ตอนที่ 14
ขณะที่ผีกะกลับมามีฤทธิ์เดชอีกครั้ง สมุนของผู้ใหญ่สักจับเปรื่อง ซอมพอกับไผ่และบัวศรีมัดติดกันไว้กลางห้อง สมุนอีกคนหนึ่งถืออ่างใส่รากไม้พิษเข้ามาวางข้างๆ
“แม่บัวศรีอโหสิกรรมให้พวกข้าด้วย ข้าทำตามคำสั่งพ่อผู้ใหญ่” พูดจบสมุนใช้คบไฟจุดรากไม้จนเกิดเป็นควัน แล้วออกจากห้องโดยไม่ลืมปิดประตูตามหลัง เปรื่องสงสัยพวกมันจะทำอะไร
“มันรมยารากไม้พิษ สุมควันให้พวกเรากระอักเลือดจนตาย” คำอธิบายของไผ่ทำให้ทุกคนหวาดกลัว...
ผีกะพุ่งเข้ามาประชิดปลิวแล้วใช้เล็บจ้วงแทง เขาเอาดาบกันไว้แล้วฟันตอบโต้ มันใช้เล็บจับดาบก่อนจะหักออกเป็นสองท่อน ใช้อีกมือหนึ่งกระแทกเขากระเด็น เอื้องคำกับฟองจันทร์กลัวสุดขีด ต่างผลักอีกฝ่ายเข้าหาผีกะ ผลักกันไปผลักกันมาล้มไปด้วยกัน ผีกะเงื้อเล็บขึ้นพร้อมกันสองมือหมายจะจัดการทั้งคู่ในคราวเดียวกัน
แต่พรานเวทย์กับไอ้ใบ้เข้ามาลากตัวสองคนนั่นออกมาเสียก่อน ผีกะแค้นมากที่ถูกขัดจังหวะจ้องจะเอาเรื่องลูกศิษย์กับอาจารย์ แต่ปลิวดันลุกขึ้นมาเสียก่อน ผีกะจึงหันไปหาเขาแทน พวกชาวบ้านกรูกันเข้ามา พอเห็นผีกะต่างชะงัก ปลิวตะโกนสั่งให้ฆ่ามัน ถ้าใครตัดหัวมันได้ เขาจะให้ทองคำทั้งหมดที่มี
หัวหน้าชาวบ้านโลภอยากได้ทอง ควงดาบเข้าหา ผีกะคำรามใส่เขาตกใจผงะล้ม มันใช้เล็บจ้วงแทง หัวหน้าชาวบ้านยกดาบปัดป้อง ผีกะกระแทกดาบกระเด็นไปทางปลิว แล้วตะปบร่างเขาเป็นแผลฉกรรจ์ เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลั่นแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย พรานเวทย์บริกรรมคาถา จากนั้นพ่นลมไปที่ผีกะ
เกิดเปลวอาคมครอบตัวมันไว้ขยับไม่ได้ ไอ้ใบ้รีบวิ่งไปดึงตัวหัวหน้าชาวบ้านออกมา ปลิวเห็นผีกะถูกตรึงด้วยมนต์สะกดคว้าดาบที่ตกพื้นตรงเข้าหา
พรานเวทย์เห็นเขาจะฟันผีกะ ร้องห้ามเสียงลั่นแต่เขาไม่สนใจฟันฉับ อาคมที่ตรึงมันไว้แตกกระจาย
“ทำไมมันขยับตัวได้” ปลิวละล่ำละลัก
“เอ็งทำลายมนต์ของข้า เอ็งต้องรับกรรม”
พรานเวทย์พูดไม่ทันขาดคำ ผีร้ายขยับเข้าหา ปลิวตกใจปาดาบใส่ มันรับดาบไว้ได้ก่อนจะยัดเข้าปากเคี้ยวหน้าตาเฉย พรานเวทย์ถึงกับตะลึง
“พลังร้ายของมันแกร่งหนักขึ้น”
ปลิวกลัวตายวิ่งหนีกลับเรือนผู้ใหญ่สัก ส่วนเอื้องคำกับฟองจันทร์เผ่นแน่บไปคนละทิศละทาง พวกชาวบ้านกลัวตกเป็นเหยื่อผีร้ายหนีกลับบ้านใครบ้านมันเหลือเพียงไอ้ใบ้กับพรานเวทย์...
ในเวลาเดียวกัน ผู้ใหญ่สักตัดเชือกที่มัดตัวไกรออก ท่านขุนหนุ่มแปลกใจทำไมเขาถึงไม่ฆ่าให้เสร็จสิ้นไป
“เห็นคนดิ้นทุรนทรมานล้วนแล้วคือความสุขของข้า เอ็งคงอยากรู้ว่าพ่อเอ็งตายยังไง”
หนานอินเข้ามาในห้องพร้อมกับกรงเล็บสัตว์ ไกรแปลกใจเป็นครั้งที่สอง ผู้ใหญ่สักคิดจะทำอะไรกันแน่...
ควันจากรากไม้พิษทำให้เปรื่อง ซอมพอกับไผ่และบัวศรีเริ่มสำลัก ซอมพอดูจะอาการหนักกว่าเพื่อน อ้วกออกมาเป็นเลือด เปรื่องตกใจพยายามขยับตัวไปปิดหน้าให้เธอจะได้สูดควันพิษน้อยลงทำให้บรรเทาไปได้บ้าง
ooooooo
ผู้ใหญ่สักสวมกรงเล็บสัตว์ที่มือแล้วไล่หนานอินไปตามคนมารอขนศพไกรกับพวกไปเผาทิ้ง รอจนสมุนมือขวาลับสายตาจึงเดินตรงมาที่ไกร ใช้กรงเล็บตะปบร่าง เหมือนที่เขาทำกับทองไม่มีผิดเพี้ยน ไกรเจ็บใจที่รู้ว่าพ่อถูกเขาฆ่าตายอย่างเลือดเย็น และตัวเองก็กำลังจะเป็นเหยื่อเขาเช่นกัน...
ขณะที่ไกรถูกเล่นงานสะบักสะบอม ผีกะร่ายคาถาใส่พรานเวทย์ เกิดเป็นลมกระแทกร่างกระเด็นแล้วตามเข้าไปจะซ้ำ ไอ้ใบ้วิ่งมาขวางทำมือทำไม้เป็นทำนองให้พรานเวทย์หนีไป ภาพไอ้ใบ้ที่ยอมตายแทนอาจารย์กระตุ้นความเป็นคนที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของดอกสร้อยทำให้ท่าทีของผีกะอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
เป็นจังหวะเดียวกับผู้ใหญ่สักใช้กรงเล็บแทงท้องไกรอีกครั้ง เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ผีกะรับรู้ได้ว่าไกรถูกทำร้าย อีกทั้งซอมพอ เปรื่อง ไผ่และบัวศรีกำลังจะขาดใจตายเพราะควันพิษ มันกลายร่างเป็นดอกสร้อยเคลื่อนไปยังเรือนผู้ใหญ่สักอย่างรวดเร็ว ไอ้ใบ้แปลกใจเธอจะไปทำอะไรในเมื่อเรือนนั้นลงอาคมไว้
“อำนาจมันใหญ่เหนือกว่าอาคมของข้า” พรานเวทย์มองตามสีหน้าไม่สบายใจ...
อึดใจ ดอกสร้อยที่ดวงตาและเล็บเป็นผีกะกระแทกประตูห้องบัวศรีเข้าไปช่วยซอมพอ เปรื่องกับไผ่และบัวศรีรอดจากถูกรากไม้พิษรมจนตาย จากนั้นเธอตรงไปห้องที่ขังไกรแสดงฤทธิ์เดชทำให้ประตูเปิดออก ผู้ใหญ่สักไม่เห็นใครที่ประตูก็แปลกใจ พอหันกลับมาอีกทีเจอดอกสร้อยยืนอยู่ เธอตะปบหน้าเขาเป็นแผลยาวถึงกับร้องลั่นเผ่นแน่บออกจากห้อง เธอจะวิ่งตามแต่ไกรร้องอย่างเจ็บปวดขึ้นเสียก่อน ก็เลยเข้าไปประคองเขาไว้...
ระหว่างทางมายังเรือนผู้ใหญ่สัก พรานเวทย์บอกไอ้ใบ้ถึงสาเหตุที่ดอกสร้อยจะไปที่นั่นเนื่องจากเป็นห่วงคนรัก ไอ้ใบ้หวังว่าเธอคงไม่ฆ่าคนที่ตัวเองรัก
“ข้าตอบไม่ได้ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จิตของดอกสร้อยจะมีกำลังรู้ตัวเอง”...
ความเจ็บปวดเจียนตายของชายคนรักทำให้แววตากับเล็บผีหายไป ดอกสร้อยค่อยๆเอื้อมมือมาจับหน้าไกรร้องไห้ด้วยความสงสาร เขาพยายามยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของเธอ
“สร้อย...พี่คงไม่รอดแน่แล้ว...พี่ขอโทษ...พี่ไม่อาจอยู่ดูแลสร้อยได้” น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มไกรดอกสร้อยโอบกอดเขาไว้ด้วยความรัก...
ที่ลานกลางเรือน เปรื่องคอยตักน้ำให้ซอมพอดื่ม ขณะที่ไผ่ตักน้ำให้บัวศรีและคอยย้ำกับทุกคนต้องดื่มน้ำมากๆจะได้ล้างพิษ ซอมพอเห็นเปรื่องเอาแต่ตักน้ำให้เธอดื่มไม่สนใจตัวเอง เธอก็เลยตักน้ำยื่นให้ สั่งให้เขาดื่มเองบ้าง เปรื่องดื่มน้ำไปหลายอึกก่อนจะนึกถึงไกรขึ้นมาได้
“ไอ้ไกร...ข้าจะไปช่วยไอ้ไกร” เปรื่องว่าแล้ววิ่งปรู๊ดไปยังห้องที่ขังเกลอไว้โดยมีซอมพอตามติดๆ ไผ่ไม่รอช้าตามไปช่วยอีกแรงหนึ่ง บัวศรีมองไปที่มุมหนึ่งของเรือนเห็นผู้ใหญ่สักร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เดินโซเซผ่านไป รีบสะกดรอยเดินตาม
ooooooo
ดอกสร้อยสวมกอดไกรที่กำลังจะสิ้นใจไว้ในอ้อมแขน เขาคร่ำครวญให้ฟังว่ารักเธอมากแค่ไหน ชาตินี้วาสนาน้อยดูแลเธอไม่ได้ หากชาติหน้ามีจริง ขอให้บุญอุ้มสมให้เราได้อยู่ด้วยกัน
“สร้อยไม่ยอมให้พี่ทิ้งสร้อยไป”
ไกรมองแปลกใจว่าเธอจะทำอย่างไร ดอกสร้อยยื่นหน้าไปที่บริเวณท้องของเขาที่ถูกผู้ใหญ่สักจ้วงแทง เปรื่องวิ่งนำซอมพอกับไผ่เข้ามาเห็นดอกสร้อยที่หันหลังให้กำลังทำบางอย่างกับไกร ร้องเอะอะว่าทำอะไร
“พี่สร้อยกำลังรักษาแผลให้ขุนไกร” ซอมพอตอบคำถามแทน
ดอกสร้อยเลียแผลให้ไกรพักเดียวเนื้อสมานกันราวกับไม่เคยถูกแทงมาก่อน เขาสวมกอดเธอไว้อย่างตื้นตันใจที่เธอช่วยชีวิตเอาไว้ เปรื่องดีใจที่เกลอปลอดภัยโผกอดซอมพออย่างลืมตัว...
อีกด้านหนึ่งของเรือน ผู้ใหญ่สักร้องเรียกหนานอินให้เอายาทาแผลมาให้ บัวศรีถือถ้วยยาเข้ามาหา เขาดีใจคิดว่าจะมาช่วย เธอกลับเอาน้ำเกลือที่อยู่ในถ้วยสาดหน้า เขาร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะด่าเธอหยาบๆคายๆ บัวศรีขู่จะเปิดโปงให้รู้กันทั่วถึงความเลวของเขา ผู้ใหญ่สักชักดาบจะฟัน เธอหลบทันแล้วเอาถ้วยยาขว้างใส่ เขาเสียหลักล้มลงกับพื้น ดาบกระเด็นมาทางบัวศรีซึ่งแย่งดาบมาได้ท้าทายให้เขามาฆ่า
“เอ็งฆ่าไม่ได้ ข้าจะฆ่าเอ็งเอง” บัวศรีเงื้อดาบจะฟัน หนานอินมาแย่งดาบไปเสียก่อน แล้วผลักเธอออก
“พ่อผู้ใหญ่ ขี้ข้าบนเรือนมันกลัวตายหายหัวไปหมด”
“ไอ้ขุนพิศณุแสนล่ะ”
หนานอินรายงานว่าปลิวหอบเงินหอบทองหนีไปแล้ว ตนเข้าไปขนทองของผู้ใหญ่สักออกมาให้ แล้วยกห่อผ้าที่ใส่ทองให้ดู ผู้ใหญ่สักสั่งให้เขาพาหนี ผีกะบุกขึ้นมาอาละวาดบนเรือน เขาประคองผู้ใหญ่สักลงจากเรือน โดยมีเสียงก่นด่าและสาปแช่งของบัวศรีไล่หลัง
ooooooo
ดอกสร้อยช่วยชีวิตไกรสำเร็จก็ถูกผีกะควบคุมจิตใจได้อีกครั้ง ไกรพยายามรั้งตัวไว้แต่ไร้ผล แต่เธอกลายร่างเป็นผีกะ เปรื่องเห็นท่าไม่ดีรีบดึงตัวเขาออกห่าง ซอมพอกับไผ่วิ่งตามเข้ามาพยายามเรียกชื่อดอกสร้อยเพื่อให้เธอคืนสติ แต่ไร้ผล ผีกะคำรามก้องจะเข้ามาทำร้ายทุกคน
“สร้อยสิ้นสติแล้ว รีบชิงหนีไป” เปรื่องเตือนเสร็จ ประคองไกรลงจากเรือน ขณะที่ไผ่พาซอมพอตามติด ผีกะไม่ยอมปล่อยไกรกับพวกหนีรอดเงื้อมมือพุ่งมาดักหน้าไว้
“สร้อย...สร้อยรักพี่ สร้อยรักทุกคน สร้อยจะไม่ลงมือทำร้ายคนที่สร้อยรัก”
ผีกะไม่สนใจคำร้องขอของไกร โจนเข้ามาจ้วงแทง เขาหลบได้ทัน พรานเวทย์วิ่งนำไอ้ใบ้เข้ามาบอกกับทุกคนว่าดอกสร้อยหมดกำลังแล้ว จิตในกายเป็นของผีกะไปแล้ว ผีร้ายจ้องมองทุกคนอย่างเอาเรื่อง พรานเวทย์ชักมีดหมอซึ่งทำจากกระดูกของดำขึ้นมาจากย่าม ไอ้ใบ้บอกให้ทุกคนรวมตัวกันไว้
ไกรกับพวกรีบมาหลบหลังพรานเวทย์ ผีกะพุ่งเข้าหาพร้อมกับกางเล็บจะจ้วงแทง พรานเวทย์เอามีดกระดูกผีแทงที่แขนแล้วบริกรรมคาถา เกิดเปลวอาคมที่มีดแผ่ไปทั่วร่างผีร้ายซึ่งร้องก้องด้วยความเจ็บปวด พรานเวทย์รีบชักมีดกลับ ผีกะใช้ลิ้นตัวเองเลียแผล อึดใจเดียวแผลสมานกันเหมือนเดิม
“กำลังเวทย์มันเหนืออาคมข้าแล้ว”
ทุกคนตกใจที่รู้ว่าพรานเวทย์สู้ผีกะไม่ได้ต่างเตรียมพร้อมรับมือ ทันใดนั้นสมุนสองคนของผู้ใหญ่สักวิ่งหนีจากใต้ถุนเรือนเข้ามาเห็นผีกะร้องลั่นด้วยความตกใจก่อนจะพากันวิ่งหนี ผีกะเจอเหยื่อรายใหม่หายตัวตามไป สักพักมีเสียงร้องโหยหวนของทั้งคู่ดังขึ้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกนั้นถูกผีกะกัดกิน พรานเวทย์สั่งการทันที
“รีบไปจากที่นี่”...
กลับถึงเรือนพัก ไผ่ช่วยปรุงยาบำรุงให้ไกรดื่ม แม้ดอกสร้อยจะช่วยสมานแผลให้ แต่กำลังวังชาของเขาหมดสิ้นแรง ต้องบำรุงให้หนัก ไกรดื่มยาแล้วหันไปทางพรานเวทย์
“พ่อหมอ พวกเราจะช่วยสร้อยได้อย่างไร สร้อยจะมีสติกลับคืนมาอีกรึไม่”
“หากยังมิกำจัดผีกะได้ มันจะกินวิญญาณ ดอกสร้อยตายไปเป็นเพียงกายให้มัน”
ซอมพอกับไกรฟังแล้วใจหาย ขอร้องให้พรานเวทย์ช่วยดอกสร้อยด้วย เขายินดีจะช่วย และต้องทำให้เร็วที่สุดก่อนราหูกินจันทร์ในคืนวันพรุ่งนี้ หากปล่อยให้ผีกะสิงร่างเธอข้ามเวลาราหูกินจันทร์ ดวงจิตของเธอจะดับไปตลอดกาล ทุกคนต่างเป็นห่วงดอกสร้อย แม่แสงยืนฟังได้สักพักก็เดินเข้าห้อง ไกรรีบตามเข้ามา เห็นท่านเก็บผ้าใส่ห่อ คิดว่าจะกลับปากน้ำโพ
“แม่จ๊ะ ฉันยังย้อนกลับเรือนมิได้ ฉันต้องจับคนที่ฆ่าพ่อและขุนพิศณุแสนไปรับผิดให้หายแค้น ฉันไม่อยากให้แม่มาตกระกำ ฉันจะให้น้าผิน น้าปัน พาแม่กลับไปปากน้ำโพ”
แม่แสงไม่ได้คิดจะกลับเรือน ที่ดั้นด้นมาบ้านผาหมอกก็เพราะต้องการจะมาดูแลลูก ส่วนที่เก็บผ้าเข้าห่อก็แค่เตรียมพร้อมไว้เท่านั้น หากเกิดเรื่องร้ายจะได้ไปได้ทันท่วงที และถึงจะสิ้นคดีความของทอง ท่านก็ไม่ยอมให้เขากลับเรือน ชาวบ้านที่นี่ยังผวาผีกะ เขาต้องช่วยกำราบมันก่อนและที่สำคัญเขาต้องหาทางช่วยดอกสร้อย
“แม่แจ้งใจชัดแล้ว ดอกสร้อยยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อลูก ในชีวิตนี้ไม่นับแม่แล้ว มีดอกสร้อยเพียงหนึ่งเดียวที่รักลูกมิผิดจากแม่ ลูกสัญญากับแม่ ช่วยดอกสร้อยให้ได้”
ไกรรับคำหนักแน่น แล้วโอบกอดแม่ไว้ ดีใจที่ท่านไม่รังเกียจดอกสร้อย
ooooooo
ที่ใต้ถุนเรือน ไอ้ใบ้เห็นเปรื่องกับซอมพอผลัดกันป้อนน้ำให้กันถึงกับชะงัก ศรีออนตามมาข้างหลังเห็นเขาหยุดมองทั้งคู่ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป เธอรีบวิ่งตามพลางร้องเรียกให้หยุดก่อน เปรื่องมองตามรู้ว่าเขาเสียใจที่เห็นภาพบาดตา คิดจะไปคุยกันให้รู้เรื่อง เดินตามเขาจนทันจะขอคุยด้วยแบบลูกผู้ชาย
เปรื่องรู้ดีว่าไอ้ใบ้ชอบซอมพอ ตนก็รักเธอเช่นกัน จึงอยากจะขอให้เขาอย่าเอาเรื่องหมางใจของเราไปปนกับการช่วยดอกสร้อย ไอ้ใบ้แปลกใจมาบอกทำไม ในเมื่อเขามีแม่หญิงที่เขารักอยู่แล้ว จากนั้นหันไปโอบเอวศรีออน เปรื่องอ้าปากจะทักท้วง เธอชิงดักคอเสียก่อนว่าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว
“ไม่ต้องมายุให้เสียเรื่อง เอ็งรักซอมพอก็ไปเอาอกเอาใจ ข้าจะดูแลคนรักของข้า”
“งั้นข้าไม่ขวางทางรักเอ็งแล้วล่ะ” พูดจบเปรื่องจับมือศรีออนให้กอดกับไอ้ใบ้ อวยพรให้รักกันนานๆ แล้วหันหลังจะกลับเจอซอมพอยืนมองอยู่ เธอตกใจที่เห็นเขามองตอบรีบเดินหนีโดยมีเปรื่องไล่ตามไปติดๆ...
ศรีออนรอจนเปรื่องไปพ้นสายตาจึงเอามือออกจากไอ้ใบ้ บอกว่าไม่โกรธที่เขาเอาเธอไปอ้าง เธอไม่ได้ต่างจากดอกสร้อยที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อคนรัก โดยมิได้หวังผลตอบแทน
“ใบ้ไม่รักก็ไม่เป็นไร ศรีออนจะรักใบ้ ศรีออนจะรักห่างๆ มิกวนใจให้ใบ้รำคาญ ใบ้จะมีแม่หญิงคนไหน ศรีออนก็มิขวาง...” ศรีออนยังพูดไม่ทันจบประโยค ไอ้ใบ้ยื่นหน้ามาหอมแก้มหนึ่งฟอด เธออ้าปากจะด่าก็ถูกเขาหอมแก้มอีกข้างหนึ่ง เธอโวยวายเสียงลั่น
“เอ็งทำอะไร...เสียผีแล้วนะ”
คราวนี้ไอ้ใบ้ทั้งกอดทั้งจูบแล้วอุ้มศรีออนเข้าไปในดงป่าหลังเรือนพักของไกร...
ด้านเปรื่องเดินตามซอมพอจนทันกันที่หน้าเรือนคำป้อน ถามว่าเมื่อครู่ได้ยินเขาบอกรักเธอแล้วใช่ไหม เธอตีหน้าซื่อไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร เขาอยากรู้ว่าเธอรักเขาบ้างไหม ซอมพอเอาแต่นิ่งไม่พูดอะไร
“หากวันใดที่ใจเอ็งอ่อนบอกรักข้า...ข้าจะปลื้มหัวใจพองไปสู่ขอเอ็งตามธรรมเนียม...”
“ข้ากลับเรือนแล้ว ข้าจะเร่งไปบอกข่าวดีกับพี่ตองนวล ข้าให้พ่อ พี่ผา พี่ม่อนเฝ้าพี่ตองนวลไว้ กลัวพวกลูกน้องผู้ใหญ่จะบุกมาทำร้ายพี่ตองนวล”
เปรื่องอาสาจะไปส่งซอมพอให้ถึงเรือน เธอทักท้วงจะต้องส่งทำไม ตอนนี้เราอยู่หน้าเรือนพ่อของเธอแล้ว เขามองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าจริงอย่างเธอว่า ยิ้มเขินๆ รีบขอตัวกลับก่อน แล้วเดินลิ่วไปเลย
ooooooo
ครู่ต่อมาซอมพอเดินขึ้นเรือนพลางร้องเรียกพ่อ ผาและม่อน เงียบไม่มีเสียงตอบเริ่มใจคอไม่ดี ทันใดนั้นมีใครบางคนคว้ามือเธอไว้ ซอมพอตกใจหันไปเหวี่ยงหมัดใส่ โดนผาเต็มหน้าถึงกับร้องว้ายลั่น เธอขอโทษเป็นการใหญ่ คิดว่าเขาเป็นพวกผู้ใหญ่สัก ระหว่างนั้นไผ่เดินนำคำป้อนและม่อนเข้ามา
“พี่เล่าเรื่องราวให้ทุกคนรู้หมดแล้ว พวกเราก็เลยช่วยพาตองนวลไปส่งเรือน มันร้องขอกลับไปหาแม่บัวศรี”
“ฉันเกรงว่าพวกมันจะกลับไปทำร้ายแม่บัวศรี”
ไผ่รับรองว่าพวกมันไม่กล้า บัวศรีแจงความชั่วของผู้ใหญ่สักหมดแล้ว พวกชาวบ้านก็เลยช่วยกันจัดเวรยามไปดูแลบัวศรีกับตองนวล ซอมพอนึกถึงแม่ขึ้นมาได้ ไม่เห็นอยู่แถวนั้นก็ถามหา ยังไม่ทันจะมีใครตอบคำถาม ฟองจันทร์เปิดประตูห้องพร้อมกับหอบถุงผ้าออกมาตะโกนบอกกับทุกคนว่า
“พวกเอ็งไม่อยากตายก็หนีไปกับข้า”
“เอ็งจะไปไหน” คำป้อนนิ่วหน้าสงสัย
“ข้าจะไปจากที่นี่ ไปให้ไกลๆผี มันจะฆ่าข้า ลูกของพี่มันเกลียดข้า มันจะหักคอข้า”
“เอ็งหอบอะไรไปมากมาย” ว่าแล้วคำป้อนคว้าห่อผ้ามาดู ฟองจันทร์ไม่ให้กระชากคืน ยื้อกันไปยื้อกันมาเงินกับเบี้ยที่อยู่ในห่อผ้าร่วงตกพื้น เธอรีบก้มเก็บ
“เอ็งจะตายโหงตายห่ายังงกอยากได้เงินได้ทอง เอ็งเห็นพวกก้อนเหล็กพวกก้อนหอยนี้มีค่ากว่าใจคน เอ็งเอาไปเถอะ แล้วเอ็งจะต้องตายเพราะของไร้ค่า”
ซอมพอขอร้องแม่อย่าไปมันอันตราย อยู่ที่นี่กับเธอดีกว่า ฟองจันทร์อยู่ไม่ได้ พยายามจะลากลูกไปด้วย เธอไม่ยอมไปจะอยู่ช่วยพี่สร้อยก่อน ฟองจันทร์ไม่เข้าใจจะช่วยทำไมมันไม่ใช่พี่สาวของเธอสักหน่อย
“พี่สร้อยไม่ใช่พี่สาวแท้ๆแต่พี่สร้อยรักฉัน พี่สร้อยคอยช่วยฉัน”
“ลูกมันบ้าไปแล้ว...ไอ้ม่อน อีผา เอ็งไปกับข้า ข้าจะปันเงินปันเบี้ยให้พวกเอ็ง”
“ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่ช่วยดอกสร้อย” ม่อนปฏิเสธทันที
ผาทำท่าเหมือนจะรับข้อเสนอ เดินไปหยิบเงินในมือฟองจันทร์ เอามันยัดปากเธอ เผื่อตายไปจะได้มีเงินเอาไว้ใช้ในนรก เธอโกรธมากผลักเขากระเด็น ด่ากราดว่าบ้ากันไปหมดแล้ว เชิญอยู่เป็นอาหารผีกะต่อไป แล้วเดินหนีเข้าป่า คำป้อนเห็นซอมพอมีสีหน้าไม่สบายใจเข้ามาโอบกอดไว้
“ปล่อยแม่เอ็งไปเถอะ แม่เอ็งเลือกแล้ว ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับกรรมนั้น”
ooooooo
ค่ำวันเดียวกัน ปลิวหอบถุงใส่ทองคำถือคบไฟหนีเข้ามาถึงป่าลึก ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากพงหญ้าด้านหลัง หันขวับไปมอง พร้อมกับชักดาบขึ้นมากระชับในมือ ตะโกนถามว่าใครอยู่ที่นั่น ผู้ใหญ่สักใช้แหลนประคองตัวเดินออกมาในสภาพใบหน้ายับเยินจากถูกผีกะเล่นงาน ต่อว่าปลิวเสียงกร้าว
“เอ็งทิ้งข้า หวังเอาตัวรอด”
“ใครหน้าไหนล้วนรักตัวกลัวตายทั้งสิ้น ไม่งั้นผู้ใหญ่คงไม่ซมซานออกมา”
“ที่ข้าต้องเป็นเยี่ยงนี้ก็เพราะใคร...มิใช่เพราะเอ็งรึ เอ็งมิฆ่าอีดอกสร้อย ลงท้ายมันก็เล่นงานข้า”
ทั้งคู่ต่างขุดความชั่วของอีกฝ่ายขึ้นมาด่าว่า ปลิวเห็นผู้ใหญ่สักได้รับบาดเจ็บคิดจะฆ่าหมกป่า เงื้อดาบจะทำร้ายแต่ต้องชะงัก เมื่อหนานอินลอบมาทางด้านหลังเอาดาบจ่อคอเขาไว้ ผู้ใหญ่สักโมโหที่อุตส่าห์ให้ที่พึ่งพิงแต่ปลิวกลับแว้งกัด เข้าไปต่อยล้มคว่ำ เขาตระหนักว่าตัวเองเสียเปรียบ จึงยอมรับผิดทุกอย่าง
“เอ็งรับผิดก็สายไปแล้ว คนอย่างเอ็งมีหนทางเดียวคือตายไปซะ”
“ฉันยินดีคืนทองคำของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น”
“เอ็งไม่ต้องต่อรอง มันเป็นสมบัติของข้าก็ต้องเป็นของข้า ข้าจะเอาชีวิตเอ็ง ศพของเอ็งอาจเป็นอาหาร
ล่อให้ผีกะ พอถ่วงเวลาให้พวกข้าหนีโลดไปได้ไกล” ว่าแล้วผู้ใหญ่สักเงื้อแหลนจะแทง ปลิวยกมือไหว้ปลกๆ ในเมื่อเราตกที่นั่งเดียวกัน สู้เรามาช่วยเหลือกันไม่ดีกว่าหรือ
“ผู้ใหญ่สิ้นหนทางกลับบ้านผาหมอก ไปกับฉัน ฉันจะช่วยพาผู้ใหญ่เข้ากรุงศรีฯ ให้พวกพ้องช่วยเหลือมิต้องรับโทษ หากไอ้ไกรมันรอดจากผีกะตามไปทำเอาผิด เราได้ร่วมมือแก้แค้นตัดหัวมัน”
ผู้ใหญ่สักไม่คิดจะฆ่าปลิวให้เป็นบาปติดตัว ลดแหลนในมือลง แต่สั่งให้หนานอินจัดการแทน เขาเงื้อดาบจะบั่นคอปลิว ทันใดนั้นผีกะพุ่งมากระแทกเขาทางด้านหลัง ผู้ใหญ่สักกับปลิวตกใจต่างผงะถอยกรูดโดยที่ปลิวไม่ลืมคว้าห่อผ้าใส่ทองคำกับดาบติดมือไปด้วย
ผีกะคร่อมร่างหนานอินไว้ เงื้อกรงเล็บจะแทง เขาร้องขอความช่วยเหลือลั่น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย มันแทงคอหนานอินแล้วกระชากหัวหลุดกระเด็นไปตกตรงหน้าผู้ใหญ่สักซึ่งตกใจสุดขีดสะดุดขาตัวเองล้ม ปลิวกลัวตายวิ่งลิ่ว ผู้ใหญ่สักอ้อนวอนขอให้เขาช่วยด้วย ท่านขุนชั่วหันมองผีกะที่กำลังเลียเลือดหนานอิน กินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วตัดสินใจกลับมาพยุงผู้ใหญ่สักหนี...
ขณะที่ผู้ใหญ่สักกับปลิวหนีตายหัวซุกหัวซุน เอื้องคำหอบห่อผ้าวิ่งหนีมาถึงชั้นบนสุดของน้ำตก เจอ ฟองจันทร์หอบห่อผ้าหนีมาจากอีกทางหนึ่ง แต่ถูกผีป่าบังตาทำให้เห็นเป็นดอกสร้อยในสภาพผีกะก็กลัวมาก
“ไม่...ข้ากลัวแล้วอีดอกสร้อย” เอื้องคำวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
อารามรีบร้อนไม่ทันดูทางเธอสะดุดก้อนหินล้ม ฟองจันทร์วิ่งตามมาอธิบายว่าไม่ได้จะทำร้ายอะไรเธอ แต่จะชวนให้หนีไปด้วยกันแล้วช่วยฉุดให้ลุกขึ้น เอื้องคำเห็นเป็นภาพดอกสร้อยมาจับแขนก็ยิ่งผวาหนักข้อขึ้น พยายามปัดมือออก
“ข้าเอง ไม่ใช่อีดอกสร้อย”
เอื้องคำกลัวเกินกว่าจะฟังคำอธิบาย คว้าก้อนหินขนาดพอเหมาะฟาดหัวฟองจันทร์แตกเลือดซิบ แล้วลุกขึ้นวิ่งหนีไปสุดที่ริมหน้าผา ฟองจันทร์แค้นใจมาก คว้าก้อนหินปาคืนไปบ้างถูกเธอเต็มแรงตกจากหน้าผาสู่น้ำตกเชี่ยวกรากเบื้องล่าง แล้วมองร่างเอื้องคำที่จมหายไปกับสายน้ำอย่างสะใจ
ooooooo
ในเวลาเดียวกัน ไกรนั่งอยู่หน้ากองไฟเพื่อเฝ้ายามให้คนบนเรือน เปรื่องเข้ามาบอกว่าชาวบ้านต่างหวาดผวากันถ้วนหน้า ตนได้แต่ภาวนาอย่าให้ผีกะหวนกลับเข้าหมู่บ้านอีก
“ข้ากลุ้มหัวใจหนัก พรานเวทย์ออกปากว่าอาคมที่มีกำราบผีกะไม่ลง แล้วจะมีหนทางใดช่วยดอกสร้อย”
“ไอ้ไกร เอ็งเชื่อในปาฏิหาริย์รึไม่”
ไกรเชื่อเพราะประสบกับตัวเองหลายครั้งหลายคราและที่ตนได้เจอกับดอกสร้อยก็เป็นปาฏิหาริย์เช่นกัน เปรื่องเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีศรัทธา
“ข้าศรัทธาในความรักของข้าและเชื่อหนักแน่นว่าสร้อยต้องรอดปลอดภัย ธรรมะย่อมคุ้มคนดีเสมอ หากมีใครต้องสิ้นแต้ม ต้องตกที่คนเลวเท่านั้น”
เปรื่องพยักหน้าเห็นด้วย...
ทางด้านปลิวประคองผู้ใหญ่สักมานั่งพิงที่ต้นไม้ใหญ่ หวังว่าผีกะจะกินหนานอินจนอิ่มหนำ ไม่ออกล่าเหยื่ออีก แล้วบอกให้เขานอนพัก ตนจะอยู่ยามคืนนี้เอง แล้วขยับจะไป ผู้ใหญ่สักจับแขนปลิวไว้
“เอ็งช่วยข้าทำไม”
“นี่เป็นหนทางเดียวที่จะรอด”
ผู้ใหญ่สักยิ้มให้อย่างซาบซึ้งใจ แล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า โดยไม่รู้เลยว่าหนทางเดียวที่จะรอดของปลิวไม่มีเขาอยู่ด้วย
ooooooo










