ตอนที่ 15
ชนนีทนความเจ็บช้ำใจไม่ไหว เดินยังไม่ทันถึงห้องครัวเป็นลมล้มพับไป ไม่นานนักเธอถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน โดยมีชนก เจตน์ ชวนชื่นและนพนั่งรออยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวายใจ เจตน์โพล่งขึ้นอย่างเหลืออดว่าเป็นเพราะเขาไม่ดีเอง ถ้าไม่ให้ปากกาชนนีไปเซ็นหนังสือหย่าเธอคงไม่เป็นอย่างนี้
“แกจะบ้าหรือไอ้เจตน์ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับแก” ชนกเอ็ด นพซักเสียงเครียดนี่หริพันธ์ส่งหนังสือหย่ามา แล้วหรือ ชนกพยักหน้ารับคำ เขาเป็นคนเอามาให้น้องเอง จังหวะนั้นหมอเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา แจ้งกับญาติว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ผู้หญิงตั้งครรภ์มักจะมีอาการ แบบนี้เสมอ
“แต่สำหรับคุณชนนีดูเหมือนร่างกายเธอค่อนข้างอ่อนแอ หมออยากแนะนำให้นอนพักที่นี่สักคืน ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอะไรก็คงกลับบ้านได้” รายงานเสร็จ หมอขอตัวไปดูแลคนไข้ก่อน
ทุกคนรีบเข้าไปเยี่ยมชนนีในห้อง เธอนอนร้องไห้กังวลใจไปหมดที่ลูกจะต้องเกิดมาไม่มีพ่อ ชนกเข้ามาจับมือน้องสาวไว้ อาสาจะเป็นพ่อทูนหัวให้แกเอง
“แต่จริงๆแล้วมันก็น่าโมโหเหมือนกันนะ เธอเล่นแซงหน้าลัดคิวมีหลานให้พ่อกับแม่ก่อนแบบนี้ คุณตาคุณยายก็ต้องเห่อลูกเธอมากกว่าลูกพี่แน่นอน จะทำยังไงก็คงไล่ไม่ทันแล้ว เซ็งจริงๆ” คำพูดติดตลกของชนกทำให้ชนนีหัวเราะออกมาได้ นพเข้าไปลูบผมลูกสาวบอกให้ทำใจให้สบาย อย่าคิดอะไรมาก ตา ยายกับลุงจะช่วยกันเลี้ยงเจ้าตัวเล็กให้ดีที่สุด ส่วนเจตน์มองชนนีอย่างสงสารจับใจ...
ทางด้านอบสวาทยังบ้าไม่เลิก จับร่างไร้วิญญาณของหม่อมชุลีแต่งตัวด้วยชุดโปรดแถมแต่งหน้าทำผมให้อีกด้วยเผื่อจะได้ลงนรกอย่างสง่างามสมใจ
“ถือว่าฉันทำให้แกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกัน ตอบแทนบุญคุณที่แกอุตส่าห์ยกวังอโยธยาให้ฉัน คุณชายกับฉันจะได้ครองรัก ครองสมบัติแกทั้งหมดอยู่ที่วังอโยธยา” อบสวาทพูดไปหัวเราะไป มีความสุข...
อีกมุมหนึ่งหน้าประตูรั้ว หริพันธ์เห็นล้วนกับสากำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่ ร้องเรียกให้เปิดประตูให้ พรุ่งนี้เขาจะเดินทางไปเมืองนอกแล้ว อยากจะมากราบลาหม่อมแม่สักหน่อย ล้วนเปิดประตูให้ไม่ได้เพราะหม่อมชุลีสั่งไว้ ห้ามใครให้เขาเข้ามาเหยียบที่วังนี้อีก แล้วยกมือไหว้ขอโทษ
“ไม่เป็นไรฉันเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นฉันฝากสาช่วยเรียนหม่อมแม่ด้วยว่าฉันมากราบลาท่าน” พูดจบเขาคุกเข่าพนมมือมองไปทางห้องหม่อมชุลี “ถึงหม่อมแม่จะเกลียดชายแค่ไหน แต่ชายไม่เคยเกลียดหม่อมแม่เลย พระคุณที่หม่อมแม่เลี้ยงดูชายมาอย่างดี ชายจะขอจดจำไว้ชั่วชีวิต” หริพันธ์ก้มลงกราบ แล้วผละจากไป
ooooooo
อบสวาทสนุกสนานกับการรื้อค้นข้าวของของหม่อมชุลีออกมาดู รวมทั้งเครื่องประดับที่อยู่ในกล่องหลายใบ เธอเอาเครื่องประดับมาสวมแล้วส่องกระจกชื่นชมตัวเองไม่หยุดปาก ครั้นเปิดกล่องสุดท้ายออกดูก็เจอเครื่องประดับนพเก้าที่มีทั้งแหวน สร้อยคอและต่างหูครบชุด เธอลูบคลำอย่างตื่นเต้น
“เครื่องประดับนพเก้าชุดนี้ถ้าฉันจำไม่ผิด มันเป็นของประจำตระกูลรามพงษ์ที่ท่านชายเตรียมไว้ให้ลูกสะใภ้ แต่แกก็ไม่ยอมให้นังชนนีเพราะแกบอกฉันว่ามันไม่คู่ควร” อบสวาทสวมเครื่องประดับชุดนี้เสร็จเดินมาอวดหน้าศพหม่อมชุลี “เป็นอย่างไรคะหม่อมแม่ มันเหมาะกับฉันมากใช่หรือเปล่า เพราะฉันคือสะใภ้ตัวจริงของรามพงษ์ไงล่ะ” ว่าแล้วอบสวาทหัวเราะชอบใจ
มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น อบสวาทกระซิบกับศพหม่อมชุลี ไม่ต้องดีใจไป ไม่มีใครมาช่วยแกได้หรอก แล้วรีบถอดเครื่องประดับออก ก่อนจะเดินออกไปแล้วปิดประตูตามหลัง เห็นสายืนรออยู่ก็ชักสีหน้าไม่พอใจ จะขึ้นมาทำไม เคยสั่งแล้วไม่ใช่หรือว่าคุณอาไม่สบาย ไม่อยาก ให้ใครรบกวน
“อิฉันรู้ค่ะ แต่คุณชายหริพันธ์มา คุณชายอยากมากราบลาหม่อมท่านก่อนไปเมืองนอกค่ะ”
“ตอนนี้คุณชายอยู่ที่ไหน”
สารายงานว่ากลับไปแล้วเพราะล้วนไม่กล้าให้เข้า แต่หริพันธ์ฝากให้เธอมาเรียนหม่อมชุลีด้วยว่าเขามากราบลา อบสวาทถอนใจโล่งอก รับปากท่านตื่นเมื่อไหร่จะบอกให้เองแล้วกำชับสาทีหน้าทีหลังไม่ต้องขึ้นมาอีกถ้าตนไม่ได้เรียก มีอะไรค่อยบอกตอนที่ตนลงไปข้างล่าง แล้วไล่เธอไปได้แล้ว อบสวาทรอจนสาลับสายตา
“คุณชายของพี่อดทนรออีกหน่อยนะคะ คุณชายจะได้กลับเข้าวังอย่างภาคภูมิแน่ๆ”...
คนที่อบสวาทบ่นถึง ขับรถมาจอดข้างๆรั้วบ้านกรกตพงษ์ นึกถึงตอนที่มาส่งชนนีบริเวณนี้แล้วเธอปีนรั้วบ้านเข้าไปเองอย่างคล่องแคล่ว เขาอดยิ้มมีความสุขไม่ได้
“เธอคงไม่รู้หรอกว่านั่นคือความประทับใจครั้งแรกที่พี่มีกับเธอ...ลาก่อนชนนี” หริพันธ์มองไปที่ห้องของชนนีอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจขับรถจากไป
ooooooo
วรรศิกามองชนนีที่นอนหลับไปทั้งน้ำตาด้วยความสงสาร ชนกซึ่งยืนอยู่ข้างๆอดบ่นไม่ได้ ทำไมหริพันธ์ถึงต้องอยู่ใต้อิทธิพลของหม่อมชุลีขนาดนี้ด้วยทั้งๆที่รู้ว่าผิดก็ยังทำตาม แล้วหันไปเห็นท่าทีอึกอักของคู่สนทนา ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เธอรับปากกับหริพันธ์ไว้ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับชนนี
“แต่ฉันไม่อยากให้คุณชนนีเข้าใจพี่ชายผิดๆ”
ชนกมองหญิงคนรักสงสัยว่าพูดเรื่องอะไร วรรศิกาตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง...
ด้านอบสวาทบ้าเข้าขั้น แต่งตัวสวยเข้ามาบอกกับร่างไร้วิญญาณของหม่อมชุลีให้รอสักครู่ ตนกำลังจะไปหาหริพันธ์เพื่อบอกว่าหม่อมชุลีเสียใจที่เขาจะไปเมืองนอกจนล้มป่วย พอเขามาเห็นศพแก ตนก็จะแกล้งบีบน้ำตาร้องไห้เสียใจ หริพันธ์ต้องคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้หม่อมแม่เสียใจจนตาย
“ทีนี้คุณชายก็จะรู้สึกผิด ฉันก็จะโกหกอีกว่าแกสั่งเสียให้คุณชายอยู่ดูแลวังนี้กับฉัน คุณชายที่แสนดีก็จะไม่มีทางปฏิเสธคำขอร้องครั้งสุดท้ายของหม่อมแม่ได้...ขอบใจแกจริงๆนะที่ยอมตายเพื่อทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้น” อบสวาทหัวเราะสะใจ...
ที่ห้องพักผู้ป่วย ชนกฟังเรื่องราวของหริพันธ์จากวรรศิกาแล้วไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงหากไม่ได้ฟังจากปากเธอ ถ้าเป็นอย่างที่เธอเล่าก็เท่ากับหริพันธ์ขอหย่ากับชนนีเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร
“พี่ชายบอกฉันว่าอยากให้คุณชนนีได้พบผู้ชายที่ดีกว่าเขา” วรรศิกาพูดไม่ทันขาดคำมีเสียงชนนีดังขึ้น
“แต่ฉันไม่ต้องการใครนอกจากพี่ชายค่ะ”
วรรศิกากับชนกหันมองตามเสียงเห็นชนนีนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยน้ำตานองหน้า จะขอเจอหริพันธ์ให้ได้ แล้วขยับจะลงจากเตียง ชนกรู้ดีห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ก็เลยอาสาจะขับรถพาเธอไปหาหริพันธ์เอง
ระหว่างนั่งอยู่ในรถ ชนนีเร่งให้ชนกขับรถเร็วขึ้นอีกกลัวจะไปไม่ทันหริพันธ์ เขากับวรรศิกาต้องปลอบให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวหลานของพวกตนตกใจหมด ชนนียิ้มออกมาได้ ลูบท้องตัวเองเบาๆ
“ไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ อีกประเดี๋ยวเดียวลูกก็จะได้เจอพ่อแล้ว”...
เมื่อมาถึงห้องพักในโรงแรม เห็นแต่แม่บ้านอยู่ในห้อง ชนกร้องถามว่าคนที่พักห้องนี้ไปไหน ได้ความว่าออกไปแล้ว ตนกำลังจะทำความสะอาดห้องเตรียมไว้ให้ผู้เข้าพักรายอื่น ชนนีเสียใจเป็นลมล้มพับ วรรศิกากับชนกต้องประคองไว้ แม่บ้านใจดีบอกให้พาเธอเข้าไปพักในห้องก่อน แล้วไปหายาดมมาให้
ดมยาดมได้สักพักชนนีฟื้นคืนสติ ชนกรีบประคองน้องให้ลุกขึ้นนั่ง เธอน้ำตาคลอเบ้าเสียใจที่มาไม่ทัน เขาดึงน้องมากอดไว้อย่างปลอบใจ ทันใดนั้นมีเสียงวรรศิการ้องเอะอะขึ้น
“พี่ชาย...พี่ชายยังไม่ได้เดินทางหรือคะ”
“พี่ลืมตั๋วเครื่องบินจ้ะ เลยย้อนกลับมาเอา” หริพันธ์มองชนนีกับชนกอย่างงงๆ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วชนนีร้องไห้ทำไม”
“ถ้าคุณชายอยากรู้ก็คงต้องคุยกับชนนีเอง พวกเราออกไปข้างนอกกันดีกว่าครับ” ชนกพาวรรศิกากับแม่บ้านออกไปนอกห้อง หริพันธ์เข้ามาหาชนนีที่นั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ...
ชนกไม่ได้แค่พาวรรศิกามารอนอกห้อง แต่พาขึ้นรถกลับบ้าน เขาเห็นเธอมีสีหน้าเป็นกังวลปลอบว่าไม่ต้องเป็นห่วง รับรองสองคนนั่นต้องปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนี้เราสองคนมีหน้าที่จะต้องไปบอกพ่อกับแม่ของเขาก่อนที่ท่านจะตกใจว่าชนนีหายไปไหน
ooooooo
แม้ชนนีจะบอกว่าไม่สนใจชาติกำเนิดของหริพันธ์ แต่เขายืนยันจะไม่ยอมดึงคนที่เขารักลงมาต้อยต่ำกับเขาด้วย และขอบใจเธอมากที่ไม่รังเกียจเขา ตอนนี้เราไม่ใช่สามีภรรยากันอีกต่อไปแล้ว เธอควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าเขา แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบตั๋วเครื่องบินออกมา
“พี่ชายจะทิ้งน้องและลูกของเราไปจริงๆหรือคะ” ว่าแล้วชนนีลูบท้องตัวเองอย่างน้อยใจ “ลูกจ๋า พ่อจะทิ้งแม่และลูกไปแล้ว แม่จนปัญญาที่จะรั้งพ่อของลูกไว้อีกต่อไป แม่ขอโทษจ้ะ”
หริพันธ์ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ เข้ามาลูบท้องชนนีทักทายลูก เธองอนปัดมือเขาออกไล่ให้ไปสนามบิน เดี๋ยวจะขึ้นเครื่องไม่ทัน เขาไม่ไปไหนทั้งนั้นต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ตาม หริพันธ์ง้อจนเธอยอมคืนดีด้วย เขายังให้สัญญาอีกว่าจะดูแลเธอและลูกไปตลอดชีวิต จะไม่ยอมไปไหนหากไม่มีทั้งคู่ไปด้วย แล้วดึงเธอมากอดแนบอก ทั้งคู่ไม่รู้ว่าอบสวาทยืนฟังอยู่หน้าห้อง ความริษยาแล่นขึ้นมาจับหัวใจ...
เจียนเห็นอบสวาทรีบร้อนออกจากวังแต่เช้าโดยลืมยกสำรับอาหารขึ้นไปให้หม่อมชุลี จึงสั่งสาทำหน้าที่แทน เพราะนี่สายมากแล้วท่านหิวขึ้นมาจะโดนเล่นงานเอาได้ สาทักท้วงอบสวาทสั่งห้ามไม่ให้ขึ้นมาที่ห้องของท่าน วันก่อนเธอไปบอกเรื่องหริพันธ์มา ยังโดนเล่นงานแทบแย่ เจียนยืนยันให้เธอทำตามที่สั่ง ครั้นสาถือถาดใส่สำรับอาหารมาถึงหน้าห้องท่านกลับพบว่าห้องใส่กุญแจ เธอเคาะประตูเรียกก็เงียบ
“เมื่อเช้าคุณอบก็ออกไปคนเดียว หม่อมท่านไม่ได้ไปด้วยสักหน่อย แล้วหม่อมท่านหายไปไหน หรือว่าท่านจะย้ายไปนอนห้องอื่น...เอ๊ะ แล้วนี่มันเหม็นอะไร เดี๋ยวหม่อมท่านได้ด่าตายแน่” ว่าแล้วสานำเรื่องแปลกประหลาดนี้ไปเล่าให้เจียนซึ่งอยู่ในครัวฟัง เธอสงสัยไม่แพ้สาเช่นกันว่าหม่อมชุลีหายไปไหน แล้วนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีกุญแจสำรองของทุกห้องในวังนี้ ชวนสาขึ้นไปที่ห้องหม่อมชุลีอีกครั้งจะไขเข้าดูเพื่อความแน่ใจ
ด้วยความที่มีห้องมากมาย ทำให้เจียนจำไม่ได้ว่ากุญแจดอกไหนใช้ไขห้องของหม่อมชุลี ขณะที่กำลังง่วนกับการหาลูกกุญแจ อบสวาทกลับมาพอดีโวยวายลั่น
“ใครใช้ให้พวกแกมาเปิดห้องคุณอา”
“คุณอบลืมเอาอาหารมาให้หม่อมท่าน อิฉันเลยให้นังสาเอาขึ้นมา แต่เห็นห้องล็อกกุญแจเรียกท่านก็ไม่ตอบ พวกเราก็เลยเอ่อ...” เจียนพูดยังไม่ทันจบประโยค อบสวาทด่าสวนว่าพวกเธอก็เลยสาระแนมาไขห้องดู คิดจะขโมยของมีค่าของท่านใช่ไหม สาปฏิเสธว่าเปล่า พวกตนแค่สงสัยว่าท่านหายไปไหน
“เอาล่ะฉันจะบอกพวกแกให้ก็ได้ว่าคุณอาไม่ได้อยู่ที่วังแล้ว”
สาไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ ตอนเย็นเมื่อวานเธอเตรียมสำรับอาหารให้อบสวาทยกมาให้หม่อมชุลีอยู่เลย อบสวาทโกหกหน้าตายว่าท่านเพิ่งไปเมื่อคืนตอนที่พวกสาหลับ ตนเป็นคนไปตามรถรับจ้างมาให้ท่านเอง เจียนสงสัยท่านไปไหน
“ไปพักบ้านพักที่หัวหิน คุณอาเครียดมากเรื่องคุณชายเลยอยากไปพักเงียบๆ และสั่งไม่ให้ฉันบอกใคร ทีนี้พวกแกเข้าใจหรือยัง...คราวนี้ฉันจะยกโทษให้ที่พวกแกขัดคำสั่ง แต่คราวหน้าถ้ามีใครขึ้นมาวุ่นวายแบบนี้อีก ฉันจะไล่ออกแน่...อ้อ เอากุญแจทั้งหมดมาให้ฉัน”
อบสวาทรับพวงกุญแจจากเจียนแล้วไล่ทั้งคู่ลงไปได้ เธอเห็นเจียนกับสาไม่สงสัยอะไรอีกถึงกับถอนใจโล่งอก รีบไขกุญแจเข้าห้องหม่อมชุลี พลางต่อว่าท่านที่ชักนำชนนีมาแต่งงานกับหริพันธ์ ตนอุตส่าห์เขี่ยมันออกจากชีวิตเขาแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็กลับไปคืนดีกับมัน แต่อย่าคิดว่าตนจะยอมแพ้ ถึงนังนั่นจะท้องกับเขา แต่ตนจะเป็นคนทำให้ลูกของมันไม่ได้เกิด เหมือนกับที่หม่อมชุลีเคยทำกับลูกของตน
“ฮึ...หม่อมชุลีผู้สูงส่ง สุดท้ายก็เหม็นเน่าเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละ” อบสวาทมองศพหม่อมชุลีอย่างขยะแขยง ครุ่นคิดหนักจะทำอย่างไรกับกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้
ooooooo
หลังจากปรับความเข้าใจกับชนนีเรียบร้อย หริพันธ์มาที่บ้านกรกตพงษ์เพื่อขอโทษนพและชวนชื่นสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ขอให้ท่านทั้งสองอภัยให้และสัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก นพให้อภัยทุกอย่าง ฝากเขาดูแลลูกและหลานของตนด้วย หริพันธ์ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขออนุญาตจากท่านทั้งสอง
“ผมจะขอพาชนนีไปอยู่ที่เมืองนอกด้วยกันครับ”
นพเห็นชวนชื่นจะทักท้วงชิงอนุญาตเสียก่อน โดยให้เหตุผลว่าลูกแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ถึงเธอจะห่วงลูกแค่ไหน แต่ตนเชื่อว่าหริพันธ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี
“แต่อย่างไรเสียก็ต้องไปหลังจากงานแต่งงานของผมกับคุณหญิงนะครับคุณชาย”
หริพันธ์รับปากชนกจะอยู่ร่วมงานนี้แน่นอน...
ขณะที่ครอบครัวกรกตพงษ์มีแต่ข่าวน่ายินดี
ยอดธิดาซึ่งกำลังนั่งปอกมะม่วงอยู่ที่โต๊ะสนามหน้าบ้านต้องเก็บอาการคับแค้นใจไว้ข้างในเมื่อเสี่ยย้งถือหนังสือพิมพ์เข้ามาถามว่าเห็นข่าวชนกจะแต่งงานหรือยัง เธอแสร้งปอกมะม่วงต่อไปไม่สนใจ เขาอดถามไม่ได้ว่าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ เธอจะรู้สึกอะไรได้นอกจากยินดีกับเขา
“เห็นอายอดตัดใจได้ก็ดี แหม แต่ป๋าอดเสียดายไม่ได้ จะได้ดองกับพวกคนรวยๆอยู่แล้วเชียว เฮ้อ ไม่น่าเลย” บ่นเสร็จเสี่ยย้งเดินเข้าตัวบ้าน ยอดธิดาเอามีดในมือปักลงบนลูกมะม่วงอีกลูกในจานสีหน้าเคียดแค้น
ooooooo
ในที่สุดก็ถึงวันแต่งงานของชนกกับวรรศิกา พิธีหมั้นตอนเช้าจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ณ ห้องโถงของวัง ท่านหญิงนวล พิธีนี้จัดเป็นการภายใน มีแต่แขกผู้ใหญ่กับญาติสนิทเท่านั้นที่มาร่วมงาน ส่วนงานมงคลสมรสจะจัดให้มีขึ้นที่โรงแรมตอนเย็น
เสร็จจากพิธีหมั้น วรรศิกาเดินมาส่งชนกที่รถเพื่อให้กลับไปพักผ่อน และเตรียมตัวสำหรับงานตอนเย็น ดูเหมือนเจ้าบ่าวไม่ค่อยอยากกลับ เนื่องจากไม่อยากอยู่ห่างเจ้าสาว
“ทำไมต้องหมั้นเช้าแต่งเย็นด้วยนะ ก็แต่งให้เสร็จๆ ไปเลยตอนเช้านี้ก็ได้”
“รีบกลับไปพักเถอะค่ะ คนอื่นๆเขากลับกันหมดแล้ว”
ชนกไม่ยอมขึ้นรถ เอียงแก้มขอจูบเป็นกำลังใจจากวรรศิกาซึ่งเขินจัดไม่ยอมทำตามดันตัวเขาขึ้นรถ ชนกไม่ยอมไปจนกว่าจะได้จูบจากเธอก่อน เธอจำต้องข่มความอายหอมแก้มเขาเบาๆ ชนกทำท่าสดชื่นทันที ขึ้นรถขับออกไปอย่างมีความสุข ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็นชด ทวน และชื่นซุ่มดูอยู่ในรถซึ่งจอดหน้าประตูรั้วมองรถของชนกที่แล่นออกไปเขม็ง ชดถามทวนจะลงมือเลยหรือเปล่า
“รออีกสักประเดี๋ยวไม่อย่างนั้นมันจะไม่สมจริง แกสองคนเข้าไปทำตัวให้เหมือนเป็นผัวเมียกัน ฉันจะรออยู่ตรงถนนใหญ่” ทวนสั่งเสียงเข้ม...
ในเวลาต่อมา ขณะวรรศิกากำลังคุยกับท่านหญิงนวลอยู่ในห้องโถงของวัง คนรับใช้พาชดกับชื่นที่ท่าทางร้อนรนเข้ามาพบ อ้างว่าเป็นผัวเมียกันขับรถผ่านมาเจอชนกประสบอุบัติเหตุตรงสี่แยกข้างหน้านี้เอง
“เราจะพาไปส่งโรงพยาบาลแต่คุณชนกเรียกหาแต่คุณหญิง ขอร้องให้พวกเรามาตามคุณหญิงที่วังนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ยอมไปโรงพยาบาลค่ะ” ชื่นโกหกเป็นฉากๆ
วรรศิกาเชื่อสนิทใจ หันไปบอกท่านหญิงนวลว่าจะไปโรงพยาบาลกับชนกก่อน ท่านจะไปกับเธอด้วย แต่ชดเร่งให้เร็วๆหน่อย ขืนชักช้าชนกเสียเลือดมากอาจช็อกได้ วรรศิการ้อนใจขอล่วงหน้าไปกับสองผัวเมียก่อน
“ก็ได้ ประเดี๋ยวฉันจะรีบตามไป โธ่เอ๋ย ทำไมเคราะห์ร้ายอย่างนี้นะตานก” ท่านหญิงนวลมองตามวรรศิกาที่ออกไปกับชดและชื่น ก่อนจะหันไปสั่งคนรับใช้ไปบอกคนขับรถให้เตรียมรถออก ท่านยังพูดไม่ทันขาดคำ เกิดวิงเวียนหน้ามืดจะเป็นลม เด็กรับใช้ต้องรีบประคองไว้...
ครั้นรถของชดขับมาถึงสี่แยกที่ว่า วรรศิกาไม่เห็นรถของชนกก็แปลกใจ ขยับจะเปิดประตูลงไปดู ทวนซึ่งรอท่าอยู่เปิดประตูรถขึ้นมานั่งประกบเสียก่อน แถมชักมีดขู่ห้ามส่งเสียงเอะอะถ้าไม่อยากตาย แล้วเร่งให้ชดขับรถออกไป...
ครู่ต่อมา คนขับรถพาท่านหญิงนวลมายังสี่แยกที่สองผัวเมียพูดถึงแต่ไม่พบทั้งชนกและรถ วรรศิกาเองก็หายไป ท่านคิดว่าป่านนี้เธอคงพาชนกไปส่งโรงพยาบาลแล้ว สั่งให้คนขับรถตามไปที่นั่น เขาไม่รู้ว่าโรงพยาบาลไหน ท่านเองก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้ถามไถ่ก่อน สั่งให้เขาพาไปบ้านกรกตพงษ์
“ป่านนี้พวกนั้นคงยังไม่รู้ว่าตานกเกิดอุบัติเหตุ หญิงวรรถึงโรงพยาบาลแล้วคงโทร.ไปบอกทางโน้นแน่ๆ”...
จากนั้นไม่นานท่านหญิงนวลมาถึงบ้านกรกตพงษ์เพื่อจะแจ้งข่าวร้ายให้นพกับชวนชื่นรับรู้ แต่กลับพบว่าชนกไม่ได้เป็นอะไร อวัยวะยังอยู่ครบสามสิบสอง ท่านถึงบางอ้อทันที
“แย่แล้วโธ่เอ๊ย นี่หญิงวรรโดนหลอกเอาตัวไปหรือนี่”
“อะไรนะครับ ใครเอาตัวคุณหญิงไป คุณหญิงไปไหนกับใครครับท่านยาย” ชนกร้องเอะอะ ท่านหญิงนวลแทบลมจับ ขณะที่ทุกคนพากันตกใจ...
ด้านชด ชื่น และทวนเอาตัววรรศิกามาขังไว้ที่กระท่อมร้างชานเมือง ทวนเห็นเธอพูดมากสั่งให้ชดมัดมือมัดเท้ารวมทั้งปิดปากเธอด้วย แล้วหยิบเงินปึกหนึ่งให้ชื่น สั่งให้กลับบ้านนอกไป ตนได้เงินส่วนที่เหลือเมื่อไหร่จะให้ชดเอาไปให้ ชื่นรับคำรีบผละจากไป...
ชนกตั้งข้อสันนิษฐานมีคนเดียวที่จะทำเรื่องเลวร้ายนี้ได้ คือหม่อมชุลีนั่นเอง เขาจึงจะไปวังอโยธยาเพื่อเอาตัววรรศิกาคืน นพกับชวนชื่นขอไปด้วยแล้วรีบตามลูกไปขึ้นรถ ชนนีเห็นหริพันธ์จะตามไปช่วยอีกแรงหนึ่งก็ขอไปด้วย เขาขอให้เธออยู่เป็นเพื่อนท่านยาย และที่สำคัญเธอกำลังท้องกำลังไส้ เดี๋ยวจะเป็นลมเปล่าๆ เจตน์อาสาจะไปเป็นเพื่อนเขาเอง แล้ววิ่งไปขึ้นนั่งเบาะข้างคนขับ จากนั้นหริพันธ์ขับรถตามรถของชนก...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน เจียนกับสากำลังทำความสะอาดครัวตอนที่อบสวาทเข้ามาสั่งสาไปซื้อมะกรูดที่ตลาดให้ 50 ลูก สาร้องเอะอะจะเอาไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น อบสวาทด่าสวนทันทีจะมีสักครั้งไหมที่เธอจะไม่สาระแน หรืออยากโดนไล่ออกจากวังเป็นคนแรก สาไม่อยากมีปัญหารีบสงบปากสงบคำ แต่พออบสวาทคล้อยหลังเท่านั้น เธอแอบนินทาจะเอามะกรูดขนาดนั้นไปทำอะไร เจียนส่ายหน้าไม่รู้เหมือนกัน ก่อนจะนึกขึ้นได้
“อ๋อ คงเอาไปดับกลิ่นหนูตายบนตึกละมั้ง มะกรูดมีน้ำมันหอมระเหย ช่วยดับกลิ่นเหม็นกลิ่นอับได้”
“หนูมันตายกันกี่ตัวเนี่ยถึงต้องใช้มะกรูดเยอะขนาดนี้” สาบ่นพึมพำกับตัวเอง
ooooooo










