สมาชิก

บันไดดอกรัก

ตอนที่ 13

ป่าเมืองกาญจน์ รถของธูปเข้ามาจอดที่กระท่อมหลังหนึ่งตามการชี้ทางของพรานบุญ  สามคนลงจากรถพรานบุญบอกว่าต้องจอดรถเอาไว้ที่นี่แล้วเดินเข้าไปดูกล้วยไม้ในป่าด้านใน ลูกชายของตนรออยู่แล้ว ธูปพยักหน้า รับแล้วพูดกับกระเช้าว่าเธอจะรออยู่ที่นี่ก็ได้นะ กระเช้าค้อนให้

"คิดว่าผู้หญิงอย่างฉันเดินป่าไม่ได้ยังงั้นสิ"

"แล้วได้หรือเปล่าล่ะ"

กระเช้าไม่ตอบ แต่หันไปหยิบเป้ใบเล็กๆที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้า ปิดประตูรถแล้วพูดว่า

"คนรวยไม่เคยลุยอย่างคุณมากกว่า ที่ทำไม่ได้" พูดจบก็เดินตามบุญไป ธูปรู้สึกเหมือนโดนท้าทายอย่างแรง กดล็อกรถแล้วเดินตาม แต่ไปได้พักเดียวเสียงธูปร้องโอ๊ยดังลั่น กระเช้าหยุดเดินหันมาดูเห็นมือของเขามีเลือดไหลเป็นทางเนื่องจากถูกหนามเกี่ยว เธอจึงเดินกลับมาช่วยทำแผลให้แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองพันแทนผ้าก๊อซ ธูปกล่าวขอบใจและยิ้มให้ทำเอาหัวใจของกระเช้าแทบละลาย

ขณะออกเดินทางต่อ ธูปกับกระเช้าพูดคุยกันมากขึ้น กระเช้าเล่าว่าตอนเด็กๆพ่อพามาหาลุงบุญเป็นประจำ ป่าแถวนี้เธอเที่ยวจนชินแล้ว และยังคุยถึงสภาพที่พ่อกับแม่ต้องแยกทางกันเนื่องจากครอบครัวเอาที่ไปจำนองไว้กับปิ่นทอง  พอถึงเวลาไม่มีเงินคืนให้ปิ่นทองก็ยึดพ่อเธอไปเลย กระเช้ายังพูดถึงแม่ตัวเองด้วยความรักจนถึงขนาดยอมทำทุกอย่างเพื่อจะให้แม่มีความสุข ธูปยิ่งเข้าใจกระเช้ามากขึ้น สองคนเดินคุยกันจนมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่กล้วยไม้ป่าเกาะติดอยู่ ธูปรีบถ่ายรูปในมุมต่างๆเก็บไว้อย่างละเอียด กระเช้าถามด้วยความสงสัยว่า

"ถ้าเราเอากล้วยไม้ป่าพวกนี้ไปปลูกที่บ้าน มันจะสวยแบบนี้หรือเปล่า"

"ไม่...นอกจากไม่สวยแล้ว มันยังจะตายอีกด้วย"

"อืม...นี่ถ้ามันไม่สวยขนาดนี้ก็คงไม่มีคนอยากได้ มันก็จะได้อยู่ในป่าต่อไป..."

"ใช่...แต่ถ้ามันตกไปอยู่ในมือคนที่เห็นคุณค่า รู้จักธรรมชาติและดูแลมันได้ นอกจากจะไม่ตายแล้ว มันก็จะเติบโตต่อไปอย่างมีความสุข...เอ้อ...ฉันหมายถึงถ้าเรามี แผนกทำการวิจัยและศึกษาเพื่อขยายพันธุ์และดัดแปลงพันธุกรรมให้มันสามารถกลายเป็นไม้บ้านได้มันก็จะไม่ตายน่ะ" ธูปไม่กล้าพูดต่อเพราะกลัวจะเผยความในใจตัวเองออกมา

ooooooo

ศีลกับบุปผา หลังจากถูกด่าแบบไม่ไว้หน้าออกมาจากบ้านดาราแล้ว ยังไม่ทันขึ้นรถ บุปผาก็บ่นสามีบอกแล้วว่าอย่าไปยุ่ง แล้วเป็นยังไงล่ะ ถูกด่าออกมาหนีแทบไม่ทัน

"ช่างเขาเถอะ จะไล่ก็ช่าง เรามาด้วยเจตนาดีมันต้องได้อะไรดีๆบ้างสิ"

หลังจากสองสามีภรรยาขับรถกลับไปแล้ว อิทธิเดชก็ทักท้วงแม่ตัวเองว่า

"แม่ครับ...ผมว่าที่ด็อกเตอร์เสนอมามันก็น่าสนใจ

นะครับ ถ้าเขาอยากจะช่วยเราจริงๆ..." ยังพูดไม่จบ ดาราตวาดแว้ด

"อย่าไปเชื่อ มันไม่ได้คิดจะช่วยเราจริงหรอก มันก็แค่จะมาเยาะเย้ยที่เราเป็นแบบนี้ ถ้ามันเป็นคนดีจริงมันจะทิ้งให้เราต้องลำบากทำไม ตอนนั้นแม่ทั้งขอร้อง อ้อนวอน มันไม่เหลียวแลเราสักนิด แล้ววันนี้บอกจะมาช่วย ต่อให้อมพระประธานมาพูดแม่ก็ไม่เชื่อ"

อิทธิเดชมีสีหน้าไม่ค่อยเชื่อคำพูดของแม่ตัวเองเท่าไหร่ แต่ไม่กล้าเถียง ดารารีบไซโคต่อ

"อิท...เราไม่ต้องไปสนใจเรื่องที่มันมาวันนี้ เรายังเด็ก ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผัวเมียคู่นี้ ขอให้เชื่อแม่ สิ่งที่เราต้องทำคือ เร่งไอ้บัญชาให้มันจัดการแผนที่เราวางไว้ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด...ถ้ากล้วยไม้ฟาร์มมันเป็นโรคระบาดเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปในฟาร์มของมันแล้วหัวเราะเยาะให้สะใจ..."

ดาราทำหน้าผยอง แต่อิทธิเดชก้มหน้าคิด

ooooooo

หลังจากที่ธูปถ่ายรูปกล้วยไม้เสร็จแล้วเขาก็เดินมาหาลุงบุญ บอกกับแกว่าตกลงกล้วยไม้ป่าชุดนี้เขาจองไว้ แต่ตอนนี้ยังเอาออกไปไม่ได้ ต้องไปทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน ลุงบุญบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่ยังมีอีกเรื่องที่ยังสงสัย ธูปเดาทางถูกถามว่าเรื่องเงินหรือเปล่า ลุงบุญบอกว่าใช่

"เรื่องนั้นลุงไม่ต้องห่วง พ่อผมยินดีจ่ายตามที่ลุงบอก แต่ลุงจะได้มากกว่านี้ ถ้าลุงกับลูกมาช่วยงานพ่อผม"

"งาน...งานอะไรครับ" ลุงบุญตาโตด้วยความสนใจ

"ลุงไม่ต้องทำอะไรมาก ก็แค่เดินหาของป่าเหมือนที่ลุงเคยทำ แต่ถ้าลุงเจอกล้วยไม้ป่าอีกเมื่อไหร่ให้ติดต่อไปทางเราเป็นคนแรกอย่าไปบอกคนอื่น และห้ามตัดออกไปเด็ดขาด ถ้าลุงทำได้ผมจะให้เงินลุงกับลูกอีกต่างหาก"

"แต่กล้วยไม้ป่ามันไม่ใช่หาได้ง่ายๆ ถ้าบางเดือนผมหาให้คุณไม่ได้..."

"ไม่เป็นไร ถือซะว่าเราจ้างให้ลุงช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลกล้วยไม้ป่าให้เราก็แล้วกัน"

ลุงบุญหันไปมองหน้าลูกชายเชิงปรึกษา พอลูกชายพยักหน้าแกก็หันมารับปากกับธูปทันที สองคนพ่อลูกพากันดีใจที่อยู่ๆก็มีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้านทุกเดือน กระเช้ายืนมองธูปเจรจากับลุงบุญอย่างพอใจที่เห็นความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในการต่อรอง พอธูปหันมายิ้มให้จึงยิ้มตอบ ธูปบอกว่าขอตัวไปโทร.หาพ่อ กระเช้าจึงพยักหน้า

พรานบุญเดินมาหากระเช้า ยื่นกระดาษในมือให้ บอกว่าแกวาดแผนที่ทางมาบ้านแกกับทางไปป่าให้ธูป เดี๋ยวธูปมาแล้วช่วยเอาให้ด้วยไว้ที่แกเดี๋ยวลืม เธอจึงรับมาพับเก็บเข้ากระเป๋าถือ

ธูปคุยกับพ่อเสร็จกำลังจะกดปิดเครื่อง แต่มีข้อความเข้ามาธูปจึงเปิดอ่านเจอคำว่า 75 สายไม่ได้รับ เขาตกใจกดดูคนโทร.แล้วด่าออกมา

"ไอ้บ้าเทียน มันจะกระหน่ำโทร.อะไรของมันนักหนาวะ"

ooooooo

อิทธิเดชเรียกบัญชาให้มาพบกันที่เดิม   พอเจอหน้าก็ถามว่าแผนไปถึงไหนแล้ว กล้วยไม้ที่ให้เอาเข้าไปอยู่ในฟาร์มโน้นแล้วหรือยัง ทั้งๆที่ยังไม่ได้เฉียดเข้าไปใกล้ฟาร์มของบุปผาด้วยซ้ำ แต่บัญชาก็พูดเอา ตัวรอดว่าเกือบแล้ว ขอเวลาเขาอีกหน่อยรับรองเรียบร้อยแน่ อิทธิเดชพยักหน้า ย้ำว่า

"รีบๆด้วย แม่ฉันเขาให้มาเร่ง ถ้าอีกครั้งยังไม่คืบหน้า แม่ฉันอาละวาดนายแน่"

"คราวนี้ไม่พลาดแน่ครับ ผมเห็นช่องทางแล้ว รับรองว่าสำเร็จแน่ คุณรอฟังข่าวดีได้เลย"

"เออ...แล้วจะคอยฟัง...อ้อ...ฉันมีเรื่องจะถามนายหน่อย...ในความคิดของนาย ด็อกเตอร์ศีลเป็นคนยังไง?"

บัญชาทำหน้าคิด แล้วบอกว่า "ผมว่าเป็นคนเพี้ยนๆชอบทำตัวแปลกๆคิดแปลกๆไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน บางทีก็พูดไม่รู้เรื่องเหมือนคนมีโลกส่วนตัว เป็นคนมีจินตนาการสูง... แต่ว่า พูดตรงๆนะครับ ผมก็ดูไม่ออกเหมือนกัน คุณจะถามไปทำไม..."

"เปล่า...ฉันแค่อยากรู้...จะรบทั้งทีก็ต้องรู้เขารู้เราเอาไว้ก่อน"

"ผมว่า...ถ้าคุณอยากรู้ ถามแม่คุณดีกว่า น่าจะเป็นคนที่รู้จักเขามากที่สุด อย่างน้อยรู้จักมากกว่าผม"

อิทธิเดชไม่พูดอะไรต่อ คำพูดของดาราเมื่อเช้ายังตามมารบกวนจิตใจอยู่นั่น

ส่วนบัญชา เย็นนั้นเขาพาสมุนสามคนไปด้านหลังของฟาร์มเพื่อดูลาดเลา ดูเสร็จก็บอกลูกน้องว่า

"คืนนี้ฉันจะให้พวกแกขนของเข้าไปในฟาร์มทางด้านนี้ ฉันจะขับรถมาส่งแล้วคอยดูต้นทางให้ แล้วพวกแกก็ขนเข้าไปเก็บในห้องที่ฉันบอก ฉันเตรียมที่ทางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อ้อ... ระวังพวกยามด้วย มันจะมาตรวจทางเข้าด้านหลังทุกๆสิบนาที ถ้าเห็นก็หลบก่อน อย่าทะเล่อทะล่าจนเสียแผนรู้มั้ย"

"แล้วพี่จะไม่บอกพวกผมจริงๆเหรอ ว่าของที่ว่ามันคืออะไร" ลูกน้องคนหนึ่งถาม

"ถ้าพวกแกไม่อยากเดือดร้อนไปด้วย ก็อย่ารู้ดีกว่า... หรือว่าพวกแกอยากจะหาเรื่องเดือดร้อน ฉันจะได้บอก"

พวกลูกน้องรีบส่ายหน้า บัญชายิ้มอย่างชอบใจ

"ดีแล้ว...หัดเอาตัวรอดแบบนี้ถือว่าเป็นคนฉลาด เอ้านี่... ตอบแทนความฉลาด...ถ้าคืนนี้งานเรียบร้อย พวกแกมารับส่วนที่เหลือได้เลย ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว"

ooooooo

ศีลบอกกับบุปผาเรื่องธูปโทร.มาบอกว่าเจอกล้วยไม้ป่าแล้ว สวยมาก ถ่ายรูปเอามาให้ดู ตอนนี้กำลังเดินทางกลับ   บุปผาดีใจรีบถามว่าธูปเจอกับเทียนหรือเปล่า ศีลบอกไม่ได้ถาม บุปผาจึงฉวยโทรศัพท์มาจะโทร.เองแต่ทางธูปวางสายไปแล้ว บุปผาบ่นกระปอด-กระแปดเดินหนีศีลเข้าห้องไป

พอพ้นจากศีล บุปผาก็เอามือถือตัวเองโทร.ไปหาทับทิม ซึ่งกำลังผุดลุกผุดนั่งชะเง้อมองไปทางที่รถของธูปจะวิ่งมา พอมีโทร.เข้าก็ตื่นเต้นรีบรับ แต่พอเห็นชื่อคนโทร.ก็เซ็งบ่นออกมา

"โทร.มาทำไมเนี่ย..." แต่ก็ต้องกดรับ เปลี่ยนเสียงเป็นหวานทันที "สวัสดีค่ะคุณท่าน มีอะไรให้ทับทิมรับใช้คะ"

"ทับทิมอยู่กับธูป เทียนหรือเปล่า"

"เปล่าค่ะ...ทับทิมอยู่กับคุณเทียนคนเดียว คือ...คุณเทียนไม่สบายใจอยากออกมาตามหาคุณธูปกับกระเช้าก็เลยชวนทับทิมมาเป็นเพื่อน ทับทิมก็เลยต้องหยุดงานมาน่ะค่ะ คุณท่านคงไม่ว่าอะไรนะคะ"

"อู๊ย...ฉันจะไปว่าได้ยังไง หนูอุตส่าห์มีน้ำใจไปเป็นเพื่อนเทียนเขา...เออแล้วติดต่อตาธูปได้บ้างหรือเปล่าเนี่ย"

"ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ  ปิดเครื่องตลอดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ"

"แล้วตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหนกัน เทียนอยู่แถวนั้นหรือเปล่า ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย"

ทับทิมเลี่ยงไม่ได้ต้องยื่นโทรศัพท์ให้เทียนคุยกับบุปผาด้วยตัวเอง

"แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ...ถ้าผมเจอไอ้ธูปเมื่อไหร่ ผมเล่นงานมันแน่"

"เทียน...ใจเย็นๆสิลูก พี่เขาก็แค่ทำตามคำสั่งพ่อ ถ้าเทียนจะโกรธก็ต้องโกรธพ่อสิ ไม่ใช่ไปโกรธพี่เขา"

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อ ถ้าไอ้ธูปมันบริสุทธิ์ใจไม่คิดอะไร มันต้องโทร.บอกผมบ้าง ไม่ใช่ปิดเครื่องหนี ทำแบบนี้มันต้องมีอะไรซ่อนเร้นปิดบัง ผมจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาด และแม่ก็ห้ามผมไม่ได้ด้วย"

เทียนตัดบทอย่างมีอารมณ์ แล้วโยนโทรศัพท์คืน ให้เจ้าของ ซึ่งตกใจแทบจะตะครุบมันไว้ไม่ทัน

ooooooo

บุปผากลุ้มใจเป็นห่วงลูกชายทั้งสองคน กลัวพวกเขาจะไปทะเลาะกันด้วยเรื่องผู้หญิงต่อหน้าคนอื่นให้ได้อาย ซึ่งคนเป็นแม่รู้แน่แก่ใจว่าเทียนนั้นใจร้อน ส่วนธูปก็ดูแปลกขึ้นทุกที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่...คิดไปคิดมาเธอนึกไปถึงสามสาวซ่า จึงโทร.ไปเรียกให้มาพบที่บ้าน

รวดเร็วทันใจ ไม่นานหลังจากนั้น ปาร์ตี้ เอแคลร์ และแบมบี้ ก็ปรากฏตัวเข้ามาในบ้าน สามสาวย่อตัวลงไหว้บุปผาอย่างสวยงาม พลางส่งกระเช้าของฝากให้ด้วย

"นี่เป็นโสมสองพันห้าร้อยห้าสิบสี่ปี สั่งตรงมาจากเมืองจีนเพื่อคุณอาโดยเฉพาะ ดื่มแล้วจะได้หน้าเด้งตลอดไปค่ะ" แบมบี้เอื้อนเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ แต่ดูเหมือนบุปผาจะไม่ยินดียินร้ายเท่าไหร่นัก

"ขอบใจ...แต่จริงๆไม่ต้องเอามาให้ฉันก็ได้นะ เพราะที่ฉันเรียกพวกเธอมาวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อย แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมรับในฐานะอื่น ขอพูดตรงๆ จะได้ไม่เข้าใจผิด"

"พวกเราจะพยายามเข้าใจให้ถูกค่ะ คุณอาจะถามเรื่องอะไรก็รีบถามมาเลยแล้วกัน ไหนๆก็ไม่ได้ยอมรับเราในฐานะอื่น รีบถาม รีบตอบ รีบกลับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา"

เจอสวนเข้าแบบนี้ บุปผาข่มใจพยายามไม่โกรธ ถามแบมบี้ว่า

"ฉันอยากรู้ว่าหลังจากทำบุญเสร็จแล้ว ฉันกับสามีไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อ ระหว่างนั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า"

"แบมบี้คิดว่าถ้าคุณอาอยากรู้เรื่องนี้ ไม่ต้องเรียกพวกเรามาก็ได้ ถามคนของคุณอาเองน่าจะได้เรื่องมากกว่า ก็ยายกระเช้าคนโปรดของคุณอานั่นแหละ ตัวต้นเหตุของปัญหาทุกอย่าง อยากรู้ใช่ไหมคะ ก็ทำแบบนี้ไง"

แบมบี้เปิดคลิปในมือถือที่แอบถ่ายกระเช้ากับผู้ชายหลายคนให้บุปผาดูชัดๆ พร้อมบรรยายอย่างสาดเสียเทเสีย

"อ่อยคนโน้นที คนนี้ที เดี๋ยวก็ดีกับเทียน แต่ก็ไปแอบกอดกับธูป พวกเราเห็นกันเต็มตาเลย นี่ยังไม่รวมไปกอดกับคุณอิทธิเดชด้วยนะ แบมบี้ว่า...แทนที่คุณอาจะมากีดกันเราสามคน น่าจะจัดการนังเทพีบ้านนอกไม่ให้เข้าใกล้เทียนจะดีกว่านะคะ หรือคุณอาอยากให้พวกเราช่วยก็ได้"

"คนอย่างฉันไม่ใช่คนหูเบา ไม่ต้องมาทำเป็นยุแล้วสวมรอย ฉันมีสติย่ะ ฉันเรียกมาถามเพื่อจะรับข้อมูล แล้วฉันจะพิจารณาเองว่าควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่ออะไร ไม่ต้องมายุยงส่งเสริมให้เมื่อยปาก"

ถูกบุปผารู้ทันเข้าแบบนี้ สามสาวถึงกับหน้าม้าน รีบยกมือไหว้ลาบุปผาแล้วพากันสะบัดก้นจากไป

ooooooo

เย็นแล้วที่หน้าบ้านพรานบุญ เทียน ทับทิม หมี่กรอบ และชิดชัยยังนั่งคอยการกลับมาของธูปและกระเช้าอย่างใจจดใจจ่อ สักครู่มีรถโฟร์วีลวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ชิดชัยเห็นเป็นคนแรก ร้องขึ้นมาว่า

"นั่นใช่รถของเจ้านายกระเช้าหรือเปล่า"

ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว เทียนหน้าบึ้งขึ้นทันที ร้องด่าพี่ชายแล้วรีบลุกไปยืนรอ หมี่กรอบเห็นท่าไม่ดีรีบตามไปด้วย

กระเช้าก้าวลงจากรถเห็นเทียนยืนอยู่ก็แปลกใจ เธอร้องเรียกเขาแต่เขาไม่สนใจ เดินตรงเข้าไปหาพี่ชายตัวเองที่กำลังลงจากรถด้วยสีหน้าท่าทีเอาเรื่อง หมี่กรอบร้องห้ามพร้อมตามเข้าไปรวบแขนเขาไว้ และไม่ว่าเขาจะดึงดันขัดขืนหรือสั่งให้เธอปล่อย เธอก็ไม่ยอมปล่อยมือ เตือนเขาให้ใจเย็น ค่อยพูดค่อยจากัน กระเช้าเองก็ตกใจวิ่งเข้ามาขวางอีกคน

"คุณเทียนคะ ถ้าคุณต้องการจะเคลียร์ คนที่คุณต้องเคลียร์คือฉัน ไม่ใช่คุณธูป...ฉันขอโทษที่ลืมนัดคุณ แต่ที่ฉันต้องมาที่นี่เพราะเป็นคำสั่งของพ่อคุณ"

"กระเช้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ แต่เกี่ยวกับมัน...แกตั้งใจจะหาโอกาสอยู่กับกระเช้าสองต่อสอง แกตั้งใจแกล้งฉัน" เทียนชี้หน้าพี่ชายอย่างเดือดดาล กระเช้ารีบอธิบายความจริง

"ไม่ใช่นะคะ ที่เราสองคนต้องมาทำงานด้วยกัน มันเป็นเรื่องบังเอิญ เราสองคนไม่รู้ว่าพ่อคุณสั่งให้มาด้วยกัน"

"ใช่...ที่จริงพ่อโทร.บอกแกก่อนฉัน แต่แกไม่ยอมมาเอง" ธูปยืนยันเสียงแข็งจนเทียนอึ้งไป

"ก็...ฉันไม่รู้ว่าต้องมากับกระเช้า"

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"

ขณะสองคนพี่น้องเคลียร์กัน แต่ทับทิมทำตัวเป็นบ่างช่างยุ คอยตอดนิดตอดหน่อยกับเทียนอยู่นั่น เรื่องเลยไม่จบง่ายๆ กว่าจะยุติก็ปาเข้าไปเป็นชั่วโมง แต่ก็ใช่ว่าพี่น้องจะดีกัน เทียนคว้ามือกระเช้าไปขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ ธูปจึงต้องพาหมี่กรอบและทับทิมกลับ และแน่นอนว่าทับทิมรีบขึ้นรถก่อนโดยไปนั่งคู่กับธูปทางเบาะหน้า หมี่กรอบเลยต้องนั่งเบาะหลังไปโดยปริยาย

กลับถึงบ้าน เทียนทำฤทธิ์กับแม่ตัวเอง บุปผาส่ายหน้าอย่างระอา ส่วนทับทิมหาทางเข้าไปรายงานบุปผาเอาความดีความชอบ

บุปผาถามทับทิมว่าธูปกับกระเช้ามีอะไรกันหรือเปล่า เท่าที่ฟังเธอเล่าเหมือนกับธูปไม่ได้เกลียดชังอะไรกระเช้าแล้ว แถมยังมีท่าทีแปลกๆจนเทียนหึง ตกลงแล้วมันยังไงกันแน่ พูดตรงๆมาเลยดีกว่า

ทับทิมทำเป็นไม่อยากเล่า ทั้งๆที่อยากเล่าจนตัวสั่น อิดเอื้อนครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า

"ก็อย่างที่เราทราบนะคะ คุณธูปเป็นคนแปลกๆ ดูยากว่าคิดอะไร ส่วนกระเช้า...บอกตรงๆนะคะ ทับทิมไม่ไว้ใจเด็กคนนี้เลย ภายนอกดูใสซื่อ แต่ข้างในมารยาสารพัด"

"หนูเป็นคนที่สองแล้วนะที่พูดแบบนี้ แต่เอ...เมื่อก่อนตาธูปก็พูดแบบนี้นะ"

"นี่ไงคะ เพราะมารยาที่ทับทิมพูดถึงอยู่นี่แหละค่ะ ทำให้คุณธูปเปลี่ยนไป ขนาดเมื่อก่อนเกลียดยังกะอะไรดี ตอนนี้ดูเป็นห่วงเป็นใยออกนอกหน้า ถ้าทับทิมเป็นคุณเทียน ทับทิมก็ต้องหึงเป็นธรรมดา แต่ว่าเรื่องแบบนี้โทษคุณธูปคนเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษผู้หญิงด้วย ถ้ากระเช้าหนักแน่น คุณเทียนคงไม่หวั่นไหว แต่กระเช้าเอง...ก็ไม่รู้
เหมือนกันว่าคิดอะไรกับ

คุณธูป คุณเทียนก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ"

"ถ้าหนูทับทิมยืนยันแบบนี้อีกคน สงสัยระหว่างธูปกับกระเช้าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ก่อนที่ปัญหาจะบานปลายไปกว่านี้"

ฟังการตัดสินใจของบุปผาแล้ว ทับทิมแอบยิ้มด้วยความสะใจ

ooooooo

คืนนี้พอว่างจากงาน กระเช้ารื้อกระเป๋าเดินทางหยิบเสื้อที่ใส่แล้วออกมาวางเตรียมซัก แล้วเจอกระดาษแผ่นหนึ่งพับเอาไว้อย่างดี เธอคลี่ออกดู ปรากฏว่าเป็นแผนที่ไปบ้านพรานบุญที่ฝากมาให้ธูป ซึ่งเธอลืมมันเสียสนิท จึงตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าก่อนไปทำงานจะเอาไปให้เขา

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ธูปกำลังจะก้าวออกจากบ้าน เขาถูกแม่เรียกไว้ บอกว่ามีธุระจะคุยด้วย ธูปพยายามจะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบ แต่บุปผาไม่ยอม

"ไม่ต้องเลี่ยง เราต้องอยู่คุยกับแม่ให้รู้เรื่อง...มานี่เลย" บุปผาลากข้อมือลูกชายให้ไปนั่งที่โซฟา

"เรื่องที่จะคุยกับผม มันสำคัญขนาดนี้เลยเหรอครับ"

"ใช่ สำคัญมาก และแม่ก็ต้องการคำตอบชัดๆจากปากเรา ห้ามโกหก บิดเบือนเด็ดขาด แม่ต้องการรู้ว่าเราคิดยังไงกับกระเช้า บอกมาเดี๋ยวนี้"

"แม่ถามผมแบบนี้ทำไม"

"ก็เพราะแม่อยากรู้น่ะสิ เรารู้หรือเปล่า ตอนนี้ใครต่อใครเขาเข้าใจว่าเรากับกระเช้าชอบกัน แล้วก็ไม่ต้องถามว่าเป็นใครด้วย มีหน้าที่ตอบก็ตอบมา ว่าไง เราคิดยังไงกับกระเช้า"

ธูปคิดชั่วอึดใจก่อนตอบปฏิเสธ "ผมไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ใครต่อใครที่คุณแม่ว่าคิดไปเอง ผมไม่ได้รู้สึกอะไร และก็ไม่ได้ชอบกระเช้า เมื่อก่อนผมรู้สึกกับเขายังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม"

ธูปไม่รู้ว่าคำตอบของเขาทำให้กระเช้าที่ยืนอยู่ด้านนอกตัวชาวาบ ก้าวขาไม่ออก...แถมพอบุปผาซักธูปเรื่องที่มีคนเห็นเขาทำดีกับกระเช้าว่าทำไปทำไม ธูปก็ตอบเสียงดังฟังชัดอีกว่า

"ผมก็แค่ต้องการพิสูจน์ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงใจกับไอ้เทียน ถ้าผมดีด้วยแล้วเขาเกิดเปลี่ยนใจมาหาผม ไอ้เทียนมันจะได้ตาสว่างสักที"

เหมือนโลกจะถล่มลงตรงหน้า กระเช้ากำกระดาษแผนที่บ้านพรานบุญที่ตั้งใจจะเอามาให้ธูป แล้วตัดสินใจหันหลังกลับวิ่งออกไปทันทีด้วยน้ำตากลบตา

ooooooo

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ปิ่นทองเมียใหม่ของชิดชัยพาตัวเองไปที่บ้านของจวงจิต จุดมุ่งหมายคือการไปเยาะเย้ยโดยการปั้นเรื่องว่ากระเช้าลูกสาวสุดที่รักของจวงจิตไปหาเธอที่บ้าน และเธอก็ต้อนรับให้ความอบอุ่นแบบแม่เลี้ยงแสนดี

"เราสามคนพ่อแม่ลูกคุยกะหนุงกะหนิงกันอย่างสนุกสนาน เข้ากันได้"

จวงจิตทั้งๆที่ยังเมาอยู่ เถียงว่าไม่จริง ปิ่นทองจึงท้าทาย

"ไม่เชื่อก็ไปถามกระเช้าเองก็แล้วกัน ที่ฉันมาบอกนี่เพราะหวังดีนะ หล่อนจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ อีกไม่นานกระเช้าเขาอาจจะทิ้งแกแล้วไปอยู่กับฉันกับพี่ชิดอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูก"

หลังจากปิ่นทองกลับไปแล้ว จวงจิตเอาแต่คร่ำครวญเรื่องนี้ด้วยความเสียใจและรับไม่ได้ แล้ววันนี้เองเธอก็พาตัวเองในอาการเมามายมาปรากฏตัวที่หน้าฟาร์มราชินีกล้วยไม้...

ที่โรงอาหาร กระเช้ากับหมี่กรอบกำลังกินข้าวกันอยู่ สองคนคุยกันถึงเรื่องที่กระเช้ากับเทียนยังเข้าหน้ากันไม่ติด หมี่กรอบถามกระเช้าว่าระยะนี้เห็นเธอเอาแต่แอบร้องไห้ หรือไม่ ก็นั่งเหม่อลอย มีอะไรจะเล่าให้ตนฟังไหม กระเช้ายังไม่ทันจะตอบ รปภ.คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาบอกหมี่กรอบด้วยท่าทีร้อนรน

"พี่หมี่ๆ ออกไปที่หน้าฟาร์มหน่อย แม่ของเพื่อนพี่หมี่ที่ชื่อกระเช้าเมามาอีกแล้ว"

สองสาวตกใจพากันวิ่งไปที่หน้าฟาร์ม เห็นจวงจิตนั่งหมดสภาพอยู่มุมหนึ่ง โดยมี รปภ.เฝ้าอยู่ กระเช้าร้องเรียกแม่แล้วโผเข้าหา จวงจิตปรือตามองก่อนพูดพล่าม

"นังกระเช้า...นี่ไงลูกสาวฉัน ฉันมีลูกจริงๆ แกจะเชื่อหรือยังฮะ ไอ้ รปภ."

เมื่อหมี่กรอบบอกว่าเดี๋ยวพี่ดูแลแกเอง รปภ.จึงเดินกลับไปที่ป้อม

"แม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าทะเลาะกับน้าปิ่นทองมาอีก"

จวงจิตพอได้ยินชื่อปิ่นทองจากปากลูกสาวก็ของขึ้นทันที

"โว้ย...ไปเรียกมันว่าน้าทำไม มันเป็นญาติแกเหรอ เห็นว่ามีเงินมีทองเลยประจบประแจงงั้นสิ อยากได้มันเป็นแม่เลี้ยงหรือไง"

"น้าจวง...มีอะไรค่อยๆพูดก็ได้ โวยวายแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก" หมี่กรอบปราม แต่จวงจิตหาได้เชื่อฟัง สวนกลับอย่างทันควัน

"เป็นได้ก็ดี คนอื่นเขาจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นแม่ ของนังกระเช้า ฉันนี่แหละเป็นคนเบ่งมันออกมา ไม่ใช่อีนังปิ่นทอง...หน็อยแน่ มันบอกว่าเอ็งไปหามัน ไปญาติดีกับมัน แล้วเอ็งก็จะทิ้งข้าไปเหมือนพ่อเอ็ง"

พูดถึงตรงนี้ จวงจิตสะเทือนใจถึงกับปล่อยโฮ กระเช้ารู้สึกแย่มากๆ ร้องไห้ตามแม่ไปด้วย หมี่กรอบเห็นรถสองแถว

กำลังวิ่งมาจึงดึงจวงจิตให้ยืนขึ้น

"น้าจวง ฉันว่าแค่นี้ก่อนดีกว่านะจ๊ะ รถมาแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งน้าที่บ้านเอง"

จวงจิตดิ้นรนไม่ยอมไป กระเช้าทั้งรักทั้งสงสารจับมือแม่มาแนบแก้ม

"แม่จ๋า...ฉันขอโทษที่ทำให้แม่ต้องเป็นทุกข์ ฉันผิดเอง แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ นับจากนี้ต่อไป ฉันจะทำทุกอย่างให้แม่มีความสุขที่สุด ไม่ให้แม่ผิดหวัง"

"เอ็งมันก็ดีแต่ปาก เอาแต่พูด ไม่เคยทำได้สักอย่าง"

หมี่กรอบส่ายหน้ากับความเห็นแก่ตัวของจวงจิต แต่กระเช้าบีบมือแม่ กล่าวจริงจัง

"ครั้งนี้จะไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันจะทำให้แม่มีความสุขให้ได้ ฉันสัญญาจ้ะ"

ooooooo

หมี่กรอบพาจวงจิตกลับไปแล้ว กระเช้าเดิน

กลับมาเพื่อเข้ากะทำงาน ระหว่างทางเดินเธอคิดถึงคำพูดตัดพ้อต่อว่าของแม่และคำให้สัญญาของตัวเองเมื่อครู่ ขณะเดียวกันในหูก็ยังได้ยินคำพูดของธูปที่บอกกับบุปผาว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งก็หมายถึงตัวเธอเอง

หวนคิดไปถึงเรื่องต่างๆระหว่างตนเองกับธูปตอนไปดูกล้วยไม้ด้วยกัน แม้กระทั่งเรื่องที่ธูปกลัวตุ๊กแกแล้วเธอหัวเราะขำขันเป็นวักเป็นเวน แต่พอคิดถึงในวันนี้มองไม่เห็นเรื่องขำเหล่านั้นเลย กลับมีแต่ความปวดร้าวลึกๆในทรวงอก...กระเช้าต้องทำงานทั้งน้ำตาจนถึงเวลาเลิกงาน

ทางด้านทับทิม ตั้งแต่กลับมาพร้อมธูปและหมี่กรอบวันนั้น แล้วเธอยังไปประจบประแจงฟ้องบุปผา แต่ก็ยังไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า จึงร้อนรนจนทนไม่ไหวตัดสินใจไปหาเทียนเพื่อยุแยงตะแคงรั่วอีก พอโผล่เข้าไปในห้องทำงานเห็นเทียนหน้าเครียด เธอถือวิสาสะตรงไปหาเขา

"คุณเทียนคะ วันนี้ทับทิมตัดสินใจมาคุยกับคุณเพราะเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี เมื่อวานคุณเทียนก็เห็นแล้วว่าทั้งคุณธูปและกระเช้ามีท่าทางแปลกๆ ทับทิมเห็นแล้วเป็นห่วงคุณเทียนมากเลยนะคะ"

"เธอเป็นห่วงฉัน หรือว่าเป็นห่วงตัวเองกันแน่" เทียนถามตรงๆ จนทับทิมสะอึกอึ้งไปนิดก่อนจะหน้าด้านดับเครื่องชน

"เอาเถอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พูดตรงๆเลยนะคะ ทับทิมห่วงตัวเองค่ะ เราสองคนเหมือนกันที่ลงทุนกันไปเยอะแล้ว คุณเทียนก็ลงทุนกับกระเช้า ส่วนทับทิมเองก็ลงทุนไปกับคุณธูป เราสองคนหัวอกเดียวกันนะคะ ถ้าเราไม่ร่วมมือ บางทีบทสุดท้ายของเราคงไม่ต่างกัน"

"แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อกระเช้าก็ยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ธูป"

"อุ๊ย...กระเช้าก็ต้องพูดอย่างนั้นอยู่แล้ว จะให้ยอมรับได้ยังไงล่ะคะ ว่าจริงๆแล้วคิด...ผู้หญิงน่ะถ้ายังมีทางเลือกเราก็ต้องเลือกจนถึงวินาทีสุดท้าย ที่ผ่านมาคุณเทียนอาจจะทำตัวเป็นคนถูกเลือกมากไป ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องลุกขึ้น มาเป็นคนเลือกบ้าง"

"เธอหมายความว่ายังไง"

"ก็...คุณเทียนจะต้องลุกขึ้นมาเป็นคนคุมเกม ยื่นคำขาดไปเลยค่ะ ถ้ากระเช้าให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับคุณธูป ไม่ได้  คุณเทียนก็ต้องรีบกำจัดออกไปจากชีวิต  เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้ คุณอาจจะต้องเสียใจ เสียหน้า และสุดท้ายอาจจะต้องเสียพี่ชายให้กับผู้หญิงที่หักหลังคุณก็ได้นะคะ"

เสี้ยมแล้วทับทิมมองหน้าเทียนอย่างจะจับความรู้สึก แต่เทียนหันหลังให้ ไม่ใช่ว่าจะเห็นด้วยทั้งหมดแต่ก็เป็นส่วนใหญ่ ทีเดียว...

พอทับทิมออกจากห้องไปแล้ว เทียนรีบโทร.ไปหาที่ปรึกษาทันที เวลานั้นหมี่กรอบกำลังอยู่บนรถสองแถวจะไปส่งจวงจิตที่บ้าน  เธอมองหน้าจอมือถือเห็นเป็นชื่อเทียนโทร. เข้ามาก็อึ้ง แล้วตัดสินใจกดปิดเสียง สีหน้าของหมี่กรอบค่อนข้างหม่นหมอง ส่วนเทียนหน้าเครียด บ่นพึม

"หมี่กรอบ...ทำอะไรอยู่นะ ไม่ยอมรับสาย ทีมีเรื่องสำคัญดันไม่รับ เฮ้อ จะทำยังไงต่อไปดีล่ะ เป็นคนยื่นคำขาด...เป็นคนคุมเกม...แล้วจะยื่นคำขาดอะไรวะ"

หัวซื่อบื้อของเทียนตีโจทย์ไม่แตก หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่พักหนึ่งก็มองไปเห็นรูปพ่อแม่ตัวเองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ...เขาได้ความคิดขึ้นเดี๋ยวนั้น

เทียนไปดักพบกระเช้าและบอกว่าเขามีเรื่องอยากจะถาม กระเช้าพูดเนือยๆว่าอยากรู้อะไรก็ถามมาเลย เทียนจึงไม่อ้อมค้อม เข้าประเด็นด้วยท่าทีจริงจังอยากรู้ว่ากระเช้าคิดยังไงกับตน เพราะที่ผ่านมามันไม่ชัดเจนและคลุมเครือมามากพอแล้ว ตนไม่อยากเดาความรู้สึกของกระเช้าอีกต่อไป

กระเช้าเกิดอาการตะกุกตะกักติดอ่างเพราะไม่เคยเห็นเทียนมีท่าทีแบบนี้มาก่อน

"ทำไมคุณถึงตอบผมไม่ได้ หรือว่าคุณไม่เคยคิดอะไรกับผม" เทียนรุก กระเช้าตกใจรีบปฏิเสธ

"ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่แบบนั้น"

"ถ้าไม่ใช่ คุณบอกผมได้มั้ยว่าคุณคิดยังไง"

"ฉัน...ฉัน..." กระเช้าก้มหน้าคิดหาทางออก "เอ้อ...คือว่า...ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ จะให้สารภาพความรู้สึกต่อหน้าผู้ชายได้ยังไง"

"ผมรู้ แต่ผมอยากได้ยินให้แน่ใจ ก่อนที่ผม...จะขอคุณแต่งงาน"

"คุณว่าอะไรนะคะ ขอแต่งงานงั้นเหรอ"

"ใช่ มันอาจจะเร็วเกินไป แต่ผมไม่อยากรออีกแล้ว...กระเช้า ถ้าคุณแต่งงานกับผม ผมจะไม่ถามอีกแล้วว่าคุณคิดยังไง เพราะการแต่งงานคือคำตอบทุกอย่าง...แต่งงานกับผมเถอะนะ"

เทียนจับมือกระเช้าและคุกเข่าลงตรงหน้าอย่างวิงวอน กระเช้าถึงกับอึ้งไป พลันคำพูดของธูปที่ตอบบุปผาก็พุ่งเข้ามาในความคิด นี่เองทำให้กระเช้าให้คำตอบเทียนได้ง่ายขึ้น

"ตกลงค่ะคุณเทียน ฉันจะแต่งงานกับคุณ"

เทียนเกือบจะร้องไชโยออกมา เขารีบลุกขึ้นดึงกระเช้าเข้ามากอด พอเธอร้องเตือน เขาจึงคลายวงแขนและขอโทษว่าเขาดีใจมากเกินไปหน่อย แต่ยังย้ำกับเธอว่า

"คุณรับปากแล้วห้ามเปลี่ยนใจนะ"

กระเช้าพยักหน้าแทนคำตอบ เทียนลุกลี้ลุกลนจะรีบไปบอกพ่อกับแม่ กระเช้าจึงยื่นเงื่อนไข

"ฉันรับรองว่าจะไม่เปลี่ยนใจแน่ แต่ฉันอยากจะขอคุณข้อหนึ่งคือ...ตอนนี้ขอแค่หมั้นกันไว้ก่อน"

เทียนตกลงทันทีเพราะคิดว่าหมั้นแล้วจะแต่งเมื่อไหร่ ก็ย่อมได้...

เมื่อเทียนมาบอกข่าวดีกับพ่อแม่ ศีลนั่งฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ต่างจากบุปผาที่เหมือนจะช็อกเสียให้ได้ ย้ำถามเทียนอยู่หลายครั้งจนแน่ใจว่าฟังไม่ผิด ถึงจะดีใจแต่ก็อดทักท้วงไม่ได้ว่า

"เดี๋ยวเทียน มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอลูก"

"เวลาไม่สำคัญหรอกครับ บางคนคบกันมาเป็นสิบปี แต่งได้ไม่กี่ปีก็เลิกกันตั้งเยอะแยะไป"

"จริง...ลูกพูดก็ถูกนะ เพราะเราสองคนเจอกันแค่ไม่ถึงเดือนก็แต่งเลย ดูสิ อยู่กันมีความสุขจะตาย"

"นั่นไง เห็นมั้ยครับแม่ พ่อไวไฟกว่าผมอีก"

"ใครบอก แม่เราเขาเป็นคนขอพ่อแต่งงานต่างหาก" ศีลพูดยิ้มๆ เทียนได้ทีผสมโรงแซวแม่

"โห...แม่ก๋ากั่นขนาดนั้นเลยเหรอครับ เปรี้ยวไม่ใช่เล่นนะเนี่ย"

"นี่ๆ พ่อลูก พอได้แล้ว ฉันนั่งหัวโด่อยู่นี่เห็นหรือเปล่า เม้าท์กันอยู่ได้...คุณนี่ก็แปลก คุยเรื่องลูกอยู่มาพูดเรื่องตัวเองได้ยังไง...เอ้อ เทียน แม่ถามอีกครั้ง ลูกแน่ใจนะว่าอยากแต่งงานกับกระเช้าจริงๆ"

"ครับ" เทียนรับปากแม่ด้วยอาการลิงโลด

ooooooo

หมี่กรอบเพิ่งกลับจากไปส่งจวงจิต ก้าวเข้าห้อง ยังไม่ทันนั่ง กระเช้าก็รายงานเรื่องที่ตัวเองตกลงหมั้นกับเทียนไปแล้ว หมี่กรอบทั้งอึ้งทั้งงง ต่อว่าเพื่อนใจร้อน ตกลงแต่งงานกับเทียนเร็วเกินไป

"ไม่ได้แต่ง แค่หมั้นไว้ก่อน" กระเช้าย้ำอีกครั้ง

"ก็เหมือนกันนั่นแหละ จะหมั้นหรือจะแต่งหรือจะอะไร ก็เถอะ มันเร็วมาก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย...กระเช้า แกแน่ใจนะว่าไม่ได้ตัดสินใจไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เพราะคำพูดของน้าจวง"

"ใช่...ฉันยอมรับ ฉันแต่งงานเพราะต้องการให้แม่มีความสุข"

"แล้วตัวแกเองล่ะ แกมีความสุขหรือเปล่า"

"มีสิ ทำไมฉันจะไม่มี ได้แต่งงานกับลูกชายเจ้าของฟาร์มราชินีกล้วยไม้อันแสนจะใหญ่โต อีกหน่อยพอแต่งงานไปฉันก็จะได้เป็นคุณนายสมใจ ไม่ต้องทำงาน แต่งตัวสวยไปวันๆ มันคือสุดยอดความฝันของฉันเลยละ" กระเช้าหลอกตัวเอง ทั้งที่ลึกๆในใจแสนเศร้า

"แล้วตกลงแกตอบตัวเองได้หรือยังว่าแกรักคุณเทียนหรือเปล่า"

"ฉันไม่รู้ แต่ฉันคิดว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป คนเราไม่จำเป็นต้องแต่งงานด้วยความรักเสมอไปหรอก ตั้งหลายคนที่เขาแต่งงานกัน อยู่ด้วยกัน ทั้งที่ไม่ได้รักกัน ถ้าฉันจะเป็นแบบนั้นอีกสักคน โลกมันคงไม่แตกหรอก" กระเช้าพูดคล้ายประชดอะไรสักอย่าง

ขณะเดียวกันธูปกลับจากทำงานให้นึกแปลกใจกับท่าทีและน้ำเสียงทักทายของเทียนที่ดักรออยู่หน้าบ้าน เทียนดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนธูปอดระแวงไม่ได้ ไม่รู้ว่าเทียนจะมาไม้ไหนอีก

"แกจะหาเรื่องอะไรฉันอีก"

เทียนหัวเราะเบาๆกับคำถามนี้ ก่อนย้อนถามธูปว่าทำไมมองตนในแง่ร้ายขนาดนั้น ที่ตนอยู่รอวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญจะบอก...แล้วเทียนก็ปล่อยหมัดเด็ดออกไป

"ฉันกับกระเช้ากำลังจะแต่งงานกัน ฉันเพิ่งขอเขาเมื่อกลางวัน และเขาก็ตกลงทันที พ่อกับแม่ก็รับทราบแล้ว ฉันเลยต้องบอกให้แกรับรู้ไว้ด้วยหวังว่าแกคงเข้าใจและให้ ความร่วมมือด้วยดี"

"ทำไมฉันต้องให้ความร่วมมือด้วย ไม่ใช่งานของฉันสักหน่อย" ธูปปฏิเสธทั้งๆที่ยังงงกับข่าวนี้

"โอเค ถ้าไม่อยากให้ความร่วมมือฉันก็ไม่บังคับ แต่... ห้ามแกขัดขวางหรือทำลายงานของฉันเด็ดขาด"

"ฉันจะทำแบบนั้นทำไม"

"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันจะบอกว่าแกทำลายงานแต่งงานของฉันกับกระเช้า เพราะแกไม่ชอบกระเช้า แต่คราวนี้ถ้าแก ทำลายงานแต่งงานของฉัน มันอาจจะเป็นเพราะแกชอบกระเช้า... ถึงคนนอกจะมองว่าแกกับฉันมีบุคลิกต่างกัน แต่แกอย่าลืมว่าเราสองคนมีสัญชาตญาณที่เหมือนกัน แกอาจจะโกหกคนอื่นและโกหกตัวเองได้ แต่แกโกหกสัญชาตญาณของฉันไม่ได้...
จำไว้ เราเป็นฝาแฝดกัน ขอให้แกอยู่ห่างๆกระเช้า เพราะเขากำลังจะแต่งงานกับฉัน"

เทียนร่ายยาวอย่างหนักแน่นมั่นใจแล้วผละไป ธูปพยายามเก็บอาการเต็มที่ แต่ก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทุกขุมขน

ooooooo

รุ่งขึ้น บัญชามาที่เรือนกล้วยไม้แต่มืด เดินเข้าไปมองรอบๆอย่างพิจารณา พอเห็นกล้องวงจรปิดติดอยู่ ตามมุมต่างๆเต็มไปหมด เขาทำทีเดินดูแต่ละจุดคล้ายว่า มาตรวจงาน เดินไปคิดไปว่าจะทำยังไงดีถึงจะขนกล้วยไม้ เป็นโรคเข้ามาได้ ทันใดก็ได้ยินเสียงแม้นร้องขึ้นว่า... กระเช้ามาแล้ว

พนักงานหญิงกำลังรดน้ำกล้วยไม้พากันให้ความสนใจ กระเช้าที่มาพร้อมหมี่กรอบ พวกเธอรีบชวนป้าแม้นไปถามข่าวลือ บัญชาหูผึ่งทันที ค่อยๆเดินตามทุกคนไปหามุมแอบฟัง

"ฉันได้ยินคนใช้ที่บ้านใหญ่เขาคุยกันเรื่องที่คุณเทียนจะแต่งงานกับกระเช้าน่ะ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า" แม้นเปิดฉากเสียจนบัญชาตกใจ พอได้ยินกระเช้ายอมรับว่าจริง บัญชาก็ยิ่งตาโต

"นั่นปะไร...อู๊ย ดีใจด้วยนะกระเช้า" แม้นตื่นเต้นยินดี เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ต่างกล่าวขานว่ากระเช้าโชคดีมาก วาสนาดีจริงๆ และหวังว่าได้ดีแล้วคงจะไม่ลืมพวกเรา

"ฉันไม่ลืมทุกคนอยู่แล้ว ถึงฉันไม่ได้แต่งงานกับคุณเทียนฉันก็ไม่ลืมหรอกจ้ะ เอ้อ เรื่องนี้ฉันไม่ได้บอกใคร ถ้ายังไงทั้งป้าแม้น ป้าเมี้ยนและพี่แมวก็อย่าเพิ่งพูดไปนะจ๊ะ ฉันไม่อยากให้เอิกเกริก กลัวคนอื่นเขาจะหมั่นไส้เอา"

ทั้งสามคนที่ถูกเอ่ยชื่อต่างรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ยังไม่ทันถึงเที่ยงเสียงกระซิบกระซาบก็ดังกระหึ่มไปทั่วฟาร์ม จนกระทั่งคำว่าพูดแล้วให้เหยียบไว้ที่นี่ หรืออย่าบอกใครต่อล่ะ ดังกำกับเป็นระยะ ป้าแม้นตัวดีที่สุด บอกใครแล้วก็กำชับทุกคนว่า

"นี่พวกแกอย่าไปบอกใครนะ กระเช้ามันไม่อยากให้ เป็นข่าว กลัวคนหมั่นไส้"

แม้กระทั่งพวกพนักงานในออฟฟิศก็รู้เรื่องเพราะลูกเกดเลขาฯของบุปผาเป็นคนโทร.ไปกระจายข่าว แต่ใครก็ไม่มีปฏิกิริยาเหมือนอย่างทับทิม ที่ความอิจฉาริษยาพลุ่งพล่านถึงกับระเบิดเสียงออกมา พร้อมกระทืบเท้าเร่าๆราวกับถูกผีเข้าก็ไม่ปาน

"ไม่จริ๊ง...ฉันไม่เชื่อ นังกระเช้ามันจะได้แต่งงานกับคุณเทียน เป็นไปไม่ได้ มันจะได้เป็นสะใภ้ของที่นี่ตัดหน้าฉันไม่ได้ กรี๊ดดดด....ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ!"

บันไดดอกรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด