มันเป็นยังไงหา...ไหนบอกมาซิ" จวงจิตเขย่าไหล่กระเช้าแรงๆ "ไงล่ะ...บอกมาสิเว้ย ข้ามันเป็น
ยังไงนังกระเช้า..."

"ก็เมาเละเทะแบบนี้ ใครเขาอยากจะคุยด้วย" กระเช้าน้ำตาร่วงเผาะด้วยความอัดอั้น พูดไปสะอื้นไป "แม่ไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้ ถ้าคุณท่านกับคุณเทียนมาเจอ แม่จะให้ฉันทำยังไง"

"นังกระเช้า นังกระแดะ ข้าเมาแบบนี้แล้วมันหนักหัวใครวะ ข้าไม่เปลี่ยนเว้ย ข้าจะเป็นของข้าแบบนี้ ถ้าไอ้พวกคนรวยมันรับไม่ได้ก็ไม่ต้องคุย"

กระเช้ายังร้องไห้ไม่หยุด จวงจิตคว้าขวดเหล้าแล้วชี้หน้า

"เอ็งรีบไปเลยนะ  หน็อย  ยังไม่ได้ขึ้นวอมาทำเป็นโอหังสั่งสอนแม่ แล้วยังจะลำเลิกบุญคุณอีกเหรอ เอ็งทำเพื่อข้า แล้วทำไมข้าต้องทำเพื่อเอ็งด้วยวะ..." จวงจิตตะโกนลั่น กระเช้าทนไม่ไหว ยกมือไหว้บอกลาแล้วกลับไปหาพ่อ

ชิดชัยได้ฟังเรื่องเมียเก่าที่ลูกสาวเล่า เขาไม่ได้พูด ซ้ำเติมจวงจิตเลยสักนิด แต่กลับกล่อมลูกสาวว่าแม่เขาพูดเพราะเมา...เราก็น่าจะรู้จักแม่ดี กระเช้าบอกว่าตนรู้ แต่ยังไงก็ไม่สบายใจอยู่ดี ถามพ่อว่าถ้าต้องคุยกับพ่อแม่ของคุณเทียนจริงๆเราจะทำยังไงกันดี

"พ่อถามอีกที...คุณเทียนนี่คือคนที่พ่อเจอคนแรกหรือคนที่ตามมาทีหลัง"

"คนที่ตามมาจ้ะ คนที่พ่อเจอคนแรกคือคุณธูป"

"เหรอ...พ่อนึกว่ากระเช้าจะแต่งกับผู้ชายที่พ่อเจอคนแรกเสียอีก"

"เปล่าจ้ะ ไม่ใช่คนนั้น...คุณธูปกับฉัน...มันเป็นไปไม่ได้หรอก"

"กระเช้า...มีอะไรหรือเปล่า" ชิดชัยถาม แต่กระเช้าส่ายหน้าว่าไม่มี "ที่พ่อถามนี่ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รู้สึกว่าระหว่างลูก คุณเทียน และก็คุณธูป มันเหมือนมีอะไรแปลกๆตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งที่แล้ว ตกลง...ลูกจะแต่งกับคนนี้แน่ใช่มั้ย พ่อขอถามอีกคำนะกระเช้า...ที่ลูกแต่งงานครั้งนี้เพราะแม่หรือเปล่า"

"ก็...ถ้าแต่งแล้วแม่มีความสุข ฉันก็อยากทำให้แม่" กระเช้าไม่ยอมสบตาพ่อ ชิดชัยจับบ่าลูกสาวด้วยความรัก

"กระเช้า...การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่มันมีหลายวิธี... การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง... เพราะถ้าเราไม่จริงใจแล้ว มันก็เท่ากับเรากำลังหลอกคนที่เขาจะมาใช้ชีวิตอยู่กับเรา...คิดให้ดีๆนะลูก ทางพ่อไม่มี
ปัญหาอยู่แล้ว ทางโน้นเขาอยากมาคุยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตัวลูกเองต้องตอบให้ได้ว่าลูกอยากแต่งงานกับเขาเพราะอะไร"
คำพูดของพ่อ กระเช้าฟังแล้วยิ่งหนักใจ...

ทางด้านเทียน เฝ้าแต่ชะเง้อชะแง้คอยกระเช้าอยู่นั่น บ่นกับตัวเองว่ากระเช้าไปคุยกับพ่อแม่เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เงียบหายไปเลย...เขาไม่รู้จะหักห้ามความกระวนกระวายของตัวเองได้ยังไง เลยกดมือถือไปหาหมี่กรอบ ซึ่งทางนั้นพอเห็นเป็นชื่อเทียนก็ไม่ยอมรับสาย หลายๆครั้งเข้าหมี่กรอบจึงกดปิดเครื่องไปเลย

ขณะนั้นที่หน้าห้องได้ยินเสียงเลขาฯของเขาเอะอะห้ามไม่ให้คนเข้ามา เทียนหันไปดูทางประตูอย่างแปลกใจ เลขาฯกระเด็นเข้ามาก่อนเพราะมีคนผลัก แล้วก็ตามด้วยสามสาวสามแสบ แบมบี้ร้องบอกเทียนว่ามีเรื่องสำคัญจะมาคุยด้วย เทียนจึงไล่เลขาฯออกไป เลขาฯออกมาจากห้องแล้วรีบโทร.ไปรายงานทับทิมทันที

พอเข้ามานั่ง แบมบี้ก็เปิดฉากว่าเทียนแน่ใจแล้วเหรอ

ที่จะแต่งงานกับนังเทพีบ้านนอกคนนั้น เทียนทำเสียงเข้มใส่ บอกว่ากระเช้าเขามีชื่อ กรุณาให้เกียรติว่าที่ภรรยาของตนด้วย สามสาวตีหน้าปั้นยาก แต่แบมบี้ก็ยังใช้ความพยายามอีก

"แบมบี้คิดว่าเทียนยังไม่รู้จักนังนั่นดีพอนะคะ เวลาแค่ไม่เท่าไหร่ที่รู้จักกันมันอาจจะหลอกเทียนได้"

ปาร์ตี้กับเอแคลร์ช่วยสนับสนุนโดยพูดถึงเรื่องอิทธิเดช กับเรื่องธูปที่พัวพันกระเช้าอยู่ เทียนยกมือห้ามอย่างไม่อยากฟัง

"พอได้แล้ว...ผมรู้ว่าการที่ผมแต่งงานทำให้พวกคุณ เสียใจ แต่ผมตัดสินใจแล้ว กระเช้าคือผู้หญิงที่ผมรัก และผมเลือกที่จะแต่งงานกับเขา ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของผม ได้ ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ กลับไปซะเถอะ เสียเวลาเปล่า"

"เทียน...แบมบี้มาเตือนเพราะความหวังดีนะคะ ไม่อยากให้เทียนต้องเสียใจทีหลัง ผู้หญิงคนนั้นมันไม่ดีอย่างที่เทียนคิด"

"มาอีกคนแล้วหรือ...นี่...จะบอกให้นะ เมื่อก่อนไอ้ธูปก็พูดแบบนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีหลักฐานมายืนยันว่ากระเช้าเป็นคนไม่ดียังไง พวกคุณมีอะไรมาพิสูจน์หรือเปล่าล่ะ ถ้ามี...ผมจะเชื่อ แต่ถ้าไม่มีก็เตรียมตัดชุดมางานแต่งของผมได้เลย"

สามสาวงงเป็นไก่ถูกเตะตาแตก เดินคลำทางออกจากที่ทำงานของเทียนแทบไม่ทัน พอพ้นหน้าตึกนั้นมาได้หน่อย ทับทิมก็เดินเข้ามาขวาง ร้องถามว่า

"เธอสามคนมาทำอะไรที่นี่ มาสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ฉันหรือเปล่า" ทับทิมเหมือนตุ๊กแกกินปูนร้อนท้อง แบมบี้ทำปากแบะใส่

"นี่...ฉันสามคนใจนักเลงพอย่ะ ไม่ใช่คนชอบแทง

ข้างหลังเหมือนหล่อน พอเห็นไม่มีประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง พวกฉันทำอะไร เธอไม่เดือดร้อนแน่ไม่ต้องห่วง"

"ก็ดี...แล้วไง...มีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า"

"ไม่มี...มีแต่ความหน้ามืดตามัวของเทียน พูดยังไงก็ไม่ยอมฟัง"

ทับทิมยิ้มเยาะ   "โธ่...ฉันนึกว่าพวกเธอมาทำอะไร...แค่พูดมาเนี่ยนะ ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันทั้งพูดทั้งยุ ยังทำอะไรไม่ได้เลย"

"ใช่" แบมบี้เห็นด้วย "แค่เราพูดมันทำอะไรไม่ได้จริงๆ เราต้องทำให้เทียนเห็นเองว่านังกระเช้ามันไม่คู่ควร...ก่อนอื่นเราจะต้องรู้จักนังกระเช้าให้มากกว่านี้ สืบไปถึงพ่อแม่มันได้ยิ่งดี"

ทับทิมนึกอะไรขึ้นมาได้ ร้องออกมาว่า "แม่นังกระเช้า..."

ooooooo

กระเช้าก้าวลงจากรถสองแถวที่หน้าฟาร์ม เดินเข้าฟาร์มโดยผ่านการตรวจค้นอย่างเข้มงวดของ รปภ. เสร็จแล้วก็เดินอย่างหงอยๆเข้าไป ผ่านมุมหนึ่ง เสียงธูปดังขึ้นจนเธอสะดุ้งหันไปมอง

"ทำไมเธอถึงไม่เอาแผนที่มาให้ฉันด้วยตัวเอง"

"เอ้อ...คือฉันต้องรีบกลับไปทำงาน ฉันหาคุณไม่เจอก็เลยฝากตั้มไว้ ก็แค่นั้นเอง...ตอนนี้ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ..." กระเช้าเดินหนี ธูปเรียกเอาไว้

"เดี๋ยว...ตอนเธอเดินเข้าไปในบ้าน  เธอได้ยินอะไรหรือเปล่า"

"แล้วคุณคิดว่าฉันควรจะได้ยินอะไรเหรอคะ" กระเช้ายอกย้อนอย่างท้าทาย

"ก็...อะไรก็ได้...ที่เธออาจจะได้ยิน"

"คำถามนี้ ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ เพราะคุณเองน่าจะรู้แก่ใจดี...ฉันบอกได้แค่ว่า...สิ่งที่ฉันได้ยิน มันทำให้ฉันตาสว่างและรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มันทำให้ฉันเลิกคิดเอง เออเอง และเข้าใจอะไรๆมากขึ้น...ที่สำคัญ...สิ่งที่ฉันได้ยิน มันทำให้ฉันตัดสินใจแต่งงานกับคุณเทียนโดยไม่ลังเล" กระเช้าจบคำพูดแล้วก้าวเดินกลับไป...ธูปอึ้ง เริ่มคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูดกับแม่ในวันนั้น

ooooooo

อิทธิเดชเอาเรื่องที่เทียนกับกระเช้าจะแต่งงานไปเล่าให้ดาราฟัง ดาราพูดอย่างเหยียดหยามว่า

"ไอ้ด็อกเตอร์มันยอมให้ลูกชายแต่งงานกับเด็กในฟาร์มนี่หรือ บ้าไปแล้ว รวยเป็นหมื่นล้าน จะหาลูกสะใภ้ไฮโซแค่ไหนก็ได้ ดันปล่อยให้ลูกชายแต่งงานกับเด็กคนงาน...ใฝ่ต่ำ"

"แต่ผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆนะครับแม่...คนที่เป็นเทพีที่ผมเคยเอารูปให้แม่ดูน่ะ"

"สวยยังไงก็เป็นแค่คนงานไม่คู่ควร...อิท เราน่ะไม่ต้องเอาอย่างมันเลยนะ แม่บอกไว้ก่อน ลูกสะใภ้แม่ต้องเพียบพร้อมทั้งเงินทองชาติตระกูลและการศึกษา จะไปคว้าลูกตาสีตาสาที่ไหนไม่รู้มาเป็นเมีย แม่ไม่รับ..."

อิทธิเดชรีบเบี่ยงเบนเปลี่ยนเรื่อง "แม่ครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ฟาร์มเรามีปัญหาต้องแก้ตั้งเยอะแยะ ผมเอาเวลามาทำงานดีกว่าไปทำเรื่องไร้สาระ"

"คิดแบบนี้ให้ตลอดแล้วกัน...แต่จะว่าไป ไอ้ด็อกเตอร์มันได้เด็กคนงานเป็นลูกสะใภ้ก็ดีเหมือนกัน เจอมันคราวหน้าจะได้มีเรื่องถากถางให้สะใจ...อ้อ...แล้วเรื่องไอ้บัญชาล่ะ ไปถึงไหนแล้ว ตกลงมันเอากล้วยไม้ของเราไปแพร่โรคในโรงเรือนไอ้พวกนั้นได้หรือยัง"

คำถามของแม่ทำให้อิทธิเดชต้องโทร.ไปหาบัญชา ทางฝ่ายนั้นตอบมาว่าตอนนี้ยังหาทางเอาเข้าไปไม่ได้เลยเพราะกล้องวงจรปิดมันเยอะมาก ถ้าบุ่มบ่ามเอาเข้าไปต้องเสียแผนแน่

"อย่าให้มันนานนักนะ แม่ถามหลายรอบแล้ว ถ้าถามอีกทียังไม่สำเร็จเป็นเรื่องแน่" อิทธิเดชขู่

"ครับๆ ผมจะรีบจัดการ เมื่อวานผมได้ข่าวว่าที่ฟาร์มกำลังเตรียมจัดงานหมั้นของคุณเทียน ผมคิดว่าจะใช้จังหวะชุลมุนหาทางลำเลียงกล้วยไม้เข้าไปให้ได้ คุณไม่ต้องห่วง"

ไม่มีเสียงตอบจากอิทธิเดช บัญชาเงี่ยหูฟังได้ยินเสียงเขาดุคนงาน และคนงานตอบว่าที่กำลังเอาไปเผานี่เป็นกล้วยไม้ชุดใหม่ เพิ่งเจอว่าเป็นโรคเมื่อกลางวันนี้เอง

ooooooo

กระเช้าเข้าไปถึงบ้านพบหมี่กรอบ ถามเรื่องที่ไปคุยกับพ่อแม่มา   กระเช้าบอกว่าแม่จะคุยแบบเมาๆนี่แหละ   แม่บอกว่าถ้าทางฝ่ายผู้ชายยอมรับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ  ตนไม่รู้จะว่ายังไง  จนปัญญาจริงๆ  หมี่กรอบแนะนำอีกวิธีหนึ่งให้

"งั้นแกต้องบอกความจริงกับคุณเทียน และพาเขาไปหาน้าจวงก่อนเพื่อทำความเข้าใจ แล้วให้คุณเทียนไปบอกคุณท่านเพื่อทำใจ...ถ้าแกตัดสินใจจะแต่งงานกับคุณเทียน แกต้องให้เขารับรู้ตัวตนของแก เพราะมันปิดบังไปไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องรู้ จะให้รู้ตอนนี้หรือแล้วค่อยรู้แกก็เลือกเอา...อ้อ แล้วนี่แกกลับมารายงานคุณเทียนหรือยัง ถ้าไงโทร.หาเขาหน่อยก็แล้วกัน ป่านนี้คงร้อนใจอยากรู้ว่าแกคุยกับพ่อแม่มาเป็นยังไงบ้าง"

"อืม...จะโทร.เดี๋ยวนี้แหละ...เออ...แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าคุณเทียนเขาร้อนใจอยู่"

"ก็เขาโทร.หาฉันทั้งวัน...เอ๊ย...คือ เขาโทร.หาฉัน ก็คงจะถามเรื่องแกนั่นแหละ แต่ฉันไม่ได้รับเพราะงานยุ่ง แกก็รีบโทร.รายงานเขาก็แล้วกัน ฉันขอไปอาบน้ำก่อน" หมี่กรอบเดินหนีเข้าห้องน้ำไปเลย กระเช้ามองตามเพื่อน รู้สึกแปลกๆ

ooooooo

ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทับทิมนัดพบสามสาวแสบ พอเจอหน้ากัน ทับทิมก็ยื่นซองเอกสารให้ บอกแบมบี้ว่าเป็นประวัติของกระเช้าที่ไปถ่ายเอกสารมาจากฝ่ายบุคคล มีข้อมูลครบทั้งที่อยู่ของพ่อแม่ เบอร์ โทรศัพท์...แบมบี้งง ถามว่าทับทิมเอามาให้ทำไม

"อ้าว...ก็เธออยากสืบประวัตินังกระเช้าหาสิ่งผิดปกติไม่ใช่เหรอ ฉันก็เลยช่วย แต่ก็เหมือนเดิมนะ อยากจะทำอะไรก็ทำ อย่าให้ฉันเดือดร้อนไปด้วยล่ะ"

"ย่ะ...ไม่ต้องย้ำ" ปาร์ตี้กระแทกเสียงอย่างหมั่นไส้

"แล้วที่เธอบอกฉันว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับแม่นังกระเช้า ตกลงมันเรื่องอะไร" แบมบี้ซักทับทิม

"เมื่อไม่นานมานี้ รปภ.ที่ฟาร์มมารายงานฉันว่า มีผู้หญิงท่าทางเมาๆ มาโวยวายที่หน้าฟาร์ม และอ้างว่าเป็นแม่ของนังกระเช้า"

"ท่าทางเมาๆ โวยวายด้วยเหรอ...ยี้...ต่ำ" เอแคลร์ทำท่าขนลุกขนพอง แบมบี้รุกต่อ

"แล้วเธอได้เจอหรือเปล่า หน้าตาท่าทางเป็นยังไง นอกจากเธอแล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีกหรือเปล่า"

"มีคุณธูป...แต่ฉันตามหาตัวไม่เจอ ก็เลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นแม่มันจริงหรือเปล่า เรื่องก็เลยเงียบๆไป ถ้าพวกเธออยากรู้ก็ไปสืบต่อเอาเอง"

เอแคลร์กับปาร์ตี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่แบมบี้กลับบอกว่า "เดี๋ยวก็รู้" แล้วหยิบซองเอกสารขึ้นมาถือไว้ในมือ เธอมุ่งมาดว่าจะต้องตามหาแม่ขี้เมาของกระเช้าให้พบเพื่อเปิดปมเรื่องทั้งหมด

ooooooo

กระเช้าไปบอกกับเทียนว่าแม่ของเธอไม่สามารถ จะพบกับพ่อและแม่ของเขาได้ แต่พ่อจะเป็นคนให้พบเอง เทียนมีท่าทางเป็นห่วงอยากรู้ว่าแม่ของเธอเป็นอะไร เสนอว่าจะพาไปโรงพยาบาลแต่กระเช้าบ่ายเบี่ยง ดังนั้นในวันต่อมา ศีลกับบุปผาจึงไปเจรจาสู่ขอกับชิดชัยที่บ้านปิ่นทอง ภาพแรกพอไปถึงที่เจอคือปิ่นทองแต่งตัวและใส่เครื่องเพชรเครื่องทองแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์คอยต้อนรับคู่กับชิดชัย

"สวัสดีค่ะ คุณด็อกเตอร์และคุณนาย..." ปิ่นทองทักทายก่อน เมื่อพวกมาสู่ขอย่างเข้าบ้าน

ศีลกับบุปผายกมือรับไหว้อย่างงงๆ ปิ่นทองแนะนำตัวเองทันที

"ดิฉันชื่อปิ่นทอง เป็นภรรยาของพี่ชิด พ่อของหนูกระเช้าค่ะ"

ศีลกับบุปผาหันมามองหน้ากันด้วยความงงครั้งที่สอง ชิดชัยทนไม่ไหว อธิบายว่า

"คือ...ผมกับแม่ของกระเช้า เราแยกทางกัน แล้วผมก็มาช่วยปิ่นทองดูแลธุรกิจ..." พูดไม่ทันจบปิ่นทองก็คว้ามือชิดชัยมาคล้องแขนตัวเอง เจ๋อขึ้นมาอีกว่า

"...แล้วก็เป็นสามีด้วยค่ะ"

ชิดชัยรีบเข้าเรื่องทันที "เห็นกระเช้าบอกว่า คุณท่านทั้งสองคนจะมาคุยกับผมเรื่องของกระเช้ากับคุณเทียนใช่ไหมครับ"
ศีลเพิ่งตั้งสติได้ "อ้อ ครับๆ ใช่ครับ คือเจ้าเทียนลูกชายผมเขาชอบพอหนูกระเช้า อยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน ทางผมกับคุณบุปผาก็ยินดีที่จะได้หนูกระเช้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัว ผมก็เลยมาเป็นเถ้าแก่ให้ลูกชายเพื่อสู่ขอหนูกระเช้า ไม่ทราบว่าทางคุณพ่อจะว่ายังไงครับ"

"เอาไปเลยค่ะ..." เสียงปิ่นทองแจ๋นขึ้น พอถูกชิดชัยจ้องหน้าจึงเปลี่ยนเสียงเป็นเบาลงเล็กน้อย "หนูกระเช้าเขาก็รักลูกชายคุณมากกก...เขามาเล่าให้ฉันฟังบ่อยๆ เราสองคนสนิทกันมากนะคะ วันนี้เขาขอใช้บ้านฉันเป็นที่พูดคุย ฉันเลยอนุญาต เพราะเห็นว่าสองคนรักกัน...ถึงฉันจะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่เราก็สนิทกันราวกับฉันเบ่งเขาออกมาเองเลยค่ะ...จริงมั้ยจ๊ะกระเช้า"

ระหว่างที่พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ปิ่นทองมือไม้ขวักไขว่ ให้เห็นประกายเพชรว็อบแว็บไปหมด กระเช้ากลืนน้ำลาย คิดว่าปิ่นทองพูดยังงั้นไปได้ยังไง เธอหันมาทางพ่อ

"พ่อจ๋า...น้าปิ่นทองตอบไปแล้ว แล้วพ่อล่ะจ๊ะ ตกลงหรือเปล่า"

"ผมเองก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ เรื่องแบบนี้ก็ต้องแล้วแต่ เจ้าตัวเขา...ถ้ากระเช้าเขารักชอบคุณเทียน ผมก็ตกลง" ชิดชัยรีบเอามือจับแขนปิ่นทอง เพราะเธอกำลังจะอ้าปากพูดอีกแล้ว

เป็นอันว่าเรื่องการสู่ขอในวันนี้ปิ่นทองพูดมากที่สุด และได้อวดความร่ำรวยสมใจอยาก แถมยังเสนออีกว่างานหมั้นให้จัดที่บ้านเธอด้วย แต่ศีลกับบุปผายังไม่ได้รับคำ

ooooooo

กลับถึงบ้านบุปผาไปนั่งรอธูปอยู่เป็นนาน อยากถามเขาเรื่องแม่เลี้ยงและประวัติครอบครัวของกระเช้า พอธูปกลับมาถึงก็ลากข้อมือมาให้นั่งลงพลางบอกว่า

"วันนี้แม่ไปคุยกับพ่อของ...กระเช้าแล้วก็ เอ้อ...เมียของพ่อเขาน่ะ แม่ว่ามันแปลกๆ แล้วบ้านที่ไปคุยก็ไม่ใช่บ้านของเขาเอง มันยังไงไม่รู้ ธูปพอจะรู้หรือเปล่าว่าตกลงพ่อแม่ กระเช้ากับเมียใหม่ของพ่อเนี่ยมันยังไงกันแน่"

"เท่าที่ผมทราบ พ่อแม่ของกระเช้าเขาแยกทางกัน ส่วนพ่อเขาไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ค่อนข้างมีฐานะ แต่แม่อยู่ที่บ้านเดิมกับกระเช้า"

"แล้วแม่ใหม่กับกระเช้าเขาญาติดีกันหรือเปล่า เท่าที่เห็นเหมือนเขารักกันแปลกๆ"

"ผมว่า...คงไม่ค่อยสนิท เพราะตั้งแต่พ่อกับแม่แยกกัน กระเช้าต้องทำหน้าที่ดูแลแม่แทนพ่อ น่าจะอยู่กับแม่ตลอด"

"เหรอ...แล้วเห็นพ่อเขาบอกว่า มาช่วยเมียใหม่ทำธุรกิจอะไรนะ"

"เป็นร้านรับซื้อผลไม้แล้วก็คัดแยกที่ดีๆส่งออกนอก ถ้าไม่ได้มาตรฐานส่งต่อไปแผงอื่น   เหมือนพ่อค้าคนกลางน่ะครับ"

"แล้วแม่จริงๆล่ะ ทำอะไร เห็นกระเช้าว่าป่วย..." คำถาม นี้ทำเอาธูปอึกอัก แล้วตอบโดยไม่ยอมสบตาแม่

"เท่าที่ทราบคือทำสวน ส่วนเรื่องป่วยนี่ผมไม่ทราบเหมือนกัน"

"เอาละ พอเข้าใจแล้ว คุยกับเราค่อยได้เรื่องได้ราวหน่อย ถามตาเทียนไม่รู้อะไรสักอย่าง นี่แม่ชักเริ่มสงสัยแล้วนะ จะแต่งงานกับเขารู้อะไรเกี่ยวกับเขามั่งหรือเปล่าเนี่ย...เออ... แล้วธูปไปรู้เรื่องราวของกระเช้าเขาได้ยังไง"

"เอ้อ...ก็ตอนคุณแม่เรียกผมกลับมาจัดการเรื่องนี้ ผมก็เลยสืบประวัติเขา มันก็แค่นั้นแหละครับ"

"แหม ถ้าตาเทียนสนใจเรื่องราวของหนูกระเช้าซะบ้างก็คงดีหรอกนะ ไม่ใช่สนใจแต่หน้าตา ถ้าเป็นแบบนี้แต่งกันไปแล้วมันจะอยู่รอดหรือเปล่าก็ไม่รู้...เฮ้อ" บุปผาเหนื่อยใจ แต่ธูปรู้สึกเป็นห่วงกระเช้า

ooooooo

กระเช้ากลับจากบ้านพ่อแล้วชวนหมี่กรอบให้ไปเป็นเพื่อนวันรุ่งขึ้น เพราะเทียนจะพาไปตัดชุดหมั้น หมี่กรอบไม่ยอมไป บอกว่าพรุ่งนี้ไม่ว่าง และแนะนำว่าจะไปตัดชุดหมั้นก็ควรไปกับคู่หมั้น ไม่ใช่ลากเพื่อนไปด้วย ไม่งั้นเพื่อนจะกลายเป็นส่วนเกิน

"ไม่เป็นไรหรอก คุณเทียนเขาก็อยากให้แกไป เขาพูดกับฉัน และยังบอกด้วยว่าไม่รู้แกเป็นอะไร โทร.มาหาไม่ยอมรับ เขากลัวแกจะโกรธที่ขอฉันแต่งงานโดยไม่ได้ปรึกษาแก"

"บ้าหรือเปล่า...ทำไมฉันจะต้องโกรธด้วย ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย" หมี่กรอบดุให้ แต่ในที่สุดเมื่อโดน เพื่อนอ้อนวอนมากเข้าต้องยอมไป

วันรุ่งขึ้นที่ร้านลองเสื้อ เทียนบอกให้หมี่กรอบวัดตัวด้วย เขาจะออกเงินให้ หมี่กรอบเอ็ดเสียงเขียว

"เก็บเงินของคุณไว้เถอะ ฉันไม่ต้องการ" หมี่กรอบลุกหนีไป เทียนไม่เข้าใจ คิดว่าหมี่กรอบคงรักและหวงกระเช้ามากจึงตามไปถาม

"เธอไม่พอใจที่ฉันกับกระเช้าแต่งงานกัน เพราะเธอรู้สึกเหมือนโดนพรากเพื่อนรักใช่ไหม เธอถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์แล้วยังแสดงท่าทีไม่พอใจฉัน"

"คุณคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลนั้นเหรอ"

"ก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลอื่นนี่"

"โอเค ถ้าคุณคิดว่าเหตุผลนั้นก็ดี จะได้รู้ว่าถ้าคุณแต่งงานกับเพื่อนฉันไปแล้วทำให้เขาต้องเสียใจ คุณต้องโดนฉันเหวี่ยงมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า อ้อ...ยังมีอีกอย่าง ตอนนี้ เรื่องระหว่างคุณกับเขาก็ลงเอยตามที่คุณต้องการแล้ว ต่อไปไม่ต้องโทร.หาฉันอีก ฉันขี้เกียจคุย"

ภาพของหมี่กรอบที่ทำท่ากวนๆใส่เทียนและเทียนเดินตามง้อ กระเช้ามองเห็นในกระจกที่กำลังลองเสื้อ เธอรู้สึกถึงความไม่ปกติของคนทั้งสอง

ooooooo

จวงจิตไปที่บ้านปิ่นทองเพื่อไปอาละวาดให้สมกับความแค้นเพราะที่ตลาดได้ยินคนพูดกันเรื่องปิ่นทองไปโพนทะนาว่ากระเช้าไม่นับถือแม่ตัวเอง ให้แฟนมาสู่ขอที่บ้านของปิ่นทองและเธอเป็นคนยกให้ผู้ชายคนนั้น และจะหมั้นหมายกันอีกไม่กี่วันนี้ สองคนทะเลาะแทบจะตบตีกัน ชิดชัยต้องออกมาห้ามแล้วบอกจวงจิตว่าเขาเป็นคนบอกให้กระเช้าทำแบบนี้เอง

"จวง...ฟังให้ดีนะ ลูกมาปรึกษาพี่ ลูกไม่อยากให้ผู้ใหญ่ ทางโน้นเห็นว่าแม่อยู่ในสภาพแบบนี้ เขาจะมองแบบดูถูกเอาได้ เมื่อก่อนจวงไม่เคยเป็นยังงี้ ทำไมตอนนี้ไม่ดูแลตัวเองบ้าง"

"จะดูแลไปทำไม ดูแลยังไงพี่ก็ทิ้งฉันไปวันยังค่ำ ใช่สิ เพราะฉันมันจน ไม่รวยเหมือนนังปิ่นทองนี่ พี่ต้องการเงินของมันใช่มั้ย"

"หยุดนะจวง เธอกำลังดูถูกพี่"

"แล้วมันไม่จริงหรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะมันรวยทำไมพี่ต้องทิ้งฉันมาหามัน พี่บอกฉันสิว่าเพราะอะไร"

"เพราะพี่ไม่อยากให้ที่ดินของเราโดนยึด พี่ไม่อยากให้เราต้องหมดตัว...ตอนที่น้ำท่วมสวนส้มโอปีนั้น เราไม่มีเงินกันเลย พี่จึงเอาโฉนดไปจำนองกับปิ่นทองเขา แต่จนแล้ว จนรอดพี่ก็หาเงินมาไถ่ถอนไม่ได้ เขาจะยึดที่แต่พี่ขอร้องไว้ เขาเลยยื่นข้อเสนอให้พี่มาอยู่กับเขา แล้วเขาจะคืนโฉนดที่ดินให้ พี่ไม่อยากให้จวงกับลูกต้องลำบาก ถ้าไม่ทำยังงี้เราก็ไม่เหลืออะไรเลย ทุกวันนี้พี่อยู่กับเขาไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงจวงกับลูก แต่พี่ต้องทน...ทนทำงานเพื่อเก็บเงินมาใช้หนี้ เพื่อสักวันพี่จะได้เป็นอิสระ"

จวงจิตเพิ่งรู้ความจริงทั้งหมด เธอร้องไห้อย่างหนัก ยิ่งชิดชัยบอกว่านอกจากเขาแล้ว กระเช้าเองก็ยอมลำบาก ยอมแต่งงานกับคนที่มีฐานะอย่างที่จวงจิตต้องการ เขาอยากให้เธอตั้งสติบ้าง ให้คิดดูดีๆว่าทั้งเขาและลูกยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข เธอเองก็ควรจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง...ชิดชัย พูดจนหมดเปลือกแล้วก็เดินเข้าบ้าน จวงจิตทรุดลงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นเอง

ooooooo

ทับทิมมาเดินตรวจดูความสะอาดเรียบร้อยของโรงงาน ดูไปจดไป ไอ้นั่นก็สกปรก ไอ้นี่ไม่ได้กวาดเก็บให้เรียบร้อย เดินไปถึงห้องทำงานของบัญชาไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว กำลังจะเดินออกบังเอิญตาเหลือบไปเห็นลังไม้ที่ไม่เหมือนลังของฟาร์ม จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ก้มลงดูแล้วเปิดออก หยิบกล้วยไม้เป็นโรคขึ้นมา

"เอ๊ะ...กล้วยไม้เป็นโรคพวกนี้ เข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง"

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทับทิมเหลียวหาที่มาของเสียง เห็นมือถือของบัญชาวางอยู่บนโต๊ะจึงหยิบขึ้นมา หน้าจอมีชื่ออิทธิเดชเป็นคนโทร. เธอกดรับสายทางโน้นพูดมาทันที

"เรื่องที่ฉันให้จัดการไปถึงไหนแล้ว"

"คุณหมายถึงเรื่องอะไรล่ะคะ ถ้าเป็นเรื่องขนกล้วยไม้ เป็นโรคเข้าไปในโรงเรือนของฟาร์ม...คงยังไม่เรียบร้อย เพราะฉันเห็นกล้วยไม้ของคุณยังอยู่ในลัง"

"เธอเป็นใคร" อิทธิเดชตกใจ

"เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแล้วค่ะ แต่คุณคงจะจำเสียงฉันไม่ได้"

อิทธิเดชรีบวางสายทันที...ฝ่ายบัญชาเดินเข้ามาในห้องเห็นทับทิมยืนอยู่ เขาแทบช็อก ทับทิมทำหน้าเฉยๆส่งโทรศัพท์ให้ บอกว่า

"เมื่อกี้นายอิทธิเดชโทร.มา เขาอยากรู้เรื่องกล้วยไม้เป็นโรคที่เธอขนเข้ามาในฟาร์ม...จะให้ฉันไปฟ้องด็อกเตอร์แล้วเอาลังพวกนี้ไปตรวจหาลายนิ้วมือเธอไหม รู้หรือเปล่าว่าถ้าคุณท่านรู้ เธอจะต้องได้รับโทษหนักแค่ไหน" ทำหน้าเฉยแต่น้ำเสียงมีขู่ บัญชาตัวสั่น

"ผมจะรีบขนไปทิ้งเดี๋ยวนี้ คุณอย่าไปบอกคุณท่านนะครับ"

ทับทิมคิดๆแล้วแผนร้ายก็เกิดขึ้นในหัว ถามออกมาว่า "ทำไมเอามาเก็บไว้ที่นี่ไม่ขนเข้าไปในโรงเรือน"

"ที่โรงเรือนมีกล้องวงจรปิดเต็มไปหมด ผมยังหาทางขนเข้าไปไม่ได้ครับ"

"เธอเอาเข้าไปเองไม่ได้ ก็ใช้คนอื่นเอาเข้าไปให้สิ ไม่เห็นจะยากเลย"

"ใครจะกล้าล่ะครับ กลัวโดนไล่ออกทั้งนั้น ดีไม่ดีซัดทอดมาก็ซวยกันพอดี"

"ก็เลือกคนที่มันไม่ค่อยฉลาด แล้วก็รู้ไม่ทันเราสิ" ทับทิมชี้แนะ บัญชายังคิดไม่ออกว่าจะเป็นใคร ทับทิมจึงเอ่ยชื่อออกมาตรงๆ

เพียงวันรุ่งขึ้น  บัญชาก็ทำทีไปตีสนิทกับกระเช้า

ไปพูดขอโทษเรื่องต่างๆที่เคยทำไว้ แถมบอกว่าอีกหน่อยกระเช้าแต่งงานกับเทียนแล้วก็เท่ากับเป็นเจ้านายของเขา เขาไม่อยากผิดใจกับเธอ กระเช้าพาซื่อพูดตอบด้วยดี หารู้ไม่ว่ากำลังจะกลายเป็นหุ่นให้บัญชาเชิดในไม่ช้านี้

ooooooo

บันไดดอกรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด