ตอนที่ 13
อัลบั้ม: ฟิล์ม-ซูซี่ แท็กทีมประชันบู๊ใน "ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู"
มาถึงหน้าโรงงานเฮียเต๋าแล้ว เฮียเฉินจัดแบ่งกำลังทยอยเข้าไปโดยให้หลินหลินกับบู๊ลิ้มเข้าไปเป็นชุดสุดท้าย
โชคไม่ดี ขณะทั้งสองกำลังวิ่งข้ามถนนจะเข้าไป ก็เจอเป๋งกุ่ยขี่จักรยานผ่านมา เป๋งกุ่ยรีบลงจากจักรยานมาดักหลินหลินบอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย
เป๋งกุ่ยขอโทษที่ไม่ได้ช่วยหลินหลินตอนที่เธอสลบ หลินหลินอยากให้เป๋งกุ่ยรีบไปบอกว่าตนยกโทษให้ เป๋งกุ่ยก็ยังตอแยขอเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เท่านั้นไม่พอยังจะขอตามเข้าไปในโรงงานด้วย
“บังเอิญเราผ่านมาแถวนี้ เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ ธุระของเราสองคนไม่เกี่ยวกับเธอ”
เป๋งกุ่ยยังตื๊อไม่เลิกจนหลินหลินเสียงแข็งว่าบอกให้ไป เป๋งกุ่ยจึงไปแอบดู เห็นทั้งสองเข้าไปในโรงงานร้าง
ooooooo
หลังจากเอาคัมภีร์จากจางซื่อไปอ่านพักใหญ่แล้ว วันนี้พายุมาหาจางซื่อที่สำนักอสูรเทวา จางซื่อถามว่าวิชาที่ให้ ฝึกไปถึงไหนแล้ว พายุบอกว่าฝึกได้สามส่วนแล้ว
“สามส่วน ดี...นับว่าเร็วมาก แต่ก็ดีที่ฝึกได้แค่นั้น ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะต้องเปลืองแรงมากขึ้น...ในการฆ่าแก!” จางซื่อบีบคอพายุดันไปติดผนัง พายุถามว่าตนทำอะไรผิด “แกยังไม่ได้ทำ แต่แกกำลังจะทำ ลูกของจางเหลียงจะฆ่าอั๊ว นี่คือคำพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นลื้อตายซะเถอะ”
พายุหน้าซีดปากสั่นรีบบอกว่า “ผม...ไม่ใช่...ลูก ...จางเหลียง” จางซื่อปล่อยมือทันที พายุในสภาพหน้า
เป็นสีม่วงแล้วพูดไม่ออก ร่วงรูดไปกองกับพื้น จางซื่อบอกอาเฟยให้ประคองขึ้นมา พายุพยายามเล่าอย่างกลัวตายว่า
“ผมเป็นลูกกรรมกร...อาจารย์แม่เก็บผมมาเลี้ยง... พร้อมๆกับจางฟุ ทำให้...เจ้าสำนักเข้าใจผิด...ผม...ผมไม่ได้บอกความจริง...ผมผิดไปแล้ว...เจ้าสำนักโปรดไว้ชีวิตต่ำต้อยของผมด้วย”
อาเฟยเกร็งลมปราณเล็บกลายเป็นสีดำจะเข้าไปจิ้มพายุ จางซื่อห้ามไว้ถามพายุว่าจางฟุอยู่ไหน เขาบอกว่ามันคือกังฟู
“ไอ้ซื่อบื้อซีปังโต้วนั่นน่ะเหรอ” พอพายุรับว่าใช่ อาเฟยเอ่ยขึ้นว่าถ้าเป็นกังฟู แสดงว่ามันแกล้งซื่อบื้อมากกว่าเพราะฝีมือมันสูงมาก จางซื่อถามว่า “แล้วทำไมตอนแรก ใครๆก็บอกว่ามันห่วยล่ะ เกิดอะไรขึ้น”
พายุจึงเล่าว่า ตอนแรกฮูหยินไม่ให้กังฟูฝึกวิทยายุทธ์ แต่กังฟูแอบฝึกเอง ตนเคยสอนหมัดแปดทิศให้มารู้ทีหลังว่ากังฟูเอาไปสู้กับมิเชลได้
“ใช้หมัดแปดทิศสู้กับมิเชลเนี่ยนะ ต่อให้เป็นฉันก็ยังทำไม่ได้ ถ้ามันทำได้ขนาดนั้นก็สมควรเป็นลูกของจางเหลียงจริงๆ” แล้วหันถามขู่พายุว่า “แกโกหกฉันรู้ไหมว่าต้องได้รับโทษอะไร”
จางซื่อถามอาเฟยว่าที่ตนให้ไปกำจัดพวกโรงงิ้วที่เหลือเป็นอย่างไร อาเฟยบอกว่าคนของเราไปสืบพวกนั้นไม่เจอ จางซื่อจึงให้พายุไปสืบ ถ้าทำสำเร็จจะยกโทษให้ แต่ถ้าไม่สำเร็จ “ฉันจะทำให้แกเสียใจที่เกิดมาเป็นคน”
พอออกจากสำนักอสูรเทวา พายุสบถด่าอย่างแค้นใจว่า
“ฉันอุตส่าห์ทรยศอาจารย์เพื่อช่วยจางซื่อ อุตส่าห์ซัดอาจารย์แม่เพื่อปกปิดเรื่องนี้ ลงทุนไปขนาดนี้แล้วทำไมผลตอบแทนมันกลายเป็นอย่างนี้วะ ไอ้จางซื่อ
ไอ้สารเลว ไอ้หมาขี้เรื้อน ไอ้ตัวเงินตัวทอง อย่าให้ถึงทีของฉันบ้างนะ...แต่ว่า...ตอนนี้ต้องเอาชีวิตรอดก่อน ไอ้กังฟูมันไปอยู่ที่ไหนวะ”
ooooooo
พายุไปหากังฟูที่ห้องพักไม่เจอ ไปหาที่บ้านเฮียป้อ รู้ว่าพวกกังฟูเคยมาพักที่นี่หลายวันแต่ตอนนี้ออกไปกันหมดแล้ว พายุถามว่าแล้วไปอยู่ไหนถ้าบอกเอาเงินนี่ไปเลย พายุยื่นเงินให้ปึกใหญ่
เฮียป้อบอกว่าตนไม่รู้จริงๆ ถูกพายุขู่เหี้ยมว่าจะนับหนึ่งถึงสามถ้าไม่บอกจะจิ้มลูกตาให้ทะลุ แล้วเริ่มนับ
“หยุดนะพายุ ลื้อจะทำอะไรเฮียป้อ” เจ๊ยี้วิ่งเข้ามากำหมัดจะชก ถูกพายุเตะเปรี้ยงเดียวกระเด็นออกไปนอกบ้าน คนแถวนั้นพากันออกมาดู เจ๊ยี้ตะโกน “ช่วยด้วย ไอ้พายุมันจะปล้ำอั๊ว...ช่วยด้วย...” แล้วตะโกน “ตำรวจๆๆ”
พายุกลัวตำรวจ ชี้หน้าเฮียป้อ “อย่าให้รู้ว่าโกหก” แล้วรีบหนีไป เฮียป้ออุตส่าห์วิ่งตามมาเรียกบอกว่าอย่าลืมเงินแล้วยื่นเงินคืนให้ เป๋งกุ่ยที่มาดูกับชาวบ้านด้วย เห็นเงินเป็นฟ่อนก็ตาโต
เฮียป้อออกไปดูเจ๊ยี้บอกว่าเดี๋ยวจะทาน้ำมันนวดให้ เจ๊ยี้จึงตามเฮียป้อเข้าไปในบ้าน
“ท่าทางไม่ค่อยดี คุณเหมยอิงเป็นยังไงบ้างนะ หวังว่าคงปลอดภัย” พอเฮียป้อหันมาปรากฏว่าเจ๊ยี้หายไปแล้ว
ooooooo
โรงงานร้างของเฮียเต๋าที่ภายนอกยังคงสภาพรกร้างเหม็นสกปรก แต่ภายในที่พวกเฮียเฉินมาอยู่มีการเคลื่อนไหวฝึกซ้อมค่ายกลดอกเหมยกันอย่างจริงจังเงียบเชียบ ส่วนเหมยอิงกับสวยและเด็กๆ ช่วยกันทำอาหาร
ผ่านการฝึกอย่างเอาจริงเอาจังแล้ว เฮียเฉินถามเฮียเต๋าว่าค่ายกลดอกเหมยเป็นอย่างไรบ้าง เฮียเต๋าบอกว่าห้าคนยังไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต้องซ้อมมากกว่านี้
กังฟูถามว่าอีกนานไหมกว่าจะลงมือเป็นหนึ่งเดียวได้ เฮียหลอหวังว่าจะทำได้ก่อนที่จางซื่อจะหาเราเจอ
พายุไปค้นหาร่องรอยที่โรงงิ้ว เจอเป๋งกุ่ยทำลับๆล่อๆ อยู่ก็จะเข้าไปจัดการ เมื่อจำกันได้ พายุถามเป๋งกุ่ยว่ามาทำอะไรที่นี่แล้วพาเป๋งกุ่ยไปนั่งคุยที่ร้านอาหาร จึงรู้ว่า
เป๋งกุ่ยเห็นหลินหลินกับบู๊ลิ้มเข้าไปในโรงงานร้างของเฮียเต๋า มารู้ทีหลังอีกว่าพวกเขาหายกันไปทั้งบ้านเลยเอะใจว่าคงมาหลบอยู่ที่นั่นทุกคนเลยก็ได้ พายุชมว่าเก่งมาก แต่เป๋งกุ่ยไม่ต้องการคำชมเอ่ยปากคำโตว่า
“ผมเห็นพี่หยิบเงินให้อาเจ็กป้อ แต่บังเอิญว่าอาเจ็กป้อไม่รู้แต่ผมรู้ ผมอยากได้เงินเท่าที่พี่จะให้อาเจ็กป้อ”
“ได้ซิ มากกว่านั้นก็ได้ แต่ลื้อต้องไปแอบดูให้แน่ใจก่อนว่าในโรงงานนั้นมีใครอยู่บ้าง โดยเฉพาะไอ้กังฟู”
ooooooo
เป๋งกุ่ยไปด้อมๆมองๆที่โรงงานร้าง หลินหลินกับบู๊ลิ้มจะออกไปซื้ออาหารสงสัยว่าเป๋งกุ่ยจะทำอะไร บู๊ลิ้มบอกว่าเป๋งกุ่ยเป็นคนสอดรู้สอดเห็น วันก่อนเห็นเราเข้าไปข้างในวันนี้อาจจะอยากรู้ว่าเรามาทำอะไรกัน
หลินหลินเร่งให้รีบเข้าไปบอกคนข้างใน ถ้าเป๋งกุ่ยหาไม่พบอะไรเดี๋ยวก็คงกลับ แต่บู๊ลิ้มติงว่าคนตั้งมากมายซ่อนไม่มิดหรอก เราทำผีหลอกให้เป๋งกุ่ยกลับไปดีกว่า หลินหลินเลยทำเสียงหมาหอน เป๋งกุ่ยขนลุกซู่แต่เพื่อเงินก็กัดฟันเดินเข้าไป
หลินหลินกับบู๊ลิ้มเลยทำเสียงแมวขู่แล้วบู๊ลิ้มก็เอาซากแมวดำโยนใส่ เป๋งกุ่ยตกใจสุดขีดวิ่งหนีสะดุดล้มจนลุกไม่ขึ้น ขณะหลินหลินกับบู๊ลิ้มลังเลว่าจะช่วยดีไหม กังฟูก็วิ่งแซงหน้าไปช่วยเป๋งกุ่ย จับขาดึงกร๊อบบอกว่าเข่าหลุดเท่านั้นไม่ใช่ขาหัก
เป๋งกุ่ยใช้ความคุ้นเคยถามกังฟูว่าอยู่ที่นี่หรือ กังฟูบอกว่าใช่แต่อย่าไปบอกใคร ถ้าหมดเรื่องแล้วก็กลับไปเสีย
หลินหลินกับบู๊ลิ้มติงกังฟูว่าไปช่วยเป๋งกุ่ยแบบนี้เขาก็รู้สิว่าเราอยู่ที่นี่
“เป๋งกุ่ยไม่ใช่พวกอสูรเทวา อีกอย่างเห็นคนเดือดร้อนต้องช่วยเหลือ ถ้าศิษย์น้องไม่ออกมาช่วย ขาเขาอาจจะหักหรือพิการไปตลอดชีวิตก็ได้นะครับ ศิษย์พี่อย่าวิตกอะไรไปเลยครับ ศิษย์น้องช่วยเขา เขาไม่เอาเรื่องของเราไปบอกคนอื่นหรอก”
แต่บู๊ลิ้มก็ยังกังวล...
วันรุ่งขึ้น เป๋งกุ่ยก็แบกถุงมาตะโกนเรียกกังฟู กังฟูจึงออกไปพบอย่างระมัดระวัง พากันไปในที่ลับตา เป๋งกุ่ยเล่าว่า
“เมื่อวานพอเตี่ยรู้ว่าเฮียกังฟูช่วยชีวิตผมไว้ เตี่ยเลยให้ผมเอาของมาขอบคุณครับ”
เป๋งกุ่ยเปิดถุงใส่อาหารให้ดู กังฟูขอบใจแต่ย้ำว่าต่อไปไม่ต้องมาหาตนที่นี่อีกเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตนอยู่ที่นี่
ooooooo
ความอัตคัดและต้องอยู่อย่างปิดบัง อาหารทุกมื้อจึงมีแต่ผักดองกับไข่เจียว และไข่เจียวกับผักดอง เมื่อกังฟูเอาอาหารที่เป๋งกุ่ยให้กลับไป พวกเฮียๆ ตื่นเต้นดีใจมากเพราะมีแต่อาหารเหลาดีๆทั้งนั้น
พอบู๊ลิ้มรู้ว่าเป็นของจากเป๋งกุ่ยก็ติงว่าอย่ากินเลย คนนี้ไว้ใจไม่ได้ แต่พวกเฮียๆที่กินแต่ผักดองไข่เจียวมานานบอกว่าใครไม่กินก็ช่างตนจะกิน แล้วกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนบู๊ลิ้มเมื่อทักท้วงแล้วไม่มีใครฟังก็เดินหงุดหงิดออกไป
เป๋งกุ่ยส่งอาหารให้กังฟูแล้วเดินข้ามถนนไปเข้าซอยเล็กๆที่จางซื่อจอดรถคอยอยู่ จางซื่อชมเป๋งกุ่ยว่าทำได้ดีมาก เป๋งกุ่ยบอกว่าก็ไม่มีอะไรแค่ยกของกินไปให้เขาเท่านั้นเอง
“เปล่า ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องเอาของกินไปให้ ฉันหมายถึงเรื่องที่กังฟูช่วยชีวิตแกไว้ แต่แกยังอกตัญญูกล้าเอาอาหารใส่ยาพิษไปให้เขากิน นับว่าเลวจริงๆ”
เป๋งกุ่ยหน้าเสีย พายุบอกว่าอย่าทำหน้าอย่างนั้น ท่านเจ้าสำนักชมแล้วยังไม่รีบขอบคุณอีก เป๋งกุ่ยจึงขอบคุณ
“ยังเด็กแต่ทั้งหน้าด้านทั้งชั่วร้าย นับว่าเจ้ามีอนาคตยิ่งนัก ฮ่าๆๆ เอาไป” จางซื่อยื่นเงินปึกหนึ่งให้
“ขอบคุณเจ้าสำนัก...ขอบคุณเจ้าสำนัก” เป๋งกุ่ยดีใจสุด ๆ โค้งคำนับหัวจดพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วลงจากรถไป
“เตรียมตัว เราจะบดขยี้พวกมันให้เละ” จางซื่อสั่งพายุหน้าเหี้ยม
ooooooo
กังฟูเห็นบู๊ลิ้มเดินออกไปจึงตามไปคุยด้วย แต่เพียงไม่นานหลินหลินก็วิ่งหน้าตื่นมาเรียกทั้งสองให้เข้าไป
สภาพที่เห็นคือ พวกเฮียๆนอนหมดสติกันหมดรวมทั้งเมลดาและเหมยอิงด้วย หลินหลินบอกว่าเป็นเพราะอาหารของเป๋งกุ่ย กังฟูถามว่าแล้วทำไมหลินหลินไม่เป็นไร หลินหลินบอกว่าตนไม่ได้กินเพราะไม่อยากทำให้บู๊ลิ้มเสียใจ
กังฟูรู้สึกผิดมากพร่ำขอโทษทุกคน ทั้งหลินหลินและบู๊ลิ้มบอกให้ใจเย็นๆ ตั้งสติให้ดี กังฟูจึงข่มอารมณ์ตั้งสติคิด...
เวลาเดียวกัน ที่ริมถนน อาเฟยลงจากรถ จางซื่อลงตาม และพายุลงจากรถอีกคันหนึ่ง
“ลุย!” จางซื่อสั่ง พอสิ้นเสียงลูกน้องอสูรเทวานับสิบก็โผล่พรึบ! จางซื่อเดินนำลูกน้องเข้าโรงงานเฮียเต๋าทันที
เมื่อรู้ตัวว่าถูกจู่โจม กังฟูกับบู๊ลิ้มก็วิ่งหาพาหนะที่จะพาพวกที่หมดสติหนี จนเจอรถเข็นเก่าๆคันหนึ่ง กังฟูเสนอให้ช่วยกันแบกทั้งเก้าคนนี้ขึ้นรถเข็นไป หลินหลินมองแล้วถามว่ามันจะไหวหรือ
โชคดีเฮียเต๋ารู้สึกตัวขึ้นมาบู๊ลิ้มใจชื้นเชื่อว่าอีกไม่นานทั้งหมดก็คงจะฟื้น เฮียเต๋าส่ายหน้าพูดเพลียๆว่า
“อั๊วกินนิดเดียวเอง พอดีเป็นแผลร้อนใน คนอื่นกินกันเต็มที่ไม่ฟื้นแน่ๆ ไอ้รถเข็นแบบนี้พวกลื้อแบกไปได้อย่างมากก็สามคน มากกว่านั้นไม่ไหวหรอก” หลินหลินบอกว่าต้องแบกสามรอบ “ไม่ทันหรอก จางซื่อกำลังจะมาในไม่กี่นาทีนี้แล้ว ลื้อช่วยได้แค่สามคน” บู๊ลิ้มถามว่าแล้วที่เหลือล่ะ เฮียเต๋าตอบปลงๆว่าแล้วแต่ดวง เห็นกังฟูลำบากใจจึงแนะว่า
“อั๊วช่วยคิดให้ พาเฮียเฉิน ติงลี่แล้วก็เฮียหลอไป” กังฟูถามว่าทำไม “พวกลื้อต้องอย่ายอมแพ้ ต้องตอบโต้ไอ้จางซื่อ เฮียเฉินเป็นผู้นำ ไอ้ติงลี่มันเจ้าเล่ห์วางแผนสู้รบได้ เฮียหลอรู้เรื่องยา ให้ช่วยถอนพิษให้เฮียเฉินกับติงลี่ได้ ทำแบบนี้พวกลื้อถึงจะมีโอกาสกลับมาช่วยคนอื่น รีบไป ถ้าพวกลื้อหนีรอด ลื้อยังมีโอกาสกลับมาช่วยพวกที่เหลือ เร็ว”
เสียงอึกทึกข้างนอกบอกให้รู้ว่าพวกจางซื่อบุกเข้ามาแล้ว เฮียเต๋าเร่งกังฟูให้รีบไปเร็วๆ พวกมันมาแล้ว
ooooooo
พวกจางซื่อบุกเข้าไปไม่เห็นกังฟูแล้ว จางซื่อสั่งพายุให้ค้นทุกซอกทุกมุมในบ้าน ส่วนตนจะออกไปดูข้างนอก เฮียเต๋าทำเป็นหมดสติหรี่ตาดูภาวนาให้กังฟูหนีไปให้ได้ พอพวกนั้นออกไปค้นตามห้อง เฮียเต๋าแอบคลานไปในครัวหยิบมีดเล่มหนึ่งซ่อนไว้ในตัวแล้วคลานกลับมานอนสลบที่เดิม
หลินหลินกับบู๊ลิ้มวิ่งมาเจอลูกน้องจางซื่อสองคนมันหยิบนกหวีดออกมาเป่าส่งสัญญาณ กังฟูกระโดดข้ามหลินหลินกับบู๊ลิ้มไปกระชากนกหวีดมันบอกว่าถ้าไม่อยากเจ็บตัวถอยไป แต่มันยังบุกเข้ามาเลยถูกกังฟูสวนหมัดใส่จนทั้งสองทรุดฮวบ แล้วทั้งสามก็พากันวิ่งตะบึงไป
ครู่เดียว อาเฟยก็มาเจอร่องรอยรถเข็นบนทางฝุ่นทราย เพียงเห็นรอยรถเข็นมันก็รู้ว่าเข็นพาคนไปสามคนแต่ถนนฝุ่นทรายมีเพียงระยะสั้นๆ อาเฟยจึงวิ่งไปในทิศทางที่คาดคะเน เจอลูกน้องสองคนนอนหมดสติอยู่ เข้าไปพลิกดูพึมพำ
“หมัดเดียวจอด...ไว้ชีวิตยังไม่คิดฆ่า” แล้ววิ่งหาต่อไป
เมื่อพายุและลูกน้องรายงานจางซื่อว่ากังฟูไม่ได้หลบซ่อนในนี้ จางซื่อจึงสั่งให้เอาพวกที่หมดสติทั้งหมดไปที่สำนัก
ooooooo
กังฟูเข็นรถมาถึงปากซอย บู๊ลิ้มบอกว่าข้างหน้า เป็นถนนผู้คนพลุกพล่านเข็นรถไปอย่างนี้ผิดสังเกตแน่ หลินหลินบอกว่าแถวนี้มีตึกร้างอยู่ หากระดาษมาคลุมรถเข็นไว้ก่อนแล้วเราเข้าไปพักในตึกร้างกัน
อาเฟยวิ่งเลี้ยวมาเห็นกังฟูเข็นรถที่มีกระดาษปิดไว้ออกจากซอย มันยิ้มเหี้ยม วิ่งตามไปทันที
กังฟู หลินหลิน และบู๊ลิ้มช่วยกันยกร่างของ
เฮียเฉิน เฮียหลอ และติงลี่ลงจากรถเข็นวางที่พื้นในตึกร้าง ทั้งหมดเหนื่อยและหิวมาก หลินหลินจะไปซื้อของกินมาให้ กังฟูไม่ให้ไป สั่งห้ามทั้งสองลงไปข้างล่างเด็ดขาด กำชับว่า
“ถ้าศิษย์น้องแพ้ ศิษย์พี่พาหลินหลินหนีไปเสีย อย่าพยายามหาทางช่วย หนีไปหาที่ปลอดภัย เข้าใจไหม”
“ไม่ได้ เราเป็นพี่น้องกัน” บู๊ลิ้มไม่ยอม
“เพราะเราเป็นพี่น้องกัน เราห้ามตายกันทั้งหมด” กังฟูพูดเฉียบขาดแล้วเดินออกไปเผชิญหน้ากับอาเฟย
อาเฟยถือว่าความสนุกและศักดิ์ศรีของการต่อสู้คือต้องฆ่า แต่กังฟูกลับบอกว่า หวังว่าตนจะสามารถเอาชนะเขาได้โดยไม่ต้องฆ่า หลินหลินกับบู๊ลิ้มซุ่มดูอยู่ใจระทึก เอาใจช่วยและลุ้นให้กังฟูชนะ
เมื่อเข้าโรมรันกันกังฟูไม่ตอบโต้แต่กลับปัดป้องและหลบหลีก จนหลินหลินกับบู๊ลิ้มใจคอไม่ดี บู๊ลิ้มรำพึง...
“จะรอดไหมเนี่ย สงสัยจะสู้มันไม่ได้จริงๆ”
“ไม่ใช่” เฮียเฉินที่ฟื้นขึ้นมาแล้วแย้ง “กังฟูกำลังศึกษาการจู่โจมของอาเฟย ยิ่งเขาหลบได้หวาดเสียวเท่าไหร่ แปลว่าเขามั่นใจมากขึ้นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องหลบเยอะ หลบให้พ้นก็พอเพื่อรักษาระยะในการสวนกลับ”
จังหวะที่อาเฟยบุกหนักอย่างย่ามใจ กังฟูเห็นจุดอ่อนของอาเฟย เมื่ออาเฟยเกร็งเล็บออกมาก็ถูกกังฟูต่อยกระเด็นไปกระแทกพื้น พอลุกขึ้นมาก็ตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าเล็บพิษหักเลือดทะลักออกมาแดงฉาน
“เล็บอั๊ว...อั๊วแพ้แล้ว...อั๊วแพ้แล้ว...” อาเฟยหันมองกังฟูที่ยืนหอบแฮ่ก “กังฟู ลื้อแน่มาก ลื้อแน่มาก...นับถือ” กังฟูบอกว่านับถือเช่นกัน “กังฟู อั๊วจะไม่ลืมชื่อนี้เลย...ลาก่อน” อาเฟยมองไปในอาคารร้างแล้วหันเดินจากไป
กังฟูเป่าปากอย่างโล่งอก...พอกลับเข้าไปในตึกร้าง เฮียเฉินเห็นสีข้างกังฟูผ้าขาดมีแผลโดนกรีดเลือดสีดำไหลออกมา กังฟูหน้าซีด เฮียเฉินเรียกกังฟูไปจี้จุดสกัดพิษให้ บอกว่านี่เป็นการสกัดพิษชั่วคราว แล้วบอกให้บู๊ลิ้มกับหลินหลินรีบไปปลุกเฮียหลอ
ooooooo
ที่สำนักอสูรเทวา ร่างทั้งหกที่ถูกลำเลียงมาจากโรงงานของเฮียเต๋ายังนอนไม่ได้สติ จางซื่อเดินดูทีละคนอย่างสะใจ
“เจ็ดผู้กล้าคุณธรรม กระจอกจริงๆ” จางซื่อยิ้มเยาะ ผ่านมิเชลก็อาฆาต “ศิษย์ชั่ว รอให้แกตื่นก่อน ฉันจะลงโทษแก” และเมื่อมาถึงเหมยอิง จางซื่อหยุดมองอย่างสมเพชพึมพำ “เหมยอิง เธอนี่มันโง่จริงๆ”
พริบตานั้น เฮียเต๋าลุกพรวดแทงท้องจางซื่อ ทุกคนตกใจ จางซื่อค่อยๆเหยียดยิ้ม...
“เก่งมากเฮียเต๋า แต่สำหรับฉัน แกต้องเก่งกว่านี้” จางซื่อเกร็งลมปราณ ใบมีดหักกระเด็นหายไป เฮียเต๋าตะลึงมองมีดในมือที่เหลือแต่ด้าม เฮียเต๋าตะแคงล้มลงจึงเห็นใบมีดที่หักเสียบอยู่ที่คอด้านขวาของเฮียเต๋า!
จางซื่อสั่งพายุว่า “พวกตัวประกันพวกนี้ให้แกดูแลให้ดี”
พายุที่หมายตาเมลดาไว้แล้วสั่งลูกน้องให้นำร่างเมลดาไปที่อพาร์ตเมนต์เนตรนภา บอกเธอว่านี่คือเมลดาเมียของตน
“ฉันต้องรีบกลับสำนัก ก่อนมานี่ฉันให้ยานอนหลับ เขาไป เขาคงหลับอีกนานเลย ถ้าเขาตื่นเธอต้องดูแลเขาอย่างดีเข้าใจไหม” ก่อนออกไปยังหันมาย้ำปรามว่า “ฟังให้ดีนะ ถ้าเขาหนีไปได้ เธอตาย! ถ้าเขาบอกเขาจะคุ้มครองเธอได้อย่าเชื่อเพราะฉันจะตามล่าเธอแล้วเฉือนเธอทีละชิ้นๆจนกว่าเธอจะตายเข้าใจไหม” พายุยิ้มเหี้ยม
เนตรนภารับคำเสียงสั่น หันมองเมลดาที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียง
ooooooo
พวกที่ถูกจับมารู้สึกตัวเห็นกองเลือด และเฮียเต๋ากับเมลดาหายไปก็ใจคอไม่ดี มิเชลบอกพวกเขาว่า
“ที่นี่คือสำนักอสูรเทวา อย่างน้อยที่สุดเราก็แน่ใจได้แล้วว่าคนที่จับเรามาคือพวกมัน และที่แน่ใจได้ข้อที่สองคือ จางซื่อมันจะใช้ประโยชน์จากพวกเราแน่ๆ ไม่อย่างนั้นมันคงฆ่าพวกเราไปแล้ว” มิเชลพูดอย่างรู้เกมของจางซื่อดี
คืนนี้ อาเฟยกลับสำนักด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่สนใจไยดีกับการทักทายของลูกน้อง พวกลูกน้องผิดสังเกต พอเห็นเล็บอาเฟยหักต่างก็ตกใจจับกลุ่มซุบซิบกัน
อาเฟยกลับมาสารภาพกับจางซื่อว่าตนแพ้กังฟู รำพันอย่างเจ็บปวดว่า
“ยี่สิบปีแล้วศิษย์ไม่เคยแพ้ใคร ศิษย์ไม่เคยคิดว่าจะแพ้ใคร โดยเฉพาะมัน...อาจารย์ ศิษย์ขอลา” จางซื่อถาม หมายความว่ายังไง “ดาบอยู่คนอยู่ ดาบหักคนตาย” พูดจบอาเฟยก็ใช้เล็บที่หักจิกเข้าที่ลำคอตัวเอง จางซื่อคว้ามืออาเฟยไว้แต่ไม่ทัน
อาเฟยหน้าเขียวคล้ำสิ้นใจในอ้อมกอดของจางซื่อ จางซื่อพูดกับพายุและลูกน้องที่มีสีหน้าตกใจสงสัยว่า
“อาเฟยพลาด สู้แพ้...สำหรับมัน ความพ่ายแพ้คือความตาย ฉันไม่ได้บอกว่าอาเฟยคิดถูก แต่ฉันก็ภูมิใจที่มันคิดแบบนี้ ต่อไปเมื่อคนนึกถึงอาเฟย จะนึกถึงความกล้าหาญและความทะนงของมัน อั๊วหวังว่าในตัวศิษย์อสูรเทวาทุกคน จะมีธาตุนักสู้แบบอาเฟย”
ooooooo
ที่ตึกร้าง หลังจากเฮียหลอตรวจชีพจรให้เฮียเฉินและติงลี่แล้วบอกว่าชีพจรเหมือนกันหมด ไม่มีอะไรมันเป็นแค่ยาสลบ
หลินหลินจำได้บอกว่ามิน่าล่ะเจ็กเต๋าจึงให้พวกเราเลือกช่วยเจ็กหลอ เพราะเจ็กหลอเป็นผู้รอบรู้เรื่องยา เฮียหลอบอกว่า “แต่ก็สูญเปล่า ในเมื่อยาพวกนี้เป็นยาสลบ ไม่ต้องเลือกอั๊วก็ได้ พวกลื้อน่าจะเลือกมิเชล”
ติงลี่ดักคอว่าเพราะมิเชลเป็นลูกสาวเฮียหลอใช่ไหม เฮียหลอบอกว่าไม่ใช่ แต่เพราะมิเชลเป็นคนเดียวที่จางซื่อแค้นเป็นการส่วนตัว ตอนนี้มิเชลอาจถูกฆ่าไปแล้วก็ได้ ทุกคนเงียบไปอย่างเป็นห่วงมิเชล
เฮียเฉินสีหน้ายุ่งยากใจขณะถ่ายทอดลมปราณให้กังฟู เพราะเดินลมปราณขับพิษให้กังฟูไม่ได้ ลมปราณในตัวกังฟูสับสนเกินไป
กังฟูตกใจถามว่าตนต้องตายใช่ไหม เฮียเฉิน
ปลอบใจว่าอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ตนจะพาไปหาคนคนหนึ่งเขาอาจจะช่วยได้ ติงลี่เร่งให้รีบพากังฟูไปเลยเพราะหน้าเริ่มเขียวแล้ว
ในคืนที่เงียบสงัดนี้ ติงลี่เดินออกไปสำรวจรถที่จอดอยู่ริมถนนแล้วเอ่ยปากขอยืมไปคันหนึ่งใช้ลวดไขกุญแจแล้วขับพาทุกคนตรงไปยังวัดจีนแห่งหนึ่ง เฮียเฉินถามกังฟูที่ยังอยู่ในสภาพเบลอๆว่าจำได้ไหม วัดนี้กังฟูเคยมา
“จำไม่ได้ครับ” กังฟูบอก แต่ในสายตาที่พร่ามัวนั้น กังฟูเห็นใครบางคนยืนมองตนอยู่ด้วยความเป็นห่วง เอื้อมมือมาจับหน้าลูบไล้ด้วยความรัก กังฟูเพ่งมองคล้ายๆ ฮูหยิน พึมพำ...“อาจารย์แม่” แล้วหมดสติไป
ooooooo










