ตอนที่ 11
เช้าวันนี้สาวิตรีรอลูกๆพร้อมหน้าพร้อมตาบนโต๊ะอาหารเพื่อประกาศว่าได้ฤกษ์แต่งงานของนารถนรินทร์กับกรวิทย์มาแล้วคือสิ้นเดือนหน้าทุกคนยิ้มแย้มยินดียกเว้นนาคินทร์ที่เหลียวมองปานตะวันอย่างใจหายโพล่งขึ้นว่าไม่เร็วไปหรือ...ทุกคนหันมองเชิงถาม
“คือ...ผมคิดว่ามันอาจจะเร็วไปรึเปล่ายัยนารถก็ยังไม่หายดี”
“ใครว่านารถยังไม่หายดีอุ๊บ!...คือนารถจะบอกว่านารถก็ไม่ได้ไม่สบายซักหน่อยก็แค่ยังเดินไม่ได้แต่พี่วิทย์ก็ไม่ได้แคร์ไม่ใช่เหรอคะ” นารถนรินทร์เกือบหลุดปากหันไปถามกรวิทย์
“ครับ...เหตุผลเดียวที่จะทำให้นารถไม่ได้แต่งงานกับผมก็คือนารถไม่ได้รักผม”
“แต่นารถรักพี่วิทย์ค่ะ...รักมากด้วย”
ทวยเทพติงลูกสาวออกตัวแรงไปหรือเปล่านารถนรินทร์โอดโอยคนมันจริงใจผิดตรงไหนแล้วนึกได้ปกติต้องเป็นนัครินทร์ที่แซวตนทำไมคราวนี้เป็นพ่อทุกคนหันมองนัครินทร์ซึ่งดูเงียบขรึมผิดปกติสาวิตรีรีบเอามืออังหน้าผากลูกชายนัครินทร์เอ่ยว่าตนไม่ได้เป็นอะไรตนอยากแต่งงานสาวิตรีทวยเทพนารถนรินทร์และใบตองร้อง...ฮ้า...ด้วยความตกใจนาคินทร์หันขวับมามองนัครินทร์บอกทุกคนว่าตนอยากแต่งงานกับประกายเดือนปานตะวันแทบช็อก...
พอมีโอกาสปานตะวันเดินดุ่มๆเข้ามาบอกนาคินทร์ให้ล้มเลิกเสียเขาย้อนถามว่าอะไร
“ไม่ต้องมายอกย้อนล้มเลิกแผนแก้แค้นบ้าๆของคุณซะฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมจะแก้แค้นบ้าบออะไรก็ให้มาลงที่ฉันคนเดียวพออย่าแตะต้องประกายเดือน”
นาคินทร์ลุกพรวดประจันหน้า “คุณนั่นแหละเลิกเนียนได้แล้วเลิกเล่นละครซะทีที่สำคัญเลิกเสี้ยมสอนน้องสาวให้ยั่วผู้ชายจนหลงหัวปักหัวปําอย่างที่พี่สาวชอบทำด้วย”
“คุณพูดอะไร!” ปานตะวันตวาดกลับ
นาคินทร์สวน “รู้อยู่แก่ใจ...เล่นแรงนะเอาซะ นายนัคอยากแต่งงานด้วยร้ายทั้งพี่ทั้งน้อง”
“ไม่จริง! คุณนั่นแหละวางแผนให้น้องชายคุณหลอกน้องสาวฉัน”
“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า...ทั้งคุณทั้งน้องสาวคุณมีอะไรให้หลอก...พวกคุณต่างหากรวมหัวกันวางแผนจับผู้ชายบ้านนี้” นาคินทร์เยาะหยัน
“ผู้ชายบ้านนี้...จริงสินะจะว่าไปผู้ชายบ้านนี้ก็น่าจับจริงๆซะด้วยทั้งคุณนัครินทร์ทั้งคุณอัครินทร์จะมีก็แต่คุณคนเดียวที่น่ารังเกียจน่าขยะแขยงที่สุด”
นาคินทร์โกรธกระชากปานตะวันมาใกล้ๆ “ขยะแขยง...หรือ...จับผมไม่สำเร็จสินะ”
ปานตะวันสวนไม่เคยคิดจะจับเขาให้ไปสั่งนัครินทร์เลิกยุ่งกับประกายเดือนนาคินทร์โต้กลับให้เธอไปสอนน้องสาวอย่าคิดจับน้องชายตน...สองคนจ้องหน้ากันไม่มีใครยอมใคร
อีกมุมหนึ่งของบ้านอัครินทร์แสดงความยินดีกับนัครินทร์แต่เขากลับหวั่นใจเพราะนาคินทร์ล้มกระดานได้ทุกเรื่องอัครินทร์ปลอบถ้าเป็นเรื่องงานที่บริษัทก็คงใช่แต่ถ้าเรื่องหัวใจคนในบ้านคงไม่ใช่เพราะหัวใจเราเป็นของเรานัครินทร์เริ่มมีกำลังใจขึ้นพร้อมลุย
ปานตะวันไม่รอช้าโทรศัพท์ไปปลุกประกายเดือนเธองัวเงียรับสายบอกว่าง่วงมากเดี๋ยวโทร.กลับแล้ววางสายไปซักพักเสียงกริ่งดังขึ้นประกายเดือนลุกขึ้นบ่นจะอะไรกันนักหนาคิดว่าเป็นพี่สาวเดินไปเปิดประตูหลับตาบ่นก็ขอนอนก่อนแล้วจะโทร.กลับปรากฏว่าเป็นนัครินทร์เขาดึงเธอตัวปลิวให้ไปด้วยกันเธอตกใจร้องลั่น
นัครินทร์พาประกายเดือนมาที่สำนักงานเขตทั้งที่เธอยังอยู่ในชุดนอนหัวกระเซิงเจ้าหน้าที่ถามว่าแน่ใจหรือเขาตอบว่าแน่ใจ...พร้อมกับประกายเดือนที่ตอบว่า... ไม่แน่...เจ้าหน้าที่ทำหน้างงนัครินทร์จึงพูดชัดถ้อยชัดคำใหม่ว่า “ผมจะพาภรรยาผมมาจดทะเบียนฮะ”
“บ้า! ใครภรรยาคุณ...” ประกายเดือนร้องลั่น
“ก็คุณไงฮะภรรยาผมภรรยาผมก็ต้องเป็นคุณคนเดียวเท่านั้นแหละฮะ”
ประกายเดือนหาว่าเขามั่วเจ้าหน้าที่กระแอมขัดตกลงจะเอาอย่างไรนัครินทร์คว้าปากกาเซ็นชื่อในใบทะเบียนสมรสแล้วเลื่อนไปให้ประกายเดือนหญิงสาวลังเลใจบอกเขาน้ำเสียงจริงจังว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
นัครินทร์กล่าวอย่างจริงจังและจริงใจเช่นกัน
“คุณกับพี่สาวคุณและทุกคนบนโลกนี้จะได้รู้ฮะว่าผมไม่ได้เล่นๆกับคุณผมรักคุณจริงๆที่ผมจะทำให้คุณเห็นได้ในตอนนี้ส่วนต่อไปให้โอกาสผมได้ทำให้คุณเห็นว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”...ประกายเดือนซาบซึ้งใจน้ำตาร่วงแหมะบนทะเบียนสมรส
“อ้าว...เปียกเลย...” เจ้าหน้าที่เปรย
“ไม่เป็นไร...ร่องรอยที่ระลึกแห่งความดีใจ” นัครินทร์เอาแขนเสื้อซับๆ
ประกายเดือนจดปากกาเซ็นชื่อชายหนุ่มดีใจอุ้มเธอตัวลอยหมุนๆเจ้าหน้าที่อดยิ้มไม่ได้...หลังจากนั้นประกายเดือนโทร.บอกพราวพรรณรายให้รับรู้เพราะไม่กล้าบอกปานตะวันพราวพรรณรายแทบตกเก้าอี้เพราะรู้ว่าเวลาที่เพื่อนเดือดมันเดือดขนาดไหน
“พี่พิงค์อย่าเพิ่งบอกตะวันนะ...ขอร้อง...”
“พี่ไม่บอกแล้วถ้าคนอื่นบอกล่ะ”
ประกายเดือนหวั่นใจแต่ได้กำชับนัครินทร์แล้วไม่ให้บอกใครพราวพรรณรายถอนใจ...พอกลับถึงคอนโดนัครินทร์โดดขึ้นนอนบนเตียงโครมประกายเดือนร้องลั่นไม่ยอมให้เขาทำอะไรตนทั้งนั้นจนกว่าจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นนัครินทร์โอดโอย
“โห...คุณอ่ะจะโหดไปถึงไหนฮะผมแสดงความจริงใจให้คุณขนาดนี้แล้วนะฮะ”
“อีแค่จดทะเบียนไม่ได้แปลว่าคุณจะจริงใจกับฉันตลอดไปไม่เห็นเหรอจดได้ก็หย่าได้”
นัครินทร์โอดครวญจะให้ทำอย่างไรเธอไล่ให้เขากลับบ้านก่อนเขาไม่ยอมขอนอนเฉยๆสัญญาจะไม่ล่วงเกินเธอเลยประกายเดือนลังเลแต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจเวลาที่เขาอยู่ด้วยจึงยอมไว้ใจ
ooooooo
เป็นเรื่องประจำวันของมอลลี่ที่ชอบดูอินสตาแกรมดาราไฮโซทุกเช้าก่อนทำงานโดยมีลูกกอล์ฟคอยเม้าท์มอยสนุกสนานจามจุรีต้องปรามให้เริ่มทำงานแทบทุกวันแล้วมอลลี่ก็ได้เห็นภาพนาคินทร์นั่งทานอาหารกับกนกรัตน์จึงเปรยให้ปาริฉัตรเจ็บใจเล่น
พอพักกลางวันปาริฉัตรจึงเสิร์ชเข้าไปในไอจีกนกรัตน์จนเห็นภาพเธอกับนาคินทร์มากมายก็เกิดอารมณ์หึงทันใดเห็นคอมเมนต์ของมิลค์ขึ้นมาว่า “อีเคท...ลบเม้นต์กูมัยวะ...”
ปาริฉัตรจึงคลิกเข้าไปที่ชื่อมิลค์พอเห็นภาพก็ตาโพลง “นี่มันพี่มิลค์นี่!”
ปาริฉัตรไล่ดูรูปมิลค์ไปเรื่อยจนมาถึงภาพล่าสุดนั่งกินกาแฟกับกนกรัตน์มีคำบรรยายใต้ภาพว่า...หมอไหนทำหน้าให้อีเคทเนี่ยทำหน้ายักษ์ 555...ปาริฉัตรครุ่นคิดทำไมถึงเรียกอีเคททันใดจามจุรีเข้ามาเอ็ดให้เริ่มทำงานอย่าทำตัวอย่างมอลลี่เธอรีบซ่อนมือถือก้มหน้าทำงาน...
ในวันเดียวกันมิลค์มาดักเจอกนกรัตน์ที่สถานฟิตเนสเพื่อต่อว่า “ลบเม้นต์ฉันทำไมแล้วยังบล็อกไอจีฉันอีกแกหมายความว่าไงอีเคท...”
“เลิกเรียกฉันว่า...อีได้แล้ว” กนกรัตน์จ้องหน้าไม่พอใจ
“ทำไม...ทำไมฉันจะเรียกไม่ได้เมื่อก่อนตอนอยู่อเมริกาฉันก็เรียกแกอย่างนี้อีเคทอ๊าย...”
กนกรัตน์บีบปากมิลค์ดันตัวไปกระแทกล็อกเกอร์มิลค์ตกใจพยายามจะแกะมือเพื่อนออกแต่เธอบีบแน่นเข่นเขี้ยว “ในเมื่อพูดกันดีๆไม่เชื่อฉันก็ต้องทำแบบนี้ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉันอีก...เราไม่เคยรู้จักกันเข้าใจไหม”
มิลค์เจ็บจนต้องพยักหน้าหงึกๆกนกรัตน์ผลักมิลค์กระเด็นแล้วเดินจากไปมิลค์มองตามด้วยความเจ็บใจด่าไล่หลังให้จำไว้...
วันต่อมานาคินทร์ได้รับคำสั่งจากสาวิตรีให้พานารถนรินทร์มาเลือกชุดแต่งงานโดยมีปานตะวันมาด้วยนารถนรินทร์ไม่ยอมให้เจ้าของร้านเข้ามาแต่งตัวให้เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าตนเดินได้แล้วจึงให้เพียงปานตะวันเป็นคนช่วยพอถึงเวลาต้องแก้ไขชุดจึงให้ปานตะวันไปรอนอกห้องเธอจึงเดินดูชุดวิวาห์ที่แขวนอยู่อย่างเพลิดเพลินนาคินทร์เผลอมองเธออย่างไม่รู้ตัว
พลันอาร์ตเดินผ่านมาหน้าร้านเห็นปานตะวันก็วิ่งพรวดเข้ามาหานาคินทร์ชะงักดึงปานตะวันมาซบอกอาร์ตโวยวายให้ปล่อยนาคินทร์บอกให้เขากลับไปหาเมียอาร์ตตีโพยตีพายว่าปานตะวันใจร้ายไม่ยอมรับโทรศัพท์ตนตนอยากจะบอกว่าจะหย่ากับมิลค์กลับมาคืนดีกับเธอ
“พี่อาร์ต...มันไม่มีทางเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว” ปานตะวันอธิบายอาร์ตถามทำไม
นาคินทร์สวน “เพราะตะวันเป็นแฟนผมเรากำลังจะแต่งงานกัน”
อาร์ตช็อกทรุดลงน้ำตาคลอปานตะวันมองด้วยความสงสารนาคินทร์กระชับกอดเธอแน่นขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจเผอิญแตงโมเดินผ่านมาเห็นช็อตเด็ดรีบเก็บภาพนั้นไว้...ขณะเดียวกันกนกรัตน์เดินในห้างเห็นมิลค์ก็รีบหลบอีกฟากหนึ่งปาริฉัตรเดินอยู่เห็นมิลค์ก็ร้องเรียกแต่มิลค์ใส่หูฟังจึงไม่ได้ยินปาริฉัตรร้องเรียกวิ่งข้ามฟากมากนกรัตน์ตาโพลงเมื่อรู้ว่าสองคนนี้รู้จักกันจึงดึงมิลค์ซึ่งเดินชิวๆอยู่ออกไปจากตรงนั้นปาริฉัตรวิ่งมาถึงแปลกใจที่มิลค์หายไป
กนกรัตน์ดึงมิลค์มานั่งในร้านกาแฟมิลค์หน้างอต่อว่าวันก่อนยังเหวี่ยงใส่ตนทำไมวันนี้มาทำหวานกนกรัตน์ทำเป็นขอโทษยอมรับผิดไม่ทันไรแตงโมส่งภาพอาร์ตกับประกายเดือนมาให้มิลค์โกรธจนตัวสั่นไม่รอฟังคำแก้ตัวของกนกรัตน์อีกส่งรูปปานตะวันให้ดู
“อีเคทดูสินี่ใคร...ฉันกับแกคงต้องมาจับมือกันอย่างด่วนแล้วล่ะอีเคท”...กนกรัตน์สุดแค้น
ooooooo
ถึงบ้านปานตะวันรีบหนีนาคินทร์จะเข้าห้องเปลี่ยนใจเกรงเขาตามเข้าไปจึงเบนไปทางอื่นแต่นาคินทร์ปราดเข้ารวบตัวดันเข้าห้องเยาะไม่มีวันหนีรอดไปได้เขาโน้มหน้ามาใกล้
“เสน่ห์แรงจริงนะไม่คิดจะขอบคุณผมซักคำเหรอวันนี้ผมอุตส่าห์จัดการไล่กุ๊ยพี่อาร์ตของคุณไปได้...คุณยังไม่ขอบคุณผมซักคำ”
ปานตะวันมองเยาะหยัน “ขอบคุณ...คุณต่างหากที่ต้องขอโทษฉันคุณนาคินทร์...พี่อาร์ตของฉันอุตส่าห์หย่าเมียเพื่อจะกลับมาง้อขอคืนดีกับฉันแต่คุณดันมาไล่เขาแถมยังทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉันอีกคุณต้องขอโทษฉัน”
“อะไรนะ!” นาคินทร์งง
“ฉันกะจะเล่นตัวอีกสักนิดให้พี่อาร์ตง้ออีกหน่อยเผื่อจะอัพราคาค่าหายงอนได้อีกซักสิบล้านยี่สิบล้านเฮ้อ...คุณทำแผนฉันพังหมด” ปานตะวันกะยั่วโมโหนาคินทร์ให้ไปจากตน
แต่นาคินทร์กลับกระชากเธอเข้ามาจูบเป็นการให้หยุดพูดเขาจูบเธอหนักหน่วงด้วยความโกรธแล้วค่อยๆนุ่มนวลขึ้นเพราะความรักที่ซ่อนอยู่ในใจจนเธอนิ่งงันแล้วเขาก็ผลักเธอออกเยาะด้วยน้ำเสียงเหนือกว่าก่อนจะกลับออกไป “อยากให้ขอโทษอีกเมื่อไหร่ก็บอก...”
ปานตะวันอึ้งรับรู้ถึงสัมผัสในครั้งนี้...นาคินทร์เองไม่ยอมรับว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอนั้นเปลี่ยนไป...ในขณะเดียวกันกนกรัตน์พยายามโทร.หานาคินทร์แต่เขาปิดเครื่องก็หงุดหงิดเปลี่ยนมาเปิดไอจีดูภาพหวานๆของตนกับนาคินทร์ที่ตัวเองลงไว้อ่านคอมเมนต์ของคนที่เข้ามาดูพลันมีคอมเมนต์แตงโมโผล่ขึ้นมา “ลืมกำพืดลืมหน้าเก่าไว้จะเอาหน้าเก่ามาเตือนความจำให้”
กนกรัตน์โกรธจนตัวสั่นตามมาเอาเรื่องแตงโมถึงที่ผับแห่งหนึ่งแตงโมเมากรึ่มๆล่ำลาเพื่อนๆมาขึ้นรถสตาร์ตเท่าไหร่ไม่ติดจึงลงมาบ่นด่าข้างรถแล้วเตะจนเจ็บเท้าเองกนกรัตน์เข้ามาหัวเราะเจ็บมากไหมแตงโมแทบสร่างเมาหันมาด่าทอกนกรัตน์ปรี่เข้าบีบปากขู่ตะคอก
“ก็ปากดีอย่างนี้ไงล่ะอ้อ...ไม่ใช่ปากดีสินะต้องบอกว่าปากพาซวยมากกว่าอยู่ดีๆไม่ชอบฉันถามแกหน่อยเถอะที่แกบอกว่าจะเอาหน้าเก่าของฉันมาเตือนความจำให้น่ะหมายความว่าไง”
แตงโมชักกลัวลนลานบอกว่าแค่จะส่งรูปเก่าๆมาล้อเล่นกนกรัตน์ปรี๊ดแตกถามยังมีรูปพวกนั้นอยู่หรือแตงโมส่ายหน้าตนไม่มีแต่หมอโก้น่าจะมี...กนกรัตน์แค้นใจทำไมต้องมายุ่งกับตนว่าแล้วก็ผลักหัวแตงโมโขกรถจนมึนแตงโมกลัวลากขาวิ่งหนีกนกรัตน์วิ่งตามไม่คาดคิดมีรถแล่นมาอย่างเร็วชนแตงโมตัวลอยตกลงมาเลือดทะลักออกปากจมูกกนกรัตน์ตกใจรีบหลบเข้ามุมมืดปล่อยคนขับลงมาโวยวายหน้าตื่นที่จู่ๆมีคนวิ่งตัดหน้าจนเกิดอุบัติเหตุ
ooooooo
รุ่งเช้าปานตะวันใส่บาตรกับสาวิตรีและนารถ-นรินทร์นาคินทร์เดินมาสาวิตรีเรียกให้ร่วมใส่บาตรและสอนว่าเกิดมาเป็นคนได้ควรหมั่นทำบุญไม่เหมือนสัตว์เดรัจฉานที่เกิดมาไม่มีโอกาสสร้างบุญกุศลนารถ-นรินทร์ยิ้มกริ่มที่พี่ชายได้ใส่บาตรร่วมกับปานตะวัน
สาวิตรีอธิษฐานขอให้มีปาฏิหาริย์ทำให้ลูกสาวเดินได้ก่อนวันแต่งงานนารถนรินทร์อมยิ้มโผกอดแม่ “ขอบคุณค่ะคุณแม่นารถเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริงค่ะ...พี่ตะวันว่าจริงไหมคะ”
ปานตะวันส่งยิ้มยินดีรับว่าจริงนาคินทร์หน้าเจื่อนเกรงจะเสียปานตะวันไป...เมื่อปานตะวันเอาถาดมาเก็บในครัวนาคินทร์ตามเข้ามาถากถางคงดีใจมากถ้านารถนรินทร์เดินได้
“อ้าว...แล้วคุณไม่ดีใจเหรอคะคุณไม่อยากให้น้องสาวคุณเดินได้เหรอคะ”
“อยากจะออกไปจากที่นี่จนตัวสั่นสินะ” นาคินทร์เข่นเขี้ยว
“แน่นอนอยู่แล้วใครจะอยากอยู่” ปานตะวันจะเดินหนีนาคินทร์ดึงไว้เธอจ้องหน้าถามจะหาเรื่องอะไรอีกเขาจ้องตาเธออยากจะพูดบางอย่างแต่พูดไม่ออก
ใบตองเดินเข้ามาสองคนผละออกเดินไปคนละทางใบตองบ่นอุบเสียดายแต่ก็ชอบใจที่สองคนใส่บาตรด้วยกันปุ๊บกลับมาปิ๊งกันปั๊บ...
ในบริษัทมอลลี่ลูกกอล์ฟและจามจุรีกำลังอ่านข่าวน่าสลดของแตงโมที่โดนรถชนตายเมื่อคืนประกายเดือนหอบแฟ้มงานเดินมามอลลี่เห็นอุทานงานแบกหามแบบนี้ไม่เหมาะกับคุณนายท่านรองให้ลูกกอล์ฟช่วยถือแต่พอปาริฉัตรหอบแฟ้มงานมาอีกคนกลับถากถาง
“คุณน้องเลขาฉัตรแบกหามไปก่อนละกันนะคะได้เป็นคุณนายท่านประธานเมื่อไหร่แล้วคุณพี่จะมาช่วยคริๆๆ”...ยิ่งสร้างความเจ็บแค้นให้ปาริฉัตร
ประกายเดือนแล่นมาโวยวายนัครินทร์ในห้องทำงานหาว่าไปพูดให้ใครฟังเรื่องจดทะเบียนสมรสมอลลี่ถึงเรียกตนว่าคุณนายท่านรองนัครินทร์นึกได้คงเป็นวันก่อนที่ประกายเดือนงอนจนตนต้องตามง้อที่หน้าห้องแล้วคุกเข่าขอแต่งงานหญิงสาวนึกได้ทำหน้าแหยๆ...จามจุรีเข้ามาเห็นสองคนใกล้ชิดกันก็ตกใจนัครินทร์เอ็ดมีธุระอะไรตนยังไม่ว่างจามจุรีรีบกลับออกไปประกายเดือนตีนัครินทร์ยกใหญ่ที่ทำอย่างนั้นเขาหัวเราะรวบตัวเธอมากอด
ด้านกนกรัตน์เห็นข่าวการตายของแตงโมในหน้าหนังสือพิมพ์ไม่สลดใจแม้แต่น้อยกลับหาว่าแตงโมทำตัวเองพลันต้องสะดุ้งเมื่อมิลค์โทร.เข้ามากนกรัตน์ชั่งใจสักพักจึงรับสายมิลค์ร้องไห้บอกเรื่องการตายของแตงโมกนกรัตน์ทำเป็นตกใจและเห็นใจกับข่าวนี้
วันเดียวกันปานตะวันออกมาทานกลางวันกับพราวพรรณรายและประกายเดือนสามสาวคุยกันเรื่องอุบัติเหตุของแตงโมอย่างสลดใจพราวพรรณรายฉวยโอกาสเสนอให้ประกายเดือนมีบอดี้การ์ดสักคนไว้ช่วยคุ้มกันเวลาไปไหนมาไหนปานตะวันแว้ดไม่จำเป็น
“โหย...จะหวงไปถึงไหนกลัวไม่มีใครโหนคานเป็นเพื่อนรึไง” พราวพรรณรายติง
“ใช่ยังไงก็ต้องโหนอยู่ด้วยกันสามคนนี่แหละ”
“ว้าย! เพื่อนอะไรนิสัยไม่ดีไม่เอานะยะเค้าไม่ยอมเหี่ยวแห้งหิวโหยไปทั้งชาติแน่นอนเนอะเดือนเนอะ” เห็นประกายเดือนจ๋อยๆจึงกระเซ้า “เอางี้ใครแต่งก่อนที่เหลือต้องเลี้ยง”
ปานตะวันโวยไม่เอาด้วยพราวพรรณรายกระเซ้ากลัวจะต้องเป็นคนเลี้ยงเพราะไม่ได้แต่งปานตะวันโยนผักใส่หน้าพราวพรรณรายร้องลั่นถ้าหน้าเสียโฉมหาสามีไม่ได้จะทำอย่างไร
“เสียโฉมก็ไปทำศัลยกรรมกับหมอโก้เพื่อนเธอสิข่าวว่าเก่งมากไม่ใช่เหรอ”
บังเอิญกนกรัตน์เดินผ่านมาได้ยินสะดุ้งสุดตัวรีบแอบฟังพราวพรรณรายกำลังชื่นชมหมอโก้ให้ฟังว่าเก่งถึงขนาดซุปตาร์ฮอลลีวูดเป็นลูกค้าเพียบไฮโซบ้านเราก็ให้เขาทุบหน้ากันทั้งนั้นนี่ตนก็กำลังสืบอยู่ว่ามีใครบ้าง...กนกรัตน์หูผึ่งกลัวความลับตัวเองแตก
เมื่อกนกรัตน์มาเจอกับนาคินทร์ที่ร้านที่นัดไว้สีหน้าเธอยังดูวิตกกังวลจนเขานึกว่าเธอไม่สบายเธอกลับหันมาถามเขาดื้อๆ “พี่คินทร์...รักเคทใช่ไหมคะ”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะครับ” นาคินทร์อึ้งๆเปลี่ยนเรื่องชี้ชวนให้ทานอาหาร
กนกรัตน์ยิ่งหวั่นใจระแวงว่านาคินทร์ไม่ได้สนใจตัวเองเหมือนที่หวังไว้...แยกจากกนกรัตน์มิลค์เดินซื้อของต่อปาริฉัตรเดินมาเจอเข้าทักด้วยความดีใจเพราะมิลค์เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนและชมว่ามิลค์เป็นไฮโซที่สวยกว่ายายเคทอะไรนั่นมิลค์ชะงักถามเคทไหนปาริฉัตรนึก...ว่าชื่อจริงคือกนกอะไร...มิลค์แทรก กนกรัตน์ใช่ไหม
“นั่นแหละค่ะฉัตรไม่เห็นชอบเลยสวยสู้พี่มิลค์ก็ไม่ได้แต่ทำไมใครๆชอบว่าเขาสวย”
“ชิ...สวยด้วยแพทย์น่ะสิทุบหน้ามาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ” ปาริฉัตรตาโพลงไม่อยากเชื่อมิลค์ย้ำ “จริง... ไม่เชื่อเดี๋ยวพาไปมั่งเอาไหมล่ะจิ้มให้โด่งแป๊บเดียวร้อยไหมคงไม่ต้องแต่ต้องกลูต้าหนักหน่อยแต่ไม่เจ็บเลยนะไม่ต้องกลัวหมอโก้นี่เก่งมาก...แต่เดี๋ยวของพี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะพี่สวยธรรมชาติแค่ดัดฟัน”
ปาริฉัตรจ้องหน้ามิลค์แต่หูไม่ได้ฟังที่เธอพูดแล้วนึกถึงแต่เรื่องของกนกรัตน์อย่างสะใจ
ooooooo
ค่ำวันนั้นอัครินทร์เห็นปานตะวันยังไม่นอนจึงเอานมอุ่นๆมาให้เธอบ่นวันนี้ทานเป็นลิตรแล้วถ้าเปลี่ยนเป็นยำคงจะดีอัครินทร์ยิ้มกริ่มลงมือทำยำปลากระป๋องให้อย่างคล่องแคล่วปานตะวันมองอย่างเปรี้ยวปากแล้วแซวว่าเขาลืมใส่หอมใหญ่
“ไม่ได้ลื้ม...แต่เวลาหั่นหอมหัวใหญ่แล้วมันแสบตาผมก็เลยตั้งใจจะไม่ใส่”
ปานตะวันยิ้มๆหยิบหอมใหญ่ในตู้เย็นมาซอยให้อัครินทร์มองทึ่งๆแล้วบอกว่า “คุณแม่บอกตลอดเลยว่าคนไหนหั่นหอมแล้วน้ำตาไหลพรากๆอย่าเอามาเป็นลูกสะใภ้แม่เด็ดขาด”
ปานตะวันชะงักเพราะนาคินทร์ก็เคยพูดประโยคนี้เช่นกัน...หลังทานเสร็จปานตะวันเข้าห้องนอนเอามือลูบท้องน้ำตาไหลพรากร้าวรานใจพึมพำบอกลูกว่าพ่อเขาไม่ได้รักแม่...
ด้านนาคินทร์มาส่งกนกรัตน์บนห้องหลังกลับจากงานเลี้ยงกนกรัตน์ทาปากแดงเข้มสีเดียวกับที่ซื้อให้ปาริฉัตร เธอพยายามยั่วยวนบอกรักเขาแต่ดูเหมือนเขาจะเย็นชาจึงใช้ไม้เด็ดร้องไห้สะอึกสะอื้นว่าเขาไม่รักนาคินทร์แพ้น้ำตาใจอ่อนกอดปลอบแต่พอจะเคลิ้มก็นึกถึงกนกวลีผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่เธอจึงผละออกแล้วขอตัวกลับทันทียิ่งสร้างความเจ็บแค้นให้กนกรัตน์
ปานตะวันสะดุ้งตื่นหลังจากร้องไห้จนหลับไปจึงคว้าผ้าคลุมไหล่เดินออกจากห้องมาดื่มน้ำพลันเห็นนาคินทร์ฟุบหลับอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์เธอยืนมองอย่างลังเลตัดสินใจไม่ยุ่งดีกว่าแต่พอจะเดินไปนาคินทร์ปัดแก้วตกแตกเธอสะดุ้งพรวดเข้าหาด้วยความเป็นห่วง...
ปานตะวันปลุกนาคินทร์เบาๆ ทันใดเขาโผกอดเธอพึมพำ “อย่าทิ้งผม...อย่าทิ้งผมไป...”
ปานตะวันตัวแข็งทื่อหัวใจอ่อนยวบประคองเขามานอนบนโซฟาเช็ดเนื้อตัวเขาให้สบายขึ้นเขายังละเมอ “อย่าทิ้งผมไป...ผมรักคุณ...” เธอชะงักสับสนอยากรู้ว่าเขาหมายถึงใครสุดท้ายตัดสินใจเอาผ้าคลุมไหล่ห่มให้เขาก่อนจะเดินจากไป
หลังจากที่กนกรัตน์อาละวาดจนหมดแรงหลับไปต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์เธอคว้ามารับสายกรอกเสียงลงไป “พี่คินทร์! ทำไมพี่คินทร์โทร.มาช้าคะทำไม...”
แต่เสียงที่ตอบกลับมากลายเป็นเสียงปริศนา “ฉันจะกระชากหน้ากากแก....”
กนกรัตน์ตกใจรีบดูเบอร์ เห็นเป็นเบอร์สาธารณะก็รีบถาม...แกเป็นใครและคิดว่าเป็นมิลค์เสียงตอบกลับมาว่า...นังจอมปลอม
“ฉันถามว่าแกเป็นใคร!” กนกรัตน์กรี๊ดลั่น
“นังหน้าปลอม...”
“ถ้าฉันรู้ว่าแกเป็นใครฉันเอาแกตายแน่”
“แกสิตาย...กว่าที่แกจะรู้ว่าฉันเป็นใครตอนนั้นคนทั้งโลกคงรู้กันหมดแล้วว่าแกนั่นแหละ...เป็นใครโดยเฉพาะคนแรกที่ต้องรู้คือ...คุณนาคินทร์”
“อีบ้า! ฉันจะฆ่าแก...ฉันจะฆ่าแก...แกเป็นใครฉันจะฆ่าแก...” กนกรัตน์ขว้างมือถือทิ้งแทบคลั่ง “ไม่ได้คุณนาคินทร์จะรู้ไม่ได้คุณนาคินทร์เป็นความฝันเดียวของฉัน” กนกรัตน์ครุ่นคิดว่าเป็นเสียงใครแล้วนึกถึงคำพูดของแตงโมที่บอกว่าหมอโก้ยังมีรูปเก่าตนเธอเข่นเขี้ยว “ฉันไม่มีวันที่จะปล่อยให้ใครมาทำลายความฝันของฉัน...ความฝันเดียวของฉันมันจะพังไม่ได้”
ooooooo
และแล้วก็มีมือดีย่องเบาเข้าไปรื้อค้นห้องทำงานหมอโก้...เช้าวันใหม่หมอโก้งุนงงที่ห้องทำงานเละเทะตรวจเช็กดูก็พบว่าแฟ้มประวัติคนไข้หายไปพอพราวพรรณรายรู้ก็แปลกใจ
รุ่งเช้าสาวิตรีทำอาหารเช้าพิเศษให้กรวิทย์ซึ่งมาทานด้วยทวยเทพกับนารถนรินทร์บ่นของพวกตนไม่เห็นพิเศษบ้างสาวิตรีตอบว่า “สาเหตุก็คือ...รมณ์เสียค่ะ...”
ทวยเทพกระเซ้าเดี๋ยวหน้าเหี่ยวใบตองแทรกไม่เป็นไรคลินิกปากซอยร้อยไหมโบทอกซ์ได้สาวิตรีตีใบตองเพียะขืนทำสุ่มสี่สุ่มห้าหน้าเละเป็นโจ๊กคนเราต้องงามตามธรรมชาติ
“ว่าแต่คุณแม่อารมณ์เสียเรื่องอะไรเหรอคะ” นารถนรินทร์ถาม
“ก็ดูสิบ้านนี้มีลูกชายตั้ง 3 คนแต่ไม่มีลูกชายมาทานข้าวเช้ากับแม่สักคนมีแต่ลูกวิทย์คนเดียวลูกวิทย์จึงสมควรได้อาหารเช้าสุดพิเศษเพียงคนเดียว”
พลันนาคินทร์เดินเข้ามาทุกคนมองอย่างแปลกใจที่สายแล้วเขายังไม่ไปทำงานนาคินทร์ไม่อยากบอกว่าเมื่อคืนเมาหันไปทักทายกรวิทย์ปานตะวันเหลือบมองผ้าคลุมไหล่ของตัวเองในมือเขานารถนรินทร์แขวะ “ทำไมจะไม่สายล่ะคะไปงานไฮโซกับยัยค็อกแค๊กนั่นซะดึกละสิ”
“ใครเป็นอะไรไม่สบายค็อกแค๊กคะ” สาวิตรีรีบถาม
“นี่ยัยนารถพี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าต้องให้เกียรติกนกเขา” นาคินทร์เอ็ดเบาๆ
นารถนรินทร์เถียงว่าไม่ใช่กนกนาคินทร์อึ้งรู้ว่าหลอกตัวเองมาตลอดจึงไม่ต่อปากต่อคำหันมายื่นผ้าในมือให้สาวิตรีขอบคุณที่เมื่อคืนเอาไปห่มให้สาวิตรีงงไม่รู้เรื่องหันมองลูกสาวเธอก็ส่ายหน้าทุกคนจึงมองปานตะวันเธอรีบลุกขอตัวไปเตรียมเครื่องทำกายภาพทุกคนยิ้มแน่ใจว่าเป็นของใครนาคินทร์ทำไม่สนใจวางผ้าลงบนโต๊ะฝากคืนเจ้าของแล้วออกไปนารถนรินทร์หันมาดีใจกับสาวิตรีที่ดูท่าลมจะพัดหวนใบตองแทรกจริงเพราะตนเห็นสองคนใกล้ชิดกัน
ปานตะวันออกมาเตรียมอุปกรณ์ทำกายภาพอยู่ริมสระนาคินทร์เดินผ่านมาชะงักมองแล้วเมินหน้าเดินต่อไปปานตะวันรู้สึกน้อยใจก้มหน้าหยิบของต่อบังเอิญทำหล่นพื้นพลันมีมือมาหยิบให้เธอเงยหน้ามองอึ้งๆเพราะใบหน้านาคินทร์อยู่แค่คืบแววตาเธอแอบดีใจ
“ไม่ต้องดีใจไปที่ช่วยเนี่ยจะได้หายกันผมไม่มีอะไรติดค้างคุณมีแต่คุณที่ติดหนี้ผมและก็ต้องชดใช้” นาคินทร์สะบัดหน้าเดินไป
พอมาถึงที่ทำงานนาคินทร์เรียกนัครินทร์มาพบเพื่อจะบอกว่าไม่ได้ห้ามไม่ให้คบกับประกายเดือนแต่ไม่เห็นด้วยที่จะแต่งงานกับเธอสักวันหนึ่งเขาจะเข้าใจว่าทำไมดูท่านัครินทร์นิ่งไม่ต่อปากต่อคำกลับส่งยิ้มกวนๆก่อนจะกลับออกไปนาคินทร์รู้สึกวันนี้น้องมาแปลก
ooooooo










