ตอนที่ 18
เมื่อแผนร้ายถูกจับได้ อุษาถลำลึกยิ่งขึ้นด้วยการคิดกำจัดคุณหญิงให้เป็นอัมพาตตายทั้งเป็นไปอีกคน กระโดดเข้าจับคุณหญิงกดลงกับเตียง บีบปากจะกรอกยาให้ได้
กิตินอนอยู่บนเตียงมองแม่น้ำตาไหลพราก พยายามกระเสือกกระสนจะช่วยแม่ แต่ร่างกายทุกส่วนหนักอึ้งเหมือนถูกตรึงไว้แน่นหนา ออกแรงจนแทบจะขาดใจก็ขยับไม่ได้
ขณะนั้นเอง อ๊อดเปิดประตูเข้ามา ถามว่าอะไรกัน คุณหญิงถือโอกาสที่อุษาชะงักมองไปทางประตู สลัดหลุดลุกวิ่งไปหาอ๊อด รู้สึกเหมือนฟ้ามาโปรด ละล่ำละลักขอความช่วยเหลือ
"ตาอ๊อด ช่วยย่าด้วย แม่เราจะกรอกยาย่าให้กลายเป็นอัมพาตเหมือนพ่อ แม่เรามันบ้าไปแล้ว ช่วยย่าด้วย"
อ๊อดราวกับเพชฌฆาต ตอบอย่างเลือดเย็นว่า "ช่วยให้ตายเร็วขึ้นน่ะสิ"
คุณหญิงชะงักมองหน้าอ๊อดอย่างตระหนกเมื่อรู้ว่าหลานที่ตนร้องขอให้ช่วยชีวิตนั้นรู้เห็นเป็นใจกับอุษา ด่าสวนไปอย่างสุดแค้นว่า "ไอ้หลานเนรคุณ!!!"
"เนรคุณคนที่ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่ย่า ไม่ใช่โคตรเหง้าแท้ๆจะเป็นไรไป"
"แกพูดอะไรเจ้าอ๊อด" คุณหญิงตกใจซ้ำสอง
"ฉันจะบอกความจริงให้พวกแกหูตาสว่างก่อนตายก็ได้ว่า ฉันไม่ได้มีชู้ คนที่พวกแกคิดว่าเป็นชู้คือผัวคนแรกของฉันต่างหาก แล้วคนที่แกคิดว่าเป็นหลานในไส้ คนที่แกคิดว่าเป็นลูก ก็คือลูกที่แท้จริงของผัวคนแรกของฉัน ตาอ๊อดเป็นลูกของทนต์ รู้ไว้ซะด้วย!!!"
"หมายความว่า..." คุณหญิงพูดได้แค่นั้นก็พูดไม่ออกอีก
"ลูกแกเป็นหมันน่ะสิอีคุณหญิงหน้าโง่ ไม่มีใครรู้ แม้แต่เจ้าตัวเองเพราะมัวแต่ติดเหล้าห่วงออกงานสังคม" อุษาเดินเข้าไปหากิติพูดอย่างสะใจว่า "แกเป็นคนใช้ให้ฉันไปรับผลตรวจสุขภาพของแกเอง จำได้ไหม แล้วจะโทษใคร ในเมื่อแกเป็นคนหยิบยื่นชะตากรรมของแกให้ฉันเอง"
อุษาระเบิดหัวเราะอย่างสะใจ บ้าคลั่ง ในขณะที่คุณหญิงกับกิติมองหน้ากันต่างช็อกสนิท...
ooooooo
เมื่อตั้งสติได้ คุณหญิงชี้หน้าด่าทั้งอุษาและอ๊อดด้วยความรู้สึกที่เหมือนหัวใจที่แตกสลายว่า
"แกมันเลวทั้งคู่ ฉันไม่นึกเลยตาอ๊อด ว่าความรักความเอาใจใส่ที่ฉันกับตากิติทุ่มเทให้แกทั้งชีวิต มันจะไม่ซึมเข้าไปในสามัญสำนึกของแกเลยแม้แต่น้อย เพราะแกมันได้เลือดชั่วของแม่แกมาเต็มๆ แกถึงได้เนรคุณคนได้ขนาดนี้..."
อ๊อดเผยวิญญาณโฉด ตรงเข้าตบหน้าคุณหญิงจนคว่ำไปกับพื้น ชี้หน้าด่า
"ปากดีนักนะอีแก่...ปากก็บอกว่ารัก แต่ในใจแกคิดอะไรทำไมฉันจะไม่รู้ แกรักไอ้อู๊ด ลูกไอ้ใบ้กับอีขี้เรื้อนนั่นต่างหาก" อ๊อดด่าคุณหญิงไม่แยแสกับกิติที่ร้องไห้แทบเสียสติที่เห็นแม่ถูกตบตีแต่ช่วยอะไรไม่ได้
"ขึ้นชื่อว่าอสรพิษ ต่อให้เลี้ยงมันดียังไง มันก็แว้งกัดเอาจนได้ ฉันขอสาปแช่งให้ไอ้พวกอกตัญญูไม่รู้คุณคนอย่างพวกแกพบแต่ความพินาศฉิบหาย แกสร้างเวรสร้างกรรมกับใครไว้ ก็ขอให้กรรมนั้นตามสนองแกกลับเป็นร้อยเท่าพันทวี" คุณหญิงสาปแช่งทั้งแม่ทั้งลูก
อ๊อดไม่เพียงไม่สำนึก หากยิ่งทำทารุณกรรมคุณหญิงพุ่งเข้าผลักคุณหญิงล้ม จับกดกับพื้นแน่นหันบอกอุษาอย่างเหี้ยมเกรียม
"เอายามาสิแม่ กรอกปากมันเลย ทั้งสองถ้วยนั่นแหละ!!"
อุษาหันไปยกถ้วยยา ตรงมาบีบปากคุณหญิงพยายามกรอกยาใส่ปาก กิติแทบจะคลั่งที่เห็นแม่ถูกจับกรอกยาพิษต่อหน้าแต่ช่วยอะไรแม่ไม่ได้
แต่พออุษาขึ้นคร่อมคุณหญิงเพื่อกรอกยาให้ถนัดขึ้น กิติก็ดิ้นเฮือกสุดแรงเหมือนปาฏิหาริย์เขาลุกขึ้นมานั่งได้ เหยียดแขนปัดแจกันทองเหลืองอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกหางคิ้วอ๊อดแตก
พอได้เลือด อ๊อดยิ่งคลั่ง ลุกขึ้นกระชากกิติจากเตียงลากมานอนใกล้ๆคุณหญิงให้ดูภาพทารุณที่อุษากำลังกรอกยาพิษใส่ปากเป็นถ้วยที่สอง
คุณหญิงตาเหลือก ร้องเรียกกิติสุดแรง แต่ไม่มีเสียงลอดออกมาเลย ส่วนกิติเห็นแม่ถูกทรมานต่อหน้า มันทารุณจนเขาเองช็อก หัวใจวายทั้งที่น้ำตายังไหลเป็นทาง...
ooooooo
ที่ลานจอดรถหน้าตลาดไทรโศก อู๊ดกำลังจะก้าวขึ้นรถ ก็ต้องชะงักเมื่อบานเย็นถือถุงยาตามหลังมาร้องเรียก เมื่อเขาชะงักหันมอง บานเย็นพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า
"น้าไม่ทราบนะคะว่าคุณกับหนูงามมีปัญหาอะไรกัน แต่ได้โปรดรับยาไปกินเถอะนะคะ อย่างไรเสีย คุณอู๊ดก็ต้องรักษาตัว นะคะ...น้าขอร้อง น้าไหว้ล่ะ" บานเย็นทำท่าจะยกมือ ไหว้จริงๆ
"อย่าครับคุณน้า" อู๊ดรีบห้ามและรับยาจากบานเย็นเพราะไม่อยากให้ต้องกังวลใจไปด้วยทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ทันใดนั้นเอง อ๊อดขับรถปราดเข้ามาจอดเทียบรถของอู๊ดแล้วกระโดดลงมาหน้าตาตื่นบอกอู๊ดว่า
"เร็วเข้าเถอะอู๊ด ไปตามหมองามเร็วเข้า"
"ทำไมครับ ใครเป็นอะไร"
"คุณย่าล้มหัวฟาดพื้น ส่วนคุณพ่อก็ช็อกหมดสติไปแล้ว" อ๊อดตีหน้าตระหนกตกใจ
บานเย็นตกใจมองอ๊อดค้าง ในขณะที่อู๊ดใจหายวาบหน้าซีดเผือด
ooooooo
อุษาเล่นละครตบตาฉากใหม่อย่างแนบเนียน หลังจากเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดคราบยาที่หกเลอะพื้นเลอะปากคุณหญิงที่อ๊อดแบกขึ้นไปนอนบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว ก็พูดกับคุณหญิงที่ยังนอนน้ำตาไหลพรากอย่างเย้ยหยันว่า
"หยุดร้องไห้เถอะค่ะคุณแม่ เดี๋ยวตาอ๊อดหลานรักก็จะพาหมองามมาดูอาการพ่อเขาแล้ว ถ้ายังไม่ตายก็ต้องนอนเป็นซากให้คนอื่นคอยเช็ดเยี่ยวเช็ดขี้ต่อไปทั้งแม่ทั้งลูก แต่ถ้าตายแล้วก็ไม่ต้องห่วง อุษาจะเป็นเจ้าภาพสวดแล้วก็เผาศพให้เองค่ะ"
แม้จะพูดไม่ได้แต่คุณหญิงฟังได้ ความแค้นทำให้ คุณหญิงพยายามจะด่าแต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงอือๆ อู้อี้ในลำคอเท่านั้น อุษาพูดเยาะเย้ยอีกมากมาย ก่อนจะเชยคางคุณหญิงขึ้นพูดใส่หน้าว่า
"จุดจบของคุณหญิงธีระรัตน์ ทำไมถึงได้น่าสมเพชอย่างนี้ล่ะคะ"
อุษาเดินหัวเราะร่าออกไปแล้ว คุณหญิงหันไปมองกิติที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความสงสารจับใจยิ่งเห็นสภาพของลูกความแค้นของคุณหญิงก็ยิ่งคุโชน!
ooooooo
อุษาเดินหัวเราะร่าออกมาได้ไม่ทันไร ก็เห็นอู๊ดเดินมาอย่างเร่งรีบ ตามด้วยไทรงาม บานเย็นและอ๊อดที่ทำท่าวิ่งตามมาอย่างร้อนใจ อุษาหยุดหัวเราะกึก ปั้นหน้าเศร้าร้องไห้ออกมาได้ในพริบตา เร่งอู๊ดเสียงตระหนก
"เร็วเข้าเถอะตาอู๊ด คุณพ่อกับคุณย่าแย่แล้วลูก"
อู๊ดวิ่งนำไทรงามกับบานเย็นเข้าไป อุษาสบตากับอ๊อดอย่างสะใจก่อนรีบตามเข้าไป
ไทรงามพยายามเร่งปั๊มหัวใจกิติท่ามกลางสายตาของอู๊ดกับคุณหญิงที่มองลุ้นและบานเย็นนั่งเอาใจช่วยเต็มที่ให้กิติฟื้นขึ้นมา
จะมีก็แต่อุษากับอ๊อดสองแม่ลูกที่นั่งจ้องเขม็งต่างภาวนาอย่าให้กิติฟื้นขึ้นมาเลย
ไทรงามปั๊มหัวใจให้กิติจนเหนื่อยหอบ สุดท้ายเธอจำต้องบอกกับทุกคนด้วยความเสียใจที่ไม่อาจช่วยกิติให้ฟื้นขึ้นมาได้
อ๊อดทำเป็นตกใจหน้าเสีย ผวาเข้าไปถามไทรงามเสียงสั่นว่า
"คุณพ่อเป็นยังไงครับหมองาม"
"ดิฉันพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่...ท่านสิ้นลมไปก่อนหน้านี้แล้วค่ะ"
"คุณพ่อ..." อ๊อดโผเข้ากอดกิติร้องไห้โฮ...โฮ ในขณะที่อุษาก็คร่ำครวญประสานเสียงกับลูก
"โถ...คุณกิติ ยอดดวงใจของเมียมาด่วนจากเมียไปเสียแล้ว แล้วทีนี้อุษาจะอยู่ยังไง ในเมื่อร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้านก็พลอยเป็นอัมพาตไปด้วยอีกคน นี่ฟ้าดินลงโทษอุษาหรืออย่างไร ทำไมอุษาถึงต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายอย่างนี้..."
อ๊อดร้องไห้โฮไม่หยุด อุษาคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา แต่มารยาของทั้งแม่และลูกยิ่งสร้างความเกลียดแค้นชิงชังแก่คุณหญิงยิ่งนัก
ooooooo
ในงานศพกิติที่วัด นอกจากคนในบ้านธีระรัตน์ แล้ว ยังมีชาวบ้านที่มาร่วมงานไม่น้อย หลังสวดศพเสร็จต่างยังพากันจับกลุ่มคุยต่อ
หวินนั่งคุยอยู่กับเพิ่มด้วยความรู้สึกเสียใจตัวเองว่า
"ปกติ พี่ต้องคอยดูแลท่านเช้าค่ำ มาวันนี้คุณอุษาดันใช้ให้ไปซื้อผ้าที่บ้านยายพุดเสียนี่ ทำไมถึงอยากได้ขึ้นมาวันนี้ก็ไม่รู้"
"เอ็งเสียใจได้แต่อย่าฟูมฟายเลยนังหวิน คิดเสียว่าท่านไปดีแล้ว ถึงเอ็งอยู่ด้วยแล้วเอ็งจะช่วยอะไรท่านได้" เพิ่มปลอบใจ
"อย่างน้อยฉันก็จะได้เห็นกับตาว่าท่านช็อกเองจริงๆ ไม่ใช่มีใครไปทำให้ท่านช็อก"
"แม่คิดว่า..." ดำชักเอะใจ
"อย่าพูดดังไปเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้ามันจะไม่งาม เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มีแต่คุณอุษากับคุณเกียรติกรเท่านั้น" บานเย็นทักท้วง ทำให้หวินจำต้องนิ่ง
ทุกคนเลยได้แต่นั่งสลดกับความสูญเสียกะทันหันนี้...
ooooooo
เวลาเดียวกัน ที่มุมแถวหน้าโลงศพใกล้ๆรูปถ่ายของกิติที่ตั้งอยู่ด้านข้าง คุณหญิงนั่งอยู่บนวีลแชร์ มีอู๊ดนั่งจับมือย่าอยู่ที่พื้นข้างรถเข็นด้วยสีหน้าหม่นหมอง อีกข้างหนึ่งมีอุษากับอ๊อดนั่งขนาบ
นอกจากนั้นยังมีท่านเจ้าคุณยงยศ เด่นดาว และไทรงามนั่งอย่างสงบ ฟังท่านพระครูฯเทศน์
"อาตมารู้ว่าโยมเป็นทุกข์ แต่ถ้าโยมเข้าใจสัจธรรมของชีวิตแล้วโยมจะทุกข์น้อยลง เพราะทุกชีวิตต่างก็ต้องมีจุดจบที่ความตายด้วยกันทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่าบางคนนั้นตายไปทั้งๆที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี บางคนโชคดีหน่อยก็อาจจะตายในวินาทีที่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่คนที่โชคดีที่สุดคือคนที่ตื่นจากกิเลสทั้งปวงขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่"
"ขอรับ พระคุณเจ้า" ท่านเจ้าคุณฯพนมมือขึ้นจดหน้าผาก
จากนั้นท่านพระครูฯ หันไปทางคุณหญิง
"มนุษย์เราอาจจะแลเห็นธรรมะในยามที่ตนเองตาบอด เราอาจจะรู้แจ้งในทุกสิ่งในยามที่เราพูดไม่ได้ และเราอาจจะ เข้าใจสัจธรรมของชีวิตในยามที่เราเดินไปไหนมาไหนไม่ได้แล้วเช่นกัน"
ทุก คนฟังอย่างซาบซึ้งในสัจธรรมที่ท่านพระครูเทศน์ คุณหญิงถึงกับน้ำตาไหลพราก รู้ดีว่าท่านเทศน์กรอกใจตนโดยเฉพาะ มีแต่อุษากับอ๊อดสองแม่ลูกเท่านั้นที่นั่งบิดอย่างเบื่อหน่ายเพราะขาเริ่ม เป็นเหน็บแต่จำต้องทนนั่งฟัง
ขณะที่ทุกคนกำลังซาบซึ้งกับคำเทศนาของ พระครูฯนั่นเอง จู่ๆเสียงเสี่ยโอก็โหวกเหวกขึ้น
"ขอโทษนะครับท่านพระ ครูฯ" แล้วเสี่ยก็หันไปพูดกับอู๊ดอย่างเอาเรื่อง "อั๊วมีเรื่องจะตกลงกับลื้อ...นายช่าง"
ทุกคนหันมองเสี่ยโอเป็นตา เดียวกัน อู๊ดไม่อยากให้เสียบรรยากาศจึงลุกไปกับเสี่ย
ooooooo
อู๊ด เดินไปคุยกับเสี่ยโอที่มุมหนึ่งในวัด ถามว่าเสี่ยมีเรื่องอะไรหรือ เสี่ยโพล่งออกไปทันทีว่า
"อั๊วต้องการให้ลื้อแต่งงานกับลูกอั๊วภายใน เดือนหน้า"
"เสี่ยตกลงเรื่องนี้กับคุณย่าผมแล้วไม่ใช่หรือ"
"ก็ ดูสภาพย่าลื้อตอนนี้สิ มีแรงจัดการเรื่องนี้ได้ที่ไหน ไหนๆลื้อก็ต้องแต่งกับอาอัมอยู่แล้วก็แต่งเสียตอนนี้เลย ทำไมต้องรอไปอีก 7-8 เดือน อั๊วเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง ลื้อไม่ต้องควักสักแดงเดียว ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน" เสี่ยตัดบทรวบรัดแล้วจะเดินไป
"ทำไมผมต้องตกลง ในเมื่อผมไม่ได้ทำอัมท้อง" อู๊ดตะโกนตามหลัง เสี่ยหันขวับมาถามว่า
"นี่ ลื้อต้องการจะมีเรื่องกับอั๊วให้ได้เลยใช่ไหม"
"นอกจากเสี่ยจะไม่รู้ กาลเทศะที่เอาเรื่องนี้มาคุยในวันที่พ่อผมตายแล้ว เสี่ยยังดูถูกผมอีกต่างหาก ถ้าผมทำผู้หญิงคนไหนท้อง ผมยินดีใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหามาได้เพื่อจัดงานให้เธอคนนั้นอย่างสม เกียรติโดยไม่ต้องพึ่งเงินใคร แต่ถ้าผมไม่ได้ทำ ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตกลงอะไรกับเสี่ย"
พูดเสร็จอู๊ดเป็น ฝ่ายเดินผละไปบ้าง เสี่ยตะโกนตามหลังว่า
"อั๊วถามเป็นครั้งสุดท้าย ตกลงลื้อจะไม่ยอมมาเป็นลูกเขยอั๊วใช่ไหม"
"ผมชักสงสัย เสี่ยอยากได้ผมไปเป็นลูกเขยเพราะอะไร ตัวตนของผมหรือประโยชน์ที่เสี่ยคิดว่าจะได้รับ ถ้าเป็นข้อแรก ผมก็ต้องบอกว่าเสียใจ ผมยอมเป็นลูกเขยเสี่ยไม่ได้ เพราะผมไม่ได้รักลูกสาวเสี่ย แต่ถ้าเป็นข้อหลังก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะผมไม่เคยรับสินบนใคร และก็ไม่เคยคิดโกงบ้านโกงเมืองหรือทรยศต่อคนไทยด้วยกันเอง กรุณารับทราบและจำใส่ใจเอาไว้ด้วยนะครับ"
อู๊ดย้ำเสียงหนักในตอนท้าย เหมือนจะให้ทิ่มแทงเข้าไปถึงหัวใจของเสี่ยก่อนเดินผละไปอย่างเร็ว
เสี่ย เจ็บใจจนพูดไม่ออก มองตามอู๊ดไปด้วยความแค้นตาแทบถลน
ooooooo
อู๊ด เดินกลับมาที่ศาลาวัดอย่างอารมณ์เสีย พอดีเจอกับท่านเจ้าคุณฯ เด่นดาว และไทรงามเดินมาทางบันได ชายหนุ่มเข้าไปทัก ถามว่าจะกลับกันแล้วหรือ
"จ้ะ หลาน...มันเวียนหัวเหมือนจะหน้ามืดยังไงก็ไม่รู้ นี่แขกก็ทยอยกลับกันหมดแล้ว ปู่ก็เลยขอตัวลาคุณย่าของหลานออกมานี่แหละ"
"ขอบพระคุณ มากนะครับที่กรุณาอยู่เป็นเพื่อนปลอบโยนและให้กำลังใจท่าน คุณย่าท่านตรอมใจกับเรื่องนี้มาก แล้วตัวผมเองก็...ตั้งตัวไม่ทัน คุณพ่อท่านจากไปกะทันหันจริงๆ" อู๊ดน้ำตาคลอ
ทั้งเด่นดาวและไทรงาม ต่างมองอู๊ดด้วยความสงสาร เห็นใจ ส่วนท่านเจ้าคุณฯเอามือแตะบ่าปลอบใจชายหนุ่ม เอ่ย ให้กำลังใจว่า
"ปู่ เห็นใจหลานจริงๆ แต่อย่างไรก็หักใจเสียเถอะนะ คุณย่าท่านป่วยหนักอย่างนี้ หลานต้องหนักแน่นและลุกขึ้นมาเป็นเสาหลักของบ้านแทนท่านให้เร็วที่สุด ถ้ามีอะไรที่ปู่พอ จะช่วยได้ก็ขอให้บอก ปู่ยินดีและเต็มใจช่วยหลานเต็มที่"
อู๊ด ยกมือไหว้ท่านด้วยความซาบซึ้งตื้นตัน พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา...
ไทรงามก้มหน้างุดแอบซับ น้ำตา เธอสงสารเขาจนอยากจะเข้าไปกอดปลอบใจแต่ทำไม่ได้...
ooooooo
คุณ หญิงซึ่งเคยสง่างามมีราศีน่าเกรงขาม บัดนี้กลายเป็นหญิงชราหน้าตาซูบซีดหลังค่อมดวงตาแห้งผากนั่งอยู่บนรถเข็น ถือธูปเข้าไปไหว้ศพลูกชาย โดยมีใบ้ รับธูปจากคุณหญิง ปักในกระถางให้
อู๊ด เห็นสภาพของย่าแล้วแอบเช็ดน้ำตา สะอื้นในอก พยายามให้กำลังใจตัวเองก่อนเดินเข้าไปหาคุณหญิงและทุกคนที่นั่งรายล้อมท่าน อยู่
"คุณย่ากลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ" อู๊ดเอ่ย อุษารีบแทรกขึ้นว่า
"แม่ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ ยิ่งดึกยุงยิ่งชุม แม่ยิ่งแพ้ยุงอยู่ด้วย ไป...ตาอ๊อด" อุษาพูดกับอู๊ดแล้วหันไปชวนอ๊อดพลางลุกไปกับลูกชาย ทิ้งคุณหญิงไว้ให้เป็นหน้าที่ของอู๊ดคนเดียว
อู๊ดหันไปรบกวนเพิ่มให้ ช่วยพาย่ากลับไปก่อน ตนยังอยากอยู่กับคุณพ่ออีกสักพัก หันไปพูดกับบานเย็นว่า "ผมฝากคุณน้ากับคุณป้าหวินช่วยดูแลคุณย่าก่อนด้วยนะครับ"
ทุกคนรับคำ ขอร้องของอู๊ดอย่างเต็มใจ อู๊ดพูดกับคุณหญิงขณะเข้าไปกุมมือไว้แน่นว่า
"เดี๋ยว ผมตามไปครับคุณย่า"
เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว อู๊ดทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง มองโลงศพกิติผู้เป็นพ่อน้ำตาคลอ
ใบ้ ยังอยู่ที่วัด นั่งอยู่ข้างกระถางธูปกับเชิงเทียน อดแอบมองอู๊ดด้วยความสงสารไม่ได้...
ooooooo
อุษากับอ๊อดเดิน นำทุกคนที่มาจากบ้านธีระรัตน์ ลงจากศาลามาถึงลานวัดก็หันไปสั่งเพิ่มว่า
"แก พาคุณแม่กลับไปบ้านก่อนนะไอ้เพิ่ม ฉันกับคุณอ๊อดจะแวะไปทำธุระที่อื่น" พูดแล้วพาอ๊อดแยกไปเลย หวิน มองตามแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ อดพูดกระแนะกระแหนไม่ได้ว่า
"เฮ้อ...ไปเสียได้ก็ดี ทำอย่างกับว่าอยู่แล้วจะคอยดูแลท่าน มันก็ต้องนังหวินกับนังเย็นอยู่ดี"
"พี่ หวิน..." บานเย็นเรียกปราม ชายตาไปทางคุณหญิงเตือนสติหวิน หวินรีบยกมือไหว้คุณหญิงเอ่ยขอโทษ แก้ตัวว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณหญิงไม่สบายใจ ที่พูดก็แค่โล่งอกที่จะได้ดูแลคุณหญิงโดยที่ไม่มีอุษากับอ๊อดอยู่ด้วย เท่านั้นเอง
ขณะนั้นเอง ยายอ่อนถือห่อใบตองห่อใหญ่จ้ำเข้ามาร้องเรียกหวิน ทุกคนหันไปมอง ดำเป็นคนถามว่า "มีอะไรจ๊ะยาย"
"ท่านพระครูฯท่านให้ยายเก็บสมุนไพร ที่ปลูกไว้หลังวัดมาให้แม่หวินเอาไปต้มให้คุณหญิงกิน ท่านว่าคุณหญิงซูบเหลือเกิน อาจเป็นเพราะเลือดลมเป็นพิษน่ะจ้ะ"
ยาย อ่อนส่งห่อสมุนไพรให้หวิน คุณหญิงมองด้วยแววตาที่มีความหวังขึ้นมาแวบหนึ่ง
ooooooo
อู๊ด ยังนั่งมองโลงศพพ่อน้ำตาคลออยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปบอกกับใบ้ที่นั่งอยู่ข้างกระถางธูปว่าขอธูปสักดอก ใบ้รีบจุดธูปส่งให้อู๊ดด้วยความเข้าใจความรู้สึกการพลัดพรากของชายหนุ่ม
อู๊ ดรับธูปจากใบ้ พนมมือนิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนกำลังสื่อสารกับดวงวิญญาณของกิติผู้เป็นพ่อ ครู่หนึ่งจึงส่งธูปให้ ใบ้นำไปปักในกระถาง จากนั้นก็นั่งมองโลงศพพ่อนิ่งอยู่อย่างนั้น
ใบ้ค่อยๆเดินเข่าผ่าน หลังอู๊ดไปอย่างไม่อยากอยู่รบกวนสมาธิของเขา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออู๊ดพูดขึ้นว่า
"อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนนะครับ คุณอา"
ใบ้ชะงักแล้วขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆอู๊ด นั่งนิ่งๆ เงียบๆแต่เพียงครู่เดียวอู๊ดไม่อาจทนเก็บความอัดอั้นไว้ได้ เขาระเบิดความในใจที่เพิ่งพูดกับพ่อเมื่อครู่นี้ให้ใบ้ฟังด้วยน้ำตาที่อาบ หน้า
"ผมยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณท่านเลย ผมนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่า ผมเคยบอกคุณพ่อว่าผมรักท่านบ้างหรือเปล่า ถึงตอนมีชีวิตอยู่...ผมกับท่านจะไม่ได้สนิทสนมกันนัก แต่ผมก็อยากบอกท่าน...อยากบอกเหลือเกินว่าผมรักท่านมากแค่ไหน แต่มันก็สายเกินไป ผม...ไม่มีโอกาสแล้ว ท่านจากผมไปแล้วจริงๆ"
อู๊ด โผเข้ากอดใบ้ร้องไห้โฮราวกับเด็กตัวน้อยๆที่โผเข้าสู่อ้อมอกที่แข็งแรงของ พ่อ
"คุณพ่อไม่อยู่กับผมแล้วครับคุณอา ต่อไปนี้ผมไม่มีพ่ออีกแล้ว..."
ใบ้กอดอู๊ดไว้ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ยิ่งกว่าที่ไม่อาจบอกความจริงกับอู๊ดได้ว่าตนเป็นพ่อที่แท้จริงของเขา เป็นความจริงที่ใบ้จะต้องเก็บไว้กับตัวจนตายไปด้วยกัน...
ooooooo
ทาง เปลี่ยวที่เป็นเส้นทางเดินไปหลังครัวของวัดซึ่งยายอ่อนใช้เป็นที่นอนในวัด เสี่ยโอ ทนต์ อุษา และอ๊อดนัดสุมหัวกันที่นั่น เสี่ยพูดกับพวกอุษาอย่างแค้นใจว่า
"มันไม่ยอมแต่งงานกับลูกอั๊ว มันบอกว่ามันไม่ได้ทำ
ถ้ามันไม่ได้ทำแล้วหมาตัวไหนมันทำลูกอั๊วท้อง!!!"
ยายอ่อนจะกลับที่นอนในวัดได้ยินเสียงเสี่ยโอเลยแอบฟัง
อ๊อดแอบสบตากับอุษาและทนต์ ในที่สุดทนต์ถามเสี่ยว่าจะเอายังไงก็ว่ามา เสี่ยบอกว่าในเมื่ออู๊ดไม่อยากเป็นลูกเขยตน ตนก็ไม่เอาเหมือนกันแต่จะเรียกค่าเสียหายให้ลูกสาว
"แล้วอีนังคุณหญิงมันจะจ่ายให้เสี่ยเหรอ อีนี่มันเค็มจะตาย" อุษากันท่าเพราะเสียดายเงิน
"อั๊วไม่โง่ไปเจรจากับมันดีๆอีกแล้ว คราวนี้อั๊วจะบังคับให้มันจ่าย"
เมื่ออ๊อดเลียบเคียงถามว่าจะใช้วิธีไหน บังคับให้คุณหญิงเซ็นเช็คหรือ เสี่ยแสยะยิ้มบอกว่าตนจะหาวิธีที่ง่ายกว่านั้น แล้วบอกทนต์ที่สนใจฟังอยฺู่ว่า
"อั๊วจะให้ลื้อยกพวกปล้นบ้านธีระรัตน์ กวาดสมบัติมันมาให้หมด ทุกอย่างหารสี่ อั๊ว ลื้อ แล้วก็คุณอุษากับคุณอ๊อด"
ยายอ่อนถึงกับเข่าอ่อนมือไม้สั่น เงี่ยหูฟัง ตื่นเต้นจนแทบจะกลั้นใจฟัง
"เมื่อไหร่" ทนต์กระเหี้ยนกระหือรือ
"งานฉลองปีใหม่วันสุดท้ายที่วัดบ้านไทรย้อย" เสี่ยกำหนดวันแล้วบอกอุษา "ปล่อยคนงานในบ้านไปเที่ยวให้หมดแล้วลงมือ"
"ก็ดี ผมจะได้จัดการกับศัตรูผมในคืนนั้นด้วยเลย ได้โจโรฤกษ์ทั้งทีก็ปล้นมันทั้งบ้านธีระรัตน์แล้วก็บ้านไอ้เจ้าคุณฯพร้อมกันเสียเลย" ทนต์กระหยิ่มกับแผนการใหญ่
"ปล้นแล้วก็เผาบ้านมันให้สิ้นซาก ทำยังไงก็ได้ ให้ไอ้พวกธีระรัตน์มันเหลือแต่ตัว ไม่ต่างจากหมาข้างถนนตัวนึง..." เสี่ยโอพูดอย่างสะใจ
อุษา อ๊อดกับทนต์ สบตากันอย่างคาดไม่ถึงว่าเสี่ยจะแค้นจนถึงขนาดนี้
ส่วนยายอ่อนยกมือทาบอกหายใจหอบถี่ด้วยความตกใจสุดขีด ค่อยๆถอยออกมา แต่เจ้ากรรมเท้าไปชนถูกไม้กวาดที่วางไว้ข้างเสาหล่นลงมาโดนหม้อจานชามที่ล้างคว่ำไว้หล่นเสียงดัง
พวกนั้นมองขวับ ยายอ่อนรีบวิ่งลนลานออกไป แต่ พวกนั้นพากันวิ่งตามหลังยายอ่อนที่เห็นอยู่ไวๆ
ยายอ่อนวิ่งสุดแรงแต่พอหันไปเห็นทนต์ที่วิ่งแซงพวกตัวเองเข้ามาใกล้ ยายอ่อนตัดสินใจตะโกน
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย"
อู๊ดบอกใบ้ว่าเสียงคนร้องให้ช่วย ใบ้เอะใจว่าจะเป็นยายอ่อน ลุกพรวดวิ่งไปตามเสียงร้อง อู๊ดรีบลุกวิ่งตามไปด้วย
ooooooo
ทนต์วิ่งพรวดเข้ามาคว้าตัวยายอ่อนไปอุดปากไว้ทันที เมื่ออุษากับอ๊อดและเสี่ยโอวิ่งตามมาทัน อุษาพรวดเข้าไปดูหน้ายายอ่อน พูดอย่างแค้นใจ
"อ้อ...ยายไอ้ใบ้นี่เอง ไม่อยากแก่ตายเองรึไงถึงได้ รนหาที่ตายแบบนี้"
ยายอ่อนไม่ได้หวาดกลัว ย้อนถามอุษาอย่างรับไม่ได้ว่า "คุณยังเป็นคนอยู่รึเปล่าคุณอุษา คุณหญิงท่านเป็นแม่ของคุณ
คนหนึ่งนะ ทำไมคุณถึงกล้าเนรคุณท่าน มาร่วมมือกับไอ้พวกโจรใจเหี้ยมพวกนี้"
อ๊อดปราดเข้าตบหน้ายายอ่อนจนเลือดกบปาก ด่าว่าจะตายอยู่แล้วยังปากเก่งอีก
"คนที่คุณจะเผาบ้านเขา เขาไม่ใช่ย่า ไม่ใช่น้อง ไม่ใช่ ญาติของคุณหรอกหรือคุณอ๊อด ทำไมคุณถึงได้อกตัญญูเหมือนแม่คุณไม่มีผิด" ยายอ่อนด่าทั้งที่เลือดกบปาก
อุษาทนไม่ได้ถามว่าจะปล่อยให้ด่าตนกับลูกอีกนานไหม เสี่ยโอสั่งทนต์ว่าจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ทนต์ชักปืนออกจากเอวช้าๆ ที่จริงมันไม่อยากทำใครที่ไม่ใช่ศัตรูโดยเฉพาะคนแก่ที่ไม่มีทางสู้
แม้จะรู้ชะตากรรมของตัวเอง แต่ยายอ่อนก็ไม่ร้องขอชีวิต กลับจ้องพวกมันอย่างแค้นใจ
ooooooo
อู๊ดกับใบ้วิ่งมาถึงทางเดินหลังครัวของวัด แต่ ไม่พบอะไร ขณะใบ้จะวิ่งต่อไปนั่นเอง เท้าเตะถูกหม้อชามรามไหที่หล่นแตกที่พื้น พอก้มดูก็สังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับยายแน่ๆ วิ่งออกไปจากตรงนั้น กวาดตามองไปในความมืด อู๊ดรีบวิ่งตาม
ยายอ่อนจ้องหน้าทนต์ที่เอาปืนจ่อตนอยู่ สาปแช่งอย่างไม่สะทกสะท้านว่า
"ถ้าฉันเคยทำเวรกรรมอะไรกับพวกแกไว้ ฉันขอชดใช้และอโหสิให้พวกแกในชาตินี้เดี๋ยวนี้ แต่พวกแกไม่มีทางเลี่ยงกรรมชั่วที่ก่อกับคนอื่นไว้ได้ พวกแกจะต้องถูกตามทวงหนี้ไปตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ฉันขอเตือน!!"
"ปิดปากมันเดี๋ยวนี้ มันแช่งเราไม่ได้ยินหรือ" อุษาตวาด
"อโหสิให้กูด้วยก็แล้วกัน" ทนต์ง้างไกปืนทันที
อู๊ดวิ่งตามใบ้เข้าไปในห้องยายอ่อนก็ไม่เห็น ทันใดนั้นทั้งสองได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดติดกัน ใบ้จับทิศทางเสียงปืนได้กระโจนพรวดออกไปทันที อู๊ดรีบวิ่งตามไปติดๆ แล้วใบ้ก็ชะงักใจหายวาบเมื่อเห็นรองเท้าแตะของยายอ่อนหล่นอยู่ พลิกคว่ำพลิกหงายไปข้างละทาง
ใบ้วิ่งต่อไปเหมือนคนบ้า และแล้วแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่อเห็นร่างยายอ่อนนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น เลือดนองไปในแปลงสมุนไพร ใบ้ประคองร่างยายอ่อนไว้ในแขนร้องเสียงหลง
"ใครทำคุณยาย ใครมันใจสัตว์ทำกับคุณยายได้ถึงขนาดนี้..." อู๊ดพรวดเข้ามานั่งข้างๆใบ้
"ทะ....ทนต์...ละ...ละ...ลูกน้องสะ...เสี่ยอะ...โอ..." ยายอ่อนพยายามพูดคำสุดท้ายแล้วสิ้นใจในอ้อมแขนของใบ้
ใบ้กอดร่างยายอ่อนร้องไห้โฮ...
ooooooo
ใบ้บุกไปที่บ้านเสี่ยโอทุบประตูลั่น แต่ไม่ทันที่เสี่ยจะเปิดประตูก็ถูกถีบโครมเข้ามา ใบ้พรวดเข้าไป ตามด้วยอู๊ด อัมได้ยินเสียงตึงตังโครมครามจึงวิ่งมาดู
เสี่ยโอโวยวายใส่ใบ้ว่ามีสิทธิ์อะไรมาพังบ้านตน อู๊ดรีบเข้าห้ามใบ้ถามเสี่ยว่าไอ้ทนต์อยู่ไหน เสี่ยทำไขสือย้อนถามว่าทำไม
"ผมกับน้าใบ้จะลากตัวมันไปโรงพัก โทษฐานที่มันยิงยายอ่อนตาย!"
อัมช็อกยืนจับราวบันไดแน่น ส่วนเสี่ยโอปฏิเสธหน้าตายว่าทนต์ไม่อยู่ที่นี่ เมื่ออู๊ดคาดคั้นว่าไม่อยู่ที่นี่แล้วอยู่ที่ไหน เสี่ยโกหกว่าทนต์ลาออกไปนานแล้ว
"แต่เมื่อสองสามวันก่อนผมยังเห็นเขาอยู่ที่ร้านเสี่ย" อู๊ดยืนยัน เสี่ยย้อนถามหน้าด้านๆว่า แต่ตอนนี้ไม่อยู่มีอะไรหรือเปล่า ใบ้ทนไม่ได้กระชากเสี่ยเข้าไปจ้องถมึงทึง
"มึงมาลากคอคนไปเข้าตะรางหรือมึงอยากจะเข้าตะรางเสียเองหาไอ้หมาวัด ถ้ามึงทำกูเจ็บแม้แต่นิดเดียว กูไม่เอามึงไว้แน่" เสี่ยทำปากกล้าขู่ อู๊ดรีบเข้าไปดึงใบ้ออกมา ปลอบให้ใจเย็นว่า
"กลับกันก่อนเถอะครับคุณน้า ยังไงผมก็จะช่วยคุณน้าเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ผมไม่ยอมให้ยายอ่อนตายฟรีหรอกครับ"
ใบ้จำต้องกลับไปกับอู๊ด พอทั้งสองไปพ้นแล้ว อัมถามเสี่ยว่าเราทำอย่างนั้นจริงหรือ พร้อมๆกับทนต์โผล่มายืนข้างหลังเสี่ย
"ซ่อมประตูให้เสร็จ แล้วหลบไปอยู่ที่อื่นก่อนที่จะลงมือทำงานสำคัญกัน" เสี่ยสั่งทนต์แล้วกลับเข้าไปในบ้าน
อัมเดาออกว่าใครเป็นคนยิงยายอ่อนตาย แต่เพราะอะไรและเตี่ยตัวเองไปเกี่ยวด้วยอย่างไรเธอเดาไม่ได้ แต่ตระหนกเมื่อเรื่องพัวพันมาถึงเตี่ยตัวเอง
ooooooo
ร่างยายอ่อนถูกนำมาฝังไว้ที่สวนสมุนไพรตรงที่ยายอ่อนเสียชีวิต บรรดาผู้ที่เคยเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับยายอ่อนพากันมาในพิธีฝังศพ โดยมีใบ้หลานชายที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกกอบดินปิดปากหลุมอย่างพิถีพิถัน ตั้งอกตั้งใจ ทีละกอบ...ทีละกำ...
กลบปากหลุมเสร็จแล้ว ใบ้เอาสมุนไพรที่ยายอ่อนปลูกไว้มาปลูกไว้รายรอบหลุมศพ และสุดท้าย โปรยดอกมะลิที่เด็ดมาลอยน้ำบนหลุมศพอีกที
ทุกคนดูใบ้อย่างสงบ บ้างน้ำตาคลอ บ้างตาแดงก่ำ ต่างเศร้าเสียใจและเห็นใจใบ้ยิ่งนัก
คุณหญิงนั่งอยู่บนรถเข็น น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงยายอ่อน ที่เพิ่งฝากสมุนไพรแก้พิษมาให้อยู่หยกๆเพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆแท้ๆ
"คนตายแล้วไม่เผา วิญญาณจะไปสู่สุคติหรือเจ้าคะ" เด่นดาวเอ่ยถามพระครูฯ
"จิตเราจะไปอยู่ในที่ที่ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราละสังขารไปอย่างหมดห่วง หมดกังวลหรือเปล่า ยายอ่อนอาจจะทรมานก่อนตาย แต่จิตอาจเป็นสุขได้เพราะไม่ติดในวังวนของกิเลส ผิดกับบางคนที่อาจจะตายอย่างไม่ทรมาน แต่จิตกลับเป็นทุกข์เพราะตัดกิเลสทั้งปวงไม่ได้จนนิดเดียว พิธีกรรมจึงเป็นเพียงหนทางปฏิบัติที่ทำให้ผู้ที่อยู่ข้างหลังสบายใจว่า ได้ทำดีและระลึกถึงผู้ตายในทางดีแล้วเท่านั้น"
ฟังท่านพระครูฯแล้ว เพิ่มเอ่ยขึ้นว่า
"ยายอ่อนย้ำนักย้ำหนากับกระผมและเจ้าใบ้ว่า ถ้าตายก็ให้รดน้ำสวดศพพอเป็นพิธี จากนั้นก็ให้ฝังร่างแกไว้ที่นี่"
"นั่นเป็นเพราะโยมอ่อนรักผืนแผ่นดินนี้ โยมอ่อนจึงตั้งใจอุทิศร่างกายให้เป็นปุ๋ยแก่พืชพันธุ์ที่แกเฝ้าถนอมมานานหลายปี คนเราอาจจะเกิดมาต่ำต้อย แต่ก็ยิ่งใหญ่ได้ด้วยการกระทำของตนเอง ขอเพียงเราเกิดมาแล้วได้ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นบ้างตามสมควร เท่านี้...ก็นับว่าไม่เสียชาติเกิดแล้วล่ะโยม"
ทุกคนมองไปที่หลุมศพยายอ่อน ซึ่งใบ้ยังคงนั่งเฝ้าศพยายอยู่เหมือนจะเฝ้าอยู่อย่างนั้นนาน...เท่านาน...
ที่มุมสงบริมน้ำใกล้ตลาดไทรโศก อันเป็นสถานที่ที่พวกทนต์กับอุษานัดพบกันเป็นประจำ อุษากับอ๊อดยืนฟังทนต์อยู่อย่างตั้งใจ
"เสี่ยทุ่มสุดตัว จ้างทั้งลิเกและลูกทุ่งวงดังมาประชันกันที่งานวัดไทรย้อยคืนนี้ เพื่อหวังกวาดคนทั้งไทรโศกให้ออกไปกันที่นั่น เราจะได้ทำอะไรสะดวก"
อุษาชมว่าเสี่ยฉลาดจริงๆ ส่วนอ๊อดกังวลเรื่องส่วนแบ่ง ถามว่าเสี่ยจะได้ส่วนแบ่งเท่าๆกับเราอย่างนั้นหรือ เพราะตนเป็นทายาทของธีระรัตน์ จะปล้นหรือไม่ปล้นสมบัติพวกนั้นก็ต้องตกเป็นของตนอยู่แล้ว อุษารีบสนับสนุนว่าตนก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ถูกทนต์ปรามทั้งแม่ทั้งลูกว่า
"อย่าโลภ นักเลงตัวจริงต้องมีสัจจะและไม่หักหลังกันเอง จำไว้ เธอกับตาอ๊อดไปจัดการกับคนในบ้านและที่บ้านไอ้เจ้าคุณฯให้เรียบร้อย ทำยังไงก็ได้ ให้มันออกไปเที่ยวกันให้หมด 4 ทุ่มคืนนี้เราจะปล้นบ้านพวกมัน"
ฟังทนต์แล้ว อุษากับอ๊อดสบตากันเหมือนจะบอกกันว่าแค่เรื่องกล้วยๆ
ooooooo
บ่ายแก่ๆวันนี้ อุษาเรียกประชุมบรรดาคนงานในบ้าน ตีหน้าเศร้าบอกแก่ทุกคนว่า
"อย่างที่ทุกคนรู้ว่า ช่วงนี้บ้านเราเกิดเหตุการณ์เลวร้าย มากมาย จนฉันเองก็แทบตั้งตัวไม่ทัน แต่ที่ฉันเรียกทุกคนมาวันนี้ ก็เพราะไม่อยากเห็นทุกคนเศร้าหมองจนเกินไป เพราะนี่ก็เป็นช่วงปีใหม่ที่ทุกคนควรจะได้ทำบุญหรือเที่ยวสนุกสนานกันตามสมควร"
"คุณอุษาจะให้คนงานหยุดงานหรือครับ" เพิ่มถามอย่างแปลกใจ
"ใช่ แล้วฉันจะแจกเงินให้ทุกคนเป็นพิเศษด้วย จะได้ เอาไปทำบุญกัน"
บรรดาคนงานพากันยิ้มแย้มดีใจที่จะได้หยุดงานทั้งยังได้เงินอีกด้วย แต่เพิ่ม หวิน กับดำแอบสบตากันงงๆ
ส่วนอ๊อดแยกไปเดินงานทางสายเจ้าคุณยงยศ หลังจากเข้าไปเอ่ยเชิญแล้ว ท่านเจ้าคุณฯตอบอย่างผู้ใหญ่ใจดีว่า
"อันที่จริง ถ้าเป็นเรื่องงานบุญงานกุศล ปู่ยินดีช่วยเต็มที่ แต่ถ้าจะให้ไปเป็นประธานในคืนนี้ เห็นทีจะไม่ไหว ปู่กลัวจะนั่งอยู่จนงานเลิกไม่ได้ จะออกมาก่อนก็ไม่สมควรนะหลาน"
เมื่อเรียนเชิญเจ้าคุณปู่ไม่สำเร็จ อ๊อดหันมาขอให้เด่นดาว ไปเป็นตัวแทน เธอปฏิเสธอย่างอ่อนโยนว่าตนไม่สะดวกจริงๆ เมื่อเจ้าคุณปู่ไม่สบายอย่างนี้ ตนขออยู่ดูแลเจ้าคุณปู่ดีกว่า
เมื่อเห็นอ๊อดหน้าเสีย เจ้าคุณปู่จึงจะให้เฟื้อไปช่วยงานก็แล้วกัน พลางร้องเรียกเฟื้อให้เกณฑ์คนงานไปช่วยงานอ๊อดที่วัดไทรย้อยคืนนี้ด้วย เฟื้อรับคำสั่งบอกเจ้าคุณปู่ว่าจะทิ้งคนงาน ไว้เฝ้าบ้านสัก 3-4 คน ท่านเจ้าคุณฯบอกว่าไม่ต้องก็ได้แค่
คืนเดียวเอง เฝ้ากันมาตั้งหลายเดือนก็ยังไม่เห็นมีอะไร
"แต่..." เฟื้อจะชี้แจง ถูกท่านเจ้าคุณฯแทรกขึ้นก่อนว่า
"ฉันอยู่กับหลานดาวได้ เฟื้อไม่ต้องห่วงหรอก เกณฑ์คนไปให้หมดนั่นแหละ ไปพร้อมคุณอ๊อดก็ดี มีอะไรจะได้ช่วยกันทำ"
"ขอบพระคุณมากครับเจ้าคุณปู่" อ๊อดยกมือไหว้ แอบยิ้มสมใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามหมากที่วางกันเอาไว้
ooooooo
เมื่อหวินกับดำไปเล่าให้บานเย็นฟังที่เรือนเรื่องอุษาจะให้คนงานพักและให้เงินไปเที่ยวไปทำบุญด้วย บานเย็นมองในแง่ดีว่าอุษาให้คนงานพักก็ดีแล้ว หวินแย้งว่า
"ไอ้ดีมันก็ดีล่ะนะ แต่มันก็น่าแปลก ชั่วนาตาปีเห็นตะบี้ตะบันใช้งานจนไม่มีใครได้โงหัว มาวันนี้กลับใจดีให้หยุดพร้อมกันหมดเสียนี่"
"นั่นสิน้าเย็น แถมยังแจกตังค์ให้ทุกคนอีกต่างหาก" ดำเสริมทำหน้าสงสัยเต็มที่
บานเย็นเห็นดำกับหวินตั้งข้อสังเกตมากมาย จึงถามว่าแล้วเพิ่มพาคนงานไปเที่ยวด้วยหรือ หวินบอกว่าเพิ่มเดินทางไปพระนคร เห็นว่าจะไปรับทนายเจนมาที่นี่ไม่รู้มีเรื่องอะไร
"พี่หวินกับดำล่ะ ไม่ไปเที่ยวงานวัดกับเขาหรือ เรื่องคุณหญิงไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เดี๋ยวเย็นขึ้นไปดูแลท่านเอง" บานเย็นอาสา
"คุณอุษาเธอให้ขึ้นไปเสียที่ไหนล่ะ กำชับนักหนาว่าจะดูแลคุณหญิงเอง ส่วนพี่ก็ไม่อยากไปไหน คุณกิติกับยายอ่อนเพิ่งตายอย่างนี้ ใครจะมีกะจิตกะใจไปเที่ยว"
"แต่ตอนเขาแจกตังค์ หนูเห็นแม่ไปเข้าคิวกับเขาด้วยนี่" ดำแซวแม่
"เออ...แล้วทำไมล่ะ ก็มันเป็นสิทธิ์ของข้านี่หว่า ไอ้จะเอาเงินไปเก็บไว้หรือใช้ทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของข้าอีกเหมือนกันเว้ย..." หวินลอยหน้าตอบประชดแก้เกี้ยว
ดำหันไปสบตาบานเย็นหัวเราะขำแม่ตัวเอง หวินค้อนเคืองๆใส่ไอ้ลูกช่างเหน็บอย่างหมั่นไส้
ooooooo
เมื่อคุณหญิงอยู่ในสภาพที่ช่วยตัวเองไม่ได้แบบเดียวกับกิติ จึงต้องมีคนมาดูแล อุษามาป้อนข้าวก็ทำอย่างขอไปที กระแทกกระทั้น กระแนะกระแหน วันนี้ป้อนได้ไม่กี่คำก็กระแทกชามตวาดใส่
"เอ้า...กินๆเข้าไป เพราะนี่อาจจะเป็นข้าวยาไส้มื้อสุดท้ายของแกแล้ว..." พอคุณหญิงจ้องหน้าอย่างแค้นจัดก็ด่าแล้วเข้าไปพูดกรอกหูว่า "เลียอิ่มแล้วก็อย่าขี้เยี่ยวให้มันเลอะเทอะนะคะ เพราะคืนนี้มีเรื่องสนุกๆให้เราทำอีกเยอะ เกิดคุณแม่สนุกจนช็อกตายคากองขี้กองเยี่ยวขึ้นมา ศพมันจะอุจาดตานะคะคุณแม่..."
อุษาถลึงตาแทบถลนใส่ หันหลังระเบิดหัวเราะสะใจออกไป คุณหญิงแค้นจนแทบกระอักเลือดแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ขบฟันจนกรามปูด
อุษาเดินแผดเสียงหัวเราะออกมา พลันก็หุบแทบไม่ทันเมื่อเห็นอู๊ดเดินมา ร้องถามว่าไหนบอกว่าคืนนี้ไม่กลับบ้าน
"ครับ กลัวว่าจะต้องอยู่โยงเฝ้าของที่แคมป์ทั้งคืน ก็เลยหาเวลาแวะมาดูคุณย่าก่อนครับ" อุษาเลียบเคียงถามว่าแล้วคนงานไปไหนหมด "เขาขอไปเที่ยวงานวัดที่บ้านไทรย้อยกันครับ ผมเห็นว่าเร่งทำกะดึกมาหลายอาทิตย์แล้ว คงอยากจะพักกันก็เลยอนุญาตให้ไป นี่...คุณย่าเป็นอย่างไงบ้างครับ"
"เพิ่งจะหลับเมื่อกี้นี้เอง หมู่นี้ท่านหูไว ขยับตัวนิดหน่อยท่านก็ได้ยินแล้ว อู๊ดอย่าเพิ่งเข้าไปเลยนะ เพราะถ้าท่านตื่นมาเห็นลูกท่านก็จะไม่ยอมนอนอีก เมื่อคืนก็ไม่ได้หลับมาทั้งคืน ร่างกายไม่ได้พักผ่อนเดี๋ยวจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่"
อุษาพูดกันท่าเสียจนอู๊ดไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมย่า
ooooooo
ที่ลานเชื่อมระหว่างเรือนใหญ่ไปเรือนบานเย็น ไทรงามสะพายกระเป๋ายาเดินไปทางเรือนบานเย็น เหลือบเห็นอู๊ดออกมาจากเรือนใหญ่ ต่างชะงักมองกันอึ้ง และแล้วอู๊ดก็เป็นฝ่ายก้มหน้าเดินผ่านเธอไป ไทรงามถามตามหลังอย่างทนไม่ได้ว่า ทำไมทำเหมือน ไม่อยากพูดคุย ไม่อยากเห็นหน้าตน
อู๊ดหยุดเดิน พูดโดยไม่หันมามองว่า
"ผมไม่อยากให้คุณรังเกียจผมมากไปกว่านี้...คงไม่มีใครที่ไหนอยากจะเข้าใกล้คนที่เป็นโรคเรื้อนน่ารังเกียจน่าขยะแขยงนักหรอก"
ไทรงามเจ็บร้าวลึก เธอสูดลมหายใจยาว เดินมาประจัน หน้าชายหนุ่ม
"ฉันไม่เคยรังเกียจคุณเพราะเรื่องนี้" ไทรงามเสียงปร่า ครั้นอู๊ดถามว่าแล้วเธอทำตัวเหินห่างตนทำไม ไทรงามสวนไปว่า "เพราะคุณกำลังจะเป็นพ่อคน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม"
"แล้วถ้าผมพิสูจน์ได้ว่าผมไม่ได้เป็นพ่อของเด็กล่ะ หมอจะยกเหตุผลอะไรมาอ้างอีก นอกจากเรื่องโรคติดต่ออุบาทว์ ที่ผมเป็นอยู่นี่"
"โรคนี้มันไม่ได้รุนแรงอย่างที่คุณคิดหรอกนะ แล้วตอนนี้เราก็รักษาให้หายขาดได้"
"หมอไม่ต้องพูดปลอบใจผมหรอก ผมเคยเห็นคนที่เป็นโรคนี้มาแล้ว ผมรู้ว่ามันน่ากลัว น่าสะอิดสะเอียนขนาดไหน"
"คุณเคยเห็นมากี่ครั้งล่ะคะ ฉันทั้งเห็นทั้งสัมผัสโอบกอดคนที่เป็นโรคนี้มากกว่ายี่สิบปี และฉันก็ไม่เคยคิดรังเกียจเขาแม้แต่เสี้ยววินาที รู้อย่างนี้แล้วคุณยังคิดว่าฉันจะรังเกียจคนที่เพิ่งเป็นโรคนี้อย่างคุณอยู่ รึเปล่า" ไทรงามใช้ความอดทนเยือกเย็นพยายามชี้แจงให้เขาเข้าใจ
อู๊ด ฟังแล้วอึ้งไปถนัดใจ ยิ่งเห็นความจริงจังจากสีหน้าเธอ เขาก็ยิ่งพูดไม่ออก
ooooooo
งาน วัดที่ไทรย้อยเริ่มแล้ว...
อุษาจับตาการเคลื่อนไหวของคนในบ้าน พอเห็นหวินถือถาดใส่ถ้วยยาสมุนไพรเข้ามาที่ห้องคุณหญิง ก็ถามอย่างไม่พอใจ
"ตกลง นี่เธอไม่ได้ไปทำบุญที่วัดกับเขาหรือ"
"ไม่ได้ไป คือ...หวิน...มึนหัวน่ะค่ะ" หวินหาข้ออ้างแทบไม่ทันพลางก้าวเข้าไปในห้อง
"ไม่ ต้องหรอก เดี๋ยวฉันป้อนคุณแม่เอง แล้วก็ไม่ต้องขึ้นมากวนท่านอีกนะ ท่านจะเข้านอนแล้ว ฉันจะนอนเฝ้าท่านอยู่แถวนี้ล่ะ" อุษาพูดเสียงหวาน ยิ้มแย้มใจดีผิดปกติ รับถาดยากันท่าไม่ให้หวินเข้าไปในห้อง แต่หวินก็ยังพยายามชะเง้อมองเข้าไป ไม่ทันเห็นอะไรอุษาก็ปิดประตูเสียแล้ว
อุษา ถือถาดยาเข้าไปที่เตียง คุณหญิงกำลังจ้องอุษาเขม็ง เจ้าหล่อนทำเสียงหวานบอกว่า
"ยาพิษอุ่นๆ มาแล้วค่ะคุณแม่ นี่ถ้าพวกลิ่วล้อของคุณแม่รู้ว่าพวกมันนั่นแหละที่เป็นคนทำให้คุณแม่นอนแข็ง เป็นสากกะเบืออย่างนี้ มันจะตีหน้ากันยังไง"
วางยาไว้ที่โต๊ะหัว เตียงแล้ว อุษาหันไปเปิดลิ้นชักหยิบหมึกสำหรับพิมพ์ลายนิ้วมือออกมาพร้อมกับเอกสารแผ่น หนึ่ง ลอยหน้าบอกคุณหญิงว่า
"พินัยกรรมฉบับใหม่ที่อุษาทำขึ้นเอง ฟังเสียหน่อยนะคะ จะได้รู้ว่าตัวเองยกอะไรให้ใครบ้าง" ว่าแล้วอุษาก็บีบเสียงอ่าน "ข้าพเจ้า...คุณหญิงธีระรัตน์ ขอยกสมบัติทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดที่ข้าพเจ้าถือ สิทธิ์ครอบครอง ให้แก่ทายาทคือนายเกียรติกร ธีระรัตน์ แต่เพียงผู้เดียว..."
อุษา หยุดละสายตาจากเอกสารมองหน้าคุณหญิงอุทานดีดดิ้น
"ต๊าย...นี่คุณแม่ รักตาอ๊อดมากขนาดนี้เลยหรือคะ" เห็นคุณหญิงกัดฟันแน่นก็วางเอกสารโน้มตัวเข้าไปจิกบอก "เดี๋ยวกินยาสักหน่อยนะคะ แล้วค่อยมาพิมพ์ลายนิ้วมือให้พินัยกรรมฉบับนี้มีผลตามกฎหมายกัน มาค่ะ"
อุษา หยิบถ้วยยามาจ่อปากคุณหญิง พอคุณหญิงสะบัดหน้าหนีอุษาก็สวมวิญญาณนางร้ายตวาดแว้ด "พูดด้วยดีๆไม่ชอบ ชอบให้ใช้ความรุนแรงอยู่เรื่อย อีแก่ นี่..." ว่าแล้วก็จับหน้าคุณหญิงบิดกลับมา บีบปากแล้วกรอกยา
ooooooo
เพิ่ม ไปเชิญคุณเจนจากพระนครมาพบท่านเจ้าคุณฯ พอมาถึงก็คุยกันในคืนนี้เลย คุณเจนแจ้งว่า
"ผมให้เพื่อนที่เป็นตำรวจสืบจนรู้แน่ชัดแล้วครับว่า ปืนที่ท่านให้ผมไปนั้นเป็นของนายโอฬาร ชาติอาชา ซึ่งเพิ่งซื้อมาจากพระนครเมื่อต้นปีนี้เอง"
"อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ ว่าชื่อนี้มันเป็นชื่อและนามสกุลจริงของเสี่ยโอครับ" เพิ่มระบุ
พอ รู้ความเชื่อมโยง ทั้งเจ้าคุณฯ เด่นดาว และไทรงามต่างมองหน้ากันอย่างงุนงงและตกใจ
"แน่ใจหรือนายเพิ่ม" ท่านเจ้าคุณฯย้ำถาม
"ครับ ผมเป็นตัวแทนหนูเย็นทำสัญญาเช่าที่กับเสี่ยโอ เป็นประจำทุกปี ผมจึงจำได้แม่นยำว่านี่เป็นชื่อของเสี่ยโอแน่นอนครับท่าน"
"หมายความ ว่าเสี่ยโอจ้างให้คนไปลอบทำร้ายตาอู๊ดอย่างนั้นหรือ เพราะอะไร มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ" ท่านเจ้าคุณฯซัก
"ไม่น่าเป็นไปได้นะคะ เจ้าคุณปู่ ช่วงนั้นงามเห็นครอบครัวเสี่ยโอก็สนิทสนมกับคุณอู๊ดดีนี่คะ"
"พี่ จำได้แล้ว" เด่นดาวนึกออก "วันนั้นน้องงามก็โดนโจรดักฉุดไปด้วย แล้วอัมพริกาก็อยู่ในเหตุการณ์ พี่ว่ามันต้องมีอะไรที่เชื่อมโยงกันแน่ๆ"
ทุก คนฟังเหตุผลของเด่นดาวอย่างครุ่นคิด วิเคราะห์
ooooooo
สาม ทุ่มครึ่งแล้ว ที่บ้านเสี่ยโอกำลังชุมนุมเตรียมเคลื่อนกำลังไปปฏิบัติการกัน
เสี่ย โอยืนอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์ กวาดตามองทนต์และสมุนก่อนส่งถุงให้ทนต์ เมื่อทนต์รับไปเปิดดู ก็หยิบปืนในถุงส่งแจกจ่ายให้บรรดาสมุนที่อยู่รายรอบจนครบทุกคน
อัม กำลังจะลงจากบ้านเห็นเข้าพอดี เธอชะงักหลบมุมแอบดูแอบฟัง ได้ยินเสี่ยโอสั่งการว่า
"ปล้นมันให้เกลี้ยงแล้วเผาบ้านมันอย่าให้ เหลือซาก ใครขัดขืนก็ฆ่ามัน โดยเฉพาะไอ้อู๊ด ใครกุดหัวมันได้ อั๊วมีรางวัลให้อย่างงาม"
อัมพริกาช็อก มือเท้าอ่อนจนต้องทรุดนั่งแถวนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง
เวลาเดียวกัน อุษากรอกยาใส่ปากคุณหญิงแล้ว หันไปหยิบแป้นหมึกที่โต๊ะหัวเตียง คว้ามือคุณหญิงมาพูดอย่างสะใจว่า "ได้เวลาส่งมอบสมบัติกันแล้ว เอามือมานี่" แต่มือคุณหญิงเกร็งแข็งจนดึงไม่ออก อุษาตวัดสายตามองคุณหญิงอย่างดุร้าย แต่ก็เจอตาคุณหญิงที่จ้องเขม็งอยู่อย่างแข็งกร้าว
อุษาออกแรงดึงมือ คุณหญิงอีก รู้สึกได้ว่ามือคุณหญิงแข็งแรงกว่าเก่ายื้อไว้จนแทบไม่ขยับ
พริบ ตานั้นเอง อุษาตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อคุณหญิงลุกขึ้นนั่งประจันหน้าอุษาพูดด้วยเสียงแข็งกร้าวว่า
"แปลก ใจสินะ ที่ฉันไม่ได้เป็นอีง่อยบ้าใบ้อย่างที่หล่อนคิด"
"แก...นี่แกขยับตัวได้ยังไง พูดได้ยังไง ก็...ฉัน...ฉันให้แกกินยาตัวเดียวกับที่ลูกแกกินนี่นา"
"เพราะพระสงฆ์องคเจ้าท่านรู้ว่าฉันโดนวางยาน่ะสิ ท่านถึงได้เมตตาให้ยายอ่อนเอาสมุนไพรตัวใหม่มาต้มล้างพิษให้ฉัน ที่นังหวินมันยกมาให้หล่อนกรอกปากฉันทุกวันหลังจากลูกฉันตายไงล่ะ นังงูเห่า!!"
พอรู้ความจริงว่า ที่แท้คุณหญิงแกล้งทำเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาพูดไม่ได้หลอกจนตนตายใจ อุษาก็ปากคอสั่นแทบจะง่อยเปลี้ยบ้าใบ้ไปเสียเอง คุณหญิงพูดใส่หน้าว่า
"ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ฉันจะรู้เช่นเห็นชาติคนใจบาปสันดานหยาบอย่างหล่อนรึ!!!"
ooooooo
บานเย็นนั่งปักผ้าห่มที่ใกล้เสร็จแล้วอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ที่เฉลียง หลังจากฟังหวินเล่าอาการของคุณหญิงแล้ว ถามอย่างทึ่งว่า
"คุณหญิงค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว เป็นไปได้ยังไงพี่หวิน"
ใบ้กับดำที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็แปลกใจ มองหน้ากันงงๆ แฝงไว้ด้วยความปีติ
"มันก็เป็นไปแล้ว พี่เห็นกับตาอยู่ทุกวัน ตั้งแต่ยายอ่อนเอาสมุนไพรมาต้มให้กิน ท่านก็เริ่มขยับได้ทีละนิด...ทีละนิด จนถึงลุกเดินแล้วก็พูดได้ แค่ชั่วสามสี่วันมานี่เอง" หวินเล่าอย่างตื่นเต้นดีใจโอ่นิดๆที่ตัวเองรู้ดีกว่าคนอื่น
"แต่เมื่อเช้า เย็นเข้าไปป้อนข้าวท่าน ยังเห็นท่านนอนแบ็บอยู่เลย"
"ท่านไม่อยากให้ใครรู้ กับพี่เองท่านก็กำชับนักหนาให้ปิดเป็นความลับ ท่านว่าท่านต้องการจับคนผิดมาลงโทษ"
"มิน่า แม่ถึงกล้าปล่อยท่านไว้ตามลำพังกับคุณอุษา" ดำพึมพำอย่างถึงบางอ้อ
"ก็เออน่ะสิ แล้วที่ข้าไม่ยอมไปไหนก็เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ท่านจะได้เรียกข้าทัน"
"มันคง...ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกจ้ะ" บานเย็นพูดเหมือนปลอบใจตัวเองกับทุกคน
บานเย็นพูดไม่ทันขาดคำก็มีเสียงตะโกนก้องขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม
"ไอ้เสือออออ บุกกกกกก!!!"
ทุกคนตกใจตั้งหลักไม่ทัน หวินถามว่าจะทำอย่างไรดี เพิ่มก็ยังไม่กลับ ปืนผาหน้าไม้ก็ไม่มี
ooooooo
ที่ห้องนอนคุณหญิง คุณหญิงจ้องหน้าอุษาประกาศกร้าวใส่หน้าว่า
"ฉันจะลากหล่อนเข้าตะราง...เพิ่ม!! หวิน!!!"
สิ้นเสียงตะโกนของคุณหญิง ก็มีเสียงตะโกนดังยิ่งกว่าจากข้างล่าง
"ไอ้มิ่ง ไอ้แสง มึงเฝ้าข้างล่างไว้"
เป็นเสียงของทนต์นั่นเอง มันทั้งหมดใส่หมวกไอ้โม่ง ทนต์สั่งสมุนแล้วมันเองก็วิ่งขึ้นข้างบนประกาศลั่น
"นี่คือการปล้น...ใครขัดขืนตาย!! ค้นทุกห้อง กวาดของมีค่ามาให้หมด..."
สิ้นเสียงทนต์ บรรดาสมุนก็กระจายกันออกไปตามจุดต่างๆค้นหาของมีค่าตามคำสั่ง
อุษายังอยู่ในห้องคุณหญิง หันกลับมาพูดอย่างเป็นต่อว่า "ให้แกมีลมหายใจพ้นคืนนี้ไปก่อนเถอะ แล้วค่อยคิดมาลากคอฉันเข้าตะราง แกเอาเครื่องเพชรซ่อนไว้ที่ไหน!!"
คุณหญิงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน อุษายิ่งโมโหพุ่งเข้าเค้นคอ ตะคอกถามอีกว่าเอาเครื่องเพชรไปซ่อนที่ไหน เมื่อคุณหญิงยังยิ้มไม่ปริปาก เลยถูกอุษาดันไปที่เตียง คุณหญิงพยายามขืนตัวสุดชีวิต
ooooooo
เมื่อแอบรู้แผนการร้ายของเตี่ยกับทนต์ อัมขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่แคมป์สร้างทาง เจออู๊ดนอนรับลมอยู่หน้าแคมป์ พอเห็นอัมมาเขาขยับโงหัวขึ้นดู
"เร็วเข้าเถอะค่ะคุณอู๊ด" อัมวิ่งเข้าไปดึงแขนอู๊ดให้ลุกขึ้น ชายหนุ่มแกะมือเธอออกอย่างระวังตัวถามว่าจะพาไปไหนตนไม่หลงกลอีกแล้ว "อัมเคยโกหกคุณมาก็จริง แต่ครั้งนี้อัมพูดความจริง รีบกลับบ้านเถอะค่ะคุณอู๊ด เกิดเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นแล้ว ทุกคนที่บ้านกำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณ"
เชษฐ์กับลูกน้องเดินมาได้ยิน ถามว่ามีอะไรหรือ อัมชิงบอกอู๊ดอย่างเร่งร้อนว่า
"อัมบอกคุณได้เท่านี้ เอาลูกน้องกับปืนไปด้วยนะคะ"
อู๊ดเห็นสีหน้าท่าทางอัมจริงจังมากจนนึกสังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องร้ายแรง อะไรสักอย่างที่บ้านแน่แล้ว
ooooooo
ทนต์กับสมุนที่ขึ้นไปบนเรือน ช่วยกันรื้อค้นหาทรัพย์สินจนข้าวของกระจุยกระจาย เข้าห้องโน้นออกห้องนี้กันวุ่นวาย
ที่หน้าเรือนไทรโศก...ใบ้กับดำพากันย่องมาท่ามกลางแสงสลัว เพ่งมองไปเห็นมิ่งกับแสงที่ทนต์สั่งให้คุมเชิงอยู่ข้างล่าง ทั้งสองสบตาอย่างรู้กันแล้วจะเข้าจู่โจม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรู้ว่าหวินกับบานเย็นตามมาด้วย
ดำจัดแจงให้หวินกับบานเย็นซุ่มอยู่แถวนั้นสั่งห้ามขยับไปไหนเด็ดขาด แล้วตัวเองกับใบ้ก็กระชับไม้ในมือย่องออกไปตรงที่เห็นแสงกับมิ่งยืนคุมเชิง อยู่
ที่ห้องนอนคุณหญิง อุษากำลังบังคับให้คุณหญิงกดลายนิ้วมือลงในพินัยกรรมปลอม ถูกคุณหญิงฮึดสู้ถีบจนกระเด็น อุษาลุกขึ้นได้พุ่งเข้าตบจนเลือดกบปาก พอคุณหญิงตะโกนสาปแช่งก็เข้าไปตบซ้ำอีก แล้วบังคับกดลายนิ้วมือลงบนพินัยกรรมปลอม
ทนต์ถีบประตูโครมเข้ามาถามว่า "เรียบร้อยหรือยัง เราต้องจัดการตามที่เสี่ยสั่งเดี๋ยวนี้"
"จัดการไปเลยพี่ อุษาพิมพ์ลายนิ้วมืออีนี่เสร็จแล้วจะรีบตามไป"
ทนต์เห็นว่าไม่มีปัญหาแล้วจึงวิ่งออกไป อุษาเอาพินัยกรรมปลอมที่พิมพ์ลายนิ้วมือคุณหญิงสำเร็จแล้วขึ้นดู ระเบิดหัวเราะอย่างสะใจ ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างของธีระรัตน์ก็อยู่ในกำมือตน
ooooooo
ดำกับใบ้สู้กับมิ่งและแสง ผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่พวกมันมีอาวุธเหนือกว่า ในที่สุดก็ถูกจับ เวลาเดียวกัน ทนต์ก็คุมตัวหวินกับบานเย็นมาเป็นตัวประกัน ขู่ทั้งสองว่าห้ามขยับ ไม่อย่างนั้นสองคนนี้ตาย
ใบ้กับดำนิ่งสนิทกลัวสองคนถูกทำร้ายจริงๆ
"มัดมือมัดปากมันไว้ ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ" ทนต์สั่ง จากนั้นสมุนของมันก็จับทั้งสี่มัดมือมัดปากแล้วมัดตัวไว้กับเสาเรือน ทั้งสี่ได้แต่มองหน้ากันแล้วแหงนมองขึ้นไปบนเรือนด้วยความเป็นห่วงคุณหญิง
"ขนทุกอย่างไปให้หมด แล้วเผาบ้านมัน..." เสียงทนต์ตะโกนสั่งสมุน
อุษาถูกคุณหญิงสาปแช่งไม่ขาดปาก ก็ตะคอกใส่ว่าให้เตรียมตัวตายในไฟนรกที่จะเผาบ้านนี้ให้วอดวายได้แล้ว พูดแล้วระเบิดหัวเราะเดินดูพินัยกรรมออกไป
คุณหญิงอาศัยช่วงที่อุษาชะล่าใจยื่นเท้าไปขัดขาอุษาจนล้มคว่ำหัวทิ่มไปกับ พื้น พริบตานั้น คุณหญิงยันตัวลุกขึ้น เป็นจังหวะที่อุษารีบลุกขึ้นมาพอดี ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงต่อสู้กันสุดแรง
แจกันทองเหลืองที่วางอยู่ ถูกคุณหญิงคว้าขึ้นมาฟาดใส่อุษาจนคิ้วแตกเลือดอาบหน้า พอได้เลือด อุษาก็บ้าดีเดือด กระโดดคร่อมคุณหญิงบีบคอสุดแรงจนคุณหญิงสลบคามือ
ข้างล่าง สิงห์กับมิ่งสมุนของทนต์กำลังจุดไฟจะเผาบ้าน ทนต์ฉุกคิดได้ตะโกนบอกอุษาว่า ไฟไหม้บ้านแล้ว เร็วเข้า!
ขณะนั้นเอง สมุนอีกคนหนึ่งของทนต์ก็วิ่งมารายงานว่า
"เผ่นเถอะพี่ ไอ้เขียวมันบอกว่าเห็นไฟหน้ารถใครก็ไม่รู้แล่นเข้ามา"
"งั้นอ้อมไปเอารถในสวนด้านหลัง" ทนต์สั่งแล้วตะโกนเร่ง "อุษา...เร็ว!!"
อุษาลุกขึ้นจะวิ่งลงไป ฉุกคิดได้ว่าวางพินัยกรรมไว้ หันไปจะหยิบ พอดีมีลมกระโชกมาพัดพินัยกรรมปลิวไปตกอยู่ใกล้ ตู้เสื้อผ้า อุษาผวาไปคว้า พริบตานั้นโกศทองเหลืองที่ใส่กระดูกกิติกลิ้งตกลงมาใส่หัวอุษาอย่างแรง
อุษาตาลอยยืนตัวโคลงเคลง ก่อนจะหน้ามืดเซล้มหัวฟาดมุมตู้อย่างจังสลบอยู่ตรงนั้น มีโกศกับเถ้ากระดูกของกิติกระจายอยู่ข้างตัว...
ooooooo










