ตอนที่ 13
กนกรัตน์ถือโอกาสขอช่วยงานเป็นเลขานาคินทร์ แทนปาริฉัตร นาคินทร์มองเสื้อผ้าสีสันสดใสของเธอแล้วถาม ไม่ไปงานศพปาริฉัตรกับตนหรือ เธอชะงักก่อนจะยิ้มหวานอ้างว่า ปีนี้เป็นปีชงของตน ไม่ควรไปงานศพ ประกายเดือนซึ่งยังยืนอยู่ในห้องเบ้ปาก นาคินทร์เองก็งงๆ
หลังเลิกงาน ประกายเดือนแวะไปหาปานตะวัน เปรยว่าต้องทำงานหนักหน่อย ทำแทนปาริฉัตร ปานตะวันกุมมือน้องสาว ขอโทษที่ไม่อาจไปช่วยงานได้ อ้างต้องดูแลนารถนรินทร์จนกว่าจะเสร็จงานแต่งงาน
“ตะวัน เค้าไม่ได้ว่าอะไรตะวันสักหน่อย ไม่ช่วยก็ไม่ช่วยสิ ไม่ช่วยน่ะดีแล้ว เค้าก็ไม่อยากให้ตะวันต้องไปเจอยัยหมาบ้านั่งเฝ้าท่านประธานทั้งวันหรอก...ทุเรศ น่ารำคาญ”
“คุณเคทเขาไปหาคุณนาคินทร์ตลอดเลยเหรอเดือน” ปานตะวันอ้อมแอ้มถาม
ประกายเดือนรีบบอกว่าทุกวัน ขยันเฝ้าเจ้านายยิ่งกว่ายามยิ้ม ปานตะวันสะเทือนใจเปลี่ยนเรื่องมาถามถึงงานศพปาริฉัตรว่าคงเหนื่อยแย่ต้องไปทุกวัน ประกาย–เดือนตอบว่าไม่เท่าไหร่เพราะนาคินทร์เป็นเจ้าภาพทุกวัน สวดแค่สามวันก็เผา ปาริฉัตรเป็นลูกกำพร้าไม่มีญาติ ว่าแล้วก็โผกอดปานตะวัน “เราสองคนยังโชคดีนะตะวัน เรายังมีกันและกัน”
“เดือน...อดทนอีกนิดเดียวนะ อีกไม่นานพี่จะเป็นอิสระแล้ว พี่จะไปคอยดูแลเดือน พี่จะกลับไปอยู่กับน้องสาวของพี่ เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม” ปานตะวันลูบผมน้อง
ประกายเดือนสะดุ้งวาบ รีบห้ามไม่ต้องก็ได้เห็นปานตะวันทำหน้างง จึงตัดบทว่ามีงานค้างต้องกลับไปเคลียร์ด่วน ว่าแล้วก็หอมแก้มพี่สาวเดินออกไป ปานตะวันแปลกใจไหนบอกหิวจะทานข้าวด้วยกัน
ประกายเดือนเดินจ้ำๆ ออกมา ปากก็บ่นจะทำอย่างไรดีเพราะนัครินทร์ไปนอนที่คอนโดทุกคืน ทันใด นัครินทร์ซึ่งดักรออยู่ข้างสนามหน้าบ้าน กระโจนออกมาจ๊ะเอ๋ หญิงสาวตกใจเอากระเป๋าฟาดโครมๆ เขาร้องลั่นรวบมือ “สามีไม่ใช่ผี...แล้วนี่ตีหัวสามีทำไมจ๊ะเมียจ๋า สามีเจ็บนะ”
ประกายเดือนดึงนัครินทร์หลบเข้าหลังพุ่มไม้โวยให้รอในรถลงมาทำไม อยากเจอตะวันเดือดหรือ ชายหนุ่มโอดโอยว่าเจอเดือนเดือดก็แย่แล้ว หญิงสาวถอนใจ
บอกเขาว่าปานตะวันจะกลับไปอยู่บ้าน นัครินทร์ตกใจหุบยิ้มทันที
คืนนั้นปานตะวันฝันเห็นปาริฉัตร จึงใส่บาตรตอนเช้าอุทิศส่วนกุศลไปให้ร่วมกับสาวิตรีและนารถนรินทร์ ปานตะวันไหว้ขอบคุณสาวิตรีที่ช่วยทำอาหารใส่บาตรให้
“ขอบคุณอะไรกัน แม่ชอบจ้ะ โบราณว่าคนทำกับข้าวใส่บาตรเนี่ยได้บุญเยอะเชียว เออ...ว่าแต่หนูเถอะช่วงนี้เครียดหรือเหนื่อยเกินไปรึเปล่าถึงได้ฝันเป็นตุเป็นตะ”
นารถนรินทร์เองก็แปลกใจไม่เคยเห็นปานตะวันฝันร้ายขนาดนี้ สาวิตรีไม่อยากให้กดดัน จึงชวนคุยเรื่องอื่นให้ขำๆ ว่าเจ้าสาวนั่งรถเข็นก็ดี จะได้ไม่เมื่อยเหมือนตอนตนแต่ง นารถนรินทร์อมยิ้มสบตากับปานตะวัน แต่ปานตะวันแอบเศร้าที่ใกล้จะต้องจากนาคินทร์
ooooooo
เสร็จสิ้นงานเผาศพปาริฉัตร นาคินทร์ทรุดนั่งอ่อนใจอยู่บนโซฟา มอลลี่ไม่ทันเห็นจึงเม้าท์ว่านาคินทร์คงมีดวงกินผู้หญิง เพราะใครที่ใกล้ชิดด้วยจะตายจาก จามจุรีกับลูกกอล์ฟตกใจมองหน้ากันอย่างหวาดกลัวทั้งสามรีบออกไปจากตรงนั้น นาคินทร์กลับมานั่งครุ่นคิดอย่างเศร้าใจ
กนกรัตน์มาที่ร้านเวดดิ้งร้านเดียวกับนารถนรินทร์ บอกเจ้าของร้านว่า ต้องการชุดไปงานแต่งงานที่สวยกว่าชุดเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวที่ชื่อปานตะวัน โจอี้เจ้าของร้านอึ้ง จำต้องรับคำ... หลังจากนั้นกนกรัตน์มาทานอาหารเย็นกับนาคินทร์ สังเกตเห็นเขานั่งเหม่อก็บ่น
“หมู่นี้พี่คินทร์เป็นอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่ค่อยอยากทานข้าวกับเคทเลย”
นาคินทร์อ้างว่าเพิ่งเสร็จงานศพปาริฉัตรเลยเครียดๆ หน่อย กนกรัตน์ถือโอกาสชวนไปคลายเครียด เที่ยวทะเล มัลดีฟ โบราโบรา แซงโทรเปร ชายหนุ่มส่ายหน้า
“คงยังไปไหนไม่ได้ล่ะครับ เดี๋ยวก็ถึงงานแต่งยัยนารถแล้ว”
กนกรัตน์แอบเคืองแต่ทำยิ้มหวานรวบรัด “จริงด้วยสิคะ งานแต่งน้องนารถแล้ว ต่อด้วยงานแต่งพี่คินทร์อีกใช่ไหมคะ” หญิงสาวจ้องหน้ารอคำตอบ
นาคินทร์ชะงักเล็กน้อยแล้วทำเนียนเปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้กนกรัตน์กร่อยแอบค้อน...ขณะเดียวกัน ปานตะวันเกิดอาการแพ้อาเจียนอย่างหนักจนอัครินทร์แปลกใจอยากให้ไปตรวจ แต่เธอกลับบอกว่าคงเพราะนอนน้อย อัครินทร์แกล้งก้มลงคุยใกล้ท้องเธอ
“นั่นไง หลานผมเล่นงานคุณแม่ซะเลย...ดีมากลูก ถ้าแม่เขาดื้อไม่ยอมนอนก็อาละวาดแม่เขาเลยนะลูก”...ปานตะวันเอ็ดเบาๆ อัครินทร์ยิ้มๆ ถามทำไมนอนไม่หลับ เพราะพี่ชายตนหรือ
“เปล่าหรอกค่ะ ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอจะทำให้ฉันเสียเวลาหรอกค่ะ”
นาคินทร์กลับมาเดินผ่านได้ยินเข้าพอดี อัครินทร์บอกให้ปานตะวันอดทนอีกนิด เธอรีบบอกว่าแน่นอน ตนอดทนมาได้ตั้งนาน ทำไมจะอดทนอีกนิดไม่ได้อีกไม่นานตนก็จะได้หลุดพ้นจากสัญญาแค้นบ้าๆ... นาคินทร์ยืนฟังด้วยความโกรธและน้อยใจ
พอปานตะวันกลับเข้าห้อง นาคินทร์ซึ่งรออยู่ก่อนคว้าตัวเธอหมับถามหน้าประชิด “แน่ใจหรือว่าจะหลุดพ้นไปจากผมได้” ปานตะวันรู้ทันทีว่าเขาได้ยินที่คุยกับอัครินทร์ จึงสะบัดตัวให้ปล่อย เขายิ่งกอดแน่นขึ้นยิ้มเยาะ “ผู้ชายคนนี้ไม่มีค่าพอให้คุณเสียเวลางั้นเหรอ ได้จากผมไปเยอะแล้วก็พูดได้สิ”
“ฉันก็เสียให้คุณไปเยอะพอกันล่ะคุณนาคินทร์” ปานตะวันโต้
“ไม่พอหรอก คุณเสียให้ผม ผมว่ามันเทียบกันไม่ได้เลยกับที่ผมจ่ายให้คุณไป”
“คุณนาคินทร์! ปล่อยฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันเกลียด...” ไม่ทันจะพูดจบ นาคินทร์จูบปากปานตะวันหมับ เนิ่นนาน...กว่าที่เขาจะผละออก เขามองเธอด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ผมก็ไม่อยากให้คุณรักผมหรอก ปานตะวัน” พูดจบเขาปล่อยเธอแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ปานตะวันยืนใจสั่นงุนงงกับการกระทำของเขาและความรู้สึกของตัวเอง
นาคินทร์เดินเศร้าๆ คิดถึงคำพูดของมอลลี่ที่ว่า ผู้หญิงที่ใกล้ชิดเขาต้องมีอันเป็นไป เขาจึงไม่อยากให้ปานตะวัน...รักเขา
ooooooo
โอ๋ คนไข้ที่พราวพรรณรายส่งมาให้หมอโก้ผ่าตัดใบหน้าให้ ผลออกมาสวยจนเธอและแม่น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน ทั้งสองแม่ลูกขอบคุณหมอโก้และพราวพรรณราย ทำเอาพราวพรรณรายซาบซึ้งน้ำตาปริ่ม บอกเพื่อนว่าเขาได้บุญโข
“แกด้วยแหละพิ้งค์ที่พาเขามาหาฉัน แต่จะว่าไปฉันก็ผ่าตัดได้แก้ไขได้แต่หน้าตานะ เอาจริงๆ อยากจะให้มีผ่าตัดแก้ไขนิสัยได้ด้วย เพราะสมัยนี้บางคนก็สวยก็หล่อ แต่นิสัย...” หมอโก้ส่ายหน้า พราวพรรณรายหาว่าด่าตน หมอโก้เลิกคิ้ว “ด่าแก...แกสวยตรงไหนวะพิ้งค์”
พราวพรรณรายโกรธเอากล่องทิชชูปาใส่ ผู้ช่วยเข้ามารายงานหมอโก้ว่าคนไข้ที่นัดไว้มาแล้ว หมอโก้หันมาไล่เพื่อนให้กลับ พราวพรรณรายค้อนขวับคว้ากระเป๋าเดินออก...กนกรัตน์สวมแว่นดำใส่หมวกอำพรางนั่งรออยู่ พอเห็นพราวพรรณรายก็ตกใจรีบเอาแมกกาซีนมาบังหน้า พราวพรรณรายเดินมาเห็นภาพหน้าปกเป็นดาราที่ตนชื่นชอบก็รีบดึงหนังสือ
“เจมส์ จิ...อ้าย น่ารักที่สุดอ่ะ ขอยืมแป๊บได้ไหมคะ แป๊บเดียว” พราวพรรณรายเอามือถือมาถ่ายรูปเจมส์ จิ “ขอบคุณมากค่ะ อย่าว่ากันเลยนะคะ รักมากที่สุดอ่ะคนนี้ เห็นรูปที่ไหนก็ต้องเก็บ รูปนี้ยังไม่มีซะด้วย ขอบคุณนะคะ” พอส่งหนังสือคืนให้ปรากฏว่าหายไปแล้ว “อ้าว! ไปไหนซะแล้วล่ะ...แค่นี้ชีก็โกรธ” พราวพรรณรายยักไหล่ เปิดภาพที่ถ่ายดู มีกนกรัตน์ติดมาด้วย แต่จำไม่ได้ จึงครอปทิ้งแล้วเดินลั้ลลาออกไป
กนกรัตน์เข้ามาพบหมอโก้ด้วยสีหน้าขุ่นเคือง หมอโก้งงแทบจำไม่ได้จนเธอถอดแว่นและหมวกออก กนกรัตน์มาเพื่อข่มขู่ให้เขาเก็บเรื่องของตนเป็นความลับ
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันหวังว่าคุณหมอคงจะรักษาคำพูด”
“คนเป็นหมอต้องมีจรรยาบรรณครับ”
“ดี...งั้นฉันก็สบายใจได้ว่าคุณหมอจะรักษาความลับของฉันไว้ให้เป็นความลับตลอดไป”
กนกรัตน์ลากลับ หมอโก้ทัก “เดี๋ยวครับ ผมอยากจะบอกแค่ว่า ความลับไม่มีในโลกนะครับ อีกอย่างถึงแม้คนเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาไปเป็นคนละคนได้ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับจิตใจข้างในของเรานะครับ...เราควรเปลี่ยนมันให้สวยเหมือนรูปร่างหน้าตาด้วย ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีความหมาย และเหนือสิ่งอื่นใด เราก็จะไม่มีวันพบกับความสุขที่แท้จริง”
กนกรัตน์เชิดหน้าถามจบแล้วใช่ไหม แล้วสวมแว่นสวมหมวกเดินออกไปอย่างไม่ยี่หระ
ooooooo
พราวพรรณรายซื้อยำมะม่วงมาฝากปานตะวัน เพราะอัครินทร์ส่งข่าวว่าเธอเริ่มอาเจียนอีกแล้ว แต่แอบจิกกัดให้เพื่อนฟังว่า อัครินทร์เป็นหมอปากจัด อัครินทร์โผล่เข้ามาพอดีสวน
“ถึงปากจะจัด แต่ก็ไม่กัดคนอื่นลับหลังนะครับ”
พราวพรรณรายโกรธหาว่าว่าตนเป็นหมา สองคนหึ้มๆใส่กันจนปานตะวันต้องปราม หลังจากนั้นทั้งสามเดินคุยกัน พราวพรรณรายเกรงเพื่อนจะหกล้มไม่ควรเดินมาก แต่ปานตะวันเถียงว่าเดินแบบนี้จะทำให้แข็งแรง ตนไม่ใช่คนป่วย พราวพรรณรายย้อนไม่เคยท้องเลยไม่รู้
“อยากไหมล่ะ” ปานตะวันถามแล้วเรียกอัครินทร์ พราวพรรณรายตกใจหยิกห้าม ปานตะวันร้องโอ๊ย อัครินทร์ หันมอง จึงพูดยิ้มๆ “คือ...คุณอัคช่วยเดินไปส่งยัยพิ้งค์ที่รถหน่อยได้ไหมคะ คือตะวันต้องไปทำกายภาพให้คุณนารถแล้ว”
อัครินทร์แหย่ รถจอดแค่นี้เอง พราวพรรณรายเคืองกระแทกเสียงว่า ตนโตแล้วเดินไปเองได้ อัครินทร์สวน “นั่นไง...ดุขนาดนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วล่ะครับคุณตะวัน”
“อ๊าย...ปาก...ปาก...จำไว้” พราวพรรณรายชี้หน้าเต้นผาง สะบัดหน้าเดินไปโกรธๆ
ปานตะวันขอร้องอัครินทร์อีกครั้ง แต่เขากลับบอกว่าเป็นห่วงเธอมากกว่า พลันใบตองมาตามว่าสาวิตรีเรียกพบ...อัครินทร์กับปานตะวันเข้ามาในห้องนั่งเล่นซึ่งมีนัครินทร์กับนารถนรินทร์รออยู่ก่อน สาวิตรีเริ่มเกริ่นว่านารถนรินทร์มีพี่ชายถึงสามคน น้องจะแต่งงานทั้งทีจึงอยากให้พี่ชายทั้งสามเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว นัครินทร์โวยไม่เอา แต่พอบอกให้ประกายเดือนมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวคู่ เขาก็ยอมแต่โดยดี
จากนั้นนัครินทร์มาบอกประกายเดือนที่คอนโด เธอหวั่นกลัวเขาทำรุ่มร่ามจนความลับแตก เขากลับบอกว่าแตกก็ดีจะได้แต่งงานพร้อมนารถนรินทร์ หญิงสาวปฏิเสธเสียงหลง
“ทำไมจะไม่ล่ะ...นี่คุณ ผมไม่ไหวแล้วนะ อะไรกัน จดทะเบียนกันมาตั้งนานดั๊นได้แต่นอนมองตากันทุกคืน คนนะฮะไม่ใช่ปลากัด เอาแต่จ้องๆๆกัน...ท้องยังเนี่ย”
ประกายเดือนตีปากเขา นัครินทร์โดดกอดอ้อน ตนพิสูจน์รักทุกอย่างยังไม่พออีกหรือ หญิงสาวเริ่มใจอ่อน แต่พอชายหนุ่มยื่นหน้ามาจุ๊บก็ตกใจผลักเขาตกเตียง เขาร้องโอดโอย
“ขอโทษ! ฉันแค่...แค่กลัวตะวันจะผิดหวังในตัวฉัน”
“ผิดหวัง! ภูมิใจล่ะไม่ว่า พี่สาวคุณต้องภูมิใจมากๆ
เลยฮะ ที่น้องสาวได้ผู้ชายทั้งหล่อและรวย นิสัยดีมีฐานะเพียบพร้อมอย่างผม นัครินทร์ ไกรตระกูล เป็นสามี”
“ตะวันต้องเอาฉันตายแน่”
นัครินทร์ขอไปคุยกับปานตะวันเอง ประกายเดือนร้องห้าม แล้วตัดบทมาคุยเรื่องเพื่อนเจ้าสาว ตนตกลง นัครินทร์ล้มตัวลงนอนหันหลังให้อย่างงอนๆแต่ไม่กล้าหือ
ooooooo
เช้าวันใหม่ กนกรัตน์มาตีโพยตีพายใส่นาคินทร์ถึงห้องทำงาน เมื่อรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวคู่กับปานตะวันที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว ทำไมถึงไม่เป็นตน ชายหนุ่มบอกว่าเป็นไอเดียของแม่
กนกรัตน์รีบอ้อน “แต่ถ้า...เจ้าสาวของพี่คินทร์ ต้องเป็นกนกรัตน์ คนนี้เท่านั้นนะคะ”
นาคินทร์นิ่งอึ้ง ทันใดประกายเดือนเปิดประตูเข้ามาพร้อมโทรศัพท์ กนกรัตน์แว้ด
“น่าจะรอให้ท่านประธานอนุญาตให้เข้ามาก่อนนะคะ คุณเลขาเดือน”
“ถ้างั้นให้มิสเตอร์โหย่ว ลูกค้ารายใหญ่จากเซี่ยงไฮ้ของเรารอสายไปก่อนดีไหมคะท่านประธาน” ประกาย–เดือนแกล้งชูโทรศัพท์ขึ้น นาคินทร์ลุกพรวดไปรับโทรศัพท์ทันที ประกายเดือนหันไปยักคิ้วให้กนกรัตน์ เธอโกรธทำตาถมึงทึง
นาคินทร์คุยกับลูกค้าเสร็จ ส่งโทรศัพท์คืนให้ประกายเดือน “ขอบคุณมากนะคุณเดือน มิสเตอร์โหย่วบอกว่าคุณแจ้งเขาแล้วเรื่องเอกสารสัญญาที่ล่าช้าเป็นเพราะคุณปาริฉัตรเสียชีวิต”
กนกรัตน์แอบสะดุ้ง ประกายเดือนกล่าวขอโทษที่ถือวิสาสะแจ้งโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เพราะเห็นว่าเป็นเหตุผลที่แท้จริง และลูกค้าน่าจะเข้าใจ
“ขอบคุณมาก แต่มิสเตอร์โหย่วบอกว่าทางเขาจะยุ่งยากมากถ้าต้องทำสัญญาฉบับใหม่ เขาอยากให้ทางเราพยายามหาเอกสารเรื่องสัญญาให้เจอแล้วรีบส่งกลับเขาให้เร็วที่สุด”
“เดือนก็พยายามเต็มที่แล้วจริงๆค่ะ แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ไม่ทราบคุณปาริฉัตรเอาไปเก็บไว้ที่ไหน”...
กนกรัตน์แอบอึดอัดเมื่อได้ยินชื่อปาริฉัตร ในขณะที่ปานตะวันลุ้นให้นารถนรินทร์เดินมาหาตน แล้วเธอก็เดินได้สำเร็จ สองสาวกอดกันด้วยความดีใจ ปานตะวันชื่นชม “น้องนารถทำได้ดีมากเลย เหลืออีกนิดเดียวคือความมั่นใจไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น กระดูกเชื่อมติดร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ก้าวเดินให้เต็มเท้า ต้องมั่นใจนะคะ น้องนารถของพี่จะได้เป็นเจ้าสาวที่สวย
สง่างาม ที่สำคัญคุณวิทย์จะต้องเซอร์ไพรส์สุดๆเลย”
“นารถรักพี่ตะวันที่สุด ถ้าไม่มีพี่ตะวันนารถคงไม่มีวันนี้ สัญญานะคะ สัญญาว่าพี่ตะวันจะอยู่เคียงข้างนารถ จะไม่ทิ้งนารถไปไหนเด็ดขาด...อ้าว เงียบไปไม่รับปากแบบนี้ หมายความว่าไงคะเนี่ย”
ปานตะวันตัดบทชวนฝึกเดินต่อ ยิ้มให้เธอสู้ๆทั้งที่ในใจตัวเองเศร้าสลดใจ...
ตกเย็นประกายเดือนยังนั่งทำงานที่โต๊ะปาริฉัตร จามจุรี มอลลี่และลูกกอล์ฟเดินผ่านทักใกล้มืดแล้วยังกล้านั่งแถวนี้อีก มอลลี่ทำท่ากลัวผีปาริฉัตรอย่างมาก จามจุรีต้องเอ็ดไม่ควรพูดเวลาโพล้เพล้ มอลลี่หันมาเหน็บประกายเดือนว่า ท่านประธานหนีไปงานเลี้ยง ปล่อยให้คุณนายท่านรองทำงานหนัก ประกายเดือนขอร้องให้เลิกเรียกตนแบบนี้ คนอื่นจะเข้าใจผิด
“แหมๆคุณนายท่านรอง...นี่น่ารักอ่ะ ถ่อมตัว
ไม่เหมือนคุณนายห้องนู้น อูย...อย่าให้เม้าท์” ลูกกอล์ฟยุให้เม้าท์นิดหนึ่ง มอลลี่จัดให้ทันที “เชิด เริ่ด คอแข็ง ชูคอยังกะกิ้งก่า ไม่รู้ว่าเมื่อยมั่งรึเปล่า เจอหน้าพวกเราไม่เคยทักซักกะคำ”
ทันใด นาคินทร์เดินออกมามีกนกรัตน์เกาะแขนแจ มอลลี่เปลี่ยนท่าทีทันที ยิ้มหวานชมสองคนช่างสวยสง่าเหมาะสมกัน นาคินทร์ยิ้มแห้งๆแล้วย้ำให้ทุกคนช่วยกันหาเอกสาร พอสองคนเดินไป มอลลี่ก็ปากเสียทันที “จะเชิดไปไหน แหม...มันน่ายุให้ผีเลขาฉัตรจับหักคอซะเลยนี่”
จามจุรีตีเพียะจะพูดทำไม ทั้งสามรีบกลับออกไปด้วยความกลัว ประกายเดือนมองตามขำๆ ตัวเองก็แอบกลัวเหมือนกัน แต่ฝืนใจทำงานต่อ เธอรื้อค้นตามตู้เอกสาร บนโต๊ะทำงานปาริฉัตร บรรยากาศก็วังเวง จึงบ่น “อยู่ไหนน้า...เอกสารสัญญา โอยๆหาไม่เจอล่ะตายแน่ คุณฉัตรนะคุณฉัตร ตอนนั้นทำไมไม่รีบส่งคืนให้เราซะก่อนนะเฮ้อ...”
ทันใดไฟดับพรึ่บทั้งฟลอร์ ประกายเดือนสะดุ้งตกใจกลัว รีบหาไฟฉายมาส่องไปเรื่อย จนเห็นลิ้นชักโต๊ะทำงาน จึงลองดึงดูแต่มันล็อก ก็บ่นจะล็อกทำไมแล้วกุญแจอยู่ไหน ทันใดประตูห้องทำงานนาคินทร์
ปิดดังปัง ประกายเดือนสะดุ้งสุดตัว รีบพึมพำ “ไม่ได้ว่าอะไรนะ แค่ถามดู ไม่ต้องตอบก็ได้ ไม่เป็นไร หาไม่เจอก็ไม่เจอ เดี๋ยวจะขอให้ท่านประธานเซ็นใหม่นะๆๆ”
ประกายเดือนวิ่งจู๊ดจะไปโต๊ะทำงานตัวเอง ทันใด ไฟก็สว่างพรึ่บขึ้น เธอถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงนั่งพนมมือแต้ ปากสั่น “โอย! กลัวแล้ว กลัวแล้ว ไปสู่ที่ชอบๆเถอะคุณฉัตร ต่อไปนี้ฉันจะไม่พูดถึงคุณแล้ว จะไม่กวนใจ...”
พลันสายตาประกายเดือนเห็นลิ้นชักโต๊ะปาริฉัตรที่ตอนแรกล็อก กลับเปิดแง้มออก เธอถึงกับอึ้ง กลัวๆกล้าๆ เข้าไปใกล้ๆแล้วดึงลิ้นชักออก รีบรื้อค้นเอกสารสัญญา
“เจอแล้วๆ...ใช่จริงๆด้วย วู้ๆ รอดแล้วเรา หึ้ย...ดีใจจังเลย แต่! ทำไมจู่ๆเปิดได้ล่ะ...” ประกายเดือนหน้าเสีย แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นแฟ้มประวัติคนไข้ที่ปาริฉัตรขโมยมาจากคลินิกหมอโก้อยู่ในลิ้นชัก ตัดสินใจหยิบออกมาเปิดดู แล้วยิ่งต้องตกใจเมื่อเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงทีละภาพๆ จนมาเป็นภาพกนกรัตน์ ประกาย–เดือนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ในขณะเดียวกัน นารถนรินทร์ช่วยปานตะวันและใบตองทำข้าวต้มหมูอยู่ในครัว ปานตะวันหั่นผัก นารถนรินทร์สับหมูด้วยอารมณ์คุกรุ่น สับแรงจนใบตองทำหน้าสยองถามว่าสับแรงไปหรือเปล่า ปานตะวันเอ่ยถามอารมณ์เสียเรื่องอะไร ใครทำ
“จะมีใครคะ ก็มีพี่คินทร์คนเดียวแหละ” นารถนรินทร์สะบัดเสียง “เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ไม่ใช่พี่คินทร์คนเดียว ต้องยัยค้อกแค้กนั่นด้วย ตัวดีเลย...พี่ตะวันคิดดูสิคะ เมื่อก่อนพี่คินทร์ต้องกลับมาทานข้าวกับนารถแทบทุกวัน จริงไหมพี่ใบตอง” ใบตองรับคำว่าจริง “แต่เดี๋ยวนี้ ตั้งแต่มียัยค้อกแค้ก พี่คินทร์หายไปเลย ไม่รู้โดนยัยนั่นดูดลงท่อไปไหน หายได้หายดี ถามจริงเถอะค่ะพี่ตะวันทำเฉยอยู่ได้ไงคะ พี่ตะวันไม่รักพี่คินทร์สักนิดเลยเหรอคะ”
ปานตะวันเผลอหั่นนิ้วตัวเองสะดุ้งร้องโอ๊ย...ทั้งนารถนรินทร์และใบตองตกใจ...ในขณะที่นาคินทร์มาส่งกนกรัตน์ที่ห้อง เธอพยายามอ้อนดึงรั้งให้เขาอยู่นานๆ นั่งประชิดชวนคุยว่าใกล้ถึงวันแต่งงานของนารถนรินทร์แล้ว ตนตื่นเต้นแทน เขาไม่รู้สึกบ้างหรือ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆตอบว่าแอบหวงน้องสาวอยู่เหมือนกัน หญิงสาวหน้าตึงไม่พอใจที่เขาไม่เข้าใจ...จึงหยั่งเชิงถาม นารถนรินทร์เป็นดวงใจของคนทั้งบ้าน แล้วดวงใจของเขาล่ะ อยู่ที่ไหน เขาถึงกับอึ้ง
ooooooo










