ตอนที่ 14
น้ำหวานหลงตัวเองว่าเป็นคนฉลาดที่จะเล่นเล่ห์หักเหลี่ยมโดยอาศัย "นารีมีรูปเป็นทรัพย์" เบิกทางจากนั้นใช้มารยาและเล่ห์เหลี่ยมตลบหลังทุกคนเพื่อผลประโยชน์แต่เพียง อย่างเดียว
เธอคิดว่าเป็นต่อหมออย่างสมบูรณ์แล้ว หารู้ไม่ว่า หมอเองก็กำลังคิดย้อนเกล็ดเธออย่างเจ็บแสบเช่นกัน
เมื่อกลับมาที่บ้านหมอ ต่างปากหวานให้กัน น้ำหวานอ่อยหมอให้ตายใจด้วยเรือนร่าง หมอสนองอารมณ์ทั้งของตัวเองและน้ำหวานอย่างร้อนแรง
ที่มุมหนึ่งของห้อง สูงขึ้นไป มีกล้องวีดิโอซ่อนอยู่ กล้องทำงานอย่างซื่อสัตย์ บันทึกภาพร้อนแรงบนเตียงอย่างไม่พลาดแม้แต่เสี้ยวนาที!
ooooooo
หลังจากที่ป้องกับกันต์ไปกินข้าวกันแล้ว กันต์พาป้องไปส่งที่คอนโดฯ ก่อนแยกกัน ป้องขอเบอร์โทร.ของกันต์พลางส่งโทรศัพท์ของตนให้ กันต์รับไปกดเบอร์ของตัวเองแล้วส่งคืน
กันต์ขอตัวกลับ ยังไม่ทันพ้นบริเวณคอนโดฯดี ก็ได้รับโทรศัพท์จากป้อง พอกันต์รับสายป้องบอกว่า "นี่เบอร์ผมนะ" แล้วต่างก็ยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุขกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
แต่พอกลับถึงบ้านรู้เรื่องแต้ว กันต์ถามแต้วว่าเข็ดหรือยัง อยากดังแล้วเป็นไง เหมยแย้งกันต์ว่าคนอยากดังไม่ใช่ความผิด กันต์เลยพูดเสียยาวสาวถึงก้นบึ้งหัวใจของแต้วว่า
"แต่ผิดที่แต้วมันขี้อิจฉา จนพาตัวเองเดินลงเหวทุกครั้ง ถ้าไม่มีพี่เหมยคอยช่วย แกจะเป็นยังไงหาแต้ว เป็นยังไง!"
กันต์ทำท่าโมโหใส่แต้วอีก เหมยเข้ามาห้ามว่าพี่น้องกันเรื่องแค่นี้ให้อภัยกันได้ อีกอย่างแต้วเองก็ได้รับบทเรียนแล้วอย่าซ้ำเติมกันอีกเลย
"พี่เหมย แต้วสัญญาจริงๆ ว่าจะไม่ทำตัวแบบนี้อีก ไม่ทำแล้วจริงๆ" แต้วโผเข้ากอดเหมยแน่น เหมยกอดน้องลูบผมอย่างอบอุ่น ให้กำลังใจว่าไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรแล้ว
กันต์ยังไม่หายเคืองบอกว่าจะไปแจ้งความแต่ประชดว่าตำรวจจะรับหรือเปล่าก็ ไม่รู้ เพราะเคยสตรอเบอร์รี่เอาไว้เยอะ เหมยดุกันต์ว่ามากไปแล้ว
"ต่อให้ครั้งนี้แต้วจะรับปาก แต่ครั้งหน้ามันก็ต้องมีอยู่ดี เพราะความขี้อิจฉาของแกมันซึมเข้าเส้นเลือดไปแล้ว" กันต์พูดให้เจ็บเข้าถึงกระดูกดำของแต้วแล้วเดินไป
ได้ผล เพราะแต้วสำนึกผิดกอดเหมยร้องไห้ ครั้นตกกลางคืนนอนด้วยกัน แต้วมองเหมยที่หลับอยู่ข้างๆ นึกถึงอดีตที่โตมาด้วยกัน เหมยดูแลตนดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำอะไร อยากได้อะไรก็หาให้ ทำอาหารให้กิน รีดเสื้อผ้าให้ กระทั่งแต้วแกล้งไม่สบายแล้วอยากกินพิซซ่า เหมยยังเอาเงินที่มีอยู่ทั้งหมดแค่ 300 บาท ออกไปซื้อให้กิน
คิดแล้วก็น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกผิดและซาบซึ้งน้ำใจที่เหมยมีให้อย่างสม่ำเสมอตลอดมา
เช้าวันรุ่งขึ้น ก็มีเรื่องกวนใจอีกตามเคย เมื่อหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่า
"เหมย เหมือนฝันฉาวไม่หยุด กุข่าวแม่ป่วย หวังดันน้องเป็นดารา"
แต้ว เห็นใจเหมยที่เจอแต่ข่าวแย่ๆกลัวพี่สาวจะไม่มีสมาธิในการทำงาน เหมยตอบอย่างมั่นใจตัวเองว่า เราต้องแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน ส่วนที่ว่าจะมีคนเม้าท์กันในกองถ่ายเหมยบอกว่าไม่ต้องไปสนใจแค่ขำๆ เท่านั้น เห็นแต้วยังเครียดเหมยบอกก่อนไปทำงานว่า
"แต้วไม่ต้องห่วงหรอก พี่อยู่ได้ พี่ไปทำงานนะ"
แต่ ไปยังไม่ทันพ้นละแวกบ้าน นักข่าวก็ชักแถวกันมารอสัมภาษณ์แล้ว พอเจอหน้าก็รุมกันถามทั้งเรื่องแม่ป่วย เรื่องภาพหลุด จนเหมยเริ่มรู้สึกอึดอัด ป้าผ่องเห็นแล้วเป็นห่วงชวนพริ้งไปช่วยเหมยกันหน่อย ว่าแล้วป้าก็ลุยไปก่อน ประกาศเสียงดังจนนักข่าวหันมองเป็นตาเดียว
"ขอโทษนะคะคุณนักข่าว เหมยมันต้องรีบไปทำงาน มีอะไรไว้ตามไปสัมภาษณ์ที่กองถ่ายได้ไหมคะ"
"นั่นสิคะ เถอะค่ะ แค่นี้เหมยก็อึดอัดใจที่จะตอบแล้ว ถือว่าพวกเราขอเถอะ แต่ถ้าอยากสัมภาษณ์จริงๆ พริ้งว่างอยู่นะคะ"
นักข่าวหันมาถามทันทีว่าแม่ของเหมยป่วยจริงหรือเปล่า
"จริง ค่ะ" ไม่ใช่เสียงพริ้งแต่เป็นเสียงแต้ว แล้วแต้วก็ออกมาเป็นไข่แดงให้นักข่าวรุมสัมภาษณ์ "ตอนนี้แม่ของพวกเราอยู่ที่โรงพยาบาล พี่เหมยไม่ได้โกหก ส่วนเรื่องข่าวอื่นๆแต้วเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด แต้วเป็นคนโพสต์รูปของพี่เหมยลงในเว็บเอง"
"แต้ว!!" เหมยตกใจ
ส่วนป้าผ่องกับพริ้งจ้องจิกแต้วอย่างระแวงว่ามาอีหรอบเดิมอีกแล้ว กุเรื่องอีกแน่ๆ
"ครั้ง นี้แต้วไม่ได้มากุเรื่องอะไร แต้วเพียงแต่อยากจะพูดความจริงว่า พี่เหมยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ทั้งหมดเป็นเพราะความอยากเป็นดาราของแต้ว แต้วกุเรื่องขึ้นมาเพื่อให้นักข่าวสนใจ แล้วแต้วก็ใช้ชื่อพี่เหมยเป็นเครื่องมือ"
นักข่าวจดยิก มองหน้ากันอย่างแทบไม่อยากเชื่อ
"ชัดแล้วนะคะ ต่อจากนี้ไปแต้วอยากขอให้พี่ๆทุกคนเลิกถามพี่เหมยถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยนะคะ เพราะพี่เหมยไม่ได้เป็นคนทำ"
นัก ข่าวต่างมองเหมยด้วยสายตาที่ดีขึ้น ส่วนป้าผ่องกับพริ้งที่จ้องจิกแต้วอยู่ก็พูดกันอย่างชื่นชม พริ้งบอกว่า "เออ...มันต้องอย่างนี้ซี่ ได้ใจอีพริ้งไปเต็มๆ" ส่วนป้าผ่องบอกว่าเดี๋ยวจะไปเรี่ยไรเงินทำเหรียญกล้าหาญให้
แต้วไม่สนใจกับคำชมหรือเหรียญกล้าหาญอะไรแต่หันไปบอกเหมยน้ำตาคลอว่า
"พี่เหมย แต้วขอโทษ ทั้งๆที่พี่เหมยดีกับแต้วทุกอย่าง แต้วขอโทษจริงๆ พี่เหมยอย่าเกลียดแต้วนะ"
"เราเป็นพี่น้องกันนะ พี่ไม่มีวันเกลียดแต้ว" เหมยลูบหัวแต้วอย่างรักใคร่ ทั้งสองกอดกันแน่น นักข่าวพากันถ่ายรูปด้วยความยินดี
ooooooo
รุ่งขึ้น ข่าวเหมยก็เต็มแผงหนังสืออีกครั้งแต่เป็นข่าวชื่นชมน้ำใจของเหมย น้ำหวานเบ้หน้าใส่หนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวอย่างหมั่นไส้
ขณะมดแดงอ่านข่าวนี้อยู่นั้น คุณต้อมเดินเข้ามาทักว่าเรื่องของเหมยยังไม่จบอีกหรือ
พอมดแดงเล่าเนื้อข่าวให้ฟัง บอกว่าเหมยพูดถึงเรื่องแม่กุ้งว่า มีแต่คนเลวๆเท่านั้นที่เอาพ่อแม่มาหากิน พูดแล้วทำสะดิ้งว่า "แรงดีนะคะเด็กคนนี้"
คุณต้อมเห็นด้วยบอกว่าคนปกติไม่มีใครเอา บุพการีมาล้อเล่นแบบนี้หรอก มดแดงปากไวถามว่าเหมือนน้ำหวานใช่ไหม คุณต้อมมองหน้ามดแดงเชิงสงสัย มดแดงเลยบอกว่าตนไม่ได้เป็นผู้จัดการของน้ำหวานแล้ว ครั้นคุณต้อมถามว่าทำไม มดแดงขอเว้นไว้ก่อนเพราะเรื่องมันยาว ตัดบทว่า
"เอาเป็นว่าหนูไม่อยากเม้าท์แล้วกันค่ะพี่ต้อม ประเดี๋ยว ไปถึงหูนักข่าวจะกลายเป็นสาวไส้ให้กากิน ทะเลาะกันก็แฉกันสนั่น"
"คิดได้อย่างนั้นก็ดี จะได้ไม่ต้องเป็นศัตรูกับใคร ส่วนใครจะผิดจะถูกยังไงทองแท้ก็ไม่แพ้ไฟเชื่อพี่"
พนักงานเอาน้ำหวานมาเสิร์ฟมดแดง มดแดงมองน้ำหวานด้วยหางตาบอกว่า
"เอ่อ...พี่ต้อมคะ มดแดงขอเปลี่ยนเป็นน้ำอย่างอื่นได้ไหมคะ ช่วงนี้งดน้ำหวานค่ะ..."
ooooooo
ที่ กองถ่ายยอดยาหยี พอเหมยแต่งหน้าเสร็จ ฟรุตตี้ชมเหมยว่ายิ่งแต่งก็ยิ่งสวย ปุ๊โกะอยู่ใกล้ๆ ปากคันขัดคอฟรุตตี้ตามเคย เลยยื่นหน้ายื่นตาด่าทอกันเป็นที่สนุกสนาน ประสาคนชอบจิกชอบกัดกัน
คุณพิมลมองแล้วถามขำๆแกมรำคาญว่าสองคนนี้ทะเลาะกันได้ทุกวัน เร่งให้ทำงานเสียก่อนที่จะถูกหักเงินเดือน
ขณะนั้นเองทีมงานเข้ามารายงานคุณพิมลว่า คุณตุ้มผู้กำกับต้องผ่าตัดขาด่วน กว่าจะหายสนิทอย่างต่ำก็สามเดือน
คุณพิมลหน้าเสียทั้งตกใจและสงสารคุณตุ้ม สั่งเลิกกอง เดี๋ยวตนจะไปดูคุณตุ้มเพื่อคุยกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แล้วค่อยว่ากันอีกที
หลัง จากนั้นคุณพิมลไปหาคุณพิงค์ที่สถานีเอบีซีเล่าสภาพให้ฟัง คุณพิงค์เห็นว่าถ้าอาการของคุณตุ้มหนักเราก็ต้องเปลี่ยนผู้กำกับ แต่คุณตุ้มไม่ต้องห่วงหายเมื่อไรจะให้กลับมาทำงานใหม่ คุณพิมลถามว่าแล้วคุณพิงค์จะให้ใครมากำกับแทน
"ศิลป์แล้วกัน เพราะว่าเพิ่งปิดกล้องเรื่องเก่าไป ฉันเชื่อมือศิลป์นะ เพราะเขากำกับเรื่องไหนเรตติ้งกระฉูดทุกเรื่อง" พอคุณพิมลยิ้มรับ คุณพิงค์เสนอว่า "เออ ถ้าอย่างนั้นก็ปรับบทใหม่เลยดีไหม อยากให้น้ำหวานมาช่วยดันพระเอกนางเอกใหม่หน่อย กระแสน้ำหวานกำลังมา"
คุณ พิมลท้วงติงว่าน้ำหวานกับเหมยเคยมีปัญหากัน แต่คุณพิงค์เชื่อว่าน้ำหวานน่าจะแยกแยะได้ ส่วนเหมย คุณพิงค์ เห็นว่าน่าจะหาผู้จัดการให้เพราะว่านักแสดงใหม่ๆถ้าเกิดปัญหาอะไรจะได้มีคน คอยดูแลออกหน้ารับแทน
แม้คุณพิมลจะพยักหน้ารับทราบแต่ก็ยังห่วงเหมยอยู่ดี
ปรากฏว่ามดแดงยินดีเป็นผู้จัดการของเหมย แต่ทักท้วงว่าแล้วน้ำหวานจะยอมเล่นด้วยหรือ
แล้ว ก็จริงอย่างที่มดแดงหวั่นใจ เพราะเมื่อคุณพิงค์ เรียกน้ำหวานไปคุย เธอปฏิเสธว่าให้ตายก็ไม่เล่น คุณพิงค์อ้างสัญญาที่มีกับทางช่อง เมื่อช่องให้เล่นบทไหนเธอก็ต้องเล่น
"แต่บทนี้ไม่ใช่บทนางเอก แล้วส่งมาให้น้ำหวานเล่นได้ยังไง"
"เลือก เอาว่าจะเล่นบทนี้หรือไม่มีบทอะไรให้เธอเล่นเลย" คุณพิงค์พูดนิ่งๆ แล้วเดินออกไป ทิ้งให้น้ำหวานนั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตรงนั้น
แต่พอปยุตรรู้ข่าวนี้จากเฮียใหญ่ ว่าละครเรื่องนี้เพิ่มน้ำหวานเข้ามาเล่นด้วยแล้วยังเปลี่ยนผู้กำกับมาเป็นศิลป์ด้วย
ปยุตรชาวาบไปทั้งตัวหันหลังได้ก็วิ่งอ้าวออกไป เฮียใหญ่ ถามว่าจะไปไหนเขียนสกู๊ปเก่ายังไม่เสร็จ ครั้นหันไปมองที่โต๊ะจิมมี่ก็ไม่รู้หายหัวไปไหนอีก
"เออ...ให้มันได้อย่างนี้สิ ลูกน้องแต่ละคน" เฮียใหญ่ บ่นทำหน้าหน่าย
ooooooo
เมื่อ ถึงวันถ่ายยอดยาหยีที่กำกับโดยศิลป์ ผู้ช่วยมาสรุปฉากที่จะถ่ายทำกับนักแสดงเสร็จ ศิลป์ก็เดินเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่ถามว่าพร้อมแล้วก็ถ่ายเลยชักช้าเสียเวลา เดี๋ยวแสงหมด
ฉากนี้เหมยเล่นกับป้อง แต่เล่นได้ไม่ทันไรศิลป์ก็สั่งอย่างไม่พอใจ "คัตๆๆๆๆ" แล้วดุด่าเหมยอย่างสาดเสียเทเสีย ว่าเล่นไม่ได้เรื่องแข็งทื่อ ชี้หน้าบอกว่า
"จำไว้นะถ้าอยากเป็นนางเอก เอาน้ำหวานเขาเป็นแบบอย่าง"
เหมยรู้ว่าศิลป์ตั้งใจเอาคืนตนแน่ แต่ก็อดทนเพื่องาน ครั้นถ่ายทำใหม่ก็เข้าอีหรอบเดิมอีกคราวนี้ด่ารุนแรงกว่าเก่า
"อะไร นี่มันละครไม่ใช่การ์ตูนให้เด็กดู ดูสิ น้ำหวานเขาต้องมาเสียเวลาเพราะเด็กใหม่อย่างเธอ" พอมดแดงเข้าไปติงว่าทำไมต้องพูดกันแรงขนาดนี้ด้วย เลยโดนไปอีกคนว่า "ทำไม ไม่เห็นเหรอว่าดาราดังๆอย่างคุณน้ำหวานเขารออยู่ จะให้ซุปตามายืนรอดาราใหม่ๆ แถมฝีมือห่วยแตกแบบนี้ยังไง!"
