สมาชิก

ไทรโศก

ตอนที่ 17

ทนต์ได้รับบาดเจ็บถูกยิงกระสุนฝังในที่แขน กลับไปให้ลูกน้องใช้มีดคมกริบกรีดเอากระสุนออก แม้จะเจ็บจนเหงื่อผุดเต็มใบหน้าแต่ไม่มีเสียงครวญครางจากปากเขาเลย

หลัง จากนั้น อุษาแอบไปพบกันที่กระท่อมแสดงความรักความห่วงใยแต่ก็เชื่อมั่นว่าเขาเอาตัว รอดได้ ทนต์พูดกับอุษาอย่างแค้นใจว่า

"ไอ้อู๊ดนี่มันเกิดมาเป็น มารผจญพี่จริงๆ ครั้งแรกก็โผล่มาช่วยไอ้ดำ มาคราวนี้ดันสาระแนมาช่วยศัตรูคู่อาฆาตของพี่อีก มันกับพี่ท่าจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้เสียแล้ว"

อุษาไม่ห้าม เขาจะจัดการอย่างไรก็ตามใจ แต่ขอให้รองานแต่งงานของอ๊อดผ่านไปก่อนก็แล้วกัน หลังจากนั้นจะลากอู๊ดไปโยนบ่อจระเข้ที่ไหนก็ตามใจ

ooooooo

ห วินขลุกอยู่ในครัวทำกับข้าวจนเวียนหัว กลับมานั่งบ่นกับบานเย็นที่เฉลียงว่าไปไหนเจอแต่คนเดินยั้วเยี้ยไปหมด บานเย็นถามว่าคนจากไหนหรือ หวิน บอกเบื่อๆว่า

"ก็คนงานที่คุณอุษา จ้างมาจากพระนครน่ะสิ เดินสวนสนามกันเต็มบ้านเต็มเมืองเห็นแล้วปวดหัว แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเหนื่อย ไม่งั้นอ้วกแตกแน่ให้เตรียมงานวันเดียวอย่างนี้"

"เขาคงวางแผนกะ เกณฑ์ทุกอย่างล่วงหน้าไว้แล้ว ถึงมัดมือชกเราได้อย่างนี้ เย็นหดหู่ใจเหลือเกิน ที่ทำให้ลูกต้องมามีชะตากรรมแบบเดียวกับตัวเอง"

"อย่า คิดมากเลยนะ คิดเสียว่าหนูงามแกเต็มใจ อีกอย่างพี่ก็เชื่อว่าคนเราถ้าไม่ได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กัน ต่อให้หยาดน้ำสังข์ หรือจดทะเบียนตีตรากันแล้วก็ตาม มันก็ต้องมีเหตุให้ไม่ได้อยู่ด้วยกันจนได้ ดูอย่างหนูเย็นกับคุณกิติปะไร จริงไหมล่ะ"

คุยปรับทุกข์ปลอบโยนกับบานเย็นแล้ว หวินกลับไปที่เรือนแถวคนงาน เห็นดำกำลังก้มหน้าก้มตางัดอะไรง่วนอยู่ เดินเข้าไปถามว่าทำอะไร  เห็นนั่งแงะตั้งแต่ตนออกไปจนกลับมาแล้วก็ยังแงะไม่เสร็จ

พอเดินเข้าไปดู ดำบอกว่ามันคือสร้อยทอง หวินถามว่าของใครพลางเดินเข้าไปหยิบดู อดชมไม่ได้ว่างามจริงๆ แต่เพียงครู่เดียวก็ตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อนึกขึ้นได้ ถามดำว่า

"เอ็งไปได้สร้อยเส้นนี้มาจากไหน เจ้าดำ..."

ไวเท่าความคิด หวินคว้าสร้อยทองที่มีจี้ตัว Y ไขว้กันอยู่เดินอ้าวไปหาใบ้ที่กำลังนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เอาไปแบตรงหน้าใบ้ ถามว่า

"จำได้ไหมเจ้าใบ้ว่าเราเคยเห็นสร้อยเส้นนี้ที่ไหน"

ใบ้จ้องสร้อยกับจี้อยู่ครู่เดียวก็ตาวาวเมื่อนึกถึงอดีตที่ฝังใจ...

ooooooo

เมื่อ 25 ปีก่อน ที่เกิดการปล้นฆ่าสองผัวเมียและทิ้งทารกน้อยเพศหญิงไว้ในอ้อมกอดของแม่ที่ตายหน้าเละจนจำไม่ได้ เวลานั้นหวินเป็นคนอุ้มทารกตัวเปื้อนเลือดขึ้นมาอย่างเวทนา พากลับไปที่เรือนแถว

เอาทารกออกจากผ้าอ้อมแล้วหวินบอกกับใบ้ว่าให้ม้วนๆ ผ้าอ้อมเปื้อนเลือดนั้นไปทิ้งเสีย เปื้อนเลือดขนาดนี้คงซักไม่ไหว ขณะใบ้หยิบผ้าอ้อมมานั่นเอง เห็นสร้อยทองซึ่งบังเอิญตะขอเกี่ยวกับเส้นด้ายทำให้ไม่หลุดร่วง ใบ้ปลดสร้อยออก แล้วเอามาชูตรง
หน้าหวิน

"อะไรวะเจ้าใบ้" หวินถามเพราะกำลังง่วนอยู่กับการทำความสะอาดทารก พอเงยหน้าดูก็เห็นเป็นสร้อยทองมีจี้เป็นอักษรตัว Y ไขว้กันอยู่

ทบทวนอดีตแล้ว ใบ้กับหวินพากันไปหายายอ่อนที่ท้ายวัด ยายอ่อนเดินไปงัดกระดานที่เคยใช้เป็นที่ซ่อนปืนข้างใต้ออก หยิบถุงผ้าเล็กๆขึ้นมาส่งให้ใบ้ พอใบ้เปิดดูเห็นสร้อยทองมีจี้เป็นรูปตัว Y ไขว้อยู่ในนั้น ครั้นเอามาเทียบกันดูกับที่ดำเอามา ทุกคนก็มองอึ้ง เพราะเหมือนกันดิก!

ยายอ่อนถามว่าทำไมมันเหมือนกันอย่างนี้ ดำคาดว่าไทรงามกับเด่นดาวและท่านเจ้าคุณยงยศจะมีอะไรเกี่ยวดองกันหรือเปล่า


"แม่ก็ว่าอย่างนั้น คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สร้อย 2 เส้น ที่ติดตัวคน 2 คน จะหน้าตาเหมือนกันได้ขนาดนี้"

"ใช่แล้ว..." ยายอ่อนโพล่งขึ้นอย่างนึกได้ "ท่านเจ้าคุณฯท่านเคยมาถามหาหลานของท่านอีกคนหนึ่งกับท่านพระครู ตอนนั้นยายอยู่ด้วย ท่านซักประวัติหมองามเสียยกใหญ่ราวกับท่านจะสงสัยว่าหมองามคือหลานของท่านที่หายไป หรือว่า..."

ยายอ่อนพูดทิ้งไว้แค่นั้น ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครพูด แต่ใจคิดตรงกัน

ooooooo

พรุ่งนี้เช้า จะจัดพิธีแต่งงานระหว่างอ๊อด หรือ นายเกียรติกรกับไทรงามแล้ว เย็นนี้ อุษาเดินชี้นิ้วสั่งการบานเย็นขณะเอาชุดแต่งงานของไทรงามไปโยนให้ บานเย็นที่บีบนวดให้กิติอยู่ในห้องว่า

"ชุดแต่งงานลูกหล่อน ฉันเลือกแบบที่ถูกที่สุดในร้านมา แต่ลูกหล่อนใส่แล้วคงสวย เพราะคนสวยใส่อะไรก็สวยอยู่แล้วจริงไหม"

คุณหญิงกับกิติมองอุษาตาขวาง แต่เจ้าหล่อนก็ไม่แยแสชี้นิ้วสั่งบานเย็นว่า

"ปลุกลูกหล่อนให้ตื่นแต่เช้าด้วยล่ะ ช่างเสริมสวยจะเข้าไปทำผมแต่งหน้าให้ตอนตี 5 เสร็จแล้วก็ขึ้นมารดน้ำตอน 9 โมงเช้า รดน้ำเสร็จก็จดทะเบียนเป็นอันจบพิธี ไม่มีงานเลี้ยงอะไรหลังจากนั้นเพราะมันสิ้นเปลือง..."

คุณหญิงพูดเหน็บว่าจะแต่งงานลูกชายทั้งทีตระหนี่อย่างนี้ระวังชาวบ้านจะนินทางเอา อุษาลอยหน้าถามว่ามีชาวบ้าน ที่ไหนกันตนไม่ได้เชิญใครเลย เชิญมาให้เปลืองน้ำเปลืองข้าวทำไม

"ไม่เห็นแก่หน้าตัวเองก็เห็นแก่หน้าคนอื่นที่แบกนามสกุลธีระรัตน์กันบ้าง อย่างน้อยท่านเจ้าคุณยงยศก็ต้องมา หล่อนจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน" คุณหญิงเสียงแข็ง

อุษาเถียงฉอดๆ ลอยหน้าตาโปนใส่ว่า คุณหญิงพูดราวกับตอนที่แต่งให้บานเย็นกับกิติลงทุนอะไรให้หรูหราอย่างนั้นแหละ มันก็แค่น้ำสังข์กับปากกาเซ็นชื่อ อีหรอบเดียวกันกับตน

คุณหญิงถูกย้อนเอาจังๆก็โกรธจนทนไม่ได้ บอกบานเย็นให้พาตนกลับห้องด้วย ส่วนกิติก็โกรธจนมือกำจ้องจิกอุษาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อคุณหญิงและทุกคนออกไปแล้ว กิติกัดฟันแน่นพยายามเอื้อมมือไปหยิบดินสอและกระดาษที่อยู่ใต้หมอนออกมาเขียนอะไรขยุกขยิกอย่างยากลำบาก

ooooooo

ค่ำแล้ว...เด่นดาวยืนเหม่ออยู่ที่หน้าต่างห้องนอนตัวเองด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวมาก เธอคิดถึงคำประณามของดำ คำเตือนสติของดำทำให้เธอคิดถึงเจ้าคุณปู่ว่า ถ้ารู้ว่าหลานสาวคนเดียวของท่านต้องมาตายจากไปเพราะแค่เรื่องรักไม่สมหวัง ท่านจะรู้สึกอย่างไร

เด่นดาวทั้งหดหู่ อับอาย ละอายใจกับการคิดสั้นเพียงชั่ววูบนั้น แต่แล้วเธอก็สะดุ้งจากภวังค์เมื่อเจ้าคุณปู่มาบอกว่ามีแขกมาหา

ดำนั่นเอง...เด่นดาวถามว่ามาทำไม ดำมองหน้าเธอทักว่าซีดเซียวเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน เด่นดาวตัดบทเร่งรัดว่ามีธุระอะไรก็พูดมาไม่ต้องรำพันอะไรทั้งนั้น

"คุณรักคุณอู๊ดมากใช่ไหม" ดำถาม ทำให้เด่นดาวไม่พอใจหันหลังจะเดินกลับ ดำรีบพูดต่อ "ผมอยากรู้ว่า ถ้าผมเป็นสาเหตุให้คุณกับคุณอู๊ดไม่ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต คุณจะเกลียดผม ไม่มองหน้าผมไปตลอดชีวิตเหมือนกันใช่ไหม"

เด่นดาวชะงักอึ้ง ไม่เข้าใจว่าที่ดำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร...

ooooooo

เวลาเดียวกันนั้น ไทรงามอยู่ในห้องนอนบานเย็น ไปเคาะประตูบอกว่ามีคนเอาของมาให้ เมื่อไทรงามลงไปที่สวนมะลิหน้าบ้าน เห็นอู๊ดยืนหันหลังให้อยู่ เธอตัดสินใจหมุนตัวจะกลับขึ้นข้างบน

"เกลียดหน้าผมถึงกับไม่อยากจะเจอหน้าเลยอย่างนั้นหรือครับ" เสียงชายหนุ่มตัดพ้อในที ทำให้ไทรงามหยุดชะงัก เขาจึงหันมาเดินเข้าหาทั้งที่เธอหันหลังให้อยู่ "ผมไม่รบกวนเวลาหมอนานหรอกครับ แค่คืนนี้...อยากเอาดอกไม้มาให้หมอเท่านั้น"

ไทรงามค่อยๆหมุนตัวกลับมา เห็นอู๊ดถือช่อดอกรัก ซึ่งมัดเข้าเป็นช่อเป็นบูเกต์สีม่วงขาวเขียวผสมกันอย่างกลมกลืนน่ารัก ส่งให้ไทรงาม เธอรับไว้เอ่ยเสียงแผ่ว..."ขอบคุณมากค่ะ"

"หมอรู้ความหมายของดอกไม้ช่อนี้ดีกว่าใคร" อู๊ดรวบรวมกำลังใจพูดต่อ ทำเอาไทรงามตีบตื้นขึ้นเหมือนก้อนสะอื้นจุกคอ นิ่งสงบฟังชายหนุ่ม "ดอกรักถึงจะไม่หอมละมุนเหมือนดอกไม้อื่น แต่ชื่อของมันก็มีความหมายลึกซึ้ง และทดแทนความในใจผม
ได้ดีที่สุด"

หญิงสาวน้ำตาคลอ พยายามประคองไว้ไม่ให้ไหลลงอาบแก้ม

"เรื่องระหว่างเราทุกอย่างมันดูสายไปเสียหมด แต่ผมก็ยินดีและยอมรับในสิ่งที่หมอเลือก ถึงวันพรุ่งนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ผมอยากให้หมอรู้ไว้ว่า มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม นั่นก็คือความรักที่ผมมีต่อหมอ ผมรักหมอและจะรักอย่างนี้ตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"

อู๊ดมองไทรงามด้วยแววตาลึกซึ้งปนเศร้า แววตานั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ

อู๊ดอยากจะกอดอำลา แต่ก็ต้องตัดใจเดินผละไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส...

ความเข้มแข็งที่ไทรงามพยายามยึดไว้มลายหายสิ้นไปในบัดดล เธออยากร้องเรียกเขา วิ่งเข้าไปกอดไว้...กอดไว้อย่างนั้นไปจนวันตาย...แต่เธอทำได้แค่ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น สองมือกอดช่อดอกรักไว้แนบอก ในม่านตาที่พร่ามัว เห็นชายหนุ่มเดินไกลออกไป...ไกลไปทุกที...ทุกที...

ooooooo

กิติพยายามเกร็งมือออกแรงสุดฤทธิ์เพื่อเขียนหนังสือแต่แล้วก็ท้อใจเมื่อลากเส้นออกมาตัวเท่าหม้อแกงแถมยังดูไม่ออกด้วยว่าเขียนอะไร เขาจะขว้างดินสอทิ้งแต่พอเหลือบเห็นอุษานอนเหยียดยาวอย่างอ่อนล้าอยู่บนโซฟา ความแค้นก็พลุ่งพล่านขึ้นมา กำดินสอเกร็งมือเขียนขยุกขยิกลงบนกระดาษต่อไปอย่างอดทน

เวลาเดียวกันนั้น ที่บ้านเสี่ยโอ เสี่ยดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้นเมื่อรู้ว่าอัมท้อง ถามอัมว่าท้องกับอู๊ดใช่ไหม อัมไม่กล้า บอกความจริงเอาแต่ร้องไห้ เสี่ยตีขลุมเอาเอง หัวเราะลั่นบ้านพูดอย่างลิงโลด

"ในที่สุด อั๊วก็ได้เป็นพ่อตาหลานอีคุณหญิงจอมหยิ่งนั่นจนได้ ลื้อทำดีมาก...อาอัม สมกับที่เกิดมาเป็นลูกสาวเตี่ยจริงๆ"

เสี่ยยิ้มหัวเราะสมใจดังเท่าไร อัมก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้นด้วยความอัดอั้นตันใจ น้ำท่วมปาก

ooooooo

เช้ามืดวันใหม่ อันเป็นวันแต่งงาน ไทรงามต้อง ลุกขึ้นมาให้ช่างแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ตี 5  ตามคำสั่ง ของอุษา หญิงสาวนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมอย่างไร้ ชีวิตจิตใจ ในมือประคองช่อดอกรักไว้อย่างทรมานใจ น้ำตาคลอเต็มตา

บานเย็นมาแอบดูไทรงามในชุดแต่งงาน เห็นลูกสาว ตรอมใจเพียงใด ตัวเองก็ตรอมใจยิ่งกว่าเป็นทวีคูณ...

ที่ห้องนอนกิติ อู๊ดเข้าไปช่วยเปลี่ยนชุดให้พ่อ คุณหญิงเห็นแล้วเปรยๆอย่างสะเทือนใจว่ากิติผอมไปมากจนสูทหลวมไปหมด แล้วถามอู๊ดว่ามีสูทมาไหม เมื่ออู๊ดบอกว่ามี คุณหญิงก็บอกให้ใส่เสียเลยจะได้ดูเรียบร้อย

อู๊ดเดินไปหยิบสูทมาใส่อย่างว่าง่าย คุณหญิงเดินไปติดกระดุมเสื้อให้อย่างตั้งใจและเต็มใจ จนอู๊ดตื้นตันที่ได้รับความเมตตาจากย่าอย่างไม่เคยมีมาก่อน

อ๊อดกับอุษาโผล่มาเห็นพอดี ริษยาพุ่งจี๊ดตาร้อนผ่าวทั้งแม่ทั้งลูก อ๊อดถามแดกดันว่ามาแต่เช้าเชียว ดีแล้วจะขอให้ เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยมีอะไรขัดข้องไหม

"ไม่มีครับ" อู๊ดกล้ำกลืน อ๊อดหาเรื่องอีกจนได้บอกว่า สูทที่อู๊ดใสดูดีเกินไป หล่อเกินเจ้าบ่าวในวันสำคัญอย่างนี้มันไม่งาม บอกให้อู๊ดถอดออกเสีย ถามว่าขัดข้องไหม คำตอบคือ "ไม่มีครับ" ตามเคย

แต่พออู๊ดจะถอดกระดุมเสื้อ คุณหญิงก็พูดห้ามขึ้นว่าไม่ต้องถอดหรอก การแต่งตัวเรียบร้อยถือเป็นการให้เกียรติเจ้าภาพและคนที่มาในงาน อีกทั้งวันนี้เป็นวันสำคัญของอ๊อด คงไม่มีใครสนใจคนอื่นมากกว่าเจ้าบ่าวเพียงเพราะสูทตัวเดียวหรอก

อุษาอ้าปากจะเถียงแทนอ๊อด ถูกคุณหญิงตัดบทอย่างรำคาญว่า "อย่างน้อยที่สุดเจ้าสาวก็ต้องสนใจเจ้าบ่าวมากกว่า น้องชายอยู่แล้ว จริงไหม"

คำแย้ง คำประชดและดักคอของคุณหญิง ทำเอาสองแม่ลูกพูดไม่ออก ได้แต่นึกแค้นอยู่ในใจ

เวลาเดียวกัน ดำเอาแต่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่หน้าเรือนแถวคนงาน หวินถามลูกชายด้วยความสงสารจับใจว่า เสียใจมากสินะ ดำเงยหน้าขึ้น พูดโดยไม่มองหน้าแม่ว่า

"เสียใจ แต่หนูก็จะขอทำเพื่อคนที่หนูรัก หัวใจตัวเองเป็นยังไงมันไม่สำคัญ ขอให้คนที่หนูรักมีความสุขสมหวังในชีวิตก็พอ"

เสียงดำสะท้านจนหวินโผเข้าโอบกอดลูกไว้ด้วยความสะเทือนใจ

ooooooo

ที่มุมพิธีรดน้ำ...เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งเคียงกันที่ตั่งรดน้ำ คุณหญิงประคองสังข์เข้าไปรดน้ำให้บ่าวสาว ไทรงามยิ้มฝืนๆให้คุณหญิง ในขณะที่อ๊อดยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง

"ขอให้หลานทั้งคู่อยู่กินกันอย่างมีความสุข ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนะลูกนะ"

เสร็จแล้วบานเย็นรดน้ำเป็นคนต่อมา เธอพยายามเก็บกลั้นความรู้สึกทั้งมวล อวยพรตามธรรมเนียมเสียงราบเรียบ

"ขอให้คุณอ๊อดรักและเมตตาหนูงามตลอดไปนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้น้องด้วยนะคะ" เมื่อมารดให้ไทรงาม หญิงสาวเหลือบมองหน้าแม่น้ำตาคลอ บานเย็นเอ่ยจากหัวใจที่เจ็บร้าวว่า "แม่รักลูกนะจ๊ะหนูงาม แม่ขอให้ลูกมีความสุข การใช้ชีวิตคู่อาจจะมีอุปสรรคและปัญหาบ้าง ขอให้ลูกหนักแน่นและอดทนแล้วลูกจะฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาทุกอย่างไปได้ และไม่ว่าจะอย่างไร แม่อยากให้ลูกรู้ว่าลูกจะมีแม่อยู่เคียงข้างเสมอและตลอดไปนะลูกนะ"

แม่ลูกมองหน้ากันน้ำตาคลออย่างรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของกันและกัน...

ooooooo

เจ้าคุณยงยศกับเด่นดาวกำลังจะลงเรือนไปงานแต่งงาน เจอดำเดินอ้าวมากับใบ้พอดี เจ้าคุณฯถามว่าคุณหญิงให้มาตามหรือ รีบขอโทษเพราะท่านเพิ่งไปหาท่านพระครูที่วัดมากำลังจะไปงานอยู่พอดี

"คุณหญิงไม่ได้ใช้ให้มาตามหรอกครับท่าน แต่ผมแวะมาด้วยธุระเรื่องอื่นที่สำคัญมาก" ดำเอ่ย

เจ้าคุณฯหันมองหน้าเด่นดาวเชิงถาม เด่นดาวเองก็งงๆว่าดำมีธุระอะไร

จนเมื่อขึ้นเรือนไป ดำเอาสร้อยมีจี้รูปตัว Y ไขว้คืนให้เด่นดาว เจ้าคุณฯมองหน้าหลานสาวถามว่าไปทำหล่นไว้ที่ไหนหรือ เด่นดาวอึกอักไม่กล้าตอบ ดำจึงตอบแทน ปดท่านว่า

"พอดีคุณดาวเธอเกือบพลัดตกคลองน่ะครับ บังเอิญผมไปเห็นเข้าก็เลยเข้าไปช่วย สร้อยคงขาดช่วงที่ยื้อช่วยกันน่ะครับ แต่ผมมาเห็นหลังจากที่คุณดาวเธอกลับบ้านแล้ว ก็เลยตามเอามาคืน"

เจ้าคุณฯดีใจมากบอกว่าสร้อยนี้มีความสำคัญกับตระกูลของเรามาก เตือนหลานสาวให้ขอบคุณดำ เมื่อเด่นดาวขอบคุณดำบอกยิ้มๆว่าไม่เป็นไร แล้วหันไปพูดกับเจ้าคุณฯ ว่า

"ที่ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพราะธุระเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว แต่ผมมีอะไรบางอย่างมาให้ท่านเจ้าคุณฯดูด้วย" พูดแล้วดำหันไปพยักหน้ากับใบ้ ใบ้หยิบถุงผ้าเล็กๆใบเดิมที่ยายอ่อนเอาให้ออกจากกระเป๋ายื่นให้ท่านเจ้าคุณฯดู

พอเจ้าคุณฯเปิดถุงหยิบสร้อยออกมาดู ท่านตะลึงอึ้ง ถามใบ้ว่าไปเอาสร้อยนี้มาจากไหน

ใบ้กับดำมองหน้ากันอย่างพร้อมที่จะเล่าความจริงทั้งหมดให้ท่านเจ้าคุณฯฟัง

ooooooo

เมื่อถึงคราวอุษาเข้าไปรดน้ำสังข์ เธออวยพรให้ลูกชายอย่างลำพองใจว่า

"สิ่งที่ลูกหวัง เวลาที่ลูกรอคอยมานาน จนถึงวินาทีนี้ ลูกก็ได้ทุกอย่างสมหวังดังใจแล้วนะจ๊ะ แม่ขอให้ลูกมีความสุข มากๆกับคนที่ลูกเลือก  แล้วก็ใช้เวลาทุกนาทีต่อไปนี้...ให้ คุ้มค่านะจ๊ะ"

จบคำอวยพรอย่างมีเลศนัยของอุษา อ๊อดเอ่ยขอบคุณผู้เป็นแม่หน้ายิ้มกระหยิ่มใจ จากนั้นอุษาเดินไปพูดกับไทรงามด้วยน้ำเสียงและคำพูดที่จิกเหน็บว่า

"ฉันขอฝากลูกชายฉันไว้กับเธอด้วยนะหมองาม หวังว่าเธอจะอุทิศตัวเพื่อดูแลลูกฉันเป็นอย่างดี เหมือนอย่างที่ฉันเคยทำมานะจ๊ะ"

ไทรงามข่มใจกัดฟันยกมือไหว้อุษา

จากนั้นอู๊ดเดินเข้ามารดน้ำให้อ๊อดแม้จะเจ็บปวดแต่เขาก็ยิ้มแย้มให้ด้วยความเต็มใจ อวยพรให้มีความสุขและมีหลานให้ อุ้มไวๆ อ๊อดตอบเย้ยว่าไม่ต้องห่วงตนจะมีหลานให้อุ้มเร็วๆนี้แน่ แล้วอู๊ดก็รดน้ำให้ไทรงาม อวยพรจากใจจริงว่า

"ผมยินดีกับคุณจริงๆครับหมองาม ทุกอย่างที่คุณเลือก คือสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดแล้วครับ มีความสุขกับคนที่หมอรักมากๆ แล้วก็...ตลอดไปนะครับ"

ไทรงามน้ำตาเอ่อหูอื้อใจปั่นป่วนจนไม่ได้ยินคำอวยพรประโยคท้าย เมื่ออู๊ดส่งสังข์คืนให้หวินและเดินไป ยังได้ยินเสียงอ๊อดพูดแทงใจตามหลังว่า

"เสียใจใช่ไหม ที่แกไม่ได้นั่งตรงนี้แทนฉัน"

อู๊ดชะงักไปนิดหนึ่งแล้วตัดใจเดินเลยไปเลย ไทรงามชำเลืองมองอ๊อดอย่างไม่ชอบใจกับความไม่รู้กาลเทศะของเขา

ooooooo

เสร็จจากพิธีรดน้ำสังข์ คู่บ่าวสาวพากันไปที่มุมจดทะเบียนสมรส โดยมีสักขีพยานมากมาย อุษาเจ้ากี้เจ้าการลุกขึ้นยืนกลางวงประกาศพิธีจดทะเบียนสมรสและเชิญนายอำเภอมาเป็นสักขีพยาน

นายอำเภอลุกขึ้นเอาทะเบียนสมรสไปชี้ให้อ๊อดเซ็นและส่งอีกฉบับหนึ่งให้ไทรงามเซ็น

อุษากับอ๊อดแอบสบตากันอย่างกระหยิ่มที่เพียงแต่จดปากกาเซ็นชื่อลงในทะเบียนสมรสก็เท่ากับได้ก้าวเข้าสู่ขุมมหาสมบัติสมใจแล้ว ในขณะที่ไทรงามกับอู๊ดสบตากันแว่บหนึ่งเหมือนบอกลาจากกันชั่วนิรันดร

ส่วนเพิ่มกับหวินยืนใจคอไม่ดี บานเย็นน้ำตาคลอ ส่วนคุณหญิงหายใจไม่ทั่วท้องด้วยความรู้สึกเห็นใจอู๊ดขึ้นมาฉับพลัน

ขณะไทรงามจดปากกาจะตวัดเซ็นชื่อนั่นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างหนักแน่น

"เดี๋ยวก่อนหมองาม!!!!"

ทุกคนหันมอง เห็นเจ้าคุณยงยศเดินเข้ามา ตามด้วยเด่นดาว และดำกับใบ้ ท่านเอ่ยกับไทรงามว่า "หมองามไม่จำเป็นต้องฝืนใจแต่งงานกับใครทั้งนั้น!!"

เหมือนฟ้าผ่าลงมาตรงหน้าอุษา ถามอย่างเกรี้ยวกราดว่าเจ้าคุณฯมีสิทธิอะไรมาห้าม

"สิทธิของการเป็นปู่แท้ๆของหมองามไงล่ะ" เสียงเจ้าคุณฯทรงอำนาจจนทุกคนอ้าปากค้าง

ooooooo

ทุกอย่างชะงักกึกกลางคัน จากนั้นผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดพากันไปนั่งที่ห้องรับแขกเรือนใหญ่ เจรจากันอย่างตึงเครียด เมื่ออุษาฟังเหตุผลที่ท่านเจ้าคุณฯชี้แจงกับคุณหญิงแล้ว แผดเสียงค้านลั่นว่า

"ไม่จริง!! หมองามจะเป็นลูกสาวของลูกชายท่านได้ อย่างไร ไหนล่ะลูกชายท่าน พามายืนยันสิ" อุษาท้าทายแผดเสียงตาแทบถลน

"ลูกชายฉันตายไปนานแล้ว แต่ฉันมีหลักฐานยืนยันได้ สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยที่ติดตัวหมองามมาตั้งแต่แบเบาะ มันเป็นสร้อยของฉัตรพงษ์ลูกชายฉัน ซึ่งลูกฉันคงจะให้เป็นของรับขวัญลูกสาวซึ่งก็คือหมองาม ก่อนจะถูกฆ่าตายยกครัว แล้วนายใบ้ไปเจอหลานฉันที่รอดมาได้จึงได้พามาเลี้ยงดู"

ฟังเจ้าคุณฯแล้วอุษายังตะแบงว่า แล้วเจ้าคุณฯเชื่อคนบ้าใบ้อย่างนั้นหรือ เพิ่มแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจ ขอยืนยันเป็นพยานว่า ใบ้รับไทรงามมาเลี้ยงจริง เพราะตนอยู่ในเหตุการณ์ ด้วย หวินทนไม่ได้ขอเป็นพยานด้วยอีกคนว่า สร้อยเส้นนี้ติดมากับผ้าที่ห่อตัวไทรงาม ตนเป็นคนอาบน้ำให้ไทรงาม และเอาสร้อยเส้นนี้ให้ใบ้เอาไปฝากไว้ที่ยายอ่อน

"สร้อยรูปอักษร Y ไขว้กันสองตัว เป็นตัวย่อนามสกุล "ยงยศศฤงคาร" ฉันสั่งทำไว้ 3 เส้นที่ฝรั่งเศสเมื่อยี่สิบห้าปี ที่แล้ว เพื่อใช้เป็นสร้อยประจำตระกูล ฉันเก็บไว้เอง 1 เส้น อยู่ที่ฉัตรพงษ์ 1 เส้น และอีกเส้นที่เหลือเป็นของหลานดาว"

เจ้าคุณฯเล่าความเป็นมาของสร้อย ทั้งสามเส้นแล้วเอาออกมาเทียบให้ดู ทุกเส้นเหมือนกันเปี๊ยบจนทุกคนอึ้งเงียบกริบ เจ้าคุณฯจึงสรุปว่า

"ฉัน มั่นใจมากว่าหมองามต้องเป็นหลานของฉันอีกคน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะมีสร้อยเส้นนี้อีก นอกจากทายาทของยงยศศฤงคารเท่านั้น" คุณหญิงฟังแล้วถามว่า หมายความว่าไทรงามเป็นลูกของฉัตรพงษ์กับบานเย็นอย่างนั้นหรือ เจ้าคุณฯอธิบายว่า "ไม่ใช่ครับคุณหญิง แม่ของหมองามถูกโจรฆ่าตายไปพร้อมกับฉัตรพงษ์"

ไทรงามตะลึงพรึงเพริด กับเรื่องราวที่ซับซ้อนนี้ ยืนกรานว่าตนเป็นลูกของบานเย็น จนเจ้าคุณฯต้องขอให้บานเย็นพูดความจริงเพื่อเห็นแก่แม่ไทรงาม บานเย็นใจหายวาบ ทุกสายตามองมาอย่างลุ้นให้พูด ไทรงามไม่อาจทนได้ขอร้องว่า

"ไม่ จริงใช่ไหมคะแม่เย็น บอกทุกคนสิคะว่าแม่เย็นเป็นแม่ของงาม"

"ไม่ใช่ ลูก..." บานเย็นเสียงเครือน้ำตาคลอ "ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านเจ้าคุณฯท่านว่าจริงๆ ลุงใบ้อุ้มหนูมาให้แม่เลี้ยง แม่ไม่ได้เป็นแม่ที่แท้จริงของหนูหรอก"

ไทรงาม หัวใจแทบหยุดเต้น คนอื่นพากันอึ้งกับความจริงที่เปิดเผย ส่วนอุษาทนไม่ได้วี้ดขึ้นมาถามว่า หมายความว่า ยังไง เจ้าคุณฯชี้แจงอย่างเยือกเย็นว่า หมายความว่าไทรงามเป็นหลานแท้ๆของท่าน จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องแต่งงานกับใครเพียงเพราะเงื่อนไขโง่ๆนั้น

อ๊อด สติแตกทันที ชี้หน้าด่ากราดทุกคนจนบรรยากาศตึงเครียด และแล้ววินาทีนั้นทุกคนก็ชะงักเงียบกริบ เมื่อมีเสียงตะโกนหน้าบ้านมาว่า

"มี ใครอยู่บ้าง!!!"

อ๊อดหูอื้อตาลาย หลังจากชี้หน้าด่ากราดทุกคนแล้วก็หุนหันผละไป อุษาร้องเรียกแล้วรีบตามลูกชายไป ส่วนทุกคนบนเรือนพากันมองไปที่หน้าบ้าน ต้นเสียงสามหาวที่ตะโกนขึ้นมาเมื่อครู่

พริบตาเดียว เสี่ยโอก็ก้าวขึ้นมาอย่างนักเลงโต อัมเดินตามหลังร้องไห้กระซิก...กระซิก...สวนกับอ๊อดและอุษา แต่อุษาไม่มีแก่ใจจะหยุดคุยด้วย เพราะรีบวิ่งตามอ๊อดไป อู๊ดตัดสินใจวิ่งตามอ๊อดไปบ้างสวนกับเสี่ยโอ ถูกเสี่ยคว้าแขนกระชากไว้แทบหงายหลังบอกว่า เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

อู๊ ดงงๆ ว่าคุยเรื่องอะไร ตัดบทว่าตนมีธุระเอาไว้คุยกันวันหลังก็แล้วกัน แล้วอู๊ดก็ต้องชะงักเมื่อเสี่ยตะโกนบอกว่า "ลูกสาวอั๊วท้อง จะไม่รับผิดชอบกันรึไง!!!"

คราวนี้อู๊ดต้องหยุดฟังถามว่า ให้ตนรับผิดชอบอะไร เรื่องอะไร ทำให้เสี่ยโอฉุนขาดด่าว่า "พูดหมาๆแบบนี้ใช้ได้ ยังไง" แล้วเอาปืนออกจากเอวมายิงขึ้นฟ้า "เปรี้ยง!!" คุณหญิงก้าวพรวดออกมาตวาดถามว่าทำไมต้องเอาปืนมายิงในบ้านตนมันเรื่องอะไร กัน

ทุกคนชะงักกึก เดินเข้าไปหาคุณหญิง เผชิญหน้าคุยกันอยู่ตรงนั้น เสี่ยฟ้องว่าลูกสาวตนท้องได้สองเดือนแล้ว หลานของคุณหญิงจะต้องรับผิดชอบ คุณหญิงหันไปถามอู๊ดที่ยืนงงอยู่ ชายหนุ่มปฏิเสธหนักแน่นมั่นใจว่าตนไม่ได้เป็นพ่อของเด็ก

เสี่ยโอยก ปืนจ่อใส่อู๊ดทันที เพิ่มก้าวเข้าบังอู๊ดไว้

ชักปืนออกมาอย่างเยือก เย็นพูดเรียบๆว่า

"วางปืนแล้วตกลงกันดีๆ ดีกว่าเสี่ย ปืนเสี่ยยิงคนตาย ปืนผมก็ยิงคนตายเหมือนกัน"

เสี่ยโอจึงยอมลดปืนลง แต่คาดคั้นกับคุณหญิงว่าต้องจัดการให้หลานชายแต่งงานกับลูกสาวตนภายใน อาทิตย์นี้ คุณหญิงตอบอย่างไม่พรั่นพรึงว่าจะจัดแต่งให้แน่ไม่ต้องห่วง แต่เสี่ยต้องหาลักฐานมายืนยันให้ได้ก่อนว่าอู๊ดเป็นพ่อของเด็กในท้องจริง

เสี่ย ตาลุกโกรธขึ้นมาอีก ถามว่าหมายความว่าอย่างไร คุณหญิงตอบสั้นๆว่า เสี่ยเชื่อคำพูดของลูกสาว ตนก็เชื่อคำพูด ของหลานชาย รับรองว่าจะจัดพิธีแต่งงานทันทีที่แน่ชัดว่าลูกในท้องอัมนั้นเป็นหลานตนจริง

เสี่ย โวยวายว่าจะให้รออีกตั้ง 7 เดือนเชียวหรือ คุณหญิงย้อนถามว่า แล้วเสี่ยมีวิธีอื่นที่เร็วกว่านี้ไหมล่ะ ทำเอาเสี่ยใบ้กินสนิท หันหลังพาลูกสาวกลับไปด้วยความแค้นพูดอาฆาตว่าจะต้องเอาคืนให้ได้

ooooooo

เมื่อ เคลียร์ทุกอย่างเป็นที่กระจ่างชัดแล้ว เจ้าคุณฯบอกไทรงามว่าจะรับไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน ไทรงามลังเล บานเย็นลุ้นให้ไปเพราะถึงเวลาที่ลูกจะได้อยู่ในที่ที่เหมาะที่ควรแล้ว

ไทรงาม ก้มกราบแทบเท้าเจ้าคุณฯอ้อนวอนขออยู่ดูแลบานเย็นก่อน สัญญาว่าจะหาเวลาแวะไปเยี่ยมเยียนเจ้าคุณปู่ ทุกวัน เจ้าคุณฯมองหลานสาวอย่างปลื้มปีติ ชมเชยและอนุญาตว่า

"เอาเถอะหลาน ปู่เข้าใจ การตอบแทนพระคุณคนที่เลี้ยงเรามาเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดที่มนุษย์พึงกระทำ" แล้วหันไปพูดกับบานเย็นและใบ้ว่า "ฉันเองก็ต้องขอขอบใจเธอทั้งคู่ นายใบ้ช่วยชุบชีวิตหลานฉัน ส่วนบานเย็นก็เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูหลานฉันเป็นอย่างดี ขอบใจมากนะ"

เจ้า คุณฯบอกกับไทรงามว่า สบายใจอยากไปอยู่กับปู่ เมื่อไรก็ค่อยไป บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้ จะเดินไปมาหาสู่กันสักวันละกี่หนก็ได้ พูดพลางลูบหัวหลานสาวอย่างแสนรัก

ooooooo

พอกลับถึงร้าน เสี่ยโออาละวาดฟาดงวงฟาดงาด่าคุณหญิงว่านี่เป็นการหยามเกียรติกันชัดๆ ให้เอาตีนมายันหน้าตนยังดีกว่าเอาลูกสาวตนมาประจานอย่างนี้ ทนต์ฟังอยู่ถามว่า หมายความว่าเสี่ยไม่รอใช่ไหม เสี่ยตะคอกถามว่าจะให้รออีก 7 เดือน ให้ท้องอัมโตขึ้นมาจนชาวบ้านนินทาเอาหรือ

ทนต์รู้แกวเอียง เข้าไปกระซิบถามว่าแล้วเสี่ยจะเอายังไง เสี่ยกัดฟันบอกว่าแค้นนี้ต้องชำระ ก็พอดีมีเด็กในร้านเอาจดหมายแผ่นเล็กๆมาให้ ทนต์เปิดอ่านแล้วออกจากร้านไป

เป็น จดหมายนัดพบของอ๊อดที่ริมน้ำจุดนัดพบกันประจำของทั้งคู่ พออ๊อดเห็นทนต์มาถึงเท่านั้นก็พรวดเข้าไป ตะบันหน้าเต็มแรงจนทนต์ที่ไม่ทันตั้งตัวหน้าสะบัด พอหันมาก็ถามอย่างไม่พอใจว่ามันเรื่องอะไรกัน

"ก็เรื่องที่มึงทำ ชีวิตกูพังไง!!" อ๊อดตะคอกแล้วปราดเข้าไปจะชกซ้ำอีก

อุษาที่ตามอ๊อด มารีบเข้าไปห้าม อ๊อดถามอย่างไม่ พอใจว่าแม่กลัวทนต์ตายหรือ ไม่เห็นหรือว่ามันทำงานพลาดมากี่ครั้งแล้ว ถ้ามันฆ่าดำกับใบ้ตายเสียตั้งแต่แรกก็หมดเรื่องจะได้ไม่มาแว้งกัดตนแบบนี้

ทนต์ โดนชกก็โมโหอยู่แล้วมาโดนด่าอีกเลยถามประชดว่าไม่ได้เมียเลยมาเห่าใส่คนอื่น หรือ อ๊อดตวาดหาว่ามาด่ากัน ปราดเข้าไปจะถีบ คราวนี้ทนต์ไม่ยอม เตะสวนจนอ๊อดหน้าคว่ำแล้วตามไปล็อกคอไว้อีก

"ปล่อยตาอ๊อดนะ พี่ทนต์" อุษาวิ่งเข้าไปกระชากทนต์ สุดแรง  พอทนต์หันมองอุษา  อ๊อดก็ฉวยโอกาสถีบหน้าทนต์ เต็มฝ่าเท้าจนทนต์หงายหลังฟาดพื้น

สองชาย ต่อสู้กันอย่างเลือดขึ้นหน้า ทนต์ไม่ยั้งมือเพราะโกรธจัด ซัดไปถามไปว่ามึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร อ๊อดปัดป้องพลางก็เยาะเย้ยว่า

"ทำไม กูจะไม่รู้ มึงมันก็ไอ้แมงดาที่เกาะแม่กูกิน เป็นได้แค่เพียงชู้รักของแม่กู!!!"

อุษาตกใจกระชากอ๊อดมาตบตวาดให้ หยุด  อ๊อดแฉอุษา ว่าคิดว่าทำอะไรแล้วตนไม่รู้หรือ ที่แท้ก็แอบออกมานอนกกกับทนต์ที่กระท่อมนั่นทุกคืน

อ๊อดกับทนต์ต่าง เลือดขึ้นหน้าพุ่งเข้าต่อสู้กันเอาเป็น เอาตาย พออุษาร้องห้าม ก็ถูกอ๊อดตวาดถามว่าห่วงผัวใหม่กว่าลูกตัวเองอย่างนั้นหรือ อุษาตกใจมากเผลอตัวตะโกนบอกอ๊อดว่า

"เขาไม่ใช่ผัวเก่าแม่ เขาเป็นผัวคนแรกของแม่ต่างหาก ที่สำคัญเขาคือพ่อที่แท้จริงของแกด้วยตาอ๊อด"

ทั้ง ทนต์และอ๊อดที่ตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่กัน ต่างชะงักค้างหันมองอุษาตะลึงงัน!

ooooooo

เมื่อ บรรดาผู้ก่อเรื่องพากันหนีหายและกลับไปกันหมดแล้ว คุณหญิงปรารภกับอู๊ดว่าทำไมวันนี้บ้านเราถึงได้มีแต่เรื่องวุ่นวายอย่างนี้ อู๊ดรำพึงว่าไม่รู้ตนสร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้ถึงได้มีเรื่องไม่จบไม่สิ้น บอกย่าอย่างหนักแน่นว่า ตนไม่มีวันทำร้ายผู้หญิงแล้วปัดความรับผิดชอบแบบนั้นเด็ดขาด ขอให้ย่าเชื่อตนด้วย

"ย่าเชื่อ แต่เราก็ต้องใช้เวลาเพื่อพิสูจน์ความจริงและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเรา ด้วย"

อู๊ดบ่นเป็นห่วงอ๊อดไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง คุณหญิงเชื่อว่าต้องเสียใจเป็นธรรมดา ย่าเองก็เสียใจแทนอ๊อดเหมือนกัน แต่คิดอีกทีย่าก็โล่งอกเหมือนกัน ถามอู๊ดว่ารู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหม

"ผม...ผม ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดีครับคุณย่า จะให้โล่งอกหรือดีใจบนความทุกข์ความเสียใจของพี่อ๊อด ผมก็คงทำได้ไม่ถนัดนัก" อู๊ดได้แต่ถอนใจด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

แต่ คุณหญิงอ่านความรู้สึกของหลานชายออกว่าไม่ว่าอ๊อดจะทำเจ็บแสบสักแค่ไหนอู๊ ดก็ไม่เคยถือสาโกรธเคืองพี่ชายเลยแม้แต่น้อย เป็นอย่างนี้มา และก็คงจะเป็นอย่างนี้ต่อไป...

ooooooo

ดำรู้ว่าเด่นดาวต้องมีความรู้สึกสับสนหวาดหวั่นกับเรื่องที่เปิดเผยขึ้นนี้ เขาไปหาเธอที่ท่าน้ำบ้านเจ้าคุณฯ เห็นเธอนั่งเหม่อใจลอยอยู่ที่ท่าน้ำ ดำเข้าไปขอโทษ เด่นดาวหันมอง ดำจึงเห็นน้ำตาคลอเต็มตา เธอถามเสียงเครือว่า

"ขอโทษเรื่องอะไร ฉันสิที่ควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณที่นายทำให้ฉันได้น้องสาวที่น่ารักและแสนดี เพิ่มขึ้นมาอีกคน"

ดำมองหญิงสาวอย่างตัดพ้อที่ถูกพูดประชด จนเมื่อเธอขอร้องให้เขากลับไปเสีย ตนไม่มีอะไรจะพูดด้วยแล้ว ดำตัดสินใจยืนพูดต่อทั้งที่รู้สึกเจ็บปวด

"ผมนึกแล้วว่าคุณต้องไม่เข้าใจ แล้วก็คงจะโกรธเกลียดผมไปจนตาย ที่ผมตัดสินใจพูดความจริง ไม่ใช่ผมไม่เจ็บ ผมเจ็บที่ต้องสูญเสียคนที่ผมรัก ต้องเสียเพื่อนดีๆอย่างคุณ แต่ทั้งๆ ที่รู้ผมก็ยังตัดสินใจทำ เพราะอะไรรู้ไหมครับ..."

"ฉันไม่อยากฟังอะไรอีกต่อไปแล้ว ออกไปจากที่นี่เสียที..."

"เพราะผมรู้ว่าผมได้ทำเพื่อคนที่ผมรัก ผมอยากเห็นเขามีความสุข คุณเองก็รักคุณอู๊ดไม่ใช่หรือ คุณไม่อยากเห็นคุณอู๊ดมีความสุขกับคนที่เขารักหรือครับ" ดำจบลงด้วยเสียงเครืออย่างเจ็บปวด
เด่นดาวกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ความรู้สึกเธอไม่ต่างจากดำ เพียงแต่เธอยังต้องการเวลา...

ooooooo

เมื่อรู้ว่าไทรงามคือหลานสาวของท่านเจ้าคุณฯ และการตัดสินใจแต่งงานกับอ๊อดของเธอ ทำให้อู๊ดเจ็บปวดสาหัสยากแก่การทำใจได้ ดังนั้น เมื่อเจอกันวันนี้เขาจึงทักทายด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหินว่าวันนี้ไม่ไปทำงาน หรือ

ไทรงามบอกว่าจะไปช่วงบ่าย แต่ตอนนี้จะขึ้นไปดูแลกิติก่อน เมื่ออู๊ดขอตัว เธอเตือนว่าอย่าลืมแวะไปคลินิกให้ตนฉีดยาแก้อักเสบด้วย แผลที่แขนจะได้หายเร็วขึ้น ชายหนุ่มขอบคุณที่เป็นห่วง

"ดิฉันเป็นห่วงลูกคุณมากกว่าค่ะ ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"

"ในที่สุด หมอก็ทำให้ผมรู้ว่าหมอไม่เคยเชื่อใจผมเลย นี่...เราเคยรู้จักกันรึเปล่าครับ"

พูดเสร็จอู๊ดเดินจากไปอย่างชอกช้ำใจ แต่คนฟังที่อยู่ ตรงนั้นเจ็บปวดชอกช้ำกว่าหลายเท่านัก

ooooooo

บ่ายวันนี้ ทั้งคุณหญิงและท่านเจ้าคุณยงยศ พากันไปนมัสการท่านพระครูฯ ทั้งสองนั่งพนมมือฟังพระครูฯ อย่างตั้งใจ

"เรื่องของโยมเจ้าคุณฯก็นับว่าจบลงด้วยดีแล้ว อย่าได้ เศร้าโศกเรื่องโยมลูกชายที่จากไปเลย การที่รู้ว่าลูกไปดีแล้วย่อม ดีกว่าการไม่รู้ว่าเขาไปอยู่เสียที่ไหนนะโยม"

"ขอรับ"

"ส่วนดิฉันก็ยังมีเรื่องให้ต้องกังวล ให้ต้องคิดอยู่ร่ำไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ปัญหายุ่งยากมันจะหมดสิ้นเสียทีเจ้าคะ"

"ถ้าโยมละความรักโลภโกรธหลง ความเคียดแค้นชิงชัง โดยเฉพาะทิฐิที่ครอบงำจิตใจของโยมได้ ปัญหาก็จะหมดสิ้นไป"

"ท่านทราบ" คุณหญิงฉงน

"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โยมคุณหญิงต้องยอมรับความจริง ให้ได้ ละมิจฉาทิฐิแรงกล้าในใจแล้วปล่อยวาง จำคำอาตมาไว้ให้ดี"

คุณหญิงนิ่งอึ้ง คำของพระครูฯเหมือนจะเตือนสติหรือบอกเหตุอะไรล่วงหน้าฉะนั้น...

ooooooo

ในที่สุด ความลับก็ถูกเปิดเผย เมื่อคุณหญิงเข้าไป หากิติที่ห้องนอน กิติทำเป็นหลับเพราะคิดว่าเป็นคนอื่น แต่พอได้ยินเสียงคุณหญิงทัก เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างลิงโลดพยายามขยับตัว จนคุณหญิงทั้งดีใจทั้งตกใจที่เห็นลูกชายขยับตัวได้แล้ว

คุณหญิงเห็นกระดาษแลบออกมาจากที่กิตินอนทับอยู่ กิติส่งสายตาให้คุณหญิงหยิบอ่าน พอคุณหญิงหยิบขึ้นมาดู เป็นกระดาษที่กิติเขียนด้วยตัวโตเพราะบังคับมือไม่ได้ แต่ได้ความว่า "อุษามีชู้ กรอกยา อัมพาต"

คุณหญิงเดาเรื่องได้ทันทีมองหน้ากิติตะลึง และแล้วก็เห็นกระดาษอีกแผ่นแลบออกมาจากใต้หมอน คุณหญิงขยับหมอนออกจึงพบว่ามีกระดาษอยู่ใต้หมอนเป็นปึก เป็นความพยายามเขียนหนังสือของกิติ จากไม่เป็นตัวจนเป็นตัวและอ่านได้ใจความ บ่งบอกถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดของกิติที่จะบอกความจริงแก่แม่

ทันใดนั้นเอง อุษาถือถาดใส่ถ้วยยาสมุนไพรมาสองถ้วย ส่งเสียงบอกอารมณ์ดีว่า

"ยาสมุนไพรมาแล้วค่ะ ของคุณแม่อุ่นมาร้อนๆเลยนะคะ"

"โผล่มาก็ดีใจแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก" เสียงคุณหญิงจริงจัง ดุดัน จนอุษาชะงัก

คุณหญิงยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้อุษาดู เจ้าหล่อนทำหน้าตายไขสือถามว่านี่มันอะไรกัน ถูกคุณหญิงด่า

"นังผู้หญิงสารเลว สวมเขาให้ผัวแล้วยังฆ่าผัวให้ตายทั้งเป็นอีก ทำไมไม่ฆ่าให้ตายไปเสียเลยล่ะ ทำให้ลูกฉันทรมานอย่างนี้ทำไม นังคนใจยักษ์ใจมาร!!"

เมื่อถูกจับได้อย่างไม่มีทางเลี่ยงเช่นนี้ อุษาเผยโฉมเหี้ยมฮึดพร้อมจะเผชิญหน้า พูดเย้ยว่าถ้าฆ่าให้ตายตนก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ย้ำคำอย่างเลือดเย็นว่า

"สู้ทำให้ตายไปเองทีละนิดอย่างนี้ไม่ได้ ยังไงสมบัติก็ต้องตกเป็นของตาอ๊อดโดยปริยาย"

"แกฝันไปเถอะ ฉันจะไปเรียกตำรวจมาลากคอแก" คุณหญิงปากคอสั่นด้วยความโกรธ

"คุณแม่ฝันไปรึเปล่าคะ คุณแม่ไม่มีโอกาสไปเรียกตำรวจที่ไหนหรอกค่ะ เพราะอุษากำลังจะจับคุณแม่กรอกยาอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว!"

กิติตะลึงค้าง เห็นอุษาเบิกตาพองตรงเข้าขยุ้มคอคุณหญิงที่ช็อกตาเหลือกเพราะไม่ทันตั้งตัว

ooooooo

เมื่ออู๊ดไปฉีดยาตามที่ไทรงามกำชับเสร็จแล้วเขาถามนิ่งๆว่า

"ทีนี้หมอจะบอกผมได้รึยังครับว่าผมเป็นโรคอะไรกันแน่ เพราะขนาดโดนน้ำร้อนลวกแล้วยังไม่รู้สึก มันคงไม่ใช่ โรคธรรมดา"

ไทรงามนิ่งไปนิดหนึ่งพยายามเรียบเรียงคำพูดที่ไม่ โกหก แต่ก็ไม่บอกความจริงว่าเขาเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ต้องอาศัยเวลาในการกิน ยา ครั้นถูกคาดคั้นถามว่าโรคอะไร

เธอตอบเลี่ยงๆว่า

"โรคที่รักษาให้หายขาดได้ค่ะ"

"หมอปิดบังอะไรผมอยู่ ทำไมต้องมีความลับกับผม นับวันเรายิ่งเหมือนคนแปลกหน้าขึ้นไปทุกทีนะครับ" อู๊ดตามไปตัดพ้อต่อว่า พอดีบานเย็นเข้ามา อู๊ดจึงขอตัวไปทำงาน แต่พอไปถึงรถจึงรู้ว่าลืมยาทิ้งไว้ที่ห้องจึงย้อนกลับมาเอา เห็นห้องตรวจเปิดประตูแง้มอยู่ เขาจะเคาะประตูแต่ได้ยินเสียงคุยกันจึงหยุดฟัง

บานเย็นเข้าไปในห้องตรวจ เห็นถุงยาวางอยู่ หยิบขึ้นมาถามไทรงามว่าถุงยาใคร ไทรงามรับไปดูบอกว่าอู๊ดลืมไว้

บานเย็นดูยาแล้วถามไทรงามว่า

"ทำไมถึงเหมือน..."  พูดแล้วชะงักตกใจเสียงปร่า "คุณอู๊ดเธอเป็นอะไรลูก อย่าบอกแม่นะว่าเธอเป็น..."

ไทรงามถอนใจยาว ก่อนบอกบานเย็นด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยว่า

"คุณอู๊ด เธอเป็น...โรคเรื้อนค่ะแม่เย็น"

บานเย็นช็อกเสียใจที่ลูกติดเชื้อจากตน แต่ที่หน้าห้อง อู๊ดช็อกยิ่งกว่าเมื่อรู้ความจริง แต่หูยังแว่วเสียงคนคุยกันจากข้างในว่า

"จริงๆแล้ว อาการเพิ่งอยู่ในระยะเริ่มแรก แต่...เธอคงไม่ได้กินยาครบตามที่งามบอกไว้ อาการเลยลามมาที่ปลายประสาท ทำให้ชาจนไม่รู้สึกอะไร ขนาดโดนน้ำร้อนลวก เธอก็ยังไม่รู้สึก"

"โธ่...คุณอู๊ด ถ้าอย่างนั้น แม่จะรีบเอายานี่ไปให้เธอที่ทำงานเอง ขืนทิ้งไว้เธอคงไม่ได้กินยาอีกแน่ๆ"

บานเย็นถือถุงยารีบออกมาพร้อมกับไทรงาม แต่พอเปิดประตูทั้งสองก็ตะลึงค้าง เมื่อเห็นอู๊ดยืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว!

ชายหนุ่มจ้องหน้าไทรงาม พูดอย่างร้าวระทมใจว่า

"เพราะอย่างนี้นี่เอง หมอถึงได้รังเกียจผม" แล้วพูด กับบานเย็น "ขอบคุณมากครับคุณน้า ที่ทำให้ผมหูตาสว่างเสียที" พูดแล้วอู๊ดเดินออกไปทันที

บานเย็นยืนมองค้างอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ไทรงามได้แต่อึ้ง...อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก...

ooooooo

ไทรโศก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด