สมาชิก

สามใบไม่เถา

ตอนที่ 12

อัลบั้ม: เรื่องราวของ 3 สาวพี่น้อง ต่างพ่อแม่ แต่อยู่ในครอบครัวเดียวกันใน "สามใบไม่เถา"

คืนนี้แสงฉานเข้านอนอย่างอ่อนเพลียเงียบเหงา พอล้มตัวลงนอนรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติทันที เขาลุกขึ้นสำรวจ...

ผ้าปูที่นอนที่ขึงตึงและพับมุมอย่างสวยงามแบบนี้ เป็นฝีมือใครไม่ได้นอกจากอุรวสาคนเดียว แสงฉานคิดถึงอดีตที่ช่วยกันปูผ้าปูที่นอนกัน ตนเพียงแต่สะบัดแล้วเสียบชายผ้าลงใต้เบาะ อุรวสามาแก้ไขพับมุมสวยงามก่อนสอดเข้าใต้เบาะ

“ทำแบบนี้ที่นอนจะได้สวยๆ ตึงๆ นอนหลับสบายนะคะ” ตอนนั้นเขาอ้อนว่าแค่นอนกอดเธอทุกคืนก็สบายแล้ว

พอฉุกคิดได้ แสงฉานโทร.หาอุรวสาทันที เธอกำลังจะเข้านอนพอดี เธอบอกเขาว่า

“ฉันทำตามหน้าที่...แต่หน้าที่ฉันใกล้จบแล้ว คุณควรหัดดูแลตัวเองเสียที”

“มีคุณคนเดียวในโลกที่เอาใจใส่ผม คราวหน้าคุณมา...บอกผมก่อนนะ ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณตอนนี้...ใช้คำว่าคิดถึงยังน้อยไป”

“ฉันกำชับแม่บ้านคอนโดแล้ว คงไม่มีธุระอะไรต้องไป...อ้อ...ฉันซื้อวิตามินให้แล้ว กินให้ครบ อย่าให้ขาด เพราะถ้าป่วยจะไม่มีใครดูแล...แค่นี้นะ ฉันจะนอน” อุรวสาวางสายอมยิ้มนิดๆ ในขณะที่แสงฉานยิ้มดีใจที่เธอยังเป็นห่วงตน

ooooooo

เย็นแล้ว อันตราไปที่บริษัทของอัษฎา มองลอดประตูเข้าไปเห็นเวศม์กำลังพรีเซนต์งานให้อัษฎากับผู้ร่วมประชุมอยู่ด้วยบุคลิกที่น่าเชื่อถือ

อันตราไปนั่งหลบมุมเล่นเกมในมือถือฆ่าเวลา เวศม์ประชุมเสร็จออกมาเห็นเธอนั่งคอพับหลับอยู่ เขามองเธอเปี่ยมด้วยความรัก ถอดเสื้อสูทออกคลุมให้ ปัดผมที่ปรกหน้าเบาๆ แต่เผลอนิ้วไปแตะถูกแก้มเธอเข้า อันตราตื่นขึ้นมาคว้ามือเวศม์ ตวัดแขนไพล่ไปด้านหลังอย่างเร็ว เวศม์ปล่อยให้เธอแสดงฝีมือ แต่พอเธอเผลอเขาพลิกตัวบิดแขนเธอดึงเข้าหาตัว

อันตราพยายามดันตัวออก แต่เวศม์ไม่ปล่อยแถมยังยิ้มล้อทำกรุ้มกริ่มอีก เลยถูกด่าว่าผู้ชายไว้ใจไม่ได้สักคน เวศม์ติงว่าเธอมองผู้ชายแต่ในแง่ร้าย คนดีๆไว้ใจได้ก็มี

“ผู้ชายดีๆที่ฉันเคยเจอมีพ่อคนเดียว นอกนั้นเป็นพวกโกหกเชื่อใจไม่ได้ ไม่มีความซื่อสัตย์”

“หมายถึงคนในอดีตของคุณ? คุณไม่ควรเอาอดีตมาตัดสินผู้ชายทุกคน เพราะอาจจะมีบางคนที่ตั้งใจทำความดีให้คุณเห็นว่าเขารักคุณจริง ลองเปิดใจให้คนคนนั้นบ้างสิ”

“หัวใจของฉันรับความผิดหวังไม่ได้แล้ว ทางที่ดีอย่ายุ่งกับฉันดีกว่า”

นับวันอัษฎาก็ปลื้มเวศม์มากขึ้น ไม่ว่าเวศม์เสนอโครงการอะไรมา อัษฎาก็ซื้อหมดทั้งยังชมว่าไอเดียเฉียบมาก สมฉายาพ่อมดหนุ่มแห่งวอลสตรีท

อินทุอรบอกพี่ๆว่าคุณพ่อปลื้มคุณเวศม์สุดๆเลย อุรวสาบอกว่าไม่ถูกใจได้ยังไง ตั้งใจทำงานแล้วยังมีหัวด้านธุรกิจเหมือนคุณพ่อด้วย มีแต่อันตราเท่านั้น ที่ยังตั้งแง่ว่า “ไม่เห็นเหมือนเลย คุณพ่อดีกว่า เก่งกว่าตั้งเยอะ”

วันนี้เวศม์เห็นอันตราขนทั้งถุงทั้งกล่องไปไว้ที่ท้ายรถตัวเอง เขาถามว่าจะเอาหนังสือกับของเล่นพวกนี้ไปไหน เธอบอกว่าเอาไปบริจาค เวศม์เลยขอสมทบด้วย รีบไปเปิดท้ายรถตัวเองบอกว่าเตรียมไว้นานแล้วแต่ไม่มีเวลาเอาไปบริจาคสักที ครั้งนี้ขอไปด้วยคน เวศม์ทำตาปริบๆอ้อน อันตราลังเลแต่พูดไม่ออก

เวศม์ปลื้มมากที่ได้มาร่วมกันบริจาคของกับอันตรา ช่วยเธอขนของไปยังแคมป์คนงาน ระหว่างนั้น อันตราเอ่ยขึ้นว่า

“คุณพ่อชอบคุณมากนะ”

“คุณพ่อให้โอกาสและให้เกียรติผมมากกว่า ผมจะไม่ทำให้คุณพ่อคุณผิดหวังที่ไว้ใจผม”

“ก็ดีค่ะ โอกาสอาจจะมีหลายครั้ง แต่ความไว้ใจเสียแล้วเสียเลยไม่มีครั้งที่สอง” เวศม์ถามว่าจะมีวันที่เธอไว้ใจตนบ้างไหม “ฉันเคยไว้ใจคนผิด คงจะไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ถึงไว้ใจก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์”

เวศม์ท้าให้เธอลองไว้ใจตนสักห้าสิบเปอร์เซ็นต์ดูก่อน รับรองว่าเธอไม่ผิดหวังแน่ อันตราพูดอย่างไม่อ่อนข้อว่าความไว้ใจเป็นเรื่องที่ขอกันไม่ได้ แต่จะได้รับเมื่อพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอ เป็นคำพูดที่ทำให้เวศม์มีความหวังที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ได้

ooooooo

เมื่อไปถึงไซต์งานก่อสร้าง พวกเด็กๆลูกคนงานเตะบอลเล่นกันอย่างสนุกสนาน เด็กๆร้องชวนอันตราเตะบอลกัน เวศม์หันถามเธอว่าแข่งกันเอาไหม
อันตราถามว่าชนะแล้วได้อะไร เวศม์บอกว่าถ้าตนชนะ เธอต้องลองคบกับตนดู ถ้าตนแพ้เธอจะขออะไรจากตนก็ได้หนึ่งอย่าง

“โอเค” อันตรารับคำอย่างมั่นใจมาก และเมื่อเตะกันจริงๆ ปรากฏว่าอันตราชนะ พวกเด็กๆเฮชอบใจลั่นสนาม

อันตรายกของไปแจกคนงาน มีทั้งเสื้อผ้า ของเล่น และอุปกรณ์การเรียน ครอบครัวคนงานต่างต้อนรับด้วยความดีใจ คนงานหญิงเอ่ยอย่างชื่นชมว่าพวกตนมีงานทำ เจ็บป่วยก็ได้รักษา ลูกได้ไปโรงเรียนก็เพราะคุณอัษฎานี่แหละ

แจกของเสร็จแล้ว อันตราเดินคุยมากับเวศม์ว่า

“คุณพ่อสอนให้รักคนงานเท่ากับที่เรารักงาน เพราะถ้าไม่มีพวกเขา เราก็ไม่มีวันได้งานที่ดีแล้วถ้าบริษัทพ่อฉันล้ม ชีวิตคนพวกนี้จะเป็นยังไง”

“ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย” เวศม์พูดอย่างรู้สึกผิด

“เพราะคุณเกิดมาบนกองเงินกองทอง เป็นนักเรียนนอกไม่เคยลำบาก ไม่รู้ว่าความหิวเป็นยังไง รู้จักแต่ใช้เงินสร้างความสำเร็จให้ตัวเอง คุณก็เลยลืมคนที่ลำบากกว่าคุณ”

เวศม์อึ้งไปครู่หนึ่งจึงชี้แจงว่า “จริง ที่ผมต้องการความสำเร็จ แต่ผมก็สร้างมันด้วยมือของตัวเอง”

อันตราพูดเหมือนประกาศมาตรฐานคนที่ตนจะคบด้วยว่า “ฉันตั้งใจไว้แล้วว่า ฉันจะคบกับผู้ชายที่ดีเท่าพ่อ” เวศม์ขอโอกาสพิสูจน์ตัวเองได้ไหม จะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าตนคือคนที่ใช่ อันตราทวงถามว่า ก่อนเตะบอล เขาสัญญาไว้ว่าถ้าตนชนะจะขออะไรก็ได้ เวศม์รักษาสัญญาอย่างลูกผู้ชาย แต่คำขอของอันตราทำให้เขาเกือบหมดความเป็นลูกผู้ชาย เมื่อเธอบอก

“ฉันขอให้คุณเลิกยุ่งกับฉัน!”

กลับถึงบ้าน อันตราเอารูปคุณพ่อของตนที่เป็นตำรวจมานั่งดู บราลีถามว่าคิดถึงคุณพ่อหรือ เธอพยักหน้า...

“ผู้หญิงคนหนึ่งได้พบผู้ชายดีๆสักคนก็ถือว่าเป็นบุญ แต่คุณแม่โชคดีกว่าใคร ที่เจอถึงสองคน”

บราลีบอกว่าสักวันลูกก็ต้องเจอกับผู้ชายดีๆ ที่เหมาะสมกับตัวเอง อันตราบอกว่าอยากเจอคนที่ดีเหมือนคุณพ่อ

“คนเกิดมาไม่เหมือนกัน แค่ลายนิ้วมือยังไม่ซ้ำกัน จะให้เหมือนกันได้ยังไง แค่ได้เจอคนที่อยากเป็นคนดีที่สุดเพื่อเราก็พอแล้ว” อันตราถามว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือคนนั้น “เมื่อลูกรักใครจริงๆ หนูจะรู้เอง”

การสนทนายุติลงเมื่อมือถืออันตราดังขึ้น คุยแล้วเจ๊ที่โทร.เข้ามาแล้ว อันตราบอกบราลีว่ามีงานให้โชว์ฝีมืออีกแล้ว ขอตัวกับคุณแม่แล้วรีบออกไปหาเจ๊ที่ “สำนักงานนักสืบอันตรา”

ooooooo

เจ๊คนนั้นเอารูป “ไอ้แก่” และสถานที่นัดพบกัน มาให้อันตราดู เร่งให้รีบไปเพราะเกือบได้เวลาที่ “มัน” นัดพบกันแล้ว พออันตราออกไป เจ๊ก็หยิบมือถือโทร.ออกทันที

“คุณศศิคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ที่แท้เป็นอุบายของศศิพิมล ทำทีนัดพบเวศม์เพื่อปรึกษาเรื่องธุรกิจเมืองนอกที่จะไปทำ เวศม์บอกว่าตนปวดหัวขอเอาไปดูที่บ้านก็แล้วกัน

อันตรามาถึงมองหาไม่เห็น “ไอ้แก่” ที่เจ๊ให้รูปมา เห็นแต่เวศม์กับศศิพิมลกำลังดูแฟ้มอย่างใกล้ชิดจนเหมือนโอบกอดกันอยู่ แค่นั้นอันตราก็น้ำตาคลอแล้ว ศศิพิมลยังทำเป็นไม่สบายเซจะล้ม เธอขอให้เวศม์ไปส่งที่รถ อันตรากลั้นน้ำตาก็ไม่อยู่ ขณะศศิพิมลกับเวศม์เดินผ่านตรงที่อันตราแอบดูอยู่นั้น ศศิพิมลปรายตามองอย่างสะใจ

กลับถึงห้องนอนแล้ว อันตราจึงปล่อยอารมณ์ออกมาเต็มที่ ฟุบหน้ากับหมอนร้องไห้อย่างหนัก อุรวสากับอินทุอรเดินเข้ามาก็ไม่เงยหน้ามอง จนทั้งสองออกไปแล้วจึงเงยหน้าที่เปียกน้ำตาขึ้นร้องไห้อย่างไม่อาจหยุดได้

ooooooo

วันนี้เป็นวันเปิดร้านใหม่ของแสงฉาน เขาตั้งชื่อร้านว่า “Time For Us” อุรวสาจำได้ว่าแสงฉานบอกเธอขณะเอาโครงการมาปรึกษาว่า

“ร้านนี้ผมตั้งใจทำเพื่อให้รู้ว่า คุณมีความหมายกับชีวิตผมแค่ไหน” เขาชี้ให้ดูไม่ว่าผ้าม่าน จานชาม โต๊ะเก้าอี้ แม้กระทั่งเครื่องประดับทุกอย่างล้วนเป็นสีและดีไซน์ที่เธอชอบทั้งสิ้น ย้ำกับอุรวสาว่า “ร้านนี้จะเป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเราทั้งสองคน”

อุรวสาประคองช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีในวันเปิดร้านใหม่ แต่แล้วความรู้สึกดีๆที่เต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจของเธอก็มลายไปสิ้น เมื่อพิธีกรประกาศเชิญคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแสงฉานออกมา เธอคือ บุษบาบัณ!

คำให้สัมภาษณ์ของบุษบาบัณ กระหน่ำซ้ำเติมความเจ็บปวดของอุรวสา เมื่อพิธีกรถามว่าเห็นอะไรในตัวแสงฉานถึงให้ความสนับสนุน

“เห็นความหล่อค่ะ” พูดแล้วหัวเราะ แก้ว่า “พูดเล่นนะคะ เชฟแสงฉานเป็นคนเก่งมาก เพียงแต่ก่อนหน้านี้ขาดที่ปรึกษาด้านการทำธุรกิจที่ดี ซึ่งพอบุษเข้ามาช่วยเชฟก็โชว์ความสามารถได้เต็มที่” พูดแล้วชำเลืองมองแสงฉานตาหวาน

อุวสาทนไม่ได้อุ้มช่อดอกไม้เดินออกมา ผ่านห้องน้ำ ที่มีฉากกั้นได้ยินเสียงแสงฉานกับบุษบาบัณคุยกันว่า

“คุณก็บอกคุณวสาสิคะว่างานของคุณไม่มีทางก้าวหน้าไปกว่านี้ถ้ายังมีเขาเป็นตัวถ่วง”

“ผมบอกวสาว่าเป็นตัวถ่วงไม่ได้หรอกครับ มันทำร้ายจิตใจวสาเกินไป”

“คุณจะยอมให้อนาคตคุณเสียหายเพราะคนคนเดียวเหรอคะ”

“ขอบคุณนะครับที่เตือนสติผม...ผมจะหาทางคุยกับวสาให้เร็วที่สุด”

อุรวสาช็อก ความผิดหวังน้อยใจประดังขึ้นมา ไม่เคยคิดเลยว่าแสงฉานจะถือตนเป็นตัวถ่วงชีวิต เธอหันหลังเดินออกไป บุษบาบัณโผล่ออกมาจากหลังฉากในมือถือโทรศัพท์ จิกตามองตามอุรวสาไปอย่างสะใจ

ooooooo

แม้จะเจ็บปวดปานหัวใจสลาย แต่อุรวสาก็ประคองช่อดอกไม้เข้าไปแสดงความยินดีกับแสงฉาน เขาดีใจมากที่เธอมา ผายมือให้ไปนั่งพูดอย่างตื่นเต้น ปลาบปลื้ม ภูมิใจว่า

“นี่ไง ร้านที่เป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเรา”

“เราไม่มีอนาคตด้วยกัน และปัจจุบันของเราจะสิ้นสุดวันนี้” แสงฉานตกใจถามว่าพูดอะไร “เราจะหย่ากัน พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่สำนักงานเขตนะคะ” แสงฉานติงว่าเรื่องของเรายังไม่จบ “อย่าเป็นตัวถ่วงชีวิตของกันและกันเลยค่ะ ปล่อยฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบที่ฉันต้องการเถอะ” เธอยังย้ำว่า “เพื่อเห็นแก่ความรักที่เราเคยมีให้กัน พรุ่งนี้กรุณาไปตามนัดด้วย”

อุรวสารีบออกไปก่อนที่จะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แสงฉานปวดร้าวจนหัวใจแทบสลายกับความพยายามที่ล้มเหลว

กลับถึงบ้าน อุรวสานั่งอย่างทอดอาลัยกับความรักและครอบครัวที่แตกร้าว อัษฎาเดินมานั่งข้างๆ ปลอบและให้กำลังใจลูก ชี้ให้เห็นปัญหาในการครองชีวิตคู่ว่า

ชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ชีวิตคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนในนิทาน แต่มันเต็มไปด้วยขวากหนามและอุปสรรค ถ้าคนสองคนจูงมือฝ่าฟันไปได้ก็จะพบความสุข ถามอุรวสาเพื่อฟื้นความทรงจำว่า

“จำได้ไหมว่าจับมือกันครั้งแรกเมื่อไหร่ จำได้ไหมว่าทำไมลูกถึงรักกัน”

“วสาจำได้ว่า วันที่เจอแสงครั้งแรก คือวันสิ้นสุดการรอคอยของวสา แสงคือคนที่ใช่ เขาทำให้ชีวิตของวสามีความหมาย”

อัษฎาเตือนสติว่า แสงฉานเป็นคนดี เธอน่าจะคิดดูอีกครั้ง ถูกอุรวสาปฏิเสธว่า “มันสายไปแล้วค่ะคุณพ่อ” แล้วร้องไห้โฮอย่างหมดความอดกลั้น อัษฎากอดลูกไว้พูดอย่างเจ็บปวด...

“พ่อให้สัญญากับแม่คุณวสาไว้ว่าจะไม่ทำให้คุณวสาร้องไห้...พ่อขอโทษ” เธอบอกว่าตนทำตัวเอง ตนทำให้พ่อเป็นห่วง “คุณวสาเป็นลูกพ่อ ถ้าสุข...พ่อก็สุขไปด้วย ทุกข์ก็ทุกข์ไปด้วยกัน พ่อจะไม่มีวันทิ้งลูก”

สองพ่อลูกกอดกัน...ร้องไห้ไปด้วยกัน...

เมื่อบุษบาบัณเอาคลิปการสนทนากับแสงฉานไปเปิดให้พงษ์ชัยฟัง เขาถามว่าเธอได้คลิปเสียงแสงฉาน มาได้ยังไง

“ก็แค่ตัดต่อ...เลือกให้อุรวสาฟังแต่เรื่องบาดใจ หึๆ” บุษบาบัณพูดอย่างสะใจ

“เก่งมาก...อีกไม่นานแสงฉานก็เป็นของคุณ

อุรวสาก็กลายเป็นของผม เราสองคนจะมีความสุขที่สุด”

หญิงชั่วกับชายโฉด ยิ้มให้กันอย่างชั่วร้าย

ooooooo

รุ่งขึ้นอุรวสาไปที่สำนักงานเขตเซ็นหย่าอย่างไม่ลังเล แสงฉานมองอุรวสาอย่างปวดร้าว ยิ่งเมื่อนึกถึงภาพในอดีตตอนที่รักกันและไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แสงฉานเซ็นใบหย่าไม่ลง...

“เซ็นสิคะ อย่าทำให้เสียเวลาไปมากกว่านี้”

“ผมไม่หย่า!”

แสงฉานวางปากกาแล้วลุกไปทันที อันตรากับอินทุอรที่มาเป็นเพื่อนพี่สาวมองหน้าอุรวสาที่กลั้นน้ำตาจนดวงตาแดงก่ำ แต่พอออกมาเธอพยายามยิ้มร่าเริงบอกน้องๆว่าอดเลี้ยงฉลองความโสดเลย แต่ไม่เป็นไรเอาไว้คราวหน้าก็ได้

แต่พอเดินมาถึงรถ ความอดกลั้นก็พังทลาย อุรวสาร้องไห้อย่างหนัก อินทุอรกับอันตรากอดปลอบพี่สาวว่า ร้องไห้เลย ร้องออกมาให้หมด อุรวสาร้องไห้จนหน้ามืดเป็นลม น้องทั้งสองตกใจมากรีบประคองพี่สาวขึ้นรถพาไปหาหมอ

หมอแจ้งด้วยความยินดีเมื่อให้อันตรากับอินทุอรมาดูการทำอัลตราซาวนด์อุรวสาที่นอนอยู่บนเตียงว่า

“เด็กในครรภ์อายุ 11 สัปดาห์แล้วครับ” หมอชี้ให้ดูภาพอัลตราซาวนด์ “เห็นจุดที่หมอชี้ไหมครับ นั่นคือหัวใจครับ”

หมอเปิดลำโพงดังขึ้น ทั้งสามได้ยินเสียงหัวใจของทารกดังไปทั่วห้อง อุรวสาตื้นตันจนน้ำตาไหลไม่รู้ตัว พึมพำเหมือนตกอยู่ในความฝัน...

“ฉันกำลังจะเป็นแม่...”

อันตรากับอินทุอรกุมมือพี่สาวแน่น น้ำตาไหลด้วยความปลื้มปีติเช่นกัน

ooooooo

พี่น้องสามใบไม่เถา ต่างดีใจกับข่าวนี้ แต่อุรวสาสั่งน้องทั้งสองห้ามบอกเรื่องนี้กับแสงฉาน และห้ามให้คุณพ่อคุณแม่รู้เด็ดขาดเดี๋ยวจะสั่งให้ตนกับแสงฉานคืนดีกัน

เมื่อรู้ว่าพี่สาวตั้งครรภ์ ทั้งอันตราและอินทุอรต่างดูแลและเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ที่โต๊ะอาหารก็ตักโน่นตักนี่ให้ จนอัษฎาแกล้งทำเป็นน้อยใจ สามสาวเลยรุมกันตักอาหารให้จนพูนจาน บรรยากาศความรักที่มีต่อกันในครอบครัว สดชื่นและอบอุ่น

พอมีเวลา สามสาวก็ไปขลุกกันอยู่ในเต็นท์ คุยกันอย่างเห่อหลานที่เพิ่งมีอายุครรภ์แค่ 11 สัปดาห์ แย่งกันตั้งชื่อ วางแผนจะฝึกหลานให้เป็นนักมวยบ้างเป็นนักบัลเล่ต์บ้าง แต่ทั้งหมดนี้เป็นความลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่และแสงฉาน

สามหนุ่มยังไปมาหาสู่กันประสาคนหัวอกเดียวกัน วันนี้แสงฉานปรารภอย่างรันทดว่า

“จะทำร้านใหญ่ขยายสาขาไปทำไมถ้าไม่มีวสา จริงๆ แล้วผมอยากมีร้านอาหารเล็กๆ จะได้มีเวลาเอาใจใส่ลูกค้าและครอบครัว แต่ตอนนี้ผมไม่เหลือใคร แม้แต่ครอบครัว”

“เราน่าจะยังแก้ไขอะไรได้ อย่างน้อยตอนนี้คุณก็ยังไม่ได้หย่า” เวศม์เสนอ แต่ภิสิตติงว่า

“มาถึงจุดนี้แล้ว แสงควรเลือกทำตามความฝันของตัวเองให้ดีที่สุด ทำร้านเล็กๆ เพื่อมีเวลาให้กับครอบครัว”

ooooooo

บุษบาบัณอ่านเจอข่าวภิสิตจะย้ายไปประจำที่ญี่ปุ่นเร็วๆนี้ เธอจิกตาร้ายพึมพำ

“อย่าหวังเลยว่าจะได้ไปอย่างมีความสุข!”

คิดแล้วบุษบาบัณลงมือทันที ไม่นานก็มีคลิปคนคล้ายภิสิตและอินทุอรทั้งกอด ทั้งจูบกันในที่ต่างๆแพร่ออกไป

เมื่ออัษฎาเห็นภาพเหล่านั้น ก็เรียกอินทุอรมาสอบถาม อินทุอรยืนยันว่าตนไม่ได้ทำ ตนไม่ได้เจอภิสิตนานมากแล้ว ตนไม่เคยขัดคำสั่งคุณพ่อเลย บราลีถามว่าหนูอินเคยไปโรงแรมนั้นหรือเปล่า?

อินทุอรคิดทบทวนแล้วเล่าว่า “เคยค่ะ วันนั้นอินไปซื้อขนมให้พี่อัน...” อินทุอรเล่าว่า ขนมแบบที่ต้องการหมดจึงจะมาซื้อใหม่พรุ่งนี้ แต่พอเดินออกจากร้าน จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาชนตนจนเซแล้วเข้าประคองถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ตนบอกว่าไม่เป็นไรและเบี่ยงตัวออก อินทุอรยืนยันกับคุณพ่อคุณแม่ว่า

“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่อาสิต แล้วอินก็ไม่ได้ไปทำอะไรแบบในคลิปเลยจริงๆนะคะ”

“แล้วมันเป็นใคร” อัษฎาคิดเครียด

เวลาเดียวกัน บุษบาบัณอยู่ในห้องพักโรงแรมกับพงษ์ชัย เธอเล่าอย่างกระหยิ่มใจว่า ผู้ชายในคลิปเป็นตัวประกอบคนหนึ่งที่ตนจ้างมา ผู้หญิงในลิฟต์ที่กอดจูบกับสิตก็เป็นตัวประกอบ เธอเล่าอย่างสะใจว่า

“บุษให้คนไปคอยดูอินทุอรกับภิสิตที่หน้าบ้านว่าแต่งตัวยังไงแล้วก็ให้สแตนด์อินแต่งตัวให้เหมือน แค่นี้บุษก็ได้คลิปทำลายชีวิตพวกมันให้ย่อยยับ คนทั้งโลกจะได้ตราหน้ามันว่า แย่งผัวชาวบ้าน!”

“คุณนี่มันร้ายจริงๆ” พงษ์ชัยยิ้มกริ่มแล้วกดเพลย์คลิปดูอีกรอบ

แต่คลิปนี้ก็ถูกอันตรานักสืบมืออาชีพจับโกหกได้ว่า จุดแรกคือที่จอดรถไม่ใช่ของโรงแรมนี้ตนจำได้เพราะมาซื้อของที่นี่บ่อยๆ จุดที่สอง หนูอินใส่นาฬิกาข้อมือสีขาว แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใส่นาฬิกา

อัษฎาโกรธมากถามว่าใครทำกับหนูอินแบบนี้ อุรวสาเชื่อว่าเป็นฝีมือของบุษบาบัณทำเพราะหึงภิสิต อัษฎาชวนอินทุอรจะไปเอาเรื่อง เธออายไม่กล้าไป อุรวสาติงว่าอย่าเลย เพราะคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ใหญ่จะเสียชื่อ ปล่อยให้พวกตนจัดการดีกว่า

“คิดว่าทำได้คนเดียวเหรออาบุษ” อันตราขาลุยพึมพำแค้น

ooooooo

สามใบไม่เถา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด