ตอนที่ 14
นาคินทร์รู้สึกอึดอัดที่โดนผู้หญิงถามตรงๆเรื่องหัวใจ มองกนกรัตน์ที่ตีหน้าเศร้าไม่รู้จะอยู่กับเขาได้อีกนานแค่ไหน เพราะพ่อกับแม่จะให้กลับไปช่วยธุรกิจที่อเมริกา เธอไม่อยากจากเขาไป กลัวว่าถ้าจากกันแล้วจะไม่ได้พบกันอีก เธอกลัวการพลัดพราก เขาเองก็ใจแป้ว
หญิงสาวรุกเข้ากอดโอ้โลม “เคทจะทำยังไงดีคะ... พี่คินทร์ เราควรจะทำยังไงดี”
นาคินทร์หน้าเสีย กอดปลอบกนกรัตน์ซักพักก็ผละออก แล้วขอไปคุยกับพ่อแม่ของเธอให้ หญิงสาวอึกอักตัดบททำเป็นปวดหัวร้องโอดโอย นาคินทร์ตกใจรีบจัดแจงให้เธอนอนลงบนโซฟา กนกรัตน์โน้มคอเขาตามลงมา ใช้สายตาเว้าวอน “เคทรักพี่คินทร์คนเดียว”
นาคินทร์เคลิ้มจะจูบ ทันใดมือถือดังขึ้น จึงได้สติผละออกล้วงมือถือมากดรับ กนกรัตน์หน้าหงิก เสียงนาคินทร์ตื่นตระหนก ที่นารถนรินทร์โทร.มาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุกับปานตะวัน
“อะไรนะ! ตะวันเป็นอะไร...พี่จะไปเดี๋ยวนี้” นาคินทร์วางสาย บอกกนกรัตน์ว่าแล้วจะโทร.มาหา แต่เธอไม่ยอมจะรั้งเขาไว้ เขาไม่สนใจวิ่งพรวดออกไปทันที
“พี่คินทร์!...พี่คินทร์!...นังตะวัน...นังปานตะวัน....” กนกรัตน์กรี๊ดลั่น
นาคินทร์ขับรถราวพายุด้วยความเป็นห่วงปาน–ตะวัน เผอิญมีคนข้ามถนนตัดหน้า เขาหักหลบอย่างเฉียดฉิวแล้วซิ่งต่อไป...ถึงบ้าน เขาวิ่งเข้ามาเรียกหา
แต่ปานตะวัน วิ่งตามหาไม่เจอจึงขึ้นไปหาบนห้องนอน ปานตะวันนั่งเหม่อๆอยู่บนเตียง นาคินทร์พรวดพราดเข้ามากอด
“ตะวัน! ไม่เป็นไร ใจเย็นๆนะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ” นาคินทร์ทำท่าจะอุ้ม
“อะไรกันคะ คุณเป็นอะไรของคุณคะคุณนาคินทร์ ปล่อยนะจะพาฉันไปหาหมอทำไม”
“ก็คุณ...ก็คุณ...”
“ฉัน...ฉันทำไมคะ คุณจะพาฉันไปหาหมอทำไมใครบอกอะไรคุณ” ปานตะวันหวั่นใจ
นาคินทร์เริ่มเหวอ นารถนรินทร์ให้ใบตองเข็นรถเข้ามาบอกทั้งสองว่าตนเป็นคนบอกเอง ปานตะวันรีบถามว่าบอกอะไร นาคินทร์โพล่งขึ้น “นารถโทร.ไปบอกพี่ว่าตะวันล้มหัวฟาดพื้นสลบไปไม่ใช่เหรอ”
ปานตะวันส่ายหน้าตาโพลง นารถนรินทร์หัวเราะคิกคักกับใบตอง นาคินทร์รู้ว่าโดนหลอก โกรธลุกพรวดเข้าหาน้อง นารถนรินทร์รีบปรามอย่าเพิ่งโกรธ
“จะไม่โกรธได้ยังไง เธอรู้ไหมว่าพี่รีบขับรถมาเร็วแค่ไหน นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”...นารถ–นรินทร์ย้อนถามทำไมต้องรีบขนาดนั้น นาคินทร์เกือบหลุด “ก็...”
เห็นสายตาทั้งสามตั้งใจฟัง นาคินทร์ทำอะไรไม่ถูก เริ่มกรุ่นเสียงเข้ม “ยัยนารถ ทีหลังอย่าเล่นอะไรแบบนี้ มันไม่สนุก” พูดจบก็เดินพรวดออกไป
ใบตองหัวหดแต่นารถนรินทร์หัวเราะชอบใจ ปานตะวันงง...นารถนรินทร์อธิบาย “ก็ถ้านารถไม่ทำอย่างนั้น เราก็คงไม่รู้ซักทีว่าพี่คินทร์รู้สึกยังไงกับพี่ตะวัน...จริงไหมคะพี่ใบตอง” ใบตองรับว่าจริง “ทีนี้ก็เหลือแต่พี่ตะวันแล้วล่ะค่ะ ระวังตัวไว้ให้ดี นารถจะต้องหาวิธีล้วงความรู้สึกลึกสุดใจของพี่ตะวันออกมาให้ได้...เบื่อจริงๆ พวกคนปากแข็ง”...ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์มานั่งนึกทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ทำไมต้องรีบร้อนขับรถมา แล้วหงุดหงิดไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจตัว ลุกพรวดขึ้นหันมาเจอปานตะวันยืนอยู่ ก็เสียงเข้มถามมีอะไร
“อย่าโกรธคุณนารถเลยนะคะ เธอก็แค่...อยากให้คุณกลับมาทานข้าวกับเธอบ้าง”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย” เห็นปานตะวันยืนอึ้งจึงตวาด “จะอึ้งอีกนานไหม”
ปานตะวันสะดุ้ง นาคินทร์ถามย้ำว่าเธอเกี่ยวอะไรกับเรื่องตนกับน้อง หญิงสาวหลบตาอย่างเจียมตัว “ก็...ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ ฉันไม่เกี่ยว ก็แค่ไม่อยากให้คุณโกรธคุณนารถเพราะ...”
“นี่คุณคงจะคิดว่าผมรีบขับรถกลับมาเพราะคุณเหรอ...ช่วยคิดใหม่ด้วยนะ มันไร้สาระมาก ผมไม่มีวันจะเอาชีวิตของผมไปทิ้งกลางถนนเพราะคุณ เหมือนอย่างที่กนกวลีเคยมาแล้ว”
ปานตะวันน้ำตาปริ่มจ้องหน้าเขาอย่างเจ็บช้ำ นาคินทร์สะบัดหน้าเดินออกไป...ขณะเดียวกัน ด้านกนกรัตน์ดื่มจนเมาเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้นห้องด้วยความแค้นใจ “นังตะวัน! นังมารหัวใจ...ไม่มีทาง ฉันมาไกลขนาดนี้แล้ว ฉันจะไม่มีวันให้ใครหน้าไหนมาดับฝันของฉันทั้งนั้น”...
ooooooo
เช้าวันใหม่ พราวพรรณรายพาประกายเดือนเอาแฟ้มประวัติคนไข้ที่เจอในโต๊ะปาริฉัตรมาให้หมอโก้ยืนยันว่าผู้หญิงในภาพนี้เป็นคนเดียวกันกับกนกรัตน์ เขานิ่งเงียบจนพราวพรรณรายโมโหตบโต๊ะเปรี้ยงว่าเรื่องนี้สำคัญมาก สีหน้าหมอโก้หนักใจ
“ใช่ค่ะคุณหมอ ได้โปรดเถอะนะคะ คุณหมอไม่ได้ทำผิดอะไรซะหน่อย แค่บอกว่าใช่หรือไม่ใช่ แล้วยัยเคท...เอ่อ...ผู้หญิงคนนี้เขาเป็นใครมาจากไหน ไม่งั้นพี่สาวของดิฉันอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้นะคะ”
“ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”
พราวพรรณรายยืนยันว่าจริง ให้เขาแค่พยักหน้าก็ได้ หมอโก้เปิดแฟ้มดู ด้วยจรรยาบรรณทำให้ไม่อาจพูดได้ พราวพรรณรายโกรธคว้ามือประกายเดือนกลับ หมอโก้ตัดสินใจพูดขึ้นว่า
“อยู่ให้ห่างผู้หญิงคนนี้ไว้หน่อยก็ดี”
สองสาวตะลึงงัน...รีบมาเตือนปานตะวันที่บ้านไกรตระกูล แต่เธอไม่เชื่อหาว่าดูซีรีส์เกาหลีมากไป อัครินทร์เห็นด้วย พราวพรรณรายโวยใครอนุญาตให้มานั่งฟัง เขาสวน ตนนั่งอยู่กับปานตะวันก่อนและที่นี่ก็บ้านตน หญิงสาวแถ “ก็พอฉันมาแล้วทำไมไม่ไปล่ะ ไม่มีมารยาท”
อัครินทร์ร้องเฮ้ย...ประกายเดือนขอร้องให้พี่สาวเชื่อและระวังตัว ปานตะวันคิดว่ากนกรัตน์ทำศัลยกรรมก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะเป็นคนเลวร้าย พราวพรรณรายประชด “แม่พระ...นี่จะบอกให้นะ แม่เคทนั่นน่ะ ไม่ใช่แค่ทำศัลยกรรม ขอใช้คำว่าทุบหน้าเลยดีกว่า ทำหน้าใหม่หมด”
“ใช่...แล้วทำเหมือนใครไม่ทำ ดันมาทำเหมือนคุณกนกวลีด้วย” ประกายเดือนเสริม
พราวพรรณรายคิดว่าต้องมีเจตนาแอบแฝง
อัครินทร์จะแย้งแต่โดนพราวพรรณรายขัดไม่ได้ถาม ปานตะวันเชื่อว่า กนกรัตน์ถึงจะแปลกจริงแต่ก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรตน ประกายเดือนสวนว่า ตอนนี้ไม่แต่ต่อไปไม่รู้ และที่น่าห่วงอีกคนคือนาคินทร์ ทุกคนอึ้งเริ่มกังวล
ระหว่างนั้นนาคินทร์ทานกลางวันอยู่กับกนกรัตน์ เธอใช้แผนสงบนิ่งทำเหมือนเก็บความรู้สึกเสียใจที่ต้องจากเขากลับอเมริกาตามคำสั่งพ่อแม่ นาคินทร์รู้สึกผิดและสับสน ขอไปคุยกับพ่อแม่เธอให้ เธออ้างว่าคุยทุกวิถีทางแล้ว ท่านบอกว่าไม่มีอะไรการันตีว่าเขารักเธอจริง แม้พ่อกับแม่จะอยู่ต่างประเทศมานานแต่ยังหัวโบราณ นาคินทร์นิ่งคิด
กนกรัตน์ตอกย้ำ “การที่เราจะแต่งงานกับใครซักคนไม่ใช่เรื่องปุบปับ เคทเข้าใจนะคะว่ามันต้องใช้เวลา เคทกลับไปคราวนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาหาพี่คินทร์อีก”
นาคินทร์สับสนพูดไม่ออก กนกรัตน์ทำเป็นยิ้มเข้าใจแต่ในใจกราดเกรี้ยว “ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้ผู้ชายอย่างคุณหลุดมือฉันไปได้หรอก...คุณนาคินทร์”
คืนนั้นอัครินทร์เห็นปานตะวันเครียดจึงถามว่าเป็นห่วงนาคินทร์ใช่ไหม เธอกลบเกลื่อนไม่มีอะไร เขาไม่เชื่อ “ผมว่า...มันถึงเวลาแล้วล่ะครับที่คุณกับพี่คินทร์ควรจะเปิดใจกัน ถ้าคุณเคทไม่น่าไว้วางใจอย่างที่คุณเดือนกับคุณพิงค์บอก คุณไม่ห่วงพี่คินทร์เหรอครับ”
ปานตะวันครุ่นคิด “มัน...ไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันนี่คะ ฉันกับคุณนาคินทร์ เราเหมือนเส้นขนาน อีกอย่าง ถ้าคุณเคทเข้ามาแทนคุณกนกวลีได้จริง ความแค้นที่คุณนาคินทร์มีต่อฉันมันก็อาจจะเบาบางลงไปได้บ้าง”
“ผมไม่เชื่อ...”
“เขาไม่มีวันยกโทษให้ฉันจริงๆใช่ไหมคะ”
“เปล่า...ผมไม่เชื่อว่าพี่คินทร์แค้นคุณ เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้...ผมเชื่อว่า ความแค้นของพี่คินทร์มันได้จางหายแล้วกลายเป็นความรักไปแล้ว...ถ้าคุณสองคนยังไม่ยอมรับความจริง ปล่อยให้ทุกอย่างมันค้างคาอยู่แบบนี้ มันอาจจะมีผลกระทบไปถึงใครอีกหลายคนก็ได้นะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ความจริงก็คือ คุณนาคินทร์ไม่ได้รักฉัน เราไม่ได้รักกัน อีกไม่นานสัญญาระหว่างฉันกับเขาก็จะสิ้นสุดลงแล้ว และยิ่งเมื่อไหร่ที่คุณเคทแต่งงานกับคุณนาคินทร์ ทุกอย่างก็คงจะจบลงซะที มันไม่มีผลกระทบอะไรถึงใครหรอกค่ะ” พูดจบปานตะวันเดินไป
อัครินทร์มองตามพึมพำ “มีสิครับ อย่างน้อยก็ ผมคนนึง...ปานตะวัน”
ปานตะวันเข้าห้องนั่งลูบท้องคุยกับลูกเศร้าๆ “ถึงยังไงลูกยังมีแม่นะคะ อย่าว่าแม่ที่ต้องตัดสินใจแบบนี้ แม่กลัวจริงๆว่าถ้าพ่อเขารู้ เขาอาจจะพรากลูกไปจากแม่... แม่สัญญา ว่าแม่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูก แม่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
ooooooo
บรรยากาศงานแต่งงานของนารถนรินทร์กับกรวิทย์ดูสวยงาม พ่อแม่บ่าวสาวยืนรับแขกหน้างาน สาวิตรีต้องขอโทษแทนลูกสาวที่ไม่ออกมารับแขกด้วย คงมีไอเดียเปิดตัวให้แปลกไป แม่ของกรวิทย์เข้าใจและเห็นดีด้วยที่เจ้าสาวจะได้ไม่เหนื่อยมาก
ใบตองตะลึงกับปานตะวัน ประกายเดือนและพราวพรรณรายในชุดเพื่อนเจ้าสาว และยิ่งปลื้มกับความสวยของเจ้าสาวแม้จะนั่งรถเข็น เจ้าของร้านเสื้อถึงกับเอ่ยปาก “สวย แซ่บที่สุดในสี่โลก แหม...เห็นแล้วมันเขี้ยว น่าจะแต่งพร้อมๆกันซะเลยนะคะทั้งสี่สาว”
ประกายเดือนปากคอสั่นร้อนตัว พราวพรรณรายอายยังหาเจ้าบ่าวไม่ได้ นารถนรินทร์รีบบอกว่า ถือเป็นการซ้อมใหญ่ให้ปานตะวันกับนาคินทร์ ทุกคนกรี๊ดกร๊าดดีใจ ปานตะวันหน้าเสีย ใบตองเร่งให้ทุกคนออกไป นารถนรินทร์หันมาสบตาปานตะวันยิ้มๆ
เจ้าบ่าวและกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวยืนรอสาวๆ นัครินทร์หงุดหงิดอยากให้เป็นงานของตนบ้าง นาคินทร์บอกว่าฝันไปเถอะ นัครินทร์โวย อัครินทร์ปรามพี่ชายให้ใจเย็นไว้ กรวิทย์ขอบคุณทุกคนเป็นเพราะนารถนรินทร์รักพี่ชายมาก จึงอยากให้ไปยืนข้างๆบนเวทีในวันสำคัญ...กนกรัตน์ก้าวเข้างานมาด้วยชุดราตรีแดง ปากแดง ยืนมองยิ้ม เหยียด...เมื่อได้เวลา ไฟในงานดับพรึ่บลง ทุกคนฮือฮา
สักพัก ไฟฟอลโลว์ส่องสว่างบนเวที เห็นนักร้องนักเปียโนชื่อดังบรรเลงเพลง ออแกไนซ์บอกทุกคนว่า ให้เดินจับมือเป็นคู่กัน นาคินทร์ค้าน นัครินทร์รีบบอกให้ทำเพื่อน้องสาว พอออแกไนซ์ให้สัญญาณ นัครินทร์ผลักนาคินทร์ออกไปหน้าเวที เขาจำต้องยืนนิ่งรอเพื่อนเจ้าสาว ปานตะวันเดินออกมาอีกฝั่ง เขาตะลึงกับความงามของเธอ เสียงออแกไนซ์ดังมาข้างหลังให้ทำตามคิว เขาสะดุ้งเข้าไปจับมือปานตะวันเดินมายืนตามจุดที่บล็อกไว้...กนกรัตน์ตาแทบถลนด้วยความไม่พอใจ
คู่นัครินทร์กับประกายเดือนออกมาดูสวีตหวาน นาคินทร์กระซิบปานตะวัน อย่าหวังว่าแผนจับน้องชายตนจะสำเร็จ หญิงสาวสวน อย่าหวังจะแตะต้องน้องสาวตน...ตนเอาตาย สองคนจ้องตากันแบบไม่ยอมกัน คู่อัค–รินทร์กับพราวพรรณรายเดินออกมา จากนั้นเจ้าบ่าวเข็นรถเจ้าสาวออกมากลางเวที ทุกคนปรบมือแสดงความยินดี เจ้าบ่าวคุกเข่าลงสวมแหวนให้เจ้าสาว แล้วสวมกอดกันด้วยความปลื้มปีติ กรวิทย์ลุกขึ้นจะเข็นรถไปที่เค้ก นารถนรินทร์แตะมือเขาบอกว่าไม่ต้อง แล้วส่งมือให้กรวิทย์ดึงตัวลุกยืน สร้างความตกตะลึงให้ทุกคน
“เราเดินไปด้วยกันนะคะพี่วิทย์”
นาคินทร์หันขวับมองหน้าปานตะวันด้วยความทึ่งที่เธอทำได้ เธอกำลังปลื้มใจน้ำตาปริ่ม บ่าวสาวจูงมือกันเดินมาจุดเทียน ตัดเค้ก...กนกรัตน์แค้นใจ เข้ามาระบายอารมณ์ในห้องน้ำ ก่อนจะหยิบลิปสติกสีแดงแบบเดียวกับที่ซื้อให้ปาริฉัตรออกมาทาปาก ประกายเดือนเดินเข้ามาชะงัก มองลิปสติกในมือกนกรัตน์อย่างคุ้นๆ กนกรัตน์แกล้งถามอยากเติมสวยบ้างไหม
“ไม่ล่ะค่ะ สวยปลอมๆ...ไม่ปลื้ม” พูดจบประกายเดือนเดินฉุนออกไป
กนกรัตน์เข้าใจว่าอิจฉาที่ตนสวย แล้วเดินเข้าห้องน้ำ ไม่ทันไรพราวพรรณรายประคองปานตะวันซึ่งหน้าซีดเข้ามา “ไงตะวัน ไหวป่ะ...เพื่อนพาไปส่งบ้านดีกว่าไหม”
ปานตะวันเห็นว่างานยังไม่เลิกและตนก็แค่มึนเพราะคนเยอะ พราวพรรณรายชมเพื่อนเก่งที่ทำให้นารถนรินทร์เดินได้ เห็นสายตานาคินทร์ที่มองแบบไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ปานตะวันว่าไม่อยากรู้ พราวพรรณรายสะกิด “ตะวัน...เพื่อนว่า ดูๆไป คุณนาคินทร์เขาก็มีกลิ่นนะ”
ปานตะวันถามกลิ่นอะไร พราวพรรณรายว่าเขาต้องแอบรักเธออยู่ลึกๆ ปานตะวันเอ็ดจะให้อัครินทร์มาตรวจสภาพจิต พราวพรรณรายขอให้ปานตะวันปรับความเข้าใจกับนาคินทร์สักครั้ง ปานตะวันจะเรียกอัครินทร์ พราวพรรณรายโอดโอย
“แหม...เอะอะก็ปรี๊ด คนท้องนี่อารมณ์ปรี๊ดอย่างนี้ทุกคนรึเปล่าฮะ”
“นี่! จะเสียงดังไปไหน บอกแล้วว่าอย่าพูดเรื่องนี้ เดี๋ยวใครได้ยินเข้า”
“ก็เพื่อนเป็นห่วงนี่ ห่วงทั้งตะวันแล้วก็หลานในท้องอยากเห็นพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข”
“ไม่หรอก คุณนาคินทร์เขาคงไม่คิดอย่างนั้น” ปานตะวันเสียงแผ่ว
กนกรัตน์แทบช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน...ในขณะที่ นาคินทร์ชะเง้อมองหาปานตะวัน กนกรัตน์หน้าเครียดเข้ามาขวางถามมองหาใคร เขาอึกอัก เธอส่งยิ้มเข้ากอดแขนทึกทักว่าตามหาตน แล้วจู่โจมถามเขาว่ายังรักตนอยู่หรือเปล่า นาคินทร์ชะงักพูดไม่ออก พอเห็นกลุ่มปานตะวันเดินมาก็ทำออเซาะนาคินทร์ “เคทเห็นน้องนารถมีความสุขกับคุณวิทย์ เคทก็อยากทำให้พี่คินทร์มีความสุขบ้าง เราแต่งงานมีลูกด้วยกันเถอะนะคะพี่คินทร์”
ปานตะวันมองอย่างช้ำใจ นาคินทร์อึ้งเมื่อเจอมุกนี้ ตัดบทชวนกนกรัตน์เข้าไปในงาน หญิงสาวเสียงเขียว “ทำไมคะ...ทำไมถึงไม่อยากมีลูกกับเคท หรือพี่คินทร์มีลูกกับใครแล้ว”
นาคินทร์ชะงักถามเธอพูดอะไรฟังไม่ถนัด กนกรัตน์รู้ทันทีว่านาคินทร์ไม่รู้เรื่องปานตะวันท้อง จึงเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มหวาน บอกไม่มีอะไรแค่แหย่เล่น...ปานตะวันเดินหนีมานั่งเสียใจ พราวพรรณรายกับประกายเดือนตามมาประกบ รุมถามว่ารักนาคินทร์ใช่ไหม เธอปฏิเสธ
“ไม่จริงแล้ววิ่งมาทำไม ไม่จริงแล้วร้องไห้ทำไม คนอย่างตะวันเสียน้ำตาให้ใครง่ายๆที่ไหน...ถ้ารักก็รีบเอาท่านประธานกลับมา” ประกายเดือนเสียงเฉียบ
ปานตะวันขอให้น้องหยุดพูด ประกายเดือนถามจะปล่อยให้คนที่รักต้องอยู่กับผู้หญิงอันตรายอย่างกนกรัตน์หรือ แล้วพยายามพูดให้เชื่อว่ากนกรัตน์ร้ายกาจ ปานตะวันโต้
“เดือนก็ฟังพี่ ฟังแล้วต้องเชื่อด้วย เลิกยุ่งเกี่ยวกับทุกคนในไกรตระกูลแล้วก็คุณเคท...นับจากนี้ หมดหน้าที่ของพี่กับคุณนารถ หมดสัญญาของพี่ที่มีต่อคุณนาคินทร์ ไม่มีอะไรต่อกันอีก...พี่จะหางานใหม่ ส่วนเดือนก็ไปลาออกจากเคทีเคแล้วหางานใหม่ ถ้าหาไม่ได้พี่จะหาเลี้ยงเอง”
ประกายเดือนแย้งไม่ทัน พราวพรรณรายเผลอติงเพื่อน ทำอะไรให้คิดถึงลูกในท้องบ้างสองพี่น้องตะลึง ประกายเดือนถามเมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ปานตะวันทำหน้าจะร้องไห้ พราวพรรณรายหน้าเสียที่พลั้งปาก ประกายเดือนเค้นถาม ปานตะวันซบหน้ากับฝ่ามือปล่อยโฮ...
ในงาน บ่าวสาวกำลังถ่ายภาพครอบครัว พอนาคินทร์พากนกรัตน์เข้ามา นารถนรินทร์ก็ถามหาปานตะวันทันที และว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ถ้าไม่มีเธอตนก็จะไม่ถ่ายรูปอีก กนกรัตน์หน้าเสีย ทำทีอาสาไปตามให้ นารถนรินทร์ไม่สนใจสั่งใบตองไปตามปานตะวันมา
ประกายเดือนกอดปลอบปานตะวัน เอามือลูบท้องพี่สาวอย่างเข้าใจความรู้สึก ปานตะวันสะอื้นขอโทษน้องที่ตัวเองพร่ำสอนน้องแต่มาเป็นเสียเอง ประกายเดือนสวนไม่ต้องขอโทษ ถือว่าเป็นข่าวดี เพราะเธอเป็นพี่สาวที่ทำเพื่อน้องและคนอื่นมามากพอแล้ว ควรทำเพื่อตัวเองบ้าง
ปานตะวันเถียง...แต่...ประกายเดือนสวน “เลิกแต่ เลิกเถียง เลิกนู่นนี่ซะทีเถอะ หัดปล่อยให้ชีวิตมันไม่มีเงื่อนไขมั่งได้ไหม”
พราวพรรณรายยกนิ้วชมพูดได้ดีมาก ประกายเดือนจะไปบอกนาคินทร์ ปานตะวันรีบห้ามแล้วสั่งเด็ดขาด ถ้าทำอย่างนั้นไม่ต้องมาเรียกตนว่าพี่อีก แล้วให้เหตุผลว่า ชีวิตตนจะได้จบ ตนกับลูกจะได้เป็นอิสระ ทันใดใบตองวิ่งกระหืดกระหอบมาตามทุกคนไปถ่ายรูป
พอทุกคนยืนเรียงพร้อมถ่ายภาพ นารถนรินทร์ร้องเดี๋ยว แล้วจัดแจงให้ปานตะวันมายืนข้างตนซึ่งติดกับนาคินทร์ กนกรัตน์กำมือเดือดพล่านอยู่ในอก ทุกคนยิ้มแย้มให้กล้อง
เสร็จสิ้นงาน ปานตะวันยืนมองชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ถอดวางบนเตียงเศร้าๆ ด้านนาคินทร์นั่งคิดถึงสัมผัสที่เขาจูงมือปานตะวันเดินบนเวที พอหันมาเจอเธอยืนอยู่ก็ชะงัก ถามมีอะไร
“ฉันมีธุระจะพูดกับคุณค่ะ...เงื่อนไขในสัญญาระหว่างเรา ฉันจะต้องดูแลคุณนารถเป็นเวลาหนึ่งปี โดยไม่ลาออกก่อนอายุสัญญา ซึ่งตอนนี้เหลืออีก 7 วันก็จะครบกำหนดแล้ว ส่วนเงื่อนไขพิเศษที่ถ้าฉันสามารถช่วยให้คุณนารถกลับมาเดินได้ คุณจะยกคอนโดให้...”
“เหลืออีกตั้ง 7 วัน จะรีบทวงไปไหน”
“เปล่าค่ะ ฉันเพียงแต่อยากจะบอกว่า คอนโดที่คุณจะยกให้ ฉันไม่รับ ฉันถือว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขพิเศษอื่นๆอีก”
นาคินทร์ไม่อยากเชื่อหาว่าต้องการอย่างอื่น ปานตะวันบอกต้องการไปอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่มีพันธะผูกพันใดๆทั้งสิ้น พูดจบก็จะเดินไป นาคินทร์เรียกไว้ เธอหันมาแต่เขากลับพูดไม่ออก เธอจึงมองเขาเหมือนจะจดจำเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจาก นาคินทร์มองตามอย่างอาลัยอาวรณ์
ด้านนัครินทร์พอรู้ว่าประกายเดือนต้องลาออกก็หวั่นใจจะต้องห่างกัน เขารำพันถึงความรักที่มีต่อเธอ จนประกายเดือนใจอ่อนปล่อยตัวปล่อยใจไปตามหัวใจปรารถนา...
วันต่อมาสาวิตรีจัดอาหารเช้าที่สวนหน้าบ้าน เพื่อขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือจนงานผ่านไปด้วยดี ทวยเทพขอบใจกรวิทย์ที่ยอมแต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน เพราะตนมีลูกสาวคนเดียว ปานตะวันถือโอกาสขอลาออก ทุกคนตกใจ นาคินทร์ใจหายวาบ อัครินทร์ถามพี่ชายไม่คิดจะพูดอะไรบ้างหรือ นาคินทร์นิ่ง...นัครินทร์โพล่งขึ้นว่าตนมีเรื่องพูด แล้วประกาศว่าตนมีภรรยาแล้วคือประกายเดือน ปานตะวันช็อก สาวิตรีกลับปลื้มยินดีต้อนรับลูกสะใภ้ ปานตะวันลุกพรวดวิ่งออกไป ประกายเดือนใจหายวิ่งตามพี่สาวออกไป พราวพรรณรายวิ่งตาม นาคินทร์หน้าเครียด
ooooooo