มดแดงบ่นอุบอิบว่ามีอคติรึเปล่า ศิลป์ตวาดว่าอคติอะไร มดแดงกำลังจะพูด คุณพิมลก็มาหย่าศึก สั่งให้พักกองก่อนก็แล้วกัน
"พวกคุณทุกคนจำเอาไว้นะ ถ้าทำงานไม่ได้อย่ามาถ่วงคนอื่น" ศิลป์ด่ากราดแล้วเดินหัวเสียออกไป
น้ำหวานสังเกตอยู่เงียบๆ เธอคิดได้อีกแล้วว่าจะหาจังหวะแก้แค้นเหมยด้วยวิธีไหน
ooooooo
หลัง จากน้ำหวานรู้ว่าไพรวัลย์เป็นพ่อของปยุตรแล้ว ท่าทีเธอก็เปลี่ยนไปเป็นพูดหวานฉอเลาะเอาใจ วันนี้เจอกันที่กองถ่ายก็เข้าไปจี๋จ๋าขอปรับความเข้าใจ พอปยุตรบอกว่าตนเข้าใจเธอทุกอย่างแล้ว น้ำหวานก็แย้งว่า "แต่มันเป็นความเข้าใจที่ผิด!"
"คุณไล่ผมออกจากกองถ่าย ตามไปตบผมถึงโรงพิมพ์ แล้วไปให้ข่าวว่าผมปล้ำคุณ ผมโดนเต็มๆอย่างนี้ ยังเรียกว่าเข้าใจผิดอีกหรือ"
น้ำหวานอ้างว่าเขาเป็นคนเอาภาพหลุดในสระของตนไปลงหนังสือพิมพ์ ปยุตรบอกว่าตนไม่ได้ทำ น้ำหวานยิ้มหวานบอกว่า "ถึงตอนนี้ ฉันเชื่อคุณค่ะ"
"แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนไหน ผมไม่มีวันเชื่อคุณ!" พูดแล้วปยุตรเดินหนี น้ำหวานตามไปบีบน้ำตาคร่ำครวญว่าตนถูกทำร้ายลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ตัวเอง บ้างไม่ได้เลยหรือ
ถ้ามันทำให้คนอื่นเดือดร้อนตนก็จำเป็นต้องทำ หยุดสะอื้นแล้วคร่ำครวญต่อ
"ในชีวิตจริง น้ำหวานก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่นางเอกละครที่ยอมให้ใครต่อใครรุมทำร้ายอยู่อย่างนั้น"
ปยุตรตัดบทว่าเรื่องที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไปก็แล้วกันถือว่าเธอกับเขาไม่มีอะไร ติดค้างกัน น้ำหวานบอกว่าแค่นี้ตนก็ดีใจมากแล้ว แต่พอเธอยื่นมือออกไปปยุตรกลับนิ่ง เธอตัดพ้อว่า
ไหนว่าไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ปยุตรจึงจำต้องยื่นมือออกไปจับแบบเสียไม่ได้
พริบตานั้นเองเหมยออกมาเห็นภาพเด็ดเข้าพอดี เธอใจวูบสับสนขึ้นมาทันทีแล้วเดินเลี่ยงไปอย่างหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ปยุตรไม่รู้เรื่องเขาขอตัวจากน้ำหวาน
พอปยุตรหันหลังให้เท่านั้น สีหน้าน้ำหวานก็เปลี่ยนไปทันที มองเขายิ้มร้ายขณะพึมพำ
"ถ้าไม่เห็นว่ารวย ฉันไม่ลดตัวมาง้อแกแบบนี้หรอก ไอ้ปยุตร!"
ooooooo
เมื่อเข้าไปในกองถ่ายยอดยาหยี น้ำหวานก็ประจ๋อประแจ๋กับศิลป์ที่ไม่พอใจเหมยอยู่แล้ว ศิลป์บ่นว่าเหมยมาทำให้น้ำหวานเสียเวลา เธอทำเป็นนางเอกที่แสนดีบอกว่าไม่เป็นไรตนเทคิวให้แล้วยังไงก็ได้
แต่พอศิลป์บ่นว่าเหมยเป็นเด็กใหม่ให้มาเล่นบทนี้ไม่ได้เรื่องแน่ พูดเอาใจน้ำหวานว่า
"จริงๆแล้วบทอย่างนี้มันต้องน้ำหวานเล่น เอางี้พี่จะแก้บทให้เทมาทางน้ำหวาน เพราะคนดูอยากดูน้ำหวานมากกว่านังเหมยนั่นแน่ๆ" น้ำหวานรีบบอกทันทีว่าตนอยากเล่นบทนี้
อยู่แล้วแต่ไม่กล้าบอกมี้กลัวจะถูกหาว่าเรื่องมากอีก ศิลป์รับปากทันทีว่า "เรื่องนี้เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง เพราะในกองถ่ายผู้กำกับใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว"
"พี่ศิลป์นี่ดีกับน้ำหวานจริงๆ ถ้ามีอะไรให้น้ำหวานตอบแทนพี่ศิลป์บอกนะคะ น้ำหวานยินดีทำทุกอย่าง" พูดไม่พอทิ้งสายตาให้ท่าด้วย เพียงเท่านี้ศิลป์ก็มั่นใจได้แล้วว่าวันนี้ได้กินน้ำหวานแน่ๆ
ส่วนปยุตร พอแยกจากน้ำหวานก็ไปหาเหมยอีกมุมหนึ่งในกองถ่าย บอกเหมยว่าเป็นห่วงเพราะเชื่อว่าศิลป์ต้องตั้งใจแกล้งเหมยแน่ๆ เหมยบอกว่าตนดูแลตัวเองได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็จะพยายามห่างๆศิลป์ไว้แต่ยังดีที่มีมดแดงคอยเป็นกันชน ให้อีกคน แล้วเหมยก็จะถามเรื่องที่เห็นเขาจับมือน้ำหวานเมื่อครู่นี้ แต่มือถือเขาดังขึ้นก่อน เฮียใหญ่โทร. มาทวงสกู๊ปเพราะจะปิดเล่มอยู่แล้ว ปยุตรจึงรีบกลับไป เรื่องนั้นเลยยังคาใจเหมยต่อไป
ตกเย็น ขณะป้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมกลับ เขานึกถึงกันต์ขึ้นมาเลยโทร.ไปนัดกินข้าวเย็นด้วยกัน กันต์รับสายด้วยความยินดี นัดแนะกันแล้วบอกป้องว่าเดี๋ยวจะรีบไป
แต้วเห็นความตื่นเต้นดีใจของกันต์ก็นึกรู้ทันทีว่าต้องมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับกันต์แน่ๆ
เมื่อไปถึงที่นัดหมาย ป้องกอดคอกันต์ทำให้กันต์ตกใจก้าวเกือบพลาดตกบันได้ ป้องโอบเอวเขาไว้หัวเราะหยอกล้อกันอย่างร่าเริง
หารู้ไม่ว่า ถูกปาปารัสซี่ถ่ายรูปไว้หมดแล้ว!
ส่วนน้ำหวานก็ไปที่บ้านหมอวาทิศ เธอแว้ดใส่หมอให้รีบฉีดยาให้จิมมี่อีกเพราะหมอบอกเองว่าต้องฉีดหลายเข็ม ติดต่อกันจิมมี่จึงจะฟั่นเฟือน หมอยังใจเย็น เธอตะคอกถามว่า
"จะต้องให้มันมีแรงลุกขึ้นไปบอกตำรวจให้มาลากคอน้ำหวานเข้าคุกก่อนรึไงคะหมอ"
"ใจเย็นๆก่อนสิน้ำหวาน หมอไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรน้ำหวานของหมอหรอกเชื่อเถอะ" แล้วหมอก็เข้าไปกอดน้ำหวานไว้อย่างกระสัน แม้น้ำหวานจะทำสะบัดสะบิ้งแต่ก็ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น เพราะเธอยังต้องง้อหมออยู่
ooooooo
ไม้กลับมาแล้ว เขามาเงียบๆโดยไม่บอกล่วงหน้า เดินเข้าไปในซอยเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย ชาวบ้านหลายคนพากันมองหนุ่มหล่อมาดดีที่ขับรถราคาแพงมางงๆ เขาเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้
มดแดงมารับเหมยจะไปถ่ายแบบ พลิกหนังสือแฟชั่นดูไปเพลินๆ ตาโตน้ำลายหกเมื่อเห็นรูปนายแบบหล่อล่ำในหนังสือ ทันใดก็มีเท้าคู่หนึ่งมาหยุดยืนใกล้ๆ พอมดแดงเงยหน้า
เห็นเจ้าของเท้าคู่นั้นก็ตะลึงอ้าปากค้างนึกว่านายแบบคนนั้นเดินออกมาจากหนังสือ
"ขอโทษครับ พี่เหมยอยู่รึเปล่าครับ" ไม้ถามเสียงทุ้มนุ่มแสนสุภาพ มดแดงแทบจะกรี๊ดออกมาแต่พอดีเหมยกับกันต์ออกมาเตรียมจะไปขายกล้วยทอด พอเห็นไม้สองพี่น้องก็อุทานเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์
ทั้งสามพุ่งเข้ากอดกันด้วยความดีใจ แต้วโผล่มาแม้จะดีใจมากแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหา
การกลับมาของไม้ทำให้ครอบครัวอบอุ่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เหมยรีบพาไม้ไปเยี่ยมแม่กุ้งที่โรงพยาบาล พอเห็นหน้าไม้เท่านั้น แม่กุ้งดีใจจนน้ำตาคลอ ไม้เข้าไปกอดแม่กุ้งบอกแม่ว่า
"ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้วครับ ผมจะอยู่ดูแลแม่...แม่กุ้งของผมจะต้องหาย"
แม่กุ้งและลูกๆที่อยู่กันพร้อมหน้าหยอกล้อกันอย่างมีความสุข แต้วทำซุปมาให้แม่กุ้ง ส่วนเหมยทำน้ำพริกปลาทูมากินกันเอง ถามหยอกไม้ว่ายังกินน้ำพริกปลาทูเป็นหรือเปล่า
เพราะตอนนี้เป็นทายาทเศรษฐีพันล้านไปแล้วอาจจะเหม็นกลิ่นกะปิก็ได้ไม้เลยชี้แจงกับแม่กุ้งที่ทำหน้างงๆว่า
"คือมิสเตอร์ไมเคิลกับมิสซิสคอลลี่เขารับผมเป็นลูกบุญธรรมครับแม่ แต่ยังไงผมก็ไม่เคยลืมว่าผมคือไอ้ไม้ลูกชายคนเดิมของแม่กุ้ง" เล่าแล้วหันไปหยอกแกมหยิกเหมยว่า "ว่าแต่ผมแล้วพี่เหมยล่ะ ตอนนี้เป็นดาราแล้วเหม็นน้ำพริกกะปิรึเปล่า"
เหมยบอกว่านอกจากไม่เหม็นแล้วยังหิวจนน้ำลายจะหกด้วย ว่าแล้วก็แย่งหัวปลาทูไป พี่น้องเลยแย่งหัวปลาทูกันเป็นที่ครึกครื้นแม่กุ้งมองลูกๆล้อมวงกินข้าวกัน ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความสุข
ooooooo
นอกจากน้ำหวานจะเกี่ยวหมอไว้เพื่อเป็นประโยชน์ ทั้งด้านความงามของตัวเองและกำจัดจิมมี่แล้ว เธอยังอ่อยศิลป์อย่างออกนอกหน้า เพื่อเขาจะได้แก้บทให้ตนเด่นขึ้นมาในละคร
ทั้งยังอ้อนศิลป์ให้ช่วยติวบทให้ด้วย พูดเป็นนัยกันจนฟรุตตี้กับปุ๊โกะที่จับสังเกตอยู่คุยกันอย่างสมเพชว่า
"ติวกันแบบตัวต่อตัว..." ฮิๆ ฟรุตตี้หัวเราะ แล้วพูด
พร้อมกับปุ๊โกะอย่างใจตรงกันว่า
"เสื้อผ้าไม่เกี่ยว..." แล้วหัวเราะกันคิกคัก
แต่พอตกเย็นน้ำหวานกลับถึงบ้าน เจอพริมากับพฤกษ์เข้ามาบอกว่าต้องการเงิน 8 ล้าน อย่างน้อยก็ให้หามาสักล้านสองล้านเอาไปจ่ายดอกก่อนไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่ได้ กลายเป็นศพแน่
น้ำหวานโวยวายว่าตนจะไปหาที่ไหนตั้ง 8 ล้าน พริมาแนะว่าให้เอากับหมอวาทิศเพราะรายนั้นสมบัติเก่าเยอะ พฤกษ์เสริมว่าถ้าได้มากกว่า 8 ล้านก็ดีจะได้เอาไปต่อทุน
"พอเลยพ่อ แค่ล้านนึงเนี่ยยังไม่รู้เลยว่าจะได้หรือเปล่า ช่วงนี้ไอ้หมอบ้านั่นมันแปลกๆ ไม่รู้คิดอะไรอยู่"
"ให้แปลกยังไงผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอดแกหรอก ใช่ไหมล่ะยัยหวาน..." พริมาเสียงหวานอย่างปะเหลาะลูกเต็มที่
ooooooo
คืนนี้กันต์หิ้วปิ่นโตไปฝากป้องที่คอนโดฯแล้วตัวเองจะรีบไปซื้อของ ป้องตัดพ้อว่ากินคนเดียวไปอร่อยอะไร ชวนกันต์กินด้วยกันแล้วตนจะเป็นเพื่อนไปช่วยซื้อของถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยน พอกันต์ลังเลป้องยื่นคำขาดว่า "ถ้าคุณไม่ยอม ผมไม่กินนะ" กันต์เลยต้องย้อนกลับเข้าไปในห้อง
ส่วนเหมย แต้ว และไม้ อยู่ที่บ้านเช่า แต่เพราะไม้ต้องเคลียร์เรื่องทรัพย์สินของพ่อแม่บุญธรรมค้างไม่ได้ เหมยกับแต้วจึงเดินไปส่ง จังหวะนั้นปยุตรก็โผล่มา เหมยยังไม่หายงอน
ที่เขาจับมือน้ำหวาน เมื่อปยุตรเข้ามาต่อว่าที่โทร.มาแล้วติดต่อไม่ได้เลย ไม้ก็หงุดหงิดขึ้นมาทะลุกลางปล้องขึ้นว่า
"พี่เหมยเขาไม่อยากรับโทรศัพท์นายรึเปล่า"
เหมยเลยตัดบทคุยกับปยุตรตรงนั้น ส่วนแต้วเดินไปส่งไม้ที่รถ ปยุตรตั้งข้อสังเกตว่าดูท่าไม้จะหวงเหมยมาก เหมยยังเคืองอยู่ถามว่ามีธุระอะไรก็ว่ามา ปยุตรหยอกว่าคนจะมาหาแฟนต้องมีธุระด้วยหรือ เหมยย้อนถามว่าใครแฟนคุณแล้วเดินไปเลย ทำเอาปยุตรถามตัวเองงงๆ "อะไรของเขานะ?"
ส่วนแต้วเดินไปส่งไม้ ไม้บอกว่าต่อไปนี้ตนจะดูแลครอบครัวไม่ให้ต้องลำบากอีกต่อไป โดยเฉพาะเหมยที่เหนื่อยมามากแล้ว แต้วใจวูบขึ้นมาเอ่ยกับไม้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเหมยไม่เคยเปลี่ยนเลย ไม้ตอบรับอย่างหนักแน่นว่าใช่ แต้วถามอีกว่า
"แล้วถ้าคนที่พี่เหมยเลือกไม่ใช่ไม้แต่เป็นคุณปยุตร ไม้จะยอมรับได้ไหม"
"แต่ของอย่างนี้มันก็ต้องแข่งกันดูสักตั้ง ไอ้หมอนั่นรักพี่เหมยได้ไม่เท่าฉันหรอก ฉันไปนะ"
ไม้ไปแล้วแต้วยังยืนชาอยู่ตรงนั้น บอกกับตัวเองว่า
"ฉันสิที่แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้แข่ง"
ooooooo










