ตอนที่ 2
อัลบั้ม: เรื่องราวของ 3 สาวพี่น้อง ต่างพ่อแม่ แต่อยู่ในครอบครัวเดียวกันใน "สามใบไม่เถา"
เพื่อเอาใจ “พ่อตา” แสงฉานทำเป็ดอบยัดไส้สูตรฝรั่งเศสไปฝากอัษฎา อ้อนอุรวสาให้ลองแย็บๆ กับคุณพ่อหน่อยว่าลูกเขยคนโตท่านเป็นเชฟ ท่านจะยอมรับไหม
“ไม่ยอม” อุรวสาตอบโดยไม่ต้องคิด แสงฉานอ้อนให้ลองเกริ่นดูเผื่อท่านไม่รังเกียจ ตนจะได้เข้าไปเปิดตัว อุรวสายืนยันว่าไม่ได้ผลหรอก แต่แสงฉานก็ยังติงอย่างมีความหวังว่าไม่ลองจะรู้เหรอ
พออัษฎาได้ชิมเป็ดยัดไส้ที่อุรวสาบอกว่าซื้อมาฝากก็ชมว่าอร่อยมาก เนื้อนุ่มแทบละลายในปาก ไส้ข้างในก็อร่อย แต่พออุรวสาบอกว่า เพื่อนตนเคยเป็นเชฟโรงแรมห้าดาวที่ซานฟรานฯ กลับเมืองไทยแล้วเห็นว่าจะทำร้านอาหารที่เมืองไทย อัษฎาก็ยังชมว่ารสชาติเยี่ยมเลย
“คุณพ่อชอบเหรอคะ เนี่ย...เขาตั้งใจทำเป็ดมาให้คุณพ่อโดยเฉพาะเลยนะคะ” อัษฎาถามว่ารู้จักเขาได้ยังไง “เอ้อ...เป็นคนไทยในซานฟรานฯเหมือนกันน่ะค่ะ”
อัษฎาถามทันทีว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย พออุรวสาบอกว่าผู้ชายก็ถามสวนทันทีว่า สนิทกัน? เธอบอกว่าสนิทกันตั้งแต่งานสมาคมคนไทย
“มันเอาเป็ดมาเซ่นพ่อ มันจีบลูก!” อัษฎาหน้าตึงทันที บราลีถามว่าสรุปอย่างนั้นเลยหรือ อัษฎาเสียงเข้มว่าก็อย่างนี้แหละ แล้วเลื่อนจานเป็ดออกไปอย่างรังเกียจ “กินคำแรกๆ ก็อร่อยดี กินไปเรื่อยๆ รสชาติอย่างกับเป็ดไล่ทุ่ง ไม่ได้เรื่อง”
“วสานึกว่าคุณพ่อจะชอบ จะได้พาเขามาแนะนำให้คุณพ่อรู้จัก”
“พ่อไม่อยากรู้จัก ไม่ชอบแล้ว”
อุรวสาเซ็งสนิท เพราะพ่อไม่ยอมเปิดใจให้เลยแม้แต่น้อย
ooooooo
อันตราโทร.รายงานการติดตามเวศม์แก่ศศิพิมลว่า
“ดิฉันตามดูสามีคุณทั้งวัน ยังไม่เห็นไปหาผู้หญิงที่ไหนนะคะ เอ...คุณศศิพิมลไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับสามีเหรอคะ”
“เขาซื้อบ้านนั้นเพราะอยากอยู่ห่างๆดิฉันค่ะ ดิฉันเคยขอเขา...” ศศิพิมลโกหก แต่พอเหลือบเห็น พงษ์ชัยสามีตัวเองกำลังโอบเอวหญิงสาวเข้ามา เธอวางสายอันตราทันที อันตราโทร.กลับก็ไม่รับสาย เลยเลิกโทร.ขับรถกลับบ้าน
ศศิพิมลปราดไปดักพงษ์ชัยบอกว่าตนเพิ่งเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ช่วยไปนอนกันทีอื่นเถิด พงษ์ชัยหัวเราะเยาะถามว่าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า นี่บ้านตน ตนจะพาใครมานอนก็ได้ ถ้าทนไม่ไหวก็ไปเสีย ศศิพิมลโกรธจัดด่าไอ้ชั่ว เลยถูกพงษ์ชัยตบปาก
“สำนึกไว้บ้างว่าใครหาเลี้ยง ถ้าอยากอยู่บ้านหลังนี้ต่อไป เธอต้องทำตัวให้เหมาะสมมากกว่านี้” พงษ์ชัยชี้หน้าขึงขัง หัวเราะใส่หน้าแล้วประคองสาวขึ้นข้างบน ศศิพิมลได้แต่มองตามร้องไห้สงสารตัวเอง
ศศิพิมลโทร.หาเวศม์ อดีตสามีวัยอ่อนกว่าเกือบสิบปี บอกว่าตนอยู่หน้าบ้านเขาแล้ว เวศม์ออกมาเปิดประตูพาเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ฟังศศิพิมลคร่ำครวญว่าถูกพงษ์ชัยตบอีกแล้ว เวศม์บอกว่าตนไม่เข้าใจว่าเธอทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง
“จะเลิกกับพงษ์ชัยมันไม่ง่ายหรอกเวศม์” เหลือบเห็นรูปรับปริญญาของเวศม์บนหลังตู้ เธอลุกไปหยิบดู “มาบ้านเวศม์คราวก่อน พี่ไม่ได้สังเกต วันรับปริญญาเวศม์สวมแหวนของเรา” เธอมองแหวนเงินที่นิ้วนางซ้ายของเขา ต่างก็นึกถึงอดีต
“พี่ขอโทษที่ทำให้เวศม์เสียใจ พี่รู้ว่าเวศม์รักพี่มากแค่ไหน” ศศิพิมลเอ่ยขึ้นก่อน
เวศม์ชูมือให้ดูไม่มีแหวนแล้ว เขาบอกว่า “มันเป็นอดีตไปแล้ว เราต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง ระหว่างเรามันเป็นเพียงแค่คนที่เคยผูกพัน” แล้วเวศม์ก็ตัดบทว่า “ผมเตรียมห้องพักแขกให้พี่แล้ว พี่ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ”
ศศิพิมลพยายามที่จะรื้อฟื้นอดีต ถูกเวศม์ตัดบทว่า “ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วครับ” แล้วเขาก็หันไปกดปุ่มเปิดหนังดูไม่สนใจเธออีก ศศิพิมลจึงต้องเดินหน้าเศร้าขึ้นไปที่ห้องพักแขกชั้นบน
รุ่งเช้า ศศิพิมลเอาใจด้วยการไปซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยมาให้ คะยั้นคะยอให้เขาทานก่อนไปทำงาน เวศม์บอกว่าตนรีบ ศศิพิมลก็ยังเซ้าซี้บอกว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน เวศม์รู้ทันตัดบทว่าทุกอย่างมันจบไปนานแล้ว
“อย่าโกหกพี่เลย เวศม์ยังรักพี่ ไม่งั้นเวศม์ไม่ยอมเปิดห้องให้พี่นอนทุกครั้งที่มีปัญหาหรอก เวศม์ก็แค่ไม่ยอมรับใจตัวเอง เพราะเวศม์เป็นคนดี ไม่ต้องการเป็น ชู้กับเมียคนอื่น...พี่รักเวศม์นะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”
“ผมขอโทษ แต่สำหรับผม จบก็คือจบ วันนี้ผมรีบ ขอตัวก่อนนะครับ” เวศม์เดินออกไปอย่างหมดเยื่อใยแล้วจริงๆ
ooooooo
ที่ห้องประชุมโรงแรมของพงษ์ชัยในกรุงเทพฯ อุรวสากำลังพรีเซนต์งานรีโนเวทโรงแรมของพงษ์ชัยที่เกาะช้าง พงษ์ชัยฟังอย่างสนใจ นอกจากงานพรีเซนต์แล้วเขายังมองอุรวสาอย่างถูกใจ
“สวยมากครับ...” พงษ์ชัยชมทั้งงานชมทั้งคน มองอุรวสาแบบมัณฑนากรคนนี้สวยและเก่งมาก
อัษฎากับสมศักดิ์รู้ข่าวว่าบริษัทข้ามชาติเสนอโปรเจกต์แย่งงานบริษัทของตนก็มาที่โรงแรม สมศักดิ์โทร.เช็กข่าวแล้วเล่าว่า
“วงในไม่รู้ว่าไอ้บริษัทข้ามชาติที่มาแย่งเสนองานกับเราชื่อบริษัทอะไร แต่ที่แน่ๆ มีนัดพรีเซนต์งานกันวันนี้”
ทั้งสองเดินเข้าไปบริเวณโถงล็อบบี้โรงแรม เพื่อพบพงษ์ชัย เห็นพงษ์ชัยกับอนุวัติเดินลงมาส่งอุรวสาพอดี อัษฎามองตะลึง อุรวสาก็ตกใจ
อัษฎาถามว่ามาแย่งงานพ่อหรือ อุรวสาบอกว่าบอสเพิ่งมอบหมายงานให้ ตนไม่ได้แย่งงานคุณพ่อ
“บอสสั่งล่ะทำตาม พ่อสั่งไม่เคยทำ!” อัษฎาเคือง สมศักดิ์กระตุกแขนกระซิบเตือนว่าเรามาเรื่องงานนะ แต่อัษฎายังไม่ยอมเลิกตัดพ้อต่อว่าอุรวสาที่ไม่เคยทำตามความต้องการของตนเลย พงษ์ชัยเข้ามาถามว่ารู้จักกันหรือ
“ลูกสาวผมเองครับ”
“ที่แท้ก็คนกันเอง ใจเย็นๆครับคุณอัษฎา
โรงแรมของเรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกบริษัทไหน”
“ถ้าเลือกบริษัทดิฉัน โรงแรมของคุณต้องสวยที่สุดในเกาะช้างแน่นอนค่ะ”
“เลือกบริษัทผม โรงแรมคุณต้องได้รับรางวัลการออกแบบระดับโลก” อัษฎาเกทับแล้วบอกอุรวสาให้กลับไปคุยกันที่บ้าน เธอไม่กลับอ้างว่าต้องเข้าออฟฟิศ แล้วลาพงษ์ชัยเลย อัษฎาไม่ยอมเดินตามไปเถียงกันต่อ
สมศักดิ์เจรจากับพงษ์ชัยว่าทางที่ดีอย่าเพิ่งตัดสินใจ รอให้พ่อลูกเขาเคลียร์กันก่อน พงษ์ชัยบอกไม่มีปัญหา
“ขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปสงบศึกสายเลือด สวัสดีครับคุณพงษ์ชัย”
“ลูกสาวคุณอัษฎาสวยน่าดูนะครับ เก่งด้วย”
อนุวัติเอ่ยเมื่อเห็นพงษ์ชัยมองตามอุรวสาไปตาเป็นประกาย
ooooooo
เย็นนี้ อุรวสากับอัษฎากลับไปเถียงกันต่อที่บ้าน อุรวสาลากกระเป๋าจะไปนอนที่คอนโด อัษฎาไม่ให้ไป ตำหนิว่าแย่งงานกันยังไม่พอยังดื้อกับพ่อจะออกไปนอนคอนโดอีก
สองพ่อลูกโต้เถียงกันจนบราลีต้องไกล่เกลี่ยว่าคอนโดลูกก็อยู่แค่ปากซอยเองจะไปหาลูกเมื่อไรก็ได้ อัษฎาไม่ยอมอ้างว่าบ้านเราเป็นประชาธิปไตยให้ทุกคนมาลงมติกัน แล้วตัวเองก็ถลึงตาให้อันตรายกมือไม่ให้ไป อุรวสารู้ทันใช้สายตาดุอินทุอรไม่ให้สนับสนุนพ่อ อินทุอรขอไม่ออกความเห็น เลยกลายเป็นสองเสียงเท่ากัน อุรวสาถือว่าพ่อไม่ชนะลากกระเป๋าไปเลย อัษฎาไม่ยอมตามไปทะเลาะกันต่อที่หน้าบ้าน จนบราลี อันตราและอินทุอรอ่อนใจพ่อลูกคู่นี้ที่ทะเลาะกันได้ทุกเรื่อง พออุรวสาไปแล้ว อัษฎายังหงุดหงิดบ่นกับบราลีว่า ตอนเด็กๆ วสาชอบให้พ่ออุ้ม มาตอนนี้แค่จะกอดยังไม่ค่อยจะยอม บราลีติงว่าเลิกน้อยใจ ขี้บ่นได้แล้ว บอกให้ไปนอนเสีย อัษฎาว่าง่ายเดินขึ้นไปนอนแต่ก็ยังบ่นอุบอิบ
“เราขี้บ่นตรงไหน อีกหน่อยเราต้องทำเรื่องขออนุญาตกอดลูกไหมเนี่ย ลูกนะลูก ลืมพ่อ”
ooooooo
อันตราสะกดรอยตามเวศม์ไปตลาดหลักทรัพย์ เห็นสาวใหญ่นางหนึ่งเอากุญแจรถให้แต่ไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน ก็คิด
“เลวครบสูตร มีชู้! เกาะผู้หญิงกิน”
ที่แท้สาวใหญ่ให้รถเวศม์เป็นรางวัลที่ขายหุ้นให้ตนทำกำไรให้เป็นร้อยล้าน
อันตราหมั่นไส้เลยเอาลิปสติกไปเขียนไว้ที่กระจกรถคันเก่าของเวศม์ว่า “แมงกะจั๊ว เกาะผู้หญิง!” แล้ว
แอบดูเห็นเวศม์โมโหมองหาคนเขียนก็กลั้นหัวเราะคิกคัก
อันตราขับรถตามเวศม์ไปจนเขารู้ตัวแกล้งขับเข้าไปในซอยตันแล้วลงมาตะโกนถาม
“แกเป็นใคร เขียนด่าฉันทำไม”
อันตราคิดหาทางเอาตัวรอด แกล้งขับถอยจะให้เขาหลีกทางเขาไม่ยอมหลีก ต่างวัดใจกัน เวศม์ยืนเฉย อันตราทำใจแข็งขับถอยพุ่งเข้าหา พอจวนตัวเวศม์ก็โดดหลบ อันตราถอยรถพ้นซอยก็ตะบึงหนีทันที เวศม์เจ็บใจที่จับตัวแสบไม่ได้
ooooooo
วันนี้บราลีแพ็กรูปเขียนของตัวเองจะเอาไปให้ประมูลหาเงินช่วยการกุศล อินทุอรพูดจากประสบ-การณ์ว่าเดี๋ยวคุณพ่อก็ไปประมูลกลับมาเพราะรักของที่แม่วาดอยากเก็บไว้เอง
อินทุอรถามแม่ว่าบอกพ่อเรื่องตนจะไปเรียนบัลเล่ต์หรือยัง บราลีบอกว่าเดี๋ยวจะบอกให้ ถามอินทุอรว่าแต่งตัวจะไปไหน เธอบอกว่านัดป้าอัปสรไว้
อินทุอรไปบ้านป้าอัปสรเพราะคุณป้าจัดงานเพื่อให้ใครๆได้รู้จักพิพิธภัณฑ์นี้ วันนี้คุณป้ายังให้อินทุอรเล่นเปียโนโชว์ด้วย ขณะอินทุอรเล่นเพลงหยาดเพชรอยู่นั้น ภิสิตมาถึงไม่เจอใคร ได้ยินแต่เสียงเพลงจึงเดินตามเสียงไปดู เห็นอินทุอรก็แปลกใจ ต่างมองกันอึ้ง คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกันที่นี่
ทั้งอินทุอรและภิสิตพากันไปเข้าห้องครัวช่วยป้าแต๋วกับป้าต้อยทำอาหาร ป้าต้อยกำลังจะทอดปลาถูกจิ้งจกตกมาเกาะที่ไหล่ก็ตกใจโยนปลาใส่กระทะที่น้ำมันกำลังเดือด ภิสิตตกใจหันมอง น้ำมันกระเด็นถูกตาเขาแสบจนต้องยกมือปิดตา
อินทุอรเป็นพยาบาลล้างตาให้ แม้จะใกล้ชิดกันมากแต่ต่างก็ไม่วอกแวก ตกค่ำอินทุอรจึงขับรถไปส่งภิสิตที่บ้าน ภิสิตบ่นตัวเองว่าทำให้น้องอินลำบากต้องมาส่ง
“อาสิตเป็นเพื่อนรักของคุณพ่อ ถ้าไม่มาส่ง อินต้องรู้สึกผิดแน่ๆ”
ทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม จนรถติดไฟแดง
ภิสิตมองรถสปอร์ตเปิดประทุนที่มาจอดข้างๆ เขาชะงักเมื่อเห็นบุษบาบัณในอาการมึนเมากำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับฝรั่งหนุ่มอย่างเมามัน เขาสะท้อนใจ อินทุอรแปลกใจมองตาม อุทาน
“นั่น...อาบุษ...”
พอไฟเขียวรถคันนั้นก็พุ่งออกไปอย่างเร็ว อินทุอรกระอักกระอ่วนใจแต่พูดอะไรไม่ออก จึงขับรถไปเงียบๆ จนถึงบ้านภิสิต เธอมองเขาอย่างเห็นใจ พูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูก
“ขอบใจมากนะหนูอิน อุตส่าห์มาส่งอา ขับรถกลับดีๆนะ ถึงบ้านแล้วแมสเสจมาบอกอาด้วย”
“ค่ะคุณอาสิต” ทั้งสองแยกจากกันเศร้าๆ เหงาๆ
ooooooo
อัษฎาซื้อผลไม้มาฝากลูกๆที่บ้าน ไม่เห็น
อุรวสาจึงโทร.ถามว่าวันนี้ไม่กลับมานอนบ้านหรือ เธอบอกว่าไม่ค่อยสบาย อยู่เมืองนอกหนาวมานาน มาเจออากาศร้อนจัดในเมืองไทยเลยไข้ขึ้น
อัษฎาเป็นห่วงถามว่าทานยาหรือยัง เธอบอกว่าเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวจะเข้านอน พอดีมีเสียงเคาะประตูเธอขอเวลาแป๊บนึงเดี๋ยวจะโทร.กลับ วางสายแล้วไปเปิดประตู เจอพ่อยืนถือข้าวของเต็มสองมืออยู่หน้าห้องแล้ว! อุรวสารีบส่งสัญญาณให้แสงฉานรู้ตัว อัษฎาเดินเข้าห้องเอามืออังหน้าผากบ่น “คุณวสาตัวร้อน”
อัษฎาเหลือบเห็นเครื่องครัว เอะใจถามว่าทำกับข้าวด้วยหรือ เธอบอกว่าไม่ค่อยสบายเลยไม่อยากลงไปซื้อทาน
แสงฉานหลบอยู่หลังม่าน ส่งสัญญาณบอกอุรวสาให้เอารูปแต่งงานซ่อน เธอออกอุบายขอให้พ่อไปช่วยหายาแก้ไข้ให้ แล้วรีบเอารูปซ่อน ส่วนแสงฉานก็หลบแว้บเข้าห้องนอนได้หวุดหวิด
อัษฎามองสำรวจเจอรองเท้าคู่ใหญ่ ถามว่ารองเท้าใคร ใหญ่ขนาดนี้ต้องเป็นรองเท้าผู้ชายแน่ๆ อุรวสาคุ้นชินกับการจับผิดของพ่ออยู่แล้ว เธอตอบทุกคำถามได้อย่างไร้พิรุธ อัษฎาไม่เชื่อถามว่าอยู่กับใคร เธอยืนยันว่าอยู่คนเดียว สุดท้ายอัษฎาก็บอกให้ไปนอนที่บ้าน เพื่อตัดปัญหา อุรวสาจึงยอมตามใจ
แสงฉานเจอ “พ่อตา” ที่หวงลูกสาวมาก พอสองพ่อลูกไปแล้วเขาจึงคลานออกจากใต้เตียงมานั่งเซ็งๆ
อัษฎาบ่นกับบราลีว่าวันนี้ถ้าตนไม่โทร.ไปหาอุรวสาก็ไม่รู้ว่าลูกไม่สบาย บ้านช่องมีไม่อยู่ ออกไปอยู่ข้างนอกอยู่คนเดียว บราลีบอกว่าลูกโตแล้ว สบโอกาสเลยพูดเรื่องอินทุอรจะไปเรียนบัลเล่ต์เมืองนอก ปรากฏว่าถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาด อ้างว่าตนเลี้ยงลูกมากับมือ ก็อยากเก็บรักษานางฟ้าตัวน้อยของตนเอาไว้ บราลีไม่อยากขัดใจ เลยได้แต่หนักใจเงียบๆ
ooooooo
ป้าอัปสรกลัวภิสิตไม่มีรถใช้จึงให้คนเอารถไปส่งที่บ้านแต่เช้า ไม่เห็นบุษบาบัณถามว่ายังไม่ตื่นหรือ ภิสิตอึกอักเพราะที่จริงเธอยังไม่กลับบ้านเลย
ทันใดนั้นมีเสียงรถขับเข้ามาชนกระถางโครมคราม พอภิสิตกับป้าอัปสรออกมาดู เห็นรถสปอร์ตเปิดประทุนคันนั้นแล่นเข้ามาชนกระถางแตกระนาว แต่ทั้งบุษบาบัณและฝรั่งคู่นอนไม่สนใจ กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างอาลัย อาวรณ์ก่อนจากกัน
ป้าอัปสรอุทานว่าบุษบาบัณมีชู้ เธอตอบหน้าตาเฉยว่า ไม่ใช่ชู้ แต่เป็นคู่นอนที่ตนหิ้วมาจากผับเมื่อคืนนี้
ป้าอัปสรรับไม่ได้แค่ตำหนิติติงเล็กน้อยก็ถูกบุษบาบัณย้อนว่าสาวแก่อย่างป้าไม่เข้าใจความสุขของหนุ่มสาวหรอก แล้วเดินเชิดผ่านภิสิตและป้าอัปสรเข้าบ้านไป ป้าอัปสรโกรธจนเป็นลม ภิสิตต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล
“แม่บุษทำตัวอย่างนี้มานานแล้วเหรอ ทำไมสิตไม่บอกป้า”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเอาเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของตัวเองไปขว้างทิ้งหรอกครับ”
ป้าอัปสรยุให้หย่าเสีย ถ้ากังวลเรื่องญาติตนชี้แจงเอง ภิสิตกลับขอร้องคุณป้าอย่าเล่าเรื่องบุษบาบัณให้ใครฟัง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ป้าแต๋วกับป้าต้อยและอินทุอรมาเยี่ยม ถามว่าทำไมถึงเป็นลม ป้าอัปสรกลบเกลื่อนว่า
“เมื่อคืนฉันอดนอนเลยหน้ามืด ความดันขึ้นอีก หมอเลยให้นอนดูอาการ”
อินทุอรเห็นภิสิตไม่ปิดผ้าก๊อซที่ตา เขาบอกว่าปิดแล้วอ่านหนังสือไม่ถนัด แต่ตอนหยอดตาเมื่อเช้ายังเคืองๆอยู่ อินทุอรเร่งให้ไปหาหมอเพราะดวงตาบอบบางติดเชื้อง่าย รักษาแต่เนิ่นๆ จะเป็นการป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
ป้าอัปสรเห็นอินทุอรเอาใจใส่เป็นห่วงภิสิตก็ชมว่าโน้มน้าวใจคนเก่ง บอกภิสิตให้ไปหาหมอเสีย ให้อินทุอรพาไปไม่อย่างนั้นเขาไม่ยอมไปแน่ อินทุอรจึงชวน ภิสิตไปหาหมอ ป้าอัปสรรำพึงกับเพื่อนรักทั้งสองว่า
“ฉันยอมโดนด่าว่าพรากผัวพรากเมีย ก็เมียมันไม่ดี ทำแต่เรื่องบัดสีบัดเถลิง” บอกเพื่อนรักทั้งสอง ว่า “ฉันจะจับคู่ตาสิตกับหนูอิน” ทั้งป้าแต๋วกับป้าต้อยตกใจอุทาน “หา!” มองหน้ากันเหลอหลา
ooooooo
อุรวสานอนเต็มอิ่ม ตื่นเช้ามารู้สึกดีขึ้นไม่มีไข้ แต่แล้วก็ตกใจไข้เกือบคืนเมื่อรู้ว่ากุญแจคอนโดหาย ฉุกคิดได้ว่าพ่อคงเอาไป เธอรีบขอยืมรถแม่ขับกลับคอนโด
แสงฉานกำลังทำสเต๊กรอรับที่รักของตนกลับมาทานด้วยกัน ได้ยินเสียงไขกุญแจห้องก็ทัก “ที่รักจ๋า...” แต่พอหันมาก็แทบช็อกเมื่อกลายเป็นอัษฎาเดินหน้านิ่งเข้ามา
อัษฎาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร แสงฉานทำโน่นนี่นั่นง่วนอยู่นานจนอัษฎาถามอย่างรู้ทันว่าจะทำอีกนานไหม สั่งเสียงเข้ม
“หยุดทำ! มานั่งคุยกัน!” แสงฉานยกสเต๊กมาเสิร์ฟ ยิ้มประจบบอกให้ทานอาหารอร่อยๆก่อนแล้วค่อยคุยกัน อัษฎามองสเต๊กถาม “เธอใช่ไหม ทำเป็ดอบไปให้ฉัน” แสงฉานตอบว่าใช่ครับคุณพ่อ ถูกสวนทันควันว่า “ฉันไม่เคยมีลูกชาย”
แสงฉานชวนให้ทานสเต๊กเนื้อนุ่มๆ สักชิ้นสองชิ้นก่อน อัษฎาจำต้องทาน พอสเต๊กเข้าปากเผลออุทาน
“อืม...เนื้อสุกกำลังดี” เผลอคุยต่อว่า “พ่อเป็นนักชิมนะ ที่ไหนเขาว่าอร่อยพ่อไปทุกที่” แต่พอนึกได้ก็ปั้นหน้าปึ่ง “อย่ามาหลอกล่อชวนคุยเรื่องอื่น มาทำอะไรที่คอนโดลูกสาวฉัน!”
แสงฉานอึกอักตอบอย่างยอมจำนนว่า “ผมไม่เคยสบายใจในเรื่องนี้เลยครับ ผมเป็นลูกผู้ชายควรทำให้ถูกต้อง แต่กลับทำผิดประเพณีดีงามของไทย ผิดต่อผู้ใหญ่ ผิดต่อทุกๆคน คุณพ่อครับ...ผมกับวสา...เรา...”
“แสง...คุยอะไรกับคุณพ่ออยู่คะ” อุรวสาพรวดเข้ามา อัษฎาไม่สนใจถามแสงฉานว่าอยู่กับลูกสาวตนแล้ว ใช่ไหม แสงฉานทำท่าจะจำนน อุรวสาชิงตอบแทนว่า
“ค่ะ...วสาอยู่กับแสง” พอเห็นอัษฎาชักสีหน้า เธอพูดต่อว่า “แสงเป็นเกย์ค่ะ ที่วสาไม่บอกคุณพ่อเพราะแสงขอให้ปิด เอ้อ...คือทางบ้านแสงก็ไม่รู้ แสงเป็นรูมเมท
วสาตอนอยู่ซานฟราน เราเป็น...เพื่อนสาวกันค่ะ” เห็น แสงฉานทำหน้าปุเลี่ยนๆ ก็บอก “อย่าโกรธวสานะแสง วสาจำเป็นต้องบอกความจริงทั้งหมดกับคุณพ่อ ไม่อย่างนั้น คุณพ่อจะเข้าใจเราสองคนผิด”
อัษฎาหันไปจ้องหน้าแสงฉานคาดคั้น จับพิรุธ ถามว่า
“เมื่อกี๊ที่เธอพูดว่าทำผิดประเพณี ทำผิดต่อผู้ใหญ่หมายความว่ายังไง”
“แสงเขารู้สึกผิดที่เกิดมาผิดเพศน่ะค่ะ สังคมไทยมองเพศที่สามเป็นพวกแปลกแยก ทางบ้านแสงก็ไม่ยอมรับ คุณพ่อคะ แสงฉานเป็นคนดี คุณพ่ออย่าเอาอคติทางเพศมาตั้งแง่รังเกียจเขาเลยนะคะ”
“เราเป็นเกย์แน่เหรอ?” อัษฎามองอย่างพินิจ พิเคราะห์ แสงฉานได้แต่ยิ้มไม่รับและไม่ปฏิเสธ
ooooooo
วันนี้อันตรานัดศศิพิมลมาที่สำนักงานนักสืบ เอารูปที่แอบถ่ายเวศม์กับหญิงอื่นให้ดู พอศศิพิมลเห็นรูปที่หญิงคนนั้นซื้อรถป้ายแดงให้เวศม์ก็บอกให้อันตราตามต่อไป
“ฉันอยากรู้ว่าเขาคบกับใครอีกรึเปล่า ถ้าเงินซื้อเขาได้จริงๆ ฉันจะได้ทำใจว่าตัวเองคงถูกสามีทิ้ง”
อันตราเริ่มเบื่อหน่ายที่ต้องตามสืบชายโฉด คิดมากจนเก็บไปฝันว่า ตัวเองกำลังถูกเวศม์ย้อนเกล็ดหลอกให้สะกดรอยตามไปในหลายที่หลายเวลาเปลี่ยนหน้าหญิงไปเรื่อย บางคนมาส่งเวศม์ที่บ้านแล้วยังให้เงินปึกใหญ่ด้วย
ยิ่งตามสืบอันตราก็ยิ่งชิงชังเวศม์ หงุดหงิดกับพฤติกรรมชั่วเลยไประบายกับกระสอบทราย เตะไปด่าไป จนตัวเองหอบ พลันก็ตกใจเมื่อเห็นเวศม์ในชุดออกกำลังเดินยิ้มหล่อมาทักว่า
“วันนี้ไม่ตามผมแล้วเหรอ คุณอันตรา” อันตราอึ้ง พลั้งปากถามว่าเขารู้หรือ “รู้สิ คุณตามผมตลอดเวลา ตามติดทุกเวลาแบบนี้สนใจผมอยู่ใช่ไหม”
เกลียดขี้หน้าอยู่แล้วยิ่งมาถูกยั่วว่าแอบสนใจเขาก็ยิ่งโมโห ด่าบ้าหรือเปล่า? ใช้อะไรคิด! เวศม์ยิ่งยั่วอันตรา
ก็ยิ่งโมโหเลยใช้กำลังแก้ปัญหา ตะลุยต่อยเขาจนลืมตัวเลยถูกเขาจับไปหอมแก้มทำท่าชื่นใจแล้วหัวเราะร่วน อันตราเลือดขึ้นหน้าต่อยเขาจนตัวเองหอบ แม้เวศม์จะเลือดกบปากแต่ก็ยังหัวเราะร่า
สะดุ้งตื่น อันตรายังเหนื่อยหอบ พอรู้ว่าฝันไปก็ด่า “ไอ้บ้าๆๆๆ! ไอ้กะจั๊วตามมาหลอนถึงในฝัน ไอ้คนเลว!”
ooooooo
อัษฎาไม่เชื่อว่าแสงฉานเป็นเกย์จึงวางแผนให้สมศักดิ์จับโกหก อัษฎาโทร.นัดให้อุรวสากับแสงฉานมากินข้าวที่บ้าน และให้สมศักดิ์ควงเกย์ตัวจริงมาด้วย ต่างทำท่าตุ้งติ้งต่อกัน
พออัษฎาแนะนำแสงฉานให้รู้จักกัน สมศักดิ์ก็ทำตุ้งติ้งบอกแสงฉานว่าให้เป็นตัวของตัวเอง ตนก็ไม่ปิดบังใครอีกแล้วว่าตัวเองเป็นเกย์ เพราะเก็บกดมานานแล้วแนะนำสมชายเกย์ตัวจริงให้รู้จักว่านี่เป็นแฟนตน
สมศักดิ์วางแผนทดสอบแสงฉาน ทั้งชวนล้วงก้นไก่ เพื่ออัดสมุนไพรทำไก่อบ ทั้งขยำก้นแสงฉาน ทำเอา
แสงฉานสะดุ้งโหยง แล้วสมศักดิ์ก็กระซิบบอกอัษฎาว่า
“จากสายตาเอกซเรย์สแกนเก้งของฉัน แสงฉานไม่ได้เป็นเกย์” อัษฎาเห็นด้วยบอกว่าตอนที่แสงฉานถูกขยำก้นก็ตกใจจนสติแตก ต้องเป็นผู้ชายแน่ๆ บอกสมศักดิ์ว่าเราต้องแฉ สมศักดิ์ถามว่าเขามีแผนอะไร
อันตราเห็นพ่อกับอาศักดิ์ท่าทางแปลกๆ เลยตามไปแอบฟัง แต่ถูกอุรวสาตามมาเจอถามว่ามาทำอะไรตรงนี้ อันตราจุ๊ปากไม่ให้พี่สาวพูด
แผนของสมศักดิ์ก็ถูกอุรวสาจับผิดได้อีก เธอบอกว่ารู้แผนของคุณพ่อกับอาศักดิ์ที่จะจับผิดแสงฉานหมดแล้ว เธอชวนแสงฉานกลับทันที พอกลับถึงคอนโด แสงฉานขอบคุณอุรวสาที่ช่วยแก้สถานการณ์ให้ตน ถามว่าเราจะต้องปิดบังแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ตนไม่สบายใจเลย
“ถ้าคุณไม่สบายใจ ก็รีบทำร้านอาหารให้สำเร็จสิคะ คุณพ่อจะยอมรับลูกเขยที่ประสบความสำเร็จเท่านั้นค่ะ”
ฝ่ายอัษฎาลงโทษอันตราที่ทำเสียแผนด้วยการให้ไปสืบเรื่องแสงฉาน พ่อต้องรู้ให้ได้ว่าแสงฉานเป็นเกย์จริงไหม
ooooooo
ศศิพิมลแอบเอากุญแจที่เวศม์ซ่อนไว้ไขเข้ามาในบ้าน ถามเขาอย่างเอาเรื่องว่าตนสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตรงไหน เวศม์ไปเอารถเขาทำไม เวศม์รู้ว่าศศิพิมลรู้เรื่องรถป้ายแดงเลยออกอุบายให้ไปชงกาแฟให้
พอศศิพิมลไปชงกาแฟ เวศม์แอบค้นกระเป๋าถือเจอรูปถ่ายตัวเองหลายใบรวมทั้งรูปกับสาวใหญ่รถ
ป้ายแดงด้วย เขาโกรธเมื่อรู้ว่าศศิพิมลจ้างนักสืบติดตามตน เขารีบเก็บรูปใส่กระเป๋าไว้ตามเดิม เมื่อศศิพิมลเอากาแฟมาให้ เขาปรามเป็นนัยว่า
“พี่ศิครับ การที่ผมยอมให้พี่มาอยู่ที่นี่ก็เพราะผมสงสาร แต่ไม่ว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่ หยุดเถอะครับ ถ้าไม่อยากให้ความเป็น ‘พี่น้อง’ จบเพียงแค่นี้”
ทันทีที่เวศม์ขับรถออกไป อันตราที่ขี่มอเตอร์ไซค์ซุ่มอยู่ก็ตามไปทันที เวศม์รู้ ชำเลืองมองกระจกหลังพึมพำ
“ไอ้พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
แล้วเวศม์ก็หักรถเลี้ยวเข้าซอย พออันตราเลี้ยวตามก็ไม่เห็นรถของเวศม์แล้ว เลยกลับสำนักงานตัวเอง คราวนี้กลายเป็นฝ่ายถูกเวศม์ตามบ้าง พอไปถึงสำนักงาน อันตราถอดหมวกกันน็อกออก เวศม์จำได้ว่าเป็นคนที่พาเมียหลวงไปป่วนที่ผับ พึมพำลอดไรฟัน
“ยายตัวแสบนี่อีกแล้ว!”
เวศม์คิดจะเอาคืนบ้าง เขาเข้าไปในฟิตเนสของอันตรา เดินเข้าไปในห้องสอนต่อยมวยเห็นรูปอันตราได้รางวัลเหรียญเงิน พนักงานมาถามว่าสนใจเรียนมวยหรือเขาบอกไม่ครับ แล้วเดินกลับออกไปกลัวถูกอันตราจับได้
รางวัลเหรียญเงินที่อันตราได้มานั้น มีความเจ็บปวดแฝงอยู่ เพราะเวลานั้นเธอหมายมั่นปั้นมือจะได้เหรียญทอง แต่ถึงเวลาชก เห็นแฟนตัวเองควงหญิงอื่นมาดู ทำให้อันตราเสียสมาธิการ์ดตก ถูกคู่ต่อสู้น็อกร่วง และถูกกรรมการนับ
อุรวสาเห็นแฟนอันตราควงแฟนใหม่มาดูก็พึมพำแค้น “นอกใจน้องฉันยังเลวไม่พอรึไง ต้องควงแฟนใหม่มาเย้ยในวันสำคัญของน้องฉันอีก” ส่วนอัษฎาให้กำลังใจอันตราว่าคนอื่นไม่รักก็ช่าง แต่พ่อรักลูก รักที่สุดในโลก
“คุณพ่อคะ ถ้าอันไม่เจอผู้ชายดีๆอย่างคุณพ่อ อันจะไม่รักใครอีกเลย” อันตรากอดพ่อน้ำตาคลอ
คิดแล้วยังแค้นไม่หาย อันตราต่อยมวยอย่างระห่ำจนหญิงที่มาเรียนมวยถามว่าโกรธใครมาหรือ
“จำไว้นะ ถ้าถูกผู้ชายเจ้าชู้รังแก อัดมันไปเลย” ว่าแล้วก็เตะต่อยกระสอบทรายป้าบๆๆ!!
ooooooo
อินทุอรที่เปิดโรงเรียนสอนบัลเล่ต์ เธอประทับใจพ่อของวัยรุ่นหญิงที่มาเรียน ทราบว่าปิดเทอมนักเรียนคนนี้จะไป Take course ภาษาอังกฤษที่อเมริกา เธอถามคุณพ่อของนักเรียนว่าให้น้องไปเมืองนอกคนเดียวไม่ห่วงหรือ
“อยู่บ้านก็เป็นลูกแหง่ครับ ไปอยู่เมืองนอกได้ทำอะไรเองมั่ง โตแล้ว”
อินทุอรประทับใจมาก เมื่อเทียบกับตัวเองที่ไปหาเพื่อนที่อเมริกาเมื่อสองปีก่อน อัษฎาเป็นห่วงมาก
สั่งโน่นนี่นั่นละเอียดยิบ ที่น่าอัศจรรย์คือ อัษฎายังตามไปถึงอเมริกา โดยให้เพื่อนเธอเช่าห้องติดกันเพื่อแอบดูแลลูก
ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆนั้น อินทุอรได้รับโทรศัพท์จากป้าอัปสรให้ไปหาที่บ้าน เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับภิสิตตามแผนการจับคู่ของตน ภิสิตสอนอินทุอรพับนก ระหว่างนั้นอินทุอรอยากปลอบใจภิสิตเรื่องบุษบาบัณแต่ไม่กล้าพูดตรงๆ
“อาสิตคะ ชีวิตยังมีเรื่องดีๆอีกเยอะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกมองมุมไหนนะคะ”
“ขอบคุณนะหนูอิน” ภิสิตฟังออก
ความอ่อนหวานและมีน้ำใจของอินทุอรทำให้ภิสิตรู้สึกสบายใจเมื่อได้คุยด้วย จนบางครั้งก็ลืมความขุ่นมัวเรื่อง ครอบครัวไปชั่วขณะ แต่ก็ถูกบุษบาบัณกระแนะกระแหนจนได้เมื่อเห็นเขามองนกกระดาษแล้วยิ้มว่า คิดจะเล่นชู้แข่งกับตนหรือ จะเอาใครก็ให้มันเหมาะสม ตนไม่อยาก ขายหน้า
ภิสิตเองก็เตือนตัวเองอย่างตกใจเมื่อรู้ว่ามีเผลอใจให้อินทุอร...“ไม่...เราไม่ได้คิดอะไรกับหนูอิน”
ooooooo
ในที่สุดพงษ์ชัยก็ตกลงให้อุรวสารีโนเวทโรงแรมที่เกาะช้างและให้อัษฎาสร้างโรงแรมที่พังงา ซึ่งอัษฎาก็พอใจ แต่พอพงษ์ชัยจองอุรวสาให้ตบแต่งโรงแรมที่พังงา เธอปฏิเสธว่าไม่สะดวกใจร่วมงานกับบริษัทรับก่อสร้าง
อัษฎาไม่พอใจสั่งให้อุรวสาขับรถตามตนกลับบ้าน แต่เธอจะกลับคอนโด อัษฎาไปยืนขวางรถไว้ เธอบอกพ่อว่า
“เลือกเอานะคะ จะให้กลับคอนโดหรือจะให้วสากลับไปทำงานที่อเมริกา” แล้วจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ฝ่ายพงษ์ชัยได้ดูรูปและประวัติของอุรวสาที่อนุวัติเปิดไอแพดให้ดู เขารำพึงว่าอุรวสาเป็นลูกแท้ๆของอัษฎา มีสิทธิ์ในสมบัติของพ่อทุกอย่าง พงษ์ชัยยิ้มตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ พูดอย่างหมายมาดว่า
“ผู้หญิงคนนั้น มีค่าเป็นหมื่นล้าน”
ooooooo
อันตราถูกพ่อสั่งให้สืบแสงฉานว่าเป็นเกย์จริงหรือเปล่า พอเธอไปแอบถ่ายรูปอุรวสากับแสงฉานที่คอนโด เห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันก็ปักใจเชื่อว่าแสงฉานไม่ใช่เกย์
แต่ด้วยความรักและเห็นใจในความรักของทั้งสอง อันตราจึงสร้างภาพ ให้แสงฉานทำตัวเป็นเกย์กับยามโดยมีอุรวสาคอยช่วยกำกับ ให้หอมแก้มขยำก้น แล้วเอาไปให้อัษฎาดู แม้อัษฎาดูแล้วจะทำท่าขยะแขยงคลื่นไส้แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าแสงฉานเป็นเกย์
อุรวสากำชับอันตราว่าอย่าบอกคุณพ่อเรื่องตนแต่งงานแล้วเป็นอันขาด
“ถึงอันไม่บอก คุณพ่อก็ต้องตามตอแยพี่สองคนไม่เลิก เราคงต้องหาทางทำให้คุณพ่อเชื่อว่าพี่แสงเป็นเก้งกวางจริงๆ” อันตราคิดหาทางทำให้พ่อเลิกวุ่นวายกับชีวิตคู่ของพี่สาว แต่ก็หนักใจที่สร้างภาพถึงขนาดนี้พ่อก็ยังไม่เชื่อ
ooooooo
ที่ห้องนวดหน้าสปาหรู วันนี้ศศิพิมลกับบุษบาบัณไปนวดหน้าพร้อมกัน ศศิพิมลที่มาจากครอบครัวชั้นกลางแต่ดันตัวเองขึ้นไปจนได้สามีรวยจึงทำตัวไฮโซแต่ก็เทียบบุษบาบัณไม่ติดจึงปากหวานเยินยอเพื่อโหนตัวเองขึ้นไป
ศศิพิมลทำเป็นปรารถนาดีบอกว่าบุษบาบัณไม่ได้ออกงานที่เมืองไทยหลายปี ตนจะไปเป็นเพื่อนจะได้มีเพื่อนคุย
“ฉันจะควงภิสิตไปด้วยกัน ต้องรักษาภาพลักษณ์ภรรยานักการทูตซะหน่อย แล้วอีกอย่างงานนี้เขาให้เข้าได้เฉพาะแขกที่ได้รับบัตรเชิญ” ศศิพิมลขอให้ช่วยโทร.หาเจ้าของงานหน่อยตนอยากไป “ให้แฟนเธอโทร.สิ คุณพงษ์ชัยออกจะกว้างขวาง เห็นออกงานสังคมบ่อย”
ศศิพิมลบอกว่าไม่อยากกวนเพราะงานเขายุ่ง ถูกบุษบาบัณพูดอย่างรู้ทันว่า
“คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ คุณพงษ์ไม่ได้จริงจังอะไรกับเธอนักหรอกถึงไม่เคยพาเธอออกงาน ศศิ...เธอควรจะ
หาคนใหม่เสียก่อนที่จะแก่ไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็โดนกินฟรีไปเรื่อยๆจนหมดอายุการใช้งาน”
แม้ศศิพิมลจะเจ็บจี๊ดแต่ก็ไม่ด่าไม่โต้เกรงใจที่เป็นไฮโซ ได้แต่ทำหน้าบึ้งเชิดอย่างไม่แคร์ใครทั้งสิ้น
ในวันงาน...บุษบาบัณควงภิสิตไปงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ความงามในห้างหรูจริงๆทั้งสองได้รับความชื่นชมจากแขกในงานว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ภิสิตก็ยังภูมิฐานเหมือนเดิม ส่วนบุษบาบัณก็สวยสง่าไม่เปลี่ยนเลย
แต่ภิสิตไม่ได้ยินดียินร้ายกับการมางาน จนบุษบาบัณกระซิบเตือนว่า
“ยิ้มบ้างก็ได้นะคะ ทำให้คนอื่นเขาเชื่อหน่อยว่าเราเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาก”
อยู่ๆบุษบาบัณก็เหวอเมื่อช่างภาพและนักข่าวที่ห้อมล้อมอยู่พากันกรูไปที่ทางเข้า มองไปเห็นบราลีเดินเข้ามากับอินทุอรที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ผลิตภัณฑ์ฌองค์ของฝรั่งเศส ภิสิตเห็นดังนั้นชวนบุษบาบัณเข้าไปในงานกัน แต่เธอยังไม่ยอมเข้า จ้องมองอินทุอรด้วยสายตาพิฆาตที่มาแย่งความสนใจไปหมด
ooooooo










