สมาชิก

สามใบไม่เถา

ตอนที่ 11

อัลบั้ม: เรื่องราวของ 3 สาวพี่น้อง ต่างพ่อแม่ แต่อยู่ในครอบครัวเดียวกันใน "สามใบไม่เถา"

พอวางสายจากอุรวสา พงษ์ชัยพูดกับอนุวัติว่าอุรวสาคงเชื่อ อนุวัติบอกว่าดูในกล้องมือถือยิ่งเหมือนเลือดจริงแล้วส่งผ้าให้เช็ดเลือดออก พงษ์ชัยยิ้มร้ายบอกอนุวัติว่า

“ต้องขอบใจความขี้หึงของแสงฉานที่ทำให้แผนของฉันสำเร็จเร็วขึ้น หึๆ บทพระเอกเล่นง่ายกว่าที่คิด”

อุรวสาโกรธมาก หาว่าแสงฉานทำร้ายพงษ์ชัยเหมือนจงใจทำให้งานของตนพัง

แสงฉานโต้ว่า ดูตาตนก็รู้ว่าพงษ์ชัยต้องการอะไร อุรวสาย้อนถามว่าแล้วเราแต่งงานกันมากี่ปีเขาเคยเข้าใจไหมว่าตนต้องการอะไร

“ความสำเร็จในหน้าที่การงาน การยอมรับฐานะทางสังคม แล้ว...อะไรอีกหลายๆอย่างที่ไม่ใช่ผม...”

“นั่นสิ เราแต่งงานกันทำไม เราจะรักกันต่อไปได้ยังไง ในเมื่อคุณผลักไสผมตลอดเวลา”

“คนรักกัน จะอยู่ใกล้หรือไกลก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่ยังมีความไว้วางใจ เชื่อใจกัน แต่แสงไม่เคยไว้ใจวสา เราจะใช้ชีวิตด้วยกันยังไง”

ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรงต่างมีเหตุผลของตัวเอง จนในที่สุดอุรวสาบอกว่าแค่เรื่องคุณพ่อป่วยก็หนักหนาที่สุดในชีวิตตนแล้ว ยังต้องมาเถียงกันซ้ำๆซากๆ กับเรื่อง เดิมๆ ตนเหนื่อย เบื่อ ทนไม่ไหวแล้ว เสนอว่า เราจบกันแค่นี้เถอะ!

แสงฉานตกใจถามว่า จบกันแค่นี้แปลว่าอะไร

อุรวสาตอบอย่างไม่ต้องคิดว่า

“เราหย่ากันเถอะ”

แสงฉานช็อก ขณะเดินออกจากบ้านอัษฎาก็ยังช็อกไม่หาย อุรวสามายืนที่หน้าต่างพูดตามหลังอีกว่า

“ฉันพร้อมเมื่อไหร่ เราค่อยนัดไปจดทะเบียนหย่า” แสงฉานติงว่าคิดดีแล้วหรือ เปลี่ยนใจเถอะ คำตอบคือ “ไม่!!”

แสงฉานกลับถึงคอนโด มองรอบห้องพึมพำอย่างหัวใจแตกสลาย... “ผมจะอยู่ยังไง...ถ้าไม่มีคุณ...”

ooooooo

อันตรากับบราลีมาเคาะประตูห้องอุรวสาอย่างห่วงใย พอเธอเปิดประตูให้ อันตราถามว่าร้องไห้หรือ ทะเลาะกับแสงฉานแน่เลย

“คุณแม่คะ...วสาจะหย่า...” อุรวสาร้องไห้โฮโผกอดบราลี ทั้งสามเข้าไปนั่งคุยกันในห้องนอนของอุรวสา บราลีหว่านล้อมว่าอย่าตัดสินชีวิตคู่ด้วยอารมณ์ “วสาคิดดีแล้วค่ะ เราไม่เคยเหมาะสมกันเลย...”

“คุณวสากำลังใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา เชื่อแม่สิ... เรื่องของชีวิตคู่ต้องใช้เวลา กว่าคุณวสากับแสงฉานจะรักกัน ได้แต่งงาน ได้อยู่ด้วยกัน ผ่านปัญหาอุปสรรคมามากเท่าไหร่ เคยคิดทบทวนบ้างไหม” อุรวสานิ่งไปสีหน้าผ่อนคลายลงมาก “ชีวิตคู่ของคุณวสาเพิ่งเริ่มต้น อุปสรรคที่ผ่านเข้ามาเป็นแค่บททดสอบความรักระหว่างคนสองคน ถ้าตัดสินปัญหาด้วยอารมณ์ชั่วขณะ คุณวสาอาจจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต”

“บอกตามตรงว่าวสาไม่มั่นใจในชีวิตแต่งงานอีกแล้วค่ะ”

“การหย่าร้างเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับครอบครัว รอให้คุณพ่อหายป่วยก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที บางทีพอเวลาผ่านไป อะไรๆอาจจะดีกว่านี้” อุรวสายิ่งร้องไห้บอกว่าไม่มีทางดีขึ้นแล้ว บราลีบอกว่าถือว่าแม่ขอก็แล้วกัน แล้วบอกอันตรา “ห้ามบอกคุณพ่อเด็ดขาดเลย เข้าใจไหม”

“เข้าใจค่ะ” อันตรารับคำ บราลีหันมองอุรวสาด้วยความสงสาร...เห็นใจ...

ooooooo

นับวันอัษฎาก็ระแวงสงสัยอินทุอรมากขึ้นทุกที วันนี้เห็นเธอคุยโทรศัพท์ก็บ่นกัน สมศักดิ์ว่าใครไม่รู้โทร.หาหนูอินทุกคืนเลย คุยแต่ละวันเป็นชั่วโมง

“ถึงหนูอินบอกว่ายังไม่มีแฟน แต่ฉันมั่นใจว่าต้องมีผู้ชายโทร.มาจีบ” พอดีอินทุอรวางสายเดินเข้ามา อัษฎาทำเป็นจะโทร.หาบราลีแต่หามือถือไม่เจอขอยืมมือถือเธอหมายจะเช็กว่าลูกโทร.คุยกับใคร แต่ไม่สำเร็จเพราะอินทุอรเห็นมือถือของคุณพ่อแลบออกจากใต้หมอนเสียก่อน

เมื่อแผนแรกไม่สำเร็จ ก็หาเหตุใหม่บอกว่าน้ำผลไม้หมดให้ออกไปซื้อให้ อินทุอรรีบออกไปไม่ได้เอามือถือไปด้วย อัษฎากับสมศักดิ์รีบคว้าไปเช็ก ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของภิสิตโทร.มาหาอินทุอรทุกคืน! อัษฎา คิดแผนที่จะจับผิดให้ได้

ในที่สุดอัษฎาก็จับได้ เมื่อไปที่บ้านป้าอัปสรเจออินทุอรกำลังสอนภิสิตเล่นเปียโนอย่างใกล้ชิด อัษฎาพรวดเข้าไปขวาง แล้วพาทั้งสองไปนั่งคุยกันที่มุมหนึ่งในบ้านป้าอัปสร

อัษฎาโกรธภิสิตมาก ด่า “ไอ้เพื่อนเลว ไอ้เพื่อนทรยศ แกหักหลังฉัน ฉันจะฆ่าแก” สมศักดิ์พยายามห้าม ภิสิตก็ขอให้ฟังตนก่อน อัษฎาตวาดว่า “ไม่มีอะไรต้องอธิบายอีกแล้ว ฉันเห็นเต็มสองตา ฉันเห็นแกเหมือนน้องชายฉัน หนูอินเป็นหลานแกนะ”

“ผมก็นับถือพี่อัษเหมือนพี่ชายแท้ๆ” ภิสิตพูดอย่างรู้สึกผิดแต่อัษฎาเลือดขึ้นหน้าฟังไม่เข้าหู ชกภิสิตโครม โกรธจนตัวเองอาการโรคหัวใจกำเริบเจ็บหน้าอกจนร้องคราง สมศักดิ์ขอร้องให้พอ บอกให้หายใจลึก ๆ และจะพาไปโรงพยาบาล ภิสิตรีบพูดเพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลายว่า

“พี่อัษครับ พี่จะเกลียดผมยังไงก็ได้ แต่ผมจะไม่เปลี่ยนความรู้สึกรักและเคารพที่มีต่อพี่ ถ้าผมสามารถทำอะไรเพื่อเป็นการแก้ตัวได้ ผมยินดี” อัษฎาพูดทั้งที่เจ็บหน้าอกมากว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วอย่าให้ต้องสอน ภิสิตตัดสินใจบอกว่า “เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ ผมจะไม่ติดต่อหนูอินอีกครับ”

ภิสิตกับอินทุอรสบตากันเศร้าๆ อัษฎายังมองภิสิตอย่างไม่พอใจ เมื่อกลับถึงโรงพยาบาล อัษฎายึดมือถือของอินทุอรและห้ามยืมมือถือของพี่ๆ โทร.หาภิสิตเป็นอันขาด!

แต่ด้วยความเป็นห่วง ภิสิตโทร.เข้ามือถือของอันตราถามอาการของอัษฎาและสภาพของอินทุอร พออินทุอรรู้ว่าภิสิตโทร.มาก็ยิ่งเศร้าเหงา...

ooooooo

ที่คอนโดแสงฉาน กลายเป็นที่ที่สามหนุ่ม คือแสงฉาน เวศม์ และหมาดๆ คือภิสิตที่กำลังมีปัญหามาปรับทุกข์กัน

อาหารที่แสงฉานทำเลี้ยงวันนี้จากที่เคยเป็นอาหารอิตาเลียนหรูก็กลายเป็นข้าวต้มกุ๊ยกับผักดองและกับอีกสองสามอย่างง่ายๆ แสงฉานบอกว่าไม่มีอารมณ์ทำอาหารมาหลายวันแล้ว ที่ร้านก็ให้เชฟคนอื่นทำแทน

ภิสิตบอกว่าตนกินไม่ลงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหมือนกัน เวศม์ปรารภว่า เราสามคนมีปัญหาความรักพร้อมกันเลย

“รักต่างวัยไม่มีวันเป็นไปได้” ภิสิตพูดอย่างเหม่อลอย

“ทำบริษัทพ่อผู้หญิงที่ตัวเองรักเกือบเจ๊ง ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีวันให้อภัย” เวศม์เหม่อลอยเหมือนกัน

“ภรรยากำลังขอหย่า...คงเบาที่สุดแล้ว” แสงฉานยิ้มเซียวๆ “แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้ ผมรู้จักวสาดี เขาคงต้องรอให้คุณพ่อหายป่วยก่อนถึงจะเริ่มจัดการปัญหาของเรา”

“การแต่งงานที่มีความรักเป็นทุนเดิม ย่อมมีความเข้าใจกัน หาทางปรับความเข้าใจกันซะ แสงต้องได้อุรวสากลับคืนมา” ภิสิตให้กำลังใจ แสงฉานก็ได้แต่รับคำซึมๆ

“ส่วนผมก็คงต้องใช้กลยุทธ์ตื๊อเท่านั้นครองโลก” เวศม์ใช้ยุทธวิธีเดิม แสงฉานถามว่าแล้วอาสิตล่ะคำตอบคือ

“อาคงต้องตัดใจ”

ooooooo

ในภาวะที่อัษฎาสะเทือนใจอย่างรุนแรงนี้ บราลีพยายามที่จะทำให้สามีคลายความตึงเครียด บอกว่าเราไม่สามารถดูแลลูกไปจนตลอดชีวิตได้สักวันต้องยอมให้คนที่ดูแลเขาได้ดีกว่าหรือเท่าเราไปดูแลแทน และให้หนูอินไปมีชีวิตของเขา

อัษฎาเข้าใจเหตุผลนี้แต่คนนั้นต้องไม่ใช่ภิสิต เพราะ “มันหักหลังผม...มันทรยศต่อความเป็นเพื่อน” บราลีก็ได้แต่เหนื่อยใจเพราะรู้จักสามีตัวเองดี

ส่วนแสงฉานก็ไปหาอุรวสาที่บ้านบอกว่าจะชวนไปซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อกั้นห้องเป็นสัดส่วนให้เธอทำงาน ทั้งให้สัญญาว่าตนจะไม่รบกวนเวลาทำงานของเธอ ขอแต่เธอให้เกียรติตนในฐานะสามีบ้างเท่านั้น เลยถูกอุรวสาย้อนว่าแล้วเขาให้เกียรติตนบ้างไหม เคยไว้ใจตนไหม? เธอบอกให้เขากลับไปเสีย ตนไม่อยากเสียเวลาพูดเรื่องเดิมๆ

แสงฉานเสนอใหม่ว่าถ้าอยู่ที่นี่แล้วไม่มีความสุขรอให้คุณพ่อหายแล้วเรากลับไปอยู่อเมริกากัน เธอทำงานของเธอส่วนตนจะเปิดร้านเล็กๆ เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน อุรวสามองหน้าเขาพูดอย่างไม่อยากเชื่อว่า

“คุณพ่อถึงขนาดลงไปสอนคุณด้วยตัวเอง หวังจะให้คุณมีร้านที่ประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับจากทุกคน ทำไมคุณถึงไม่มีความทะเยอทะยาน”

“ผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วนะ แต่คุณเคยฟังบ้างไหมว่าผมต้องการอะไร เราต้องปรับความเข้าใจกันนะวสา ยังไงผมก็ไม่ยอมหย่ากับคุณ” อุรวสาโมโหบอกว่าถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องคงต้องฟ้องศาล ถึงวันนั้นเขาไม่มีวันชนะตนแน่ “ผมไม่อยากชนะวสา เพราะความขัดแย้งในความรัก ไม่มีคนแพ้ชนะ มีแต่คนเจ็บมากกับเจ็บน้อย ถ้าเลือกได้ผมขอเป็นฝ่ายเจ็บเอง ผมจะไม่ยอมให้คุณเจ็บ”

แสงฉานเดินออกไปเงียบๆ เศร้าๆ อุรวสามองตามแล้วรู้สึกหน้ามืดจนต้องพิงรถ เธอเริ่มสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร?

อาการหน้ามืดบ่อยๆ และเจ้าอารมณ์ของอุรวสา แม้แต่อันตราก็บ่นกับอินทุอรว่าพี่วสาไม่เคยเป็นอย่างนี้

ooooooo

เพื่อเร่งให้ครอบครัวอุรวสากับแสงฉานแตกแยกกันเร็วยิ่งขึ้น พงษ์ชัยวางแผนให้บุษบาบัณชวนแสงฉานไปโชว์ฝีมืออาหารในเทศกาลอาหารฟิวชั่น อ้างว่า เพื่อปูทางให้กับการขยายร้านของเขา

แสงฉานไม่มั่นใจเพราะตนไม่ใช่คนชอบออกงาน หรือให้สัมภาษณ์ บุษบาบัณบอกว่าเรื่องนี้ตนรับหน้าให้เอง

เมื่อไปทำอาหารโชว์ที่โรงแรมของพงษ์ชัย บุษบาบัณออกหน้าให้สัมภาษณ์แทนแสงฉาน จนถึงช่วงดินเนอร์คู่รัก พิธีกรประกาศว่า

“ช่วงดินเนอร์กับหวานใจ แขกรับเชิญคู่รักของเราจะได้ชิมอาหารของเชฟแสงฉานท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกใต้แสงเทียนค่ะ พักโฆษณาสักครู่นะคะ” พักครู่หนึ่งแล้ว พิธีกรถามบุษบาบัณว่าแขกรับเชิญพิเศษมาถึงหรือยัง บุษบาบัณบอกว่าใกล้ถึงแล้ว หันไปถาม แสงฉานว่า

พร้อมแล้วใช่ไหม พอแสงฉานพร้อม บุษบาบัณประกาศว่า

“ขอแนะนำแขกรับเชิญพิเศษค่ะ คุณพงษ์ชัยเจ้าของโรงแรมกับคุณอุรวสา มัณฑนากรคนเก่งคู่ใจค่ะ”

แสงฉานฉงน แล้วกลายเป็นไม่พอใจเขาบอก บุษบาบัณว่า “ขอโทษนะครับ ผมขอถอนตัว” แล้วผลุนผลันออกไปทันที อุรวสางง ๆ พอเห็นแสงฉานเดินออกไป เธอผละจากพงษ์ชัยตามเขาไป

ooooooo

อุรวสาตามแสงฉานออกมาถามว่าจะถอนตัว ทำไม จะได้ออกทีวีก็ดีแล้ว แสงฉานถามอย่างเจ็บปวดว่า

“จะให้ผมทนดูคุณกับไอ้พงษ์ชัยสวีตใต้แสงเทียน กินอาหารที่ผมทำน่ะเหรอ”

อุรวสาบอกว่าตนกับพงษ์ชัยมาคุยงานกัน ส่วนเรื่องรายการทีวีตนไม่รู้เรื่อง มาถึงก็เห็นแสงฉานกับบุษบาบัณควงแขนสนิทสนมกันแล้ว

แสงฉานชี้แจงว่าตนกำลังจะเปิดสาขาใหม่ ตั้งใจทำเพื่อเธอ อุรวสาบอกว่ามันสายเกินไปแล้ว ก็พอดีบุษบาบัณมาบอกแสงฉานว่าเขาถอนตัวไม่ได้ ทีมงานรอเขาอยู่แล้วหัวเราะระริกบอกว่า

“รู้ไหมว่าพิธีกรคิดว่าบุษเป็นภรรยาแสง เลยวานให้มาตามสามี”

อุรวสาทนฟังไม่ได้ลุกหนีไปทันที บุษบาบัณมองอย่างสะใจ

สมศักดิ์ดูแท็บเล็ตอยู่ที่ห้องคนไข้ของอัษฎา เขาทำหน้าแปลกใจบอกอัษฎาว่า นี่มันลูกเขยกับอดีตน้องสะใภ้เขา แล้วเอาไปให้ดูบอกว่า มีคลิปในยูทูบ เป็นเบื้องหลังการถ่ายทำนิตยสาร ซึ่งแต่ละรูปทั้งคู่ดูสวีตหวานกันมาก

อัษฎาโทร.หาอินทุอรทันที เธอบอกว่าวสาอยู่กับตนที่บ้านแต่ตอนนี้มีแขก อัษฎาสั่งว่าถ้าแขกกลับแล้วให้วสาโทร.หาพ่อด้วย

แขกที่ว่าคือแสงฉานที่มาคุยเรื่องสาขาร้านใหม่กับอุรวสา แต่คุยกันไม่ลงรอย อุรวสาลุกไปเปิดประตูบอกให้แสงฉานกลับไปได้แล้ว แสงฉานติงว่าเรายังคุยกันเรื่องร้านไม่จบ ก็ถูกเธอตัดบทอย่างสิ้นเยื่อใยว่า “แต่เรากำลังจะหย่ากัน จบรึยัง?!”

อัษฎาเรียกอุรวสากับแสงฉานมาคุยกัน เมื่อรู้ว่าทั้งสองจะหย่ากัน ถามว่าทำไม อุรวสาบอกว่าตนมีเหตุผล อัษฎาพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ บอกว่าเธอต้องกลับไปอยู่คอนโดกับแสงฉานแล้วปรับความเข้าใจกันเสีย

“วสาไม่กลับ เรื่องความรัก ขอให้วสาตัดสินใจเองเถอะค่ะ” พูดแล้วลุกไปเลย

ความแข็งกร้าวดื้อรั้นของอุรวสาทำให้อัษฎาเครียดและเริ่มเหนื่อยหอบ บราลีบอกว่าตนจะไปคุยกับลูกเอง

อัษฎาคุยกับแสงฉานต่อ แสงฉานยืนยันว่าตนกับบุษบาบัณไม่มีอะไรกัน เพียงแต่ตนอยากเปิดสาขาร้านใหม่จึงคุยกันและบุษบาบัณพามาออกสื่อ

“ร้านเก่าก็เพิ่งจะลงตัว ทำไมถึงคิดเปิดร้านใหม่” อัษฎาถาม

“ผมอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีได้ ครอบครัวของเราจะต้องมีอนาคตที่มั่นคงและมีความสุขครับ”

“ทำดีแล้วก็ทำต่อไปเถอะ แล้วจะหาทางช่วย” อัษฎาพยักหน้าพอใจ

“ขอบคุณครับคุณพ่อ” แสงฉานไหว้ลาแล้วลุกไป

แต่พอแสงฉานออกไป อัษฎารู้สึกตาพร่าและเวียนหัวมาก พอดีมือถือมีสัญญาณข้อความเข้าเขาพยายามเปิดอ่านข้อความ อ่านแล้วอัษฎาโมโหมากลุกพรวดขึ้น มือถือหล่นที่ซอกเตียงไม่รู้ตัว

อุรวสากับบราลีเดินเข้ามาในห้องพัก ปรากฏว่าอัษฎาหายไปแล้ว อุรวสาจึงโทร.เข้ามือถือเพื่อถามว่าคุณพ่ออยู่ไหน ปรากฏว่าเสียงมือถือของอัษฎาดังอยู่ที่ซอกเตียง อุรวสาหยิบขึ้นมากดเปิดดู พบข้อความที่อัษฎาเปิดค้างไว้ เธอบอกบราลีว่า

“เลขาคุณพ่อส่งข้อความบอกว่า ผู้ถือหุ้นนัดประชุมด่วนเพื่อขับไล่คุณพ่อค่ะ”

ooooooo

ที่แท้อัษฎาไปประชุมผู้ถือหุ้นที่บริษัท ผู้ถือหุ้นสามคนกล่าวโทษว่าเขาบริหารงานผิดพลาดทำให้สถานการณ์บริษัทย่ำแย่ เขาต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก

“พวกคุณไล่ผมออกไม่ได้ บริษัทนี้ผมสร้างมากับมือ มันคือชีวิตและจิตใจของผม ผมไม่ยอมลาออกแน่” อัษฎาแข็งกร้าว อาการเจ็บหลังกำเริบรุนแรงจนทุกคนตกใจ สมศักดิ์ขอร้องให้เขาหายใจยาวๆ ตั้งสติดีๆใจเย็นๆ ขณะสมศักดิ์จะเข้าประคอง อัษฎาก็หมดสติล้มลงก่อน บราลีและลูกๆเข้ามาพอดีทุกคนตกใจมากรีบพาส่งโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉินทันที

หมอแจ้งอาการของอัษฎาว่าต้องผ่าตัดด่วนเพราะเนื้องอกโตมาก ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้คนไข้จะเป็นอันตราย ทั้งบราลีและลูกๆทั้งสามรออยู่หน้าห้องผ่าตัดด้วยความเป็นห่วง บราลีใจไม่ดีจนทำกาแฟหกรดตัวเอง

สถานการณ์ในห้องผ่าตัดตึงเครียดมาก หมอและพยาบาลกำลังช่วยอัษฎาที่กำลังจะเสียชีวิตกันเต็มที่ หน้าอัษฎาซีดขาวจนน่ากลัว

พอหมออำพลออกจากห้องฉุกเฉินทุกคนกรูกันเข้าไปถามว่าอาการของอัษฎาเป็นอย่างไรบ้าง

“คนไข้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวก่อนเริ่มลงมือผ่าตัด แต่หมอช่วยชีวิตไว้ได้” หมออำพลบอก ทุกคนเครียดกันมาก

ช่วงที่รอดูอาการนี้ หมออำพลบอกว่าต้องรีบประสานงานกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาทำการผ่าตัดเนื้องอกให้เร็วที่สุด

ขณะบราลีและลูกๆเฝ้าอัษฎาอยู่หน้าเตียงนั้น เขารู้สึกตัวขึ้นมามองทุกคนพูดอย่างปลื้มปีติว่า “ลูกพ่อรักกันแบบนี้พ่อก็หมดห่วง” และขอโทษบราลีที่ทำให้เธอเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรค่ะ คราวนี้ฉันให้อภัย แต่คราวหน้าห้ามหัวใจหยุดเต้นอีกนะคะ” ทั้งสองสบตาอย่างเข้าใจกัน อุรวสาเห็นความรักความห่วงใยของพ่อกับแม่แล้วสะเทือนใจที่ตนกับแสงฉานมีแต่โทษกันไปมาไม่ให้อภัยกันเลย

เมื่อภิสิตรู้ว่าอาการของอัษฎาหนักกว่าเดิม เขาไปคุยกับหมออำพลว่า ตนรู้จักศัลยแพทย์มือหนึ่งของอเมริกาถ้าจะติดต่อมาผ่าตัดอัษฎาหมออำพลจะว่าอย่างไร หมออำพลชี้แจงว่าปัญหาของอัษฎาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ศัลยแพทย์แต่อยู่ที่หัวใจของเขาทำให้ผ่าตัดไม่ได้ หมออำพลแนะนำว่า มีทางหนึ่งที่อัษฎาอาจไม่ต้องผ่าตัดคือ...

“ทางเมืองจีนมีการรักษามะเร็งด้วยความเย็นที่จะไปฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง” แต่ตนยังไม่ได้บอกครอบครัวของอัษฎาเพราะ “เท่าที่ผมรู้มาคือคิวผู้ที่เข้ารับการรักษาแน่นมาก และคุณอัษคงรอเวลานานขนาดนั้นไม่ได้”

แต่ทั้งภิสิตและหมออำพลก็ยังช่วยกันคิดหาทาง

ooooooo

ด้วยความรักที่มีต่ออัษฎา เขาได้รับการช่วยเหลือจากทั้งคนที่ตัวเองรักและโกรธ เกลียด ภิสิตติดต่อไปทางจีนให้อัษฎาไปรักษาที่นั่น หมอทางนั้นบอกว่า อัษฎาหายแน่แต่ให้กลับไปดูอาการอีกสักครั้งสองครั้งเท่านั้น

เพื่อช่วยอัษฎาในทางธุรกิจที่ถูกหุ้นส่วนบีบให้ลาออก เวศม์ตัดสินใจขายบริษัทของตัวเองแล้วเอาเงินมาซื้อหุ้นรายย่อยแทบทั้งหมดในบริษัทของอัษฎา ดังนั้นเมื่อเอาหุ้นของอัษฎา รวมกับสมศักดิ์และเวศม์แล้วกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ทำให้อำนาจบริหารอยู่กับฝ่ายเรา ความสามารถเก่งกาจของเวศม์เป็นที่เลื่องลือจนคนที่วอลสตรีทเจอนอลตั้งฉายาให้ว่า พ่อมดหนุ่มวงการการเงิน เป็นคนเดียวกับที่เคยลงนิวยอร์กไทม์ว่าเป็นโบรกเกอร์ตาเหยี่ยว จับธุรกิจไหนต้องสำเร็จ

ไม่เพียงเวศม์ที่ทุ่มสุดตัวเพื่อกอบกู้บริษัทของอัษฎาเท่านั้น อุรวสาเองก็เป็นคนเก่งเป็นที่ยอมรับในสมัยที่มาฝึกงานที่บริษัทก็ยังมาช่วยทำงานที่บริษัทด้วย

ความร่วมมือร่วมใจช่วยกันกอบกู้วิกฤติ ทั้งในด้านการงาน การเงิน และการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะความรักที่ได้รับจากภรรยาและลูกๆ ทำให้อัษฎามีกำลังใจดีมาก

แต่อันตราก็ยังตั้งแง่ว่าเวศม์เป็นตัวการทำให้บริษัทของคุณพ่อเกือบเจ๊งทำไมคุณพ่อจึงให้มาทำงานด้วย อัษฎาบอกว่าเวศม์เป็นลูกผู้ชาย ทำผิดแล้วรับผิดชอบ อันตราตั้งแง่อีกว่าแล้วถ้าเขาทำเสียรอบสองล่ะ?

“เวลาเท่านั้นแหละ ที่จะพิสูจน์” อัษฎามีสีหน้าที่ชื่นชมเวศม์จนอันตราแปลกใจ

ท่าทีต่อเวศม์ที่เปลี่ยนไปของอัษฎา ทำให้อินทุอรแซวพี่สาวว่าคุณพ่ออาจจะไฟเขียวให้เวศม์แล้ว แต่อันตราก็ยังทิฐิ ทำปากแข็งว่าไม่มีทาง! ทั้งที่แอบเขินในใจ

ooooooo

การถูกคำสั่งห้ามและตัวเองก็ให้สัญญาไว้กับอัษฎาว่าจะไม่มาพบปะกับอินทุอรอีก ทำให้ภิสิตต้องเอางานมาทำที่บ้านเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน และเพื่อตัดปัญหาจึงขอเสนอย้ายตัวเองไปทำงานต่างประเทศ

อัษฎาขอบคุณหมออำพลที่จัดการเรื่องการไปรักษาที่จีนให้ตน หมออำพลบอกว่าเขาขอบคุณผิดคนแล้ว ภิสิตต่างหากที่เป็นคนวิ่งเต้นเรื่องนี้จนสำเร็จ เมื่ออัษฎาขอบคุณภิสิต เขาพูดอย่างจริงใจว่า

“พี่อัษฎาเป็นคนที่ผมรักและเคารพ ผมอยากช่วยพี่ครับ” และเมื่อเขาบอกว่าตนทำเรื่องย้ายไปทำงาน ต่างประเทศ แม้อัษฎาจะรู้สึกใจหายแต่ก็เก็บความรู้สึกไว้

ฝ่ายอินทุอร เมื่อรู้เรื่องภิสิตจะย้ายไปทำงานต่างประเทศ เธอน้อยใจมากที่เขาไม่บอกตนเลยสักคำ

บราลียังพยายามหว่านล้อมอัษฎาให้ยอมรับคนที่จะมาดูแลลูกของเราให้มีความสุข

“ให้ผมรับเพื่อนมาเป็นลูกเลยเนี่ยนะ” อัษฎาพูดแล้วส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้

แต่ที่อัษฎานับวันรู้สึกดีและรับได้มากขึ้นทุกทีคือเวศม์ นอกจากเพราะเขายอมขายบริษัทของตัวเองเพื่อกู้บริษัทของตนจนรอดพ้นวิกฤติแล้วยังร่วมกับอุรวสาคิดโครงการสร้างผลงานจนเป็นที่พอใจของกรรมการบริษัทด้วย

“ใครจะนึกว่าคนที่เล่นงานบริษัทจนย่อยยับ จะกลายมาเป็นตัวจักรขับเคลื่อนบริษัทเรา” อัษฎาพูดอย่างปลื้มเวศม์

นอกจากนี้ อัษฎายังหว่านล้อมอุรวสาให้เห็นถึงความดีของแสงฉานที่เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้อุรวสามีความสุขแม้จะขัดกับความชอบของตัวเอง บอกอุรวสาว่า

“มาถึงวันนี้พ่อมั่นใจว่าแสงฉานรักลูกสาวของพ่อจริง แล้วพ่อก็เชื่อว่าคุณวสาก็รักเขาเหมือนกัน” เห็นอุรวสานิ่งไปอย่างยอมรับ อัษฎาสอนลูกว่า “คนเราถ้ารักกันไม่ว่าปัญหาใหญ่แค่ไหนเราก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็ก ไม่ถือสาหาความกัน แต่ถ้าหมดรักแล้ว ไม่ว่าเรื่องเล็กแค่ไหนมันก็สามารถจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ให้ผิดใจกันได้เสมอ”

“วสากับแสงไม่ได้ไม่รักกันนะคะ แต่เราไม่เข้าใจกันเลย”

“ถ้าคุณวสายังรักแสงฉานอยู่ พ่อก็อยากให้คิดดูให้ดี ว่าจะให้โอกาสได้ไหม กว่าที่พวกลูกจะมาถึงวันนี้ ฟันฝ่าอะไรด้วยกันมาตั้งเท่าไหร่ อย่าให้ทิฐิมาทำลายความรักเลยนะคุณวสา”

ฟังแล้วอุรวสาโผกอดพ่ออย่างคิดได้ อัษฎากอดลูกไว้ด้วยความรัก หลังจากนั้นอุรวสาก็แอบดูแลให้ความช่วยเหลือจัดการทั้งบิลค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์ที่แสงฉานดูแลไม่ทั่วถึง แต่ก็กำชับไม่ให้น้องๆบอกแสงฉานในสิ่งที่ตนทำ

อาการหน้ามืดและเหม็นสิ่งที่เคยชอบของอุรวสา นับวันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็คิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อยร่างกายอ่อนแอ เดี๋ยวก็หาย

ooooooo

เวศม์ได้พิสูจน์ตัวเองจนอัษฎายอมรับ แม้อันตราจะยังทิฐิสงวนท่าทีแต่ก็แอบปลื้มโดยมีคุณพ่อที่เคยกีดกันเวศม์กลับมาสนับสนุนลุ้นลูกสาวแทน
จะมีก็แต่อินทุอร นับวันเศร้าเหงา เพราะนอกจากจะถูกคุณพ่อห้ามปรามเรื่องภิสิตแล้ว ยังเศร้าและน้อยใจที่ภิสิตจะย้ายไปทำงานต่างประเทศโดยไม่บอกตนด้วย

วันนี้ที่บ้านอัษฎามีปาร์ตี้เล็กๆ ซึ่งมักจัดเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อนๆที่มาร่วมงานถามอัษฎาว่า “อัษ...ภิสิตน้องรักของแกยังไม่มาเหรอ” ก็ทำเอาอัษฎาใจหายเมื่อคิดถึงน้องรักที่บาดหมางกันจนมองหน้ากันไม่ติด

อันตรา อุรวสา และบราลี ที่รู้เรื่องอินทุอรกับภิสิต เห็นน้องคนเล็กของครอบครัวนั่งเหม่อ เอามือลูบสร้อยข้อมือที่ “อาสิต” ซื้อให้ ต่างก็มองอย่างสงสารจับใจ...

ooooooo

สามใบไม่เถา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด