สมาชิก

ระบำดวงดาว

ตอนที่ 17

จนเย็น ไม้จึงขับรถมาส่งเหมยที่บ้าน เหมยชวนเข้าบ้านก่อน ไม้ไม่อยากเข้าพูดน่าสงสารว่าคงมีใครบางคนที่ไม่อยากเจอหน้าตนตอนนี้ เหมยให้กำลังใจว่าเราบริสุทธิ์ใจเชื่อว่าแต้วต้องเข้าใจ

"ขี้งอนแบบนั้นเคยเข้าใจอะไรง่ายๆบ้าง" ไม้ทำท่างอนบ้าง เลยถูกเหมยดักคอว่าที่หงุดหงิดแบบนี้เพราะแต้วขี้งอนหรือว่าแคร์แต้วกันแน่ ไม้ก็ยังปากแข็งว่า "ขี้งอนแบบนั้นแคร์ทำไม"

"น้องพี่สองคนนี้เป็นผู้ร้ายปากแข็งกันทั้งคู่ ระวังนะ ปากแข็งมากๆจะมานั่งเสียใจทีหลัง"

"ปากแข็งก็ไม่เท่าใจแข็งแบบพี่เหมยหรอก ป่านนี้นายปยุตรคงผูกคอตายไปแล้วมั้ง"

พอไม้เอ่ยถึงปยุตรเท่านั้น บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที เหมยบอกว่าตนไม่มีค่าสำหรับปยุตรขนาดนั้นหรอก ไม้เลยรู้สึกตัวขอโทษ ตนไม่ได้ตั้งใจ

"ไม่เป็นไรหรอกไม้ พี่เข้าบ้านก่อนนะ" เหมยเปิดประตูรถลงไป ไม้มองตามแล้วตบปากตัวเองที่ปากหาเรื่องจริงๆ

เมื่อเหมยกลับมาแล้วตามหาแต้วไปเจอนั่งซึมอยู่ที่ท่าน้ำเลยเข้าไปคุยด้วย บอกแต้วว่าตนกับไม้ไม่ได้เป็นอย่างที่แต้วคิด แต้วจะลุกหนีเหมยบอกว่าอย่าหนีความจริงเลย เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง

เหมยบอกว่าตนรักไม้แบบน้อง แต้วสวนไปทันทีว่าไม้ไม่ได้คิดแบบนั้นเหมยเองก็รู้

"ใช่พี่รู้ แล้วไงล่ะ พี่ต้องตัดขาดกับไม้ พี่ต้องทิ้งความผูกพันที่พวกเรามีให้กันอย่างนั้นเหรอ แต้วถึงจะคิดว่าพี่กับไม้ไม่มีอะไรกัน แต้วต้องการแบบนั้นเหรอ"

แต้วฟังแล้วอึ้ง เหมยพูดเสียงอ่อนลงว่า

"เปิดใจให้กว้าง แล้วมองดีๆอีกครั้งว่าความจริงมันคืออะไร เพราะถ้าแต้วยังเป็นแบบนี้ต่อให้พี่กับไม้อยู่ห่างกันแค่ไหน ใจแต้วก็ไม่เป็นสุขอยู่ดี...ถ้าแต้วไม่เชื่อพี่ อย่างน้อยแต้วก็ควรเชื่อใจไม้"

พูดให้แต้วคิด แล้วเหมยลุกเดินไป แต้วนั่งนิ่ง สีหน้าแววตาที่แข็งกร้าวอ่อนแสงลง เริ่มมองตัวเองว่า หรือเราเองไม่ยอมเปิดใจ?

ooooooo

ปยุตรกลับมาแล้วก็นึกเสียใจตัวเองที่ทำกับเหมยจนถูกเธอตบและพูดใส่หน้าว่า "ฉันเกลียดคุณ"

เขานั่งคิดจนหลับไปในชุดนั้น จนกระทั่งกลางคืน มีเสียงเคาะประตูถี่ยิบจนเขาสะดุ้งตื่นเดินโผเผไปเปิดประตู เฮียใหญ่ก้าวเข้ามามองอย่างสมเพช ถามว่า

"บอกว่าจะไปเคลียร์กับเหมย แล้วก็หายหัวไปเลย มือถือก็ปิด โรงพิมพ์ก็ไม่ไป..."

ปยุตรเถียงไม่ออก ฟังหน้าจ๋อยๆแล้วบอกเฮียให้เข้ามาในห้องก่อน เฮียเดินเข้าไปมองสภาพของปยุตรอย่างสำรวจ ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา พูดอย่างเดาได้ว่า

"สภาพแบบนี้ เคลียร์ไม่จบล่ะสิท่า" ปยุตรไม่ตอบ เฮียเลยพูดอย่างผู้ใหญ่ว่า "เรื่องหัวใจมันต้องใช้เวลา น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวาง"

"เพราะว่าตอนนี้เรือแตกไปเรียบร้อยแล้ว" ปยุตรบอกอย่างสิ้นหวัง ถามว่า "ว่าแต่เฮียมาหาผมถึงที่นี่ มีอะไรหรือครับ"

เฮียใหญ่สีหน้าจริงจังขึ้น พูดถึงเรื่องจิมมี่ที่ไปแจ้งความกันไว้ว่า

"ทาง ตำรวจส่งข่าวมาว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจอรอยเท้าของคน 5 คน แน่นอนต้องมียุตร เฮีย แล้วก็ไอ้จิมมี่ แต่อีก 2 รอยนี่ซิยังเป็นปริศนา ที่สำคัญหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงด้วย"

"ผู้หญิง?" ปยุตรทวนคำ เฮียพยักหน้า มองหน้ากันอย่างนึกไม่ออกว่าจะเป็นใคร

ooooooo

หลัง จากแต้วฟังเหมยพูดแล้วเริ่มเปิดใจกว้างขึ้น ทบทวนคำพูดของไม้ที่ว่า เขารักเหมยแบบพี่สาว และเหมยก็ยืนยันว่าตนรักไม้แบบน้องชาย กอปรกับความจริงที่พิสูจน์มา ทำให้แต้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาโทร.ถึงไม้

เช่นเดียวกัน ไม้เอง เมื่อนั่งทบทวนที่แต้วบอกรักตนแล้วก็อมยิ้ม ขยี้หัวตัวเองเหมือนจะถามตัวเองว่าทำไมถึงดูไม่ออก พลันก็หยิบโทรศัพท์โทร.หาแต้วทันที

ปรากฏว่าเสียงโทร.ของไม้ไปถึงแต้วก่อน ทันทีที่ได้พูดกัน แต้วบอกเขาว่า

"แต้ว ขอโทษ ที่วันนี้แต้วทำนิสัยไม่ดีกับพี่เหมยกับไม้" ไม้ตอบเสียงแจ่มใสว่าไม่เป็นไร ตนเข้าใจ แต้วสวนไปว่า "เข้าใจ อะไร แล้วไม้จะขอโทษทำไม"

"ก็เข้าใจว่าแต้วรู้สึกยังไง แล้วก็อยากขอโทษที่ทำให้ แต้วร้องไห้"

"ถ้างั้นก็หายกัน"

"แต่ ไงแต้วก็ต้องทำกับข้าวอร่อยๆมาไถ่โทษนะ" แต้วถามว่าหายกันแล้วทำไมต้องทำกับข้าวไปไถ่โทษอีก ไม้โมเมไปว่า "ก็ฉันอยากกินกับข้าวอร่อยๆนี่"

ทั้งคู่ต่างยิ้มออกมาอย่างสบายใจ มีความสุข ที่เปิดใจคุยกันและเข้าใจถึงความรู้สึกของกันและกัน

ooooooo

น้ำ หวานอยู่ในคอนโดฯอย่างไม่เป็นสุข เธอโทร.หาหมอวาทิศ แต่เป็นสัญญาณปิดเครื่อง เธอกดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังเป็นสัญญาณเดิม เลยขว้างโทรศัพท์ ทิ้งอย่างหัวเสีย

"โธ่เว้ย!! ไอ้หมอบ้า ไปตายที่ไหนแล้วนี่...นี่ก็ใกล้จะได้เวลาต้องให้ยาอีนังจิมมี่แล้ว แล้วฉันจะไปเอายาที่ไหน"

จังหวะนั้นเอง มีเสียงโทร.เข้าแต่เบอร์ไม่คุ้น น้ำหวานรับสายอย่างหงุดหงิด

"ฮัลโหล...ฮัลโหล..." ปลายสายเงียบ เธอทั้งด่าทั้งบ่น "นี่! โทร.มาแล้วก็ไม่พูด จะบ้ารึเปล่าเนี่ย ฮัลโหล...ฮัลโหล!"

"แกตายแน่...ตายยยย แกตายแน่..." เสียงลึกลับดังขึ้น พอถามไปว่าเป็นใคร เสียงนั้นก็พูดแต่ว่า "แกต้องตายยยย... ตาย..."

น้ำหวานตะลึงขวัญกระเจิง ขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ด่าเสียงสั่นแล้วกวาดมองรอบห้องอย่างหวาดกลัว

"ไอ้บ้า!! ไอ้พวกโรคจิต!!"

ooooooo

พรุ่ง นี้จะมีงานเลี้ยงปิดกล้องยอดยาหยีแล้ว ฟรุตตี้กับปุ๊โกะต่างมุ่งมั่นที่จะต้องไปให้ได้เพราะงานนี้มีแจกทองทีมงาน ด้วย แล้วก็อดซุบซิบกันไม่ได้ว่า เหมยกับป้องคงไม่อยากไป เพราะกำลังเป็นข่าวนางเอกถูกนางร้ายแย่งคนรักและพระเอกกลายเป็นเก้งกวาง

พอดีเหมยกับป้องเข้ามาที่ห้องแต่งหน้า ทั้งสองเลยต้องรีบหุบปาก เหมยกับป้องเห็นบรรยากาศแล้วต่างรู้สึกอึดอัด

ที่ลานจอดรถกองถ่าย ปยุตรกำลังจะมาหาเหมย ถูกน้ำหวานเรียกไว้ถามว่ามาแต่เช้ามาทำข่าวหรือมาหาเหมย พอปยุตรอึกอักก็ดักคอว่า

"อึกอัก แบบนี้ ยังเคลียร์กับเหมยไม่ได้ใช่ไหมคะ นี่เป็นเพราะน้ำหวานคนเดียวเลยที่ทำให้คุณเจอเรื่องแบบนี้" แม้ปยุตรจะปฏิเสธ แต่น้ำหวานยังจับมือตื๊ออีกว่า "ไปค่ะ น้ำหวานจะไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เหมยฟังเอง เหมยจะได้ ไม่เข้าใจคุณยุตรผิด"

"ไม่เป็นไรครับ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้" ปยุตรขืนตัวไว้ แต่เขายิ่งขืนตัวน้ำหวานก็ยิ่งยื้ออ้างว่าตนต้องรับผิดชอบ

รม มี่กับพีทเดินเข้ามาเห็นพอดี รมมี่ฉุนแทนเหมยขึ้นมา ส่วนพีทแอบกังวลที่ปยุตรต้องรับมือกับนางร้ายทั้งนอกจอและในจออย่างน้ำหวาน รมมี่ทนไม่ได้ เข้าไปขวางถามว่า

"ทำอะไร ประเจิดประเจ้อแบบนี้ไม่อายฟ้าอายดินบ้างรึไง"

น้ำ หวานกับปยุตรชะงัก ปยุตรอาศัยช่วงที่น้ำหวานหันไปมองรมมี่รีบแกะมือเธอออก ในขณะที่น้ำหวานลอยหน้าถามรมมี่ว่าจะอายทำไมตนไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดแล้วหัน ไปมองพีทถามว่า "จริงไหมคะ"

รมมี่เบ้ปากว่าคงไม่มีอะไรน่าเกลียดมาก ไปกว่านี้อีกแล้ว น้ำหวานก็หันไปฟ้องปยุตรว่ารมมี่หาเรื่อง ตนก็แค่อยากจะช่วยเขาเคลียร์กับเหมยเรื่องข่าวเท่านั้นเอง

ปยุตรกลัว เรื่องจะลามปามจึงรีบตัดบทบอกพีทกับน้ำหวานเข้าไปในกองดีกว่า รมมี่ฉุดมือปยุตรให้ไปด้วยกันขืนอยู่ ตรงนี้เดี๋ยวโดนนางมารฉุดลงนรกไปด้วย ว่าแล้วดึงมือปยุตรไป

"ฝากไว้ก่อนเถอะนังรมมี่ บัญชีของแกฉันตามเก็บแน่" น้ำหวานจ้องจิกอาฆาต

ooooooo

เมื่อเข้าไปในกองถ่าย รมมี่ไปบอกเหมยว่าปยุตรมีเรื่องอยากคุยด้วย เหมยตอบอย่างทำใจไม่ได้ว่าคุยไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ

"แล้ว เหมยไม่อยากรู้ความจริงเหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คนรักกันต้องคุยกันนะ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เหมยเข้าใจก็ได้" รมมี่หว่านล้อม พอเหมยเริ่มคล้อยตาม ก็ถูกทีมงานเรียกไปเข้าฉากเสียก่อน

ระหว่างที่ผู้ช่วยผู้กำกับกำลังบรีฟให้เหมย ป้อง และน้ำหวานแทนผู้กำกับอยู่นั้น น้ำหวานก็ยังไม่วายหาจังหวะพูดทิ่มแทงอารมณ์เหมยว่า

"คุณยุตรนี่เขาน่ารักจังนะ เป็นห่วงว่าฉันจะโดนนักข่าวรุม ถึงขนาดมาเฝ้าที่กอง"

เหม ยมองขวับไปที่ปยุตร พอดีเขายืนคุยอยู่กับพีทและรมมี่ รมมี่พยายามจะสบตาเหมยแต่เหมยไม่สบตาด้วย จนผู้ช่วยเตือนว่าพร้อมแล้วก็เริ่มเลย

ฟรุตตี้กับปุ๊โกะฟังเรื่องในฉากนี้แล้วพูดกันว่านี่เอาชีวิตจริงของเหมยมาเขียนรึเปล่า

ศิลป์นั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์หงุดหงิดโวยวายขึ้นว่า

"จะ อธิบายอะไรกันนานนักหนา น้องน้ำหวานเขามายืนคอยนานแล้ว คิวสุดท้ายแล้ว อย่าให้ต้องเคี่ยวกันมาก พวกดาราใหม่หัดดูดาราที่เขามีฝีมือกันบ้างว่าเขาเล่นกันยังไง" ศิลป์ไม่วายวกมาจิกเหมย

ในฉากนี้เป็นไปตามที่ผู้ช่วยผู้กำกับบรีฟไว้ ว่า "ซีนนี้ยาหยีเสียใจมากนะครับที่ปิลันธ์โกหกแล้วปิลันธ์ก็อยากปรับความเข้าใจ แต่ภารดาเข้ามาขัดไว้ก่อน"

ในบทปิลันธ์บอกยาหยีว่า "ไม่ ยาหยี ผมรักคุณ ผมอยากอธิบายเรื่องทั้งหมดให้คุณฟัง"

ยาหยีน้ำตาไหลปฏิเสธ "ตอนนี้คุณไม่ใช่ปิลันธ์ที่ฉันรู้จักอีกต่อไป บางทีภารดาคงจะรู้จักคุณดีกว่าฉัน"

ช่างเป็นถ้อยคำเหมือนกับที่เหมยกับปยุตรตอบโต้กันเรื่องน้ำหวานเสียจริงๆ

การ แสดงที่คล้ายกับชีวิตจริง ทำให้นักแสดงพูดไปตามอารมณ์ในชีวิตจริง ผู้ช่วยท้วงติงหลายครั้งว่าในบทไม่ได้พูดแบบนี้ แต่ศิลป์บอกว่าปล่อยไปเพราะบทนี้ดีกว่าที่เขียนไว้เสียอีก

แสดงกันจน เสร็จ ศิลป์สั่งคัต ชมว่าดีมาก น้ำหวานตีบทแตกกระจุยเลยทีเดียว แต่ไม่พูดถึงเหมยเลย ทั้งที่ฟรุตตี้กับปุ๊โกะเห็นว่าเหมยแสดงได้ดีกว่าตั้งเยอะ

เสร็จแล้วเหมยเดินออกไป ปยุตรเห็นดังนั้นรีบตามไป รมมี่กับพีทจับตาดูอยู่ต่างมองตามทั้งสองไปอย่างเป็นห่วง

ooooooo

เหมยไปยืนร้องไห้ที่มุมหนึ่งอย่างสะเทือนใจกับบทที่เหมือนเรื่องของตัวเอง ขณะนั้นเองปยุตรตามมากำลังจะเข้าไปหา ก็มีเสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้น

"เหมย"

"คุณ การุณ" เหมยหันมาร้องทักอย่างดีใจ เขาเห็นเหมย ร้องไห้อยู่ถามว่าใครทำอะไรหรือ เหมยโผเข้าหาการุณเหมือนหาที่พึ่ง การุณกอดเหมยไว้แน่น ปยุตรยืนจังงังกับภาพที่เห็น สุดท้ายหันหลังเดินคอตกกลับไป

จนเมื่อไปทานอาหารด้วยกัน การุณยังติดใจถามเหมยว่า ยังไม่ได้บอกเลยว่าใครทำอะไรให้ร้องไห้   เหมยปดว่าตนแค่ปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้น การุณไม่เชื่อ เหมยเลยเปลี่ยนเรื่องถามว่าเขาหายไปไหนตนไม่ได้ยินข่าวเขาเลย

"ฉลาดเปลี่ยนเรื่องจริงนะ เอาเป็นว่าไว้อยากเล่าเมื่อไหร่ ฉันพร้อมรับฟังเสมอนะ" แล้วเล่าว่า "ฉันกลับไปดูอาการของกันยา"

"คุณกันยาเป็นยังไงบ้างคะ เหมยยังไม่ได้มีโอกาสไป กราบขอบคุณคุณกันยาเลยที่เคยช่วยเหมยไว้ครั้งนั้น"

"คุณ กันยาเสียแล้ว ฉันเพิ่งกลับมาจากกระบี่หลังจากเสร็จงานศพ" การุณสีหน้าเศร้าลง เหมยแสดงความเสียใจด้วย เขาพูดถึงคุณกันยาอย่างชื่นชมว่า "คุณกันยาเขาไปสบายแล้ว ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความเจ็บไข้ที่เขาเป็น เขาเป็นภรรยาที่ดีที่สุด ส่วนฉันก็เป็นสามีที่แย่ที่สุด"

"เหมยเชื่อว่าคุณทำดีที่สุดแล้ว" เหมยเอื้อมมือไปจับมือการุณอย่างให้กำลังใจ

ooooooo

เพราะวันนี้ขณะอยู่ที่กองถ่าย ป้องโทรศัพท์ถึงกันต์บอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา ถามว่าคืนนี้ว่างไหมเลิกกองแล้วจะไปหา กันต์ฟังน้ำเสียงแล้วทักว่าเสียงเขาไม่ค่อยดีมีอะไรกันแน่

"ไว้เจอกันคืนนี้นะ" ป้องนัดแล้ววางสายสีหน้ากังวล

คืนนี้กันต์จึงไปหาป้องที่คอนโดฯ ป้องเล่าความกังวลให้ฟัง กันต์ถามว่าเขาแน่ใจแล้วหรือ ป้องพยักหน้า ยืนยันว่า

"งานปิดกล้องคืนพรุ่งนี้ ผมจะบอกความจริงเรื่องของเราให้ทุกคนรู้"

"คิดให้ดีอีกครั้งนะ ทั้งหมดนี้มันเกี่ยวกับชีวิตคุณ หน้าที่ การงานของคุณ มันมีแต่จะเสียกับเสีย"

"ผมไม่กลัว" ป้องมั่นใจเด็ดเดี่ยว "ก็อย่างที่พี่สาวคุณพูดถ้าเรายังยอมรับตัวเราเองไม่ได้ แล้วเราจะหวังให้คนอื่น มายอมรับเราได้ยังไง ผมจะไม่หลอกตัวเองแล้วก็ใครๆต่อไป อีกแล้ว"

กันต์เข้าใจความรู้สึกของป้องแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเอง จะทำลายโอกาสต่างๆของป้องไหม ท้วงติงอีกครั้งว่า

"ผมไม่อยากให้คุณเสี่ยง มันไม่คุ้มกันนะป้อง"

"มันคุ้มถ้าผมมีคุณอยู่ด้วย"

กันต์ซึ้งใจกับความรู้สึกดีๆที่ป้องมีให้ตน ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างพร้อมที่จะเผชิญกับความยากลำบากในวันข้างหน้า...

ooooooo

คืนนี้ ที่หน้าปากซอยบ้านเหมย การุณขับรถมาส่ง เหมยยกมือไหว้ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนตน การุณ จับมือเหมยไว้บอกเธอว่า

"ฉันสามารถอยู่เป็นเพื่อนเธอได้ตลอดชีวิตนะ ถ้าเธอ ต้องการ" เหมยอึกอัก การุณย้ำว่า "ฉันพูดจริงนะเหมย ฉันพร้อมจะดูแลเธอ ไม่ว่าเธอจะรักหรือไม่รักฉันก็ตาม"

เหมยดึงมือออกอย่างสุภาพขอบคุณในความกรุณาของเขา แต่ตนรับไว้ไม่ได้จริงๆ การุณมองอย่างผิดหวังแต่ก็ยัง ให้เวลาบอกว่า ถ้าเธอเปลี่ยนใจเมื่อไรให้บอกตนได้ทุกเมื่อ

เหมยเปิดประตูรถลงไปแล้ว การุณขับรถเลี้ยวออกไป แต่พอเหมยหันมาจะเดินเข้าซอยก็ถูกปยุตรมาขวางไว้ พูดอย่างเจ็บปวดว่า เพราะอย่างนี้นี่เองเธอถึงไม่อยากพูดกับตน มีรถเก๋งมาส่ง มอเตอร์ไซค์อย่างตนถึงไม่มีความหมาย

"นี่คุณกำลังดูถูกฉัน"

"ผมเห็นกับตาว่าทั้งกอด ทั้งจับมือกัน จะให้คิดว่ายังไงเหรอ"

"ที่คิดก็ไม่ผิดหรอก" เหมยโพล่งออกไปอย่างโกรธจัด "คุณการุณเขาเป็นถึงพ่อเลี้ยงใหญ่มีธุรกิจตั้งมากมายไม่ใช่ แค่ทายาทกิ๊กก๊อกที่ไม่รู้ว่าจะได้เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์วันไหน"

คำประชดเยาะเย้ยของเหมย ทำให้ปยุตรโกรธจัด คว้าแขนเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เหมยเสียงดังใส่ว่าให้ปล่อยตนเดี๋ยวนี้ คนที่เขาต้องหึงหวงไม่ใช่ตนแต่เป็นน้ำหวานต่างหาก

"ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าผมไม่มีอะไรกับเขา"

"แต่คุณก็บอกฉันไม่ได้ว่า แล้วไอ้ข่าวบ้านั่นมันเกิดขึ้นได้ยังไง ไว้คุณอธิบายเรื่องนี้ได้เมื่อไร แล้วค่อยกลับมาเจอกันดีกว่าไหมคุณปยุตร"

เหมยสะบัดหลุดจากปยุตรเดินอ้าวเข้าซอยไป ปยุตร

มองตามน้ำท่วมปากอธิบายไม่ได้

ooooooo

ส่วนน้ำหวาน พอเลิกกองก็แอบไปอยู่กับศิลป์ ที่โรงแรม  จนดึกเธอลุกขึ้นเตรียมจะกลับศิลป์ขอให้ อยู่กับเขาทั้งคืนได้ไหม

"ไม่ได้หรอกค่ะ ขืนออกไปจากห้องพี่ศิลป์ตอนเช้า เป็นข่าวใหญ่แน่ น้ำหวานขี้เกียจเป็นขี้ปากชาวบ้าน" ศิลป์บอกว่าไม่เห็นต้องกลัว น้ำหวานเข้าไปอ้อนอย่างมีจริตว่า "ถ้าเราเป็นข่าวด้วยกันแล้วพี่ศิลป์ช่วยดันน้ำ
หวานเรื่องรางวัล พี่ศิลป์ ก็จะดูไม่ดีนะคะ ที่มาดันคนกันเอง..."

"งั้นพี่ศิลป์อดใจรอที่จะดันน้ำหวานแบบเปิดเผย หลังจากที่น้ำหวานได้รางวัลเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ"

"ค่ะ" น้ำหวานทิ้งสายตา พอศิลป์จะเข้าหอมเธอกลับลุกจากเตียงอย่างเร็ว ทำเอาศิลป์เกือบหน้าคว่ำ เธอลุกออกมาแล้วปรายตามอง ทำปากขมุบขมิบ "หน้าโง่!"

ooooooo

แม่กุ้งยังอยู่ที่โรงพยาบาล ไม้กับแต้วเอาอาหารไปกินด้วยกันกับแม่กุ้งอย่างมีความสุขประสาแม่ลูก แม่กุ้งถามแต้วว่า เหมยเป็นอย่างไรบ้าง คุยกับปยุตรแล้วหรือยัง

แต้วกับไม้มองหน้ากัน แต้วบอกว่า "ก็คุยแล้วจ้ะแม่ ใช่ไหมไม้" ไม้ตอบไม่เต็มเสียงว่าใช่คุยแล้ว แม่กุ้งมองลูกทั้งสองอย่างรู้ทัน พูดหยอกแกมหยิกว่า

"ลูกแม่นี่ไม่มีใครโกหกเก่งสักคน...เฮ้อ...ไอ้เรื่องความรัก มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาสอนกันได้ ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าเราจะอยู่กับมันยังไง"

แต้วกับไม้มองหน้ากันเหมือนจะบอกกันว่า สักวันคงถึงเวลาที่พวกเขาจะได้เรียนรู้...

วันนี้ เหมย ไม้ กับแต้ว กำลังเตรียมจัดข้าวให้แม่กุ้งที่โรงพยาบาล กันต์เดินเข้ามาท่าทางแปลกๆจนแม่กุ้งจับสังเกตได้ถามว่า "กันต์ มีอะไรรึเปล่าลูก"

เหมย แต้ว กับไม้ต่างมองหน้ากันต์ เขาตัดสินใจพูดกับแม่กุ้งและทุกคนว่า

"แม่กุ้งครับ ถ้าผมไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นๆเขาเป็นกัน แม่จะโกรธผมไหมครับ"

แม่กุ้งรู้ว่ากันต์มีความในใจจะคุย จึงบอกเหมยกับแต้วและไม้ให้ออกไปสักครู่แม่ขอคุยกับกันต์หน่อย แต่พอทั้งสามจะลุกไป กันต์กลับบอกว่า ไม่ต้องเพราะตนอยากให้ทุกคนอยู่ ที่นี่ แม่กุ้งกอดกันต์บอกว่า

"สิ่งเดียวที่แม่หวังคือ แม่อยากให้ลูกๆของแม่เป็นคนดี เพราะความดีมันทำให้เรามีศักดิ์ศรีไม่ว่าเราจะเป็นอะไรก็ตาม"

"ถึงแม้ว่าสิ่งที่ผมเป็นมันจะเป็นสิ่งที่สังคมเขาไม่ยอมรับน่ะเหรอครับแม่" กันต์ถาม

"มันสำคัญที่กันต์ยอมรับมันได้รึเปล่าต่างหากลูก คนอื่นไม่สำคัญเท่ากับตัวเราเองหรอกลูก"

กันต์บอกแม่กุ้งว่ามีคนคนหนึ่งอยากเจอแม่ พอแม่กุ้งพยักหน้ากันต์เดินไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่ตรงประตูคือป้องนั่นเอง ป้องเดินเข้ามาไหว้แม่กุ้งอย่างอ่อนน้อม

"ผมขอเป็นลูกแม่กุ้งอีกคนได้ไหมครับ"

แม่กุ้งยิ้มให้กันต์กับป้อง ยื่นมือไปให้ทั้งสองจับ พูดอย่างมีเมตตาเต็มเปี่ยมว่า

"ได้สิลูก คนที่กันต์รักก็คือคนที่แม่รักด้วยเหมือกัน" แล้วแม่กุ้งก็กอดทั้งกันต์และป้องไว้ด้วยกัน เหมย ไม้ และแต้ว ต่างรับรู้เรื่องราวของกันต์พร้อมกัน แต้วถามเหมยอย่างซึ้งใจว่า

"การมีครอบครัวมันดีแบบนี้นี่เองใช่ไหมพี่เหมย" พลางเข้าไปกอดเหมย ไม้เอะอะขำๆว่าแล้วตนล่ะ ขอกอดด้วยสิ แล้วเข้าไปกอดทั้งเหมยทั้งแต้วไว้ด้วยกัน แต้วตีไม้เพียะที่ฉวยโอกาสแล้วทุกคนก็หัวเราะกันอย่างอบอุ่นด้วยความรักของคนในครอบครัวเดียวกัน

ooooooo

คืนนี้ ปยุตรยังก้มหน้าก้มตาทำงาน จนเฮียใหญ่ สงสัยถามว่าไม่ไปงานเลี้ยงปิดกล้องยอดยาหยีหรือ ปยุตรเงยหน้าบอกเฮียว่าตนขอไม่ไปได้ไหม เฮียถามหยอกว่ากลัวคนข่าวจะเป็นข่าวเสียเองหรือ

"ตัวผมจะเป็นยังไงผมไม่สนหรอก แต่ผมไม่อยากให้ เหมยเขาลำบากใจ"

เฮียแย้งว่าการหลบแบบนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา บอกว่าตนจะไปเป็นเพื่อนก็แล้วกัน ปยุตรมองหน้าเฮียอย่างลำบากใจ เฮียเข้ามาตบไหล่บอกว่า

"ยุตรไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว เชื่อเฮีย"

กระนั้นปยุตรก็ยังมีสีหน้าลำบากใจ ไม่รู้ว่าไปคืนนี้จะออกหัวหรือออกก้อยกันแน่...

ooooooo

ที่งานเลี้ยงปิดกล้องยอดยาหยี คุณพิมล รมมี่ และพีทกำลังถูกนักข่าวถ่ายรูปกันอยู่ ฟรุตตี้กับปุ๊โกะเดินชิม อาหารอย่างลืมสังขารตัวเอง ที่ประตู มดแดงพาเหมยเข้ามาร้องบอกว่านางเอกยอดยาหยีมาแล้ว
นักข่าวเลยเฮกันไปถ่ายรูปเหมย น้ำหวานเพิ่งมาถึงเห็นเข้าก็เบ้ปากขมุบขมิบ

"นังเด็กปลายแถว!!" แล้วเดินฉับๆแทรกเข้าไปกระแทกมดแดงให้เปิดทาง ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเรียกความสนใจ

"สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน น้ำหวานมาแล้วค่ะ"

น้ำหวานแทรกเข้าไปยืนเคียงข้างเหมย แนบแก้มกับเหมยเป็นการทักทายแต่พูดข้างหูเหมยว่า

"คุณปยุตรเขาเป็นของฉัน เพราะฉะนั้นอย่าสะเออะมาเทียบรัศมีกับฉัน" พูดแล้วโปรยยิ้มให้นักข่าวต่อ ทำเอาเหมยงงจนนักข่าวบอกให้ยิ้มจึงได้รู้สึกตัวยิ้มออกมา

ที่ประตู ปยุตรกับเฮียใหญ่เดินเข้ามา พอเห็นหน้าเท่านั้นนักข่าวด้วยกันคนหนึ่งก็ปรี่เข้าไปถามปยุตรว่า "เรื่องข่าวระหว่างคุณน้ำหวานกับคุณปยุตรนี่ตกลงมันยังไงครับ"

จังหวะนั้นเหมยหันไปประสานสายตากับปยุตรพอดี น้ำหวานเห็นเช่นนั้นเดินแผนต่อทันที

"เรื่องนี้น้ำหวานเป็นผู้หญิงก็ลำบากใจที่จะตอบน่ะค่ะ เอาเป็นว่าให้คุณปยุตรตอบเองดีกว่า" ว่าแล้วก็ผายมือไปทางปยุตร นักข่าวเทกันไปทางปยุตรทันทีต่างมองหน้ารอคำตอบจากเขา

ขณะปยุตรกำลังตกที่นั่งลำบากนั่นเอง ระฆังช่วยชีวิตก็ดังขึ้น เมื่อฟรุ๊ตตี้กับปุ๊โกะเข้ามาตีฆ้องร้องป่าวว่า เชิญทุกคนไปรอรับการแจกทองเส้นแรกได้แล้ว น้ำหวานเลยแก้เกี้ยวว่า

"วันนี้งานเลี้ยงปิดกล้อง น้ำหวานไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เอาไว้โอกาสหน้านะคะ"

พวกนักข่าวเลยถอยทัพหันไปสนใจการแจกทองกัน เหมยจึงปลีกตัวออกไป ปยุตรเห็นรีบตามไปคว้าแขนไว้ถามอ้อนๆว่า "เหมย...เราจะคุยกันดีๆได้ไหม" เหมยมองหน้าเขานิ่งๆแล้วค่อยๆปลดมือเขาออก ปยุตรอ้อนอีก "เหมย ผมคิดถึงคุณนะ"

แม้จะใจแป้วเพราะตัวเองก็คิดถึงเขาเหมือนกัน แต่เหมย ก็ตัดสินใจเดินผ่านปยุตรไป

ooooooo

ป้อง ไปรับกันต์ที่ถนนหน้าซอยเข้าบ้าน กันต์ เดินออกมาขึ้นรถนั่งคู่กันมากับป้อง โดยไม่รู้ว่าถูก ปาปารัสซี่ขี่มอเตอร์ไซค์มาซุ่มอยู่ พอเห็นทั้งคู่ขึ้นรถก็ถ่ายรูปไว้ พูดกับตัวเองอย่างสะใจว่า

"วันนี้ได้ข่าวเด็ดไปขายแน่"

ป้อง กับกันต์นั่งรถมาด้วยกัน ป้องถามกันต์ว่าพร้อมไหมที่จะเปิดตัวด้วยกัน กันต์บอกว่าตนกลัวๆ ป้องให้กำลังใจเขาว่า "แต่ผมไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะผมมีคุณอยู่ข้างๆ"

แต่พอขับรถไปได้ระยะหนึ่ง ป้องก็สังเกตเห็นมีมอเตอร์ไซค์ตามมา จึงเร่งความเร็ว กันต์เตือนระวังอันตรายป้องจึงชะลอรถ มอเตอร์ไซค์ขี่มาทันและพยายามแซงเพื่อถ่ายรูป ป้องจึงยกมือข้างหนึ่งบังหน้าตัวเองไว้ อีกมือถือพวงมาลัย

ป้องเร่ง ความเร็วอีกครั้ง เป็นจังหวะผ่านทางโค้งพอดี ทำให้รถเสียหลักแหกโค้งไปกันต์ร้องให้ระวัง! แต่ไม่ทันสิ้นเสียง ทุกอย่างก็ดับวูบไปแล้ว...

ooooooo

ที่งานเลี้ยง บรรยากาศสนุกสนานเพราะลุ้นแจกทองกันอยู่ ขณะนั้นเองเฮียใหญ่ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ จากเพื่อนนักข่าวถึงอุบัติเหตุของป้อง เขารีบไปบอกคุณพิมลอย่างตกใจมากว่า

"มี้ครับ ป้องขับรถหนีปาปารัสซี่จนแหกโค้งเสียชีวิตครับ"

บรรยากาศในงานสลดวูบทันที ทุกคนช็อก โดยเฉพาะเหมยนึกถึงกันต์ขึ้นมาตกใจจนแก้วตกจากมือ ปยุตรรีบเข้ามาคว้ามือเหมยพาวิ่งออกไป

จะมีก็แต่น้ำหวานคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ยี่หระทุกข์ร้อนกับอะไร ยังหน้าระรื่นหัวเราะร่วนอยู่

เมื่อพากันไปถึงโรงพยาบาล เหมยวิ่งตามรถเข็นคนบาดเจ็บไปเห็นเป็นผ้าคลุมหน้าป้องผ่านไป จนคันต่อมาเหมยพุ่งเข้าไป เจ้าหน้าที่รีบบอกว่า

"ญาติคุณกันต์รึเปล่าครับ ผมเสียใจด้วยนะครับ เขาเสียชีวิตแล้ว"

เหม ยแทบหมดแรงตรงนั้น ปฏิเสธเสียงสั่นว่าไม่จริง... ไม่จริง เขย่าศพกันต์เรียกให้ตื่นจนปยุตรต้องเข้าไปปลอบให้ใจเย็นๆ ให้มีสติ ทำใจให้ดีๆเอาไว้

เหมยร้องไห้โฮ พร่ำเรียกกันต์ให้ตื่นเธอร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดก็ไม่อาจทำให้กันต์ ตื่นขึ้นมารับรู้ความรักความห่วงใยของเธอได้...

ooooooo

ก่อนรุ่งสาง แม่กุ้งฝันไปว่ากันต์มาหาแต่ไม่พูดอะไร จนครู่หนึ่งกันต์ก็ค่อยๆถอยห่างออกไป จนแม่กุ้งสะดุ้งตื่นรู้สึกใจคอไม่ดี

ครู่ ใหญ่ เหมย ไม้ แต้วและปยุตรก็เข้ามาในห้อง ทุกคนแต่งชุดดำ แม่กุ้งใจหายวาบถามว่ากันต์ล่ะ กันต์ไปไหน ไม่มีใครกล้าตอบ เหมยจึงบอกความจริงแก่แม่กุ้ง พอรู้ว่ากันต์จากไปแล้ว แม่กุ้งร้องไห้จนแทบสิ้นสติ เหมยกอดแม่กุ้งไว้แน่น ส่วนปยุตรซึ่งถือว่าตัวเองเป็นคนนอก ยืนมองอย่างเศร้าใจ

เช้าวัน เดียวกันนี้ น้ำหวานอยู่ที่คอนโดฯ พอได้เห็นพาดหัวหนังสือพิมพ์ที่ว่า "ดาราหนุ่มป้องดับอนาถรถคว่ำพร้อมเพื่อนหนุ่มรู้ใจน้องชายนางเอกเหมย ทิ้งปริศนารักไม้ป่าเดียวกัน" น้ำหวานก็ยิ้มสะใจ

"นังเหมย ข่าวแบบนี้แกต้องเคลียร์อีกยาว..."

ส่วน พวกเหมยหลังจากบอกข่าวแม่กุ้งและดูแลจนแม่กุ้งสภาพจิตใจดีขึ้นแล้วก็พากัน กลับออกมาถึงหน้าโรงพยาบาลก็เจอกองทัพนักข่าวมาดักอยู่แล้ว พอเห็นเหมยนักข่าวก็กรูกันเข้ามายิงคำถามเรื่องกันต์จนฟังไม่ทัน ปยุตรต้องออกมาขอร้องว่าอย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้ไหมเพราะเหมยกำลังเสียใจอยู่

"แป๊บเดียวค่ะ...ตอบนิดเดียวก็ได้" นักข่าวสาวจอมตื๊อไม่รับรู้กับความรู้สึกของใครทั้งนั้น

"นี่ถ้าเป็นญาติคุณบ้าง คุณจะรู้สึกยังไง" ไม้ทนไม่ได้ กันนักข่าวคนนั้นกันออกไป

"ไม้...หยุด " เหมยห้ามน้อง นักข่าวเลยได้จังหวะรุมกันเข้ามาถามทั้งเรื่องกันต์เป็นเกย์, ความสัมพันธ์กับป้องว่านานแค่ไหนแล้ว, นี่แสดงว่ารูปที่ลงคราวก่อนก็เป็นจริง?, สุดท้ายนักข่าวคนหนึ่งขอให้เหมยช่วยตอบคำถามจะได้ให้ความกระจ่างกับทุกคน

"ความ กระจ่างแบบไหนคะที่พวกพี่ๆอยากได้" เหมยเก็บกลั้นอารมณ์ย้อนถาม "ความสัมพันธ์ที่ทุกคนบีบบังคับให้พวกเขายอมรับว่าเขาเป็นเกย์น่ะเหรอคะที่ พวกพี่ๆอยากรู้

จากปากเหมย...กันต์กับป้องตอบแทนความอยากรู้ของคนอื่นด้วยชีวิตของพวกเขา...มันยังไม่พออีกเหรอคะ?"

เหมยหยุดกลั้นสะอื้นที่แล่นขึ้นจุกคอ ก่อนที่จะพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้านว่า

"เหม ยไม่สนใจว่ากันต์กับป้องจะเป็นหรือไม่เป็นอะไร เหมยรู้แต่ว่าความรักที่เขาสองคนมีมันมีค่ามากกว่าการยอมรับของคนในสังคม แล้วที่สำคัญ เขาสองคนเป็นคนดี ทำไมเราต้องตัดสินพวกเขาตรงแค่เขาเป็นหรือไม่เป็นเกย์?!!"

น้ำเสียงเหมยเริ่มสั่นสะท้านอย่างมีอารมณ์ เธอหยุดนิดหนึ่งก่อนพูดต่อว่า

"ตอน นี้กันต์กับป้องจากเราไปแล้ว เหมยขอร้อง...ปล่อยให้พวกเขาไปโดยสงบเถอะค่ะ ถึงวันนี้แล้วยังอยากจะได้คำตอบอะไรจากพวกเขาอีก...เขาให้ไปทั้ง "ชีวิต" แล้ว...มันมากเกินพอแล้วนะคะ"

คำตอบของเหมย ทำเอาพวกนักข่าวที่เคยมีแต่คำถามไม่สิ้นสุด พากันอึ้ง พูดไม่ออก

เหม ยเดินไปแล้ว...เดินไปอย่างทระนงเหมือนได้ทำหน้าที่พี่ที่ได้ปกป้องน้องเต็ม ที่แล้ว ปยุตรเดินตามเหมยไปเงียบๆ...ส่วนไม้เดินกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่ออยู่ดูแลแม่ กุ้งต่อไป

เหมยเดินไปถึงริมน้ำโดยมีปยุตรเดินตามไปอย่าง

ใกล้ชิด   เธอหันมาบอกเขาด้วยความซึ้งใจว่า   "ขอบคุณมากนะ

ที่อยู่ข้างเหมย"   เมื่อปยุตรบอกว่าเป็นหน้าที่ของตนที่ต้องดูแลคนที่ตนรักอยู่แล้ว เหมยตัดบทอย่างนุ่มนวลว่า

"เราอย่าเพิ่งพูดกันเรื่องนี้ได้ไหม ตอนนี้เหมยยังไม่พร้อมจะคิดอะไร นอกจากเรื่องกันต์"

เหมยมองเหม่อไปที่สายน้ำ น้ำตาไหลไม่หยุด ปยุตร มองด้วยความเข้าใจ เห็นใจ เขาไปนั่งข้างๆเหมยอยู่อย่างนั้น...ในยามนี้แค่ได้นั่งอยู่ใกล้ๆกันก็เป็นกำลังใจให้กันแล้ว...

ooooooo

รมมี่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวกันต์แล้วก็ไม่พอใจด่าว่าทุเรศมากไม่มีหัวใจกันบ้างหรือไง พีทบอกว่าให้ใจเย็นๆ พวกเขาก็ทำตามหน้าที่เท่านั้น

"หน้าที่ขนาดไหนมันก็ต้องมีจรรยาบรรณกันบ้าง ต้องลองให้เสียญาติพี่น้องเองบ้างรึไง!" รมมี่ร้องไห้ออกมา พีทตกใจถามว่าร้องทำไม "ฉันสงสารกันต์กับป้อง แล้วฉันโกรธที่คนดีๆอย่างเหมยต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"

"แต่เหมยยังมีพวกเราไงรมมี่ เราจะให้กำลังใจอยู่ข้างๆเหมย" พีทกอดรมมี่ปลอบใจ

ส่วนไม้เมื่อกลับมาที่โรงแรม   แต้วมาช่วยเก็บของให้ บอกว่าวันนี้ให้เขาไปนอนเป็นเพื่อนแม่กุ้งตนจะอยู่เป็นเพื่อนเหมย

แต้วเก็บของไปร้องไห้ไป เสียใจมากที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนมีแต่ทะเลาะกับกันต์ ยังไม่เคยบอกกันต์เลยสักครั้งว่าตนรักกันต์แค่ไหน ไม้ปลอบใจและให้กำลังใจแต้วว่า

"กันต์เขารู้ว่าแต้วรักเขา เชื่อฉันเถอะ"

ooooooo

ปยุตรเดินมาส่งเหมยที่บ้าน แต่พอมาถึงก็เจอการุณรออยู่ก่อนแล้ว ปยุตรมีอาการเล็กน้อยแต่เหมยรีบเข้าไปทักทายการุณ เขาบอกเหมยว่า

"ฉันรู้ข่าวฉันก็รีบมาหาเธอเลย เหมยมีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้เลยนะ อย่าเกรงใจ"

เหมยบอกว่าตนก็แค่จัดงานศพกันต์กับป้องเท่านั้น ไม่มีอะไรที่จะทำให้พวกเขาได้มากไปกว่านี้ การุณจึงขอจัดการเรื่องงานศพทั้งหมด  ปยุตรแย้งทันทีว่า  เรื่องนั้นตนจัดการเองได้

คงไม่ต้องรบกวน

"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องมีใครทำอะไรทั้งนั้น น้องเหมย เหมยจัดการเองดีกว่า ขอโทษนะคะเหมยเหนื่อย เหมยขอตัวก่อนนะคะ" พูดแล้วเหมยขอตัวเข้าบ้านไป

ปยุตรกับการุณมองหน้ากันเขม่นๆก่อนแยกย้ายกันไป

ส่วนที่สถานีเอบีซีของคุณพิงค์ วันนี้คุณพิงค์ถามมดแดงว่าเหมยเป็นอย่างไรบ้าง มดแดงบอกว่าตอนนี้เหมยยังไม่อยากรับงาน หลังจากเสร็จงานศพ เหมยก็ขลุกตัวอยู่กับแม่กุ้งที่โรงพยาบาล

คุณพิมลคิดว่าเหมยคงอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มาก คุณพิงค์บอกว่าปล่อยเหมยไปสักพักเพราะตอนนี้เป็นช่วงยอดยาหยีออกอากาศยังไงคนดูก็ยังเห็นหน้าเหมยอยู่

ทุกคนเห็นใจและเอาใจช่วยเหมยแม้ไม่โดยตรง แต่ก็อำนวยโอกาสให้เต็มที่

ooooooo

ที่คอนโดฯน้ำหวาน เธอเดินลงมาที่ลานจอดรถ จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาจะชน เธอหลบได้เฉียดฉิว แต่ไม่ทันตั้งหลัก  ก็มีรถอีกคันพุ่งเข้ามา  เธอพลิกตัวหลบไปจนติดกำแพง รถคันนั้นจึงพุ่งเลยไป

น้ำหวานรู้สึกถึงความผิดปกติ เชื่อว่าต้องมีใครจ้องเล่นงานตนแน่ๆ  เธอรีบขึ้นรถขับออกไปอย่างระแวดระวัง

ที่มุมหนึ่ง มีขาของผู้ชายก้าวลงจากรถ ซึ่งเป็นรถคันเดียวกับที่ตั้งใจพุ่งชนน้ำหวานนั่นเอง!

เวลาเดียวกัน ที่โรงพยาบาลที่จิมมี่นอนรักษาตัวอยู่ จิมมี่นอนตาลอยอยู่บนเตียง พยาบาลถือถาดอุปกรณ์ฉีดยา เข้ามาบอกว่าได้เวลาฉีดยาแล้ว พลางชูเข็มฉีดยาขึ้น

พริบตานั้น   จิมมี่กระตุกด้วยความกลัว   เกร็งไปทั้งร่าง

เพราะภาพพยาบาลที่ชูเข็มฉีดยาขึ้นนี้เหมือนภาพฝังใจที่เขาถูกน้ำหวานฉีดยาให้

จิมมี่ดิ้นรนร้องโวยวายสุดฤทธิ์ปากก็ตะโกนกระท่อน กระแท่นว่า

"ไม่...ไป...กลัว...น้ำหวาน...ไปๆไม่เอา น้ำหวานไป..."

พยาบาลปลอบให้ใจเย็นๆแล้วจะฉีดยาให้  กลับถูกจิมมี่บีบคอจนเกือบตาย ดีแต่กดกริ่งเรียกคนมาช่วยได้ทัน

ooooooo

น้ำหวานขับรถไปหาปยุตรที่คอนโดฯบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา ตอนนี้พ่อกับแม่ก็ไปต่างประเทศตนกลัวมากไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆ แล้วเธอก็เล่าอย่างหวาดผวาว่า

"น้ำหวานรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องจะทำร้ายน้ำหวานอยู่น่ะค่ะ   เมื่อกี้น้ำหวานเกือบจะโดนรถชนทั้งๆที่อยู่ในที่ที่ไม่น่ามีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น แล้วก่อนหน้านั้นน้ำหวานก็เกือบจะโดนเครื่องมือช่างหล่นทับ"

ปยุตรฟังแล้วคิดสองจิตสองใจจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี พอดีเขาได้รับโทรศัพท์จากเฮียใหญ่เล่าเรื่องจิมมี่บีบคอพยาบาลให้ฟัง  ปยุตรพลั้งปากเอ่ยชื่อจิมมี่ออกไป  น้ำหวาน ตาวาวหูผึ่ง แต่พอปยุตรรู้ตัวก็เดินเลี่ยงไปคุยห่างออกไป พอกลับมาน้ำหวานถามว่าใครเป็นอะไรหรือ ปยุตรปดว่าเพื่อนไม่ค่อยสบายแล้วเอ่ยขอตัว ส่วนเรื่องของเธอนั้นเขาแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ก่อนดีกว่า

น้ำหวานไม่มีแก่ใจที่จะคิดเรื่องนั้นแล้ว เพราะใจร้อนวิตกเรื่องจิมมี่ เธอรีบขอตัวนึกในใจว่างานชุดใหญ่เข้าแล้ว

ooooooo

ปยุตรไปถึงโรงพยาบาล เข้าไปดูจิมมี่ในห้องคนไข้ ถามหมอว่าทำไมจิมมี่ถึงมีอาการแบบนั้น

"เป็นไปได้ว่า  บางทีคนไข้อาจจะเห็นอะไรที่ใกล้เคียงกับ

เหตุการณ์ร้ายๆที่เขาเจอมาแล้ว   ทำให้เขาหวาดกลัวน่ะครับ"

ปยุตรถามเฮียใหญ่ว่าจิมมี่จะจำอะไรได้เร็วๆนี้ไหม เฮียก็ได้แต่หวัง  นึกได้ถามหมอว่าผลแล็บเป็นอย่างไรบ้าง หมอบอกว่ายังตรวจอยู่คาดว่าคงอีกไม่นาน

"คราวนี้จะได้รู้กันสักทีว่าจิมมี่เป็นอะไรกันแน่" ปยุตรพูดอย่างคาดหวัง

ที่ประตูด้านนอก น้ำหวานแอบฟังอยู่ เธอคำรามแววตาร้ายกาจ

"นังจิมมี่...แกนี่มันตายยากจริงๆ"

ระบำดวงดาว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด