สมาชิก

มงกุฎดอกส้ม

ตอนที่ 2

อาอึ้มมายกตะกร้าผ้าซักที่มีชุดที่คำแก้วใส่มากับผ้าปูที่นอนให้ผินเอาไปซัก คำแก้วถามอาอึ้มว่าเวลาอาหารนี่ใครผิดเวลาไม่ได้เลยหรือ อาอึ้มเน้นว่าไม่ได้เลยและขอโทษที่ตนลืมบอกไป

"นั่นสิ ฉันว่าไม่มีใครบอกฉัน อ้อ ฉันอยากไปเยี่ยมคุณนายที่สาม เมื่อกี้จะถามว่าที่เมื่อคืนไม่สบายน่ะหายหรือยัง...แต่ก็โดนดุเสียก่อน"

"อีหายเลี้ยว ม่ายต้องไปถามหรอก" อาอึ้มตัดบทแล้วบอกผิน "อ้าว...อาผิงยืนเฉยทำมายเอาไปซักซี่" ผินก้มหน้างุดๆเดินไป อาอึ้มมองตาม คำแก้วมองทั้งสองแล้วก็อึดอัดรู้สึกบ้านนี้มีอะไรแปลกๆ โดยเฉพาะพวกเมียๆของเจ้าสัว

ที่ครัวหลังบ้าน บรรดาสาวใช้ทั้งทั่วไปและที่ประจำตัวของคุณนายทั้งสามพากันเข้ามากินข้าว

ผินกระซิบกระซาบเรื่องที่เจ้าสัวไปนอนที่ห้องโรสเมื่อคืน กิมลั้งฟังแล้วสะใจถึงกับฮัมเพลง อาจูนั่งกินเงียบๆ ไม่สนใจใคร อาเง็กเข้ามาทีหลังถือจานข้าวไปนั่งกินกับอาจู แต่ตาคอยชำเลืองอาจูตลอดเวลา สุดท้ายทนไม่ได้บอกอาจูว่า ถามอะไรหน่อยซิ เห็นอาจูยังเฉยๆเลยหันไปบ่นกิมลั้งที่ฮัมเพลงเสียงดังให้เงียบๆหน่อยน่ารำคาญ

ที่แท้อาเง็กอยากรู้เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นที่ห้องคุณนายสาม อาจูลุกขึ้นแล้วออกไปทันที อาเง็กจะตาม ผินบอกว่าเรื่องนี้ถามตนก็ได้ ตนได้ยินเต็มสองหูว่าเมื่อคืนคุณนายที่สามไม่สบายท่านเจ้าสัวเลยไปดู

ขณะที่อาเง็กทำตาโตตกใจนั่นเอง อาอึ้มก็เดินเข้ามาบอกกิมลั้งว่าท่านเจ้าสัวเรียก กิมลั้งดีใจจนเนื้อเต้น วิ่งพลางกระโดดพลางรีบไปหาเจ้าสัว ทะเล่อทะล่าชนเจ้าสัวตรงหัวมุมพอดี เจ้าสัวมองทำกรุ้มกริ่ม กิมลั้งทำท่าระริกระรี้มองเจ้าสัวอ่อยเต็มที่ รีบยกมือไหว้ขอโทษแบบจีน แล้วบอกว่าท่านเจ้าสัวเรียกตนเลยรีบมา

"ตามเลาไปห้องคุณนายที่สี่" เจ้าสัวบอกแล้วเดินไป กิมลั้งที่กำลังระริกระรี้เต็มที่ตกใจอ้าปากค้าง ไม่อยากไปเลยแต่จำต้องทำตามคำสั่งเจ้าสัว

แล้วกิมลั้งก็แทบอยากจะกลั้นใจตายเมื่อได้ยินเจ้าสัวบอกคำแก้วว่าให้กิมลั้งเป็นคนใช้ประจำตัว

"กิมลั้งเหรอคะนาย...คนไหนคะ" คำแก้วถาม

กิมลั้งยังอยู่ที่ประตูห้องหันหลังวิ่งหนีลงบันได ถูกเจ้าสัวเรียกถามว่าจะไปไหน ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ กิมลั้งเลยต้องเดินหงอๆกลับมา

คำแก้วมองกิมลั้งแล้วจำได้ว่าเป็นคนที่มีเรื่องกับตนเมื่อวานนี้ คิดแก้เผ็ดทันที สั่งเข้ม

"มานี่...คุกเข่า..." กิมลั้งไม่ยอมคุกเข่า จนคำแก้วย้ำ "ฉันบอกให้คุกเข่า"

พอกิมลั้งคุกเข่าลง คำแก้วก็ตรงเข้าไปแหวกผมแอบใช้เล็บจิกกรีดหนังหัวกิมลั้งจนฝ่ายนั้นร้องโอ๊ย คำแก้วทำหน้าสะอิดสะเอียนบอกว่าทำไมหัวเหม็นอย่างนี้ ให้ไปสระผมให้สะอาดก่อนแล้วค่อยขึ้นมาใหม่ พลันก็ผลักหัวกิมลั้งออกไปอย่างแรง

กิมลั้งทำหน้างงๆถูกเจ้าสัวสำทับถามว่าไม่ได้ยินหรือทำไมไม่รีบไป กิมลั้งบอกว่าตนเพิ่งสระเมื่อวานนี้เอง คำแก้วตวาดทันที

"ไม่ต้องเถียง ฉันสั่งให้ไปสระก็รีบไปเร็วๆ อยากโดนดีรึไง"

กิมลั้งสะบัดหน้าไปอย่างแค้นใจ คำแก้วมองตามยิ้มสะใจที่ได้แก้แค้นกิมลั้ง

ooooooo

กิมลั้งไปสระผมราดน้ำจนชุ่ม ใช้แชมพูหมดไปเป็นขวดๆ หัวเต็มไปด้วยฟอง

อ่อนซักผ้าเสร็จพอดีเดินมาทักก็ถูกกิมลั้งตวาดอย่างหัวเสียว่าอย่ามายุ่ง อ่อนเลยเอาผ้าไปตากที่ราว

กิมลั้งสระผมเสร็จมองไปที่ราวตากผ้า เห็นชุดนักเรียนของคำแก้วที่ตากอยู่ ราวบนตากเสื้อ ราวล่างตากกระโปรง ที่ราว บนมีเสื้อของเจ้าสัวและผ้าปูที่นอนสีขาวตากอยู่ด้วย กิมลั้งเดาได้ทันทีว่าตากผ้าปูที่นอนแบบนี้เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ลุกไปที่ราวตากผ้าขยี้ขยำผ้าปูที่นอนอย่างแค้นใจ

เสื้อของคำแก้วถูกกระชากอย่างแรง แล้วก็ชะงักไม่กล้าดึงอีก แต่กลับเอาตากไว้ตามเดิม ชำเลืองมองไปรอบๆเห็นปลอดคนก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาถ่มน้ำลายใส่ทั้งเสื้อและกระโปรงของคำแก้ว

หารู้ไม่ว่าคำแก้วมองจากห้องนอนเห็นพฤติการณ์ทั้งหมด ของกิมลั้ง ดังนั้น เมื่ออาอึ้มเอารังนกมาให้คำแก้วที่ห้อง เธอจึงถามว่าตนมีสิทธิ์ทำอะไรกับคนใช้ประจำตัวได้บ้าง อาอึ้มมองหน้าเธอนิ่งๆ คำแก้วเลยถามว่า "เวลานี้ฉันเป็นนายใช่ไหมอาอึ้ม"

"นายก็เป็นคน...บ่าวก็เป็นคน"

คำแก้วเลยถามว่าตนจะทำอะไรได้บ้างแบบคนด้วยกันน่ะ อาอึ้มบอกว่าทำให้เขารับใช้คุณนายแค่นั้นแหละ คำแก้วไม่ได้คำตอบที่ถูกใจสักทีเลยถามตรงๆว่า ลงโทษได้ไหมถ้าเขาทำผิด

"น้อยๆล่าย"

"แล้วถ้าเยอะๆล่ะ"

"ต้องบอกคุณนายใหญ่ก่อง"

คำแก้วรับรู้แล้วเดินไปจะไปบอกคุณนายใหญ่ อาอึ้มมองงงๆไม่รู้ว่าคำแก้วโมโหเรื่องอะไร

ooooooo

แต่คำแก้วก็เข้าไม่ถึงตัวคุณนายใหญ่เพราะถูกอาฮุ้งดักที่หน้าห้องถามว่ามาเรื่องอะไร คำแก้วบอกว่าเรื่องกิมลั้งตนจะบอกคุณนายใหญ่เอง

"มาถึงแค่วังเลียวจาฟ้องโน่นฟ้องนี่ ไล่ปายเลยอาฮุ้ง" เสียงเม่งฮวยดังจากในห้อง   พออาฮุ้งทำไม่ทันใจ   เม่งฮวยตะโกนอีก "ไล่ไปซี่ ไล่ไปเลย"

อาฮุ้งมองหน้าคำแก้วอย่างเห็นใจทำหน้าบอกให้ไปเสียเถิด คำแก้วกัดฟันรู้สึกเสียหน้ามาก

"ไปให้พ้นไป๊!"  เสียงเม่งฮวยดังลั่นมาอีก  คำแก้วหันหลังได้ก็วิ่งลงบันไดไปอย่างฉุนจัด

คำแก้ววิ่งไปที่ราวตากผ้า เอาเสื้อและกระโปรงมาดูยังเห็นคราบน้ำลายของกิมลั้งอยู่ หันไปเห็นอ่อนเดินถือถังเปล่ามาพอดีถามว่ากิมลั้งอยู่ไหน ผินอยู่แถวนั้นได้ยินคำแก้วถามหากิมลั้งก็ตกใจรีบวิ่งไปบอกกิมลั้ง ส่วนอ่อนตอบอ้อมๆแอ้มๆว่ากิมลั้งคงอยู่ที่ห้อง คำแก้วถามจนรู้ว่าห้องอยู่ไหนก็พุ่งไปทันที

ประตูห้องถูกเปิดผางออก ผินกับกิมลั้งกำลังซุบซิบกันผงะจากกันทันที คำแก้วตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าของกิมลั้งรื้อออกมากองกับพื้น กิมลั้งโวยวายถามว่าคุณนายจะทำอะไร คำแก้วหันมาชี้หน้าสั่งให้หยุด

กิมลั้งหยุดไปอึดใจเดียว เห็นคำแก้วหันไปรื้อเสื้อผ้าโกยมากองที่พื้นก็โวยวายต่อถามว่า "นี่เป็นบ้ารึเปล่า"

"ว่าฉันบ้าเหรออวดดีนัก" คำแก้วตวาดแล้วปาเสื้อใส่กิมลั้งโครม "เอาล่ะ ฟังนะ แกจะให้ฉันถ่มหรือแกจะถ่มเอง" กิมลั้งทำไขสือ คำแก้วเลยย้ำ "ถ่มน้ำลายใส่เสื้อผ้าของแกให้ หมดทุกตัว ถ้าแกไม่ทำฉันจะทำเอง"

"จะบ้ารึไง เรื่องอะไรกัน"

"แกว่าฉันบ้าสองครั้งแล้วนะ แล้วอย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง อ่อน!" คำแก้วหันไปเรียกอ่อนที่ถือเสื้อผ้าอยู่ คำแก้วเข้ามาคว้าเสื้อผ้ามาชี้ให้ดู "น้ำลายแกยังอยู่บนเสื้อผ้าฉัน นี่ เห็นชัดๆ"

กิมลั้งเถียงคอเป็นเอ็นว่าตนไม่ได้ทำ คำแก้วบอกว่าตนเห็น สุดท้ายโมโหจัดเอาเสื้อตัวนั้นตรงไปขยี้ใส่หัวกิมลั้ง นัวเนียกันอยู่อย่างนั้นจนเหนื่อยไปด้วยกันทั้งคู่ คำแก้วถามใหม่ว่า

"เลือกเอาจะทำอย่างที่ฉันบอก หรือจะให้ฉันฟ้องท่านเจ้าสัว" กิมลั้งอึ้งเมื่อเรื่องจะถึงเจ้าสัว แต่ด้วยความทิฐิอวดดี กิมลั้งท้าว่าเชิญขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเลย ตนไม่กลัว ทำเอาคำแก้วต้องคิดหาทางใหม่

"หนูจะขอเปลี่ยนไปรับใช้คนอื่น ไม่รับใช้คุณนายแล้ว" กิมลั้งตะโกนบอก

"เฮอะ...คอยไปเถอะ แกจะต้องรับใช้ฉันต่อไป... ต่อไปจนแกตาย!" คำแก้วประกาศแล้วสะบัดเดินออกไปทันที กิมลั้งถลาไปหยิบเสื้อผ้าของคำแก้วปาตามหลังไปแต่ตั้งใจไม่ให้ถูกแค่ปาระบายอารมณ์

ผินใจไม่ดีถามว่าจะทำอย่างไรดี กิมลั้งเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรครู่หนึ่งก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างแค้นใจ ผินกับอ่อนมองกิมลั้งที่เคยแต่กร่างไม่กลัวใครแต่คราวนี้ถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นก็หน้าเสียไปทั้งคู่

ooooooo

คำแก้ววิ่งเตลิดไปถึงท่าน้ำบ้านเจ้าสัว เห็นสายน้ำ เห็นเด็กๆกระโดดน้ำเล่นกัน ก็ทำให้อารมณ์สงบขึ้น อดคิดถึงน้ำตกที่อำเภอเชียงดาวบ้านเกิดของตัวเองไม่ได้...

เวลานั้นคำแก้วกับเอื้องเพื่อนสนิทรุ่นเดียวกันพากันไปเล่นน้ำตก น้ำในแอ่งหินช่างเย็นชื่นใจจริงๆ กอปรกับธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้ชีวิตคำแก้วในเวลานั้นสดใสร่าเริงเบิกบานราวดอกไม้แรกแย้ม

คิดถึงตอนที่ไปดูพิธีแต่งงานที่โบสถ์ฝรั่ง คู่บ่าวสาวแต่งตัวในชุดแบบฝรั่ง เดินออกมาจากภายในโบสถ์ เจ้าสาวสวมมงกุฎดอกส้มและถือช่อดอกไม้ พอเจ้าสาวโยนช่อดอกไม้พวกสาวๆก็พากันกรี๊ดแย่งช่อดอกไม้กัน แก้วจะไปแย่งกับเขาบ้างแต่ถูกเอื้องฉุดไว้

"มงกุฎดอกส้ม...มงกุฎดอกส้ม โยนมงกุฎดอกส้มด้วย" หลายเสียงตะโกนบอกเจ้าสาว

พอเจ้าสาวเอามงกุฎดอกส้มโยนมา มงกุฎลอยคว้างกลางอากาศละลิ่วมาทางคำแก้วกับเอื้อง ทั้งสองกระโดดรับมงกุฎดอกส้ม คำแก้วรับได้เอาใส่หัวตัวเอง เอื้องปรบมือดีใจด้วย

"เอื้อง...วันแต่งของแก้วจะใส่มงกุฎดอกส้มจะอี้" คำแก้วบอกเพื่อนรัก แก้วยิ้มสดใสมีมงกุฎดอกส้มสวมที่หัว

แต่ต่อมาไม่นาน พ่อก็ยิงตัวตายเพราะสวนส้มล่มมาสามสี่ปีพ่อเป็นหนี้มาก ตนต้องไปเป็นเมียเจ้าหนี้ เอื้องถามว่า "แล้วมงกุฎดอกส้มละแก้ว...มงกุฎดอกส้มใส่วันแต่งงานล่ะ"

คำแก้วได้แต่ก้มหน้าเศร้า...

จนกระทั่งวันที่คำแก้วหิ้วกระเป๋าหวายสองใบในชุดนักเรียนมาขึ้นรถที่อาจิวมารับ มีแม่และน้องตามมายืนส่ง เอื้องแอบดูอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ คำแก้วเดินไปหาเอื้องน้ำตาคลอ ถามเพื่อนรักว่า "แก้ว...แล้วมงกุฎดอกส้มล่ะ" แล้วทั้งสองก็กอดกันร้องไห้...

นั่งคิดถึงอดีตแล้ว เสียงเอื้องที่ถามว่า "แล้วมงกุฎดอกส้มล่ะ" ยังก้องอยู่ในความนึกคิด หยาดน้ำตาของคำแก้วไหลออกมาอย่างเจ็บปวดกับความใฝ่ฝันที่บัดนี้ไม่เหลือแม้แต่สิทธิ์ที่จะฝันถึง...

ooooooo

เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ที่โรสใช้มารยาหลอกฉกเจ้าสัวไปนอนกับตนทั้งคืน กลายเป็นเรื่องที่เยนหลิงสะใจมาก พูดกับอาเง็กที่มาเล่าให้ฟังว่าเด็กอ่อนหัดอย่างคำแก้วจะไปรู้ทันนังงิ้วไก่แก่ได้ยังไง

"ก็คงแค่คืนเดียวล่ะค่ะ คุณนายที่สี่ยังสาวสดออกอย่างนั้น หน้าตาผิวผ่องเป็นยองใย ยายพุ่มแม่ครัวไปนวดจนตัวแดงเรื่อ เปิดโคมไฟสีแดงยิ่งสวย"  อาเง็กพล่ามไปตามประสา  หารู้ไม่ว่าทำให้เยนหลิงหุบยิ้มทันที สองมือจับขอบโต๊ะเกร็งอย่างพยายามระงับอารมณ์

"คืนนี้รับรองเจ้าสัวไม่ยอมออกจากห้องหรอกค่ะ ต่อให้ คุณนายที่สามจวนจะตาย"

อาเง็กพล่ามต่ออย่างติดลม ถูกเยนหลิงบอกว่าไปได้แล้ว อาเง็กยังยืนเฉยเลยถูกไล่ "ไป๊!" อาเง็กรีบออกจากห้อง ไปแทบไม่ทัน เยนหลิงจ้องจิกด้วยแววตาแค้นจัดอย่างไร้ เป้าหมาย

ooooooo

คืนนี้ ป้าพุ่มมานวดเท้าให้คำแก้วเหมือนเมื่อคืนวาน คำแก้วหลับตาพริ้มอย่างรู้สึกสบายตัว อาอึ้มมาคอยยืนกำกับอยู่ใกล้ๆ

เมื่อได้เวลา เจ้าสัวเข้ามาหาคำแก้ว ปฏิบัติการอย่างนุ่มนวลตามเคย

ไม่ทันไรก็มีเสียงเคาะประตู แล้วอาจูก็ร้องบอกว่า คุณนายสามไม่สบายมาก เจ้าสัวหงุดหงิดมาก ลุกขึ้นตะโกนออกไปว่าพรุ่งนี้ค่อยไปตามหมอ อาจูยังพยายามตื๊อ จนเจ้าสัวเสียงดังเข้มกว่าเก่าว่า บอกว่าพรุ่งนี้...พรุ่งนี้! อาจูตกใจรีบกลับไปที่ห้องโรส

อาจูทำงานไม่สำเร็จ ทำให้โรสโมโหฉุนเฉียวมาก ขว้างปาข้าวของในห้องเปรี้ยงปร้างจนอาจูหลบไปยืนซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง

เยนหลิงคุณนายที่สองได้ยินเสียงเปรี้ยงปร้างจากในห้องโรสก็ยิ้มสะใจพึมพำว่า

"คืนนี้นายไม่หลงอุบายของมัน"

"อุ๊ย! คุณนายก็ ใครจะหลงกลไปหายายแก่หนังเหนียวล่ะคะ" อาเง็กพูดไม่ทันคิด เห็นเยนหลิงกระแทกตัวนั่งบนเตียงอย่างแรงก็ยังงงๆ

ส่วนที่ห้องเม่งฮวยคุณนายใหญ่ เจ้าตัวนั่งอยู่ที่มุมไหว้พระ ได้ยินเสียงเปรี้ยงปร้างจากห้องโรสก็เงยหน้ามองไปทางทิศนั้นแล้วหลับตาสวดมนต์รัวเร็ว นับลูกประคำถี่ยิบ แต่ยังมีจังหวะเว้นจากการสวดมนต์พึมพำเสียงเครียด


"บาปกรรม...บาปกรรมจิงๆ เจ๊กอั้ก...เจ๊กอั้ก..."

อาฮุ้งนั่งมองคุณนายใหญ่แล้วได้แต่ถอนใจด้วยความสงสาร

ooooooo

ที่ห้องคำแก้ว...เจ้าตัวนอนระทวยอยู่บนเตียง เจ้าสัวมองอย่างหลงใหลแล้วเอื้อมมือปิดไฟหัวเตียง หอมแก้มคำแก้ว พร่ำบอกว่า "แก้ว...เลาลักแก้วจิงๆ ลักที่สุดเลย ลักคนเดียว"


จากนั้นเจ้าสัวทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนเพลียหลับตาอย่างมีความสุข แต่คำแก้วยังลืมตาโพลงอยู่ อดคิดถึงอดีตที่ตัวเองสวมมงกุฎดอกส้มหัวเราะและเต้นระบำอย่างร่าเริงที่ไร่ส้มที่เชียงดาวไม่ได้ คิดถึงคำถามของเอื้องที่มาส่งขึ้นรถในวันเดินทางเข้ากรุงเทพฯที่ว่า   "แล้วมงกุฎดอกส้มล่ะแก้ว"   คิดแล้วก็น้ำตารินไหลด้วยความสะเทือนใจ...

ที่ห้องโรส ขณะที่อาจูกำลังเก็บกวาดข้าวของที่ถูกขว้างปาแตกกระจัดกระจายอยู่นั้น โรสไล่ให้ไปบอกเจ้าสัวอีก อาจูพูดเสียงอ่อยว่านายท่านไม่เชื่อแล้ว โรสตวาดว่า

"เป็งเลื่องของลื้อ ลื้อต้องปายทำให้นายเชื่อว่าอั๊วเจ็บหนัก ไป!"

โรสไสหัวอาจูจนหน้าคะมำไล่ให้ไปเดี๋ยวนี้ พออาจูออกไป โรสก็เงี่ยหูคอยฟังเสียงจากข้างนอก

อาจูไปเคาะประตูเรียกเจ้าสัวอีกบอกว่าคุณนายสามไม่สบายมาก เจ้าสัวลุกขึ้นร้องบอกอย่างรำคาญว่าให้กลับไปบอกคุณนายสามว่าพรุ่งนี้จะพาไปหาหมอ หรืออยากจะเรียกหมอก็โทร.บอกอาจิวให้ตามหมอมาคืนนี้เลย

"แต่ท่านเจ้าสัวคะ คุณนายที่สามอาจจะตายก็ได้นะคะ" อาจูปั้นเรื่องให้น่าเป็นห่วงมากขึ้น โรสแอบฟังอยู่ รีบเอามือป้องปากร้องโอดโอยเสียงดังกะให้เข้าไปถึงห้องคำแก้ว อาจู รีบพูด "คุณนายร้องใหญ่เลยค่ะ ได้ยินไหมคะท่านเจ้าสัว"

คำแก้วรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาบอกเจ้าสัวว่าไปดูเธอหน่อยเถอะ เจ้าสัวทำท่าฮึดฮัดแต่ที่แท้ใจระทึกเพราะรู้ว่าอะไรรออยู่ เบื้องหลังเสียงร้องนั้น

คำแก้วขอร้องให้เจ้าสัวไปดูโรสหน่อย เจ้าสัวทำเป็นลุกอย่างเสียไม่ได้ ในขณะที่คำแก้วนึกแปลกใจว่าทำไมโรสถึงป่วยได้ทุกคืน?

ooooooo

โรสรีบเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนบิดที่เตียงราวกับเจ็บปวดสาหัส เจ้าสัวเดินเข้ามาถามอย่างรู้ทันว่าเป็นอะไรอีกล่ะเหม่เกว่ เท่านั้นเองโรสก็ทำเป็นลืมตาโผเข้ากอดคอเจ้าสัวแนบแน่นกระซิบข้างหู

"นายมาหาอั๊วเลี้ยว..."

เจ้าสัวทำเป็นบ่นว่าแบบนี้ทุกที โรสรำพันว่าเพราะตนรักนาย รักนายคนเดียว อ้อนให้เจ้าสัวอยู่กับตนทั้งคืน เจ้าสัวบอกว่าไม่ไหวแล้ว พลางปลดมือโรสจากคอจะเดินกลับห้อง โรสโถมเข้ากอดไว้อีกแล้วพันตัวมาข้างหน้ากระซิบอ้อน

"แหม...นายก็...นายเก่งแข็งแลงจะแย่อยู่เลี้ยว" แล้วก็บรรยายว่านายเจี๊ยะทั้งรังนก ซุปไก่ดำ โสมเกาหลี ไข่มุก ทำไมจะไม่ไหว ออดอ้อนว่า "หนุ่มๆคนไหนก็สู้นายไม่ล่าย นะค้า...นาย..."


เจอลูกยอเข้าขนาดนี้ เจ้าสัวยิ้มปลื้มพาโรสกลับไปที่เตียงอย่างลืมตาย...

โรสปรนเปรอเจ้าสัวสุดฤทธิ์ รู้ว่าเจ้าสัวชอบงิ้วก็ร่ายรำและร้องงิ้วให้ฟังเสียงเจื้อยแจ้ว เสียงดังไปถึงห้องเยนหลิงที่ร้อนรนกระวนกระวายใจอยู่แล้ว แหวกมุ้งออกมายืนหน้าเตียงด่าอย่างชิงชัง โกรธจัด

"อีนังหยำฉ่า!"

ส่วนเม่งฮวยคุณนายใหญ่ที่ถูกปลดระวางไปแล้ว ได้แต่ ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความอัดอั้นใจที่เจ้าสัวไม่เคยสนใจไยดีตนมานานแล้ว...

ooooooo

วันต่อมา ช่างจากร้านตัดเสื้อ 34 คน ทุกคนแต่งตัวเรียบร้อยพากันถือเสื้อสวยสดมาหลายชุด มาจนถึงบันไดทางขึ้น เจออาฮุ้งถือถาดเครื่องดื่มจะขึ้นไป อาฮุ้งหยุดมองด้วยสีหน้านิ่ง เฉย สงบ อาเง็กเดินลงจากบันไดเห็นเข้า นัยน์ตาวาววาบอย่างอิจฉา ส่วนอาจูอยู่ที่หัวบันไดมองเสื้อสีสดสวยเหล่านั้นอย่างสงบนิ่ง


เสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นของคำแก้วที่เจ้าสัวสั่งช่างตัดให้ ทุกชุดสีสันสวยเฉิดฉาย คำแก้วแต่งชุดออกจากหลับฉากทีละชุด ...ทีละชุด

อาอึ้มที่ถือเครื่องประดับ มีทั้งสร้อยเพชร สร้อยทอง สร้อยมุก และหยกสีสวย เจ้าสัวเป็นคนสวมใส่ให้คำแก้วทีละชุด... ทีละชุดแล้วมองอย่างชื่นชม

คำแก้วกราบที่อกเจ้าสัวอย่างนอบน้อม เจ้าสัวตบหัวเบาๆ ฝากอาอึ้มช่วยดูแลด้วย บอกว่า "อั๊วรักมากนะคนนี้"

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คำแก้วลุกจากที่นอนเปิดประตูด้านหลังออกมาที่ระเบียงอย่างสดชื่น หันมองไปรอบๆ จนไปสะดุดตาที่มุมหนึ่งสุดระเบียง

ที่นั่นมีบ่อน้ำเก่าและโต๊ะเก้าอี้หมู่ มีต้นพวงชมพูเลื้อยออกดอกเต็มต้น คำแก้วมองอย่างสนใจแล้วหันกลับเดินลงไปดูใกล้ๆ

ooooooo

บริเวณรกร้างที่มีบ่อเก่านั้น คำแก้วไปนั่งที่โต๊ะหมู่หิน  ดึงเถาพวงชมพูมาดู  ทำให้นึกถึงโรงเรียนคอนแวนต์ที่เชียงใหม่  ที่นั่นมีดอกพวงชมพูสวยงาม เธอเคยถามซิสเตอร์ว่าภาษาอังกฤษเรียกว่าดอกอะไร ซิสเตอร์บอกว่าเรียกดอก "เชนออฟฮาร์ต" หรือดอกสร้อยหัวใจ เป็นดอกไม้ที่เธอจำได้ขึ้นใจ

คำแก้วมองไปที่บ่อน้ำเก่า ยังติดใจจึงเดินไปดูใกล้ๆ เห็นบริเวณบ่อน้ำชื้นมาก ตะไคร่จับที่ผนังบ่อด้านในดูเขียวคล้ำ น้ำในบ่อดำจนมืดสนิท ดูน่ากลัว คำแก้วชะโงกไปในบ่อ น้ำในบ่อ พลิ้วไหวจนเห็นเงาหน้าตัวเองแตกเป็นเสี่ยงๆ เธอเพ่งมองอีก น้ำกระเพื่อมไหวกลายเป็นหน้าเง็กท้อไปทันที!

คำแก้วกะพริบตาถี่ๆกลัวๆกล้าๆ ชะโงกมองไปอีกที ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นหลอนจนดังกระหึ่ม คำแก้วตกใจผงะวิ่งเตลิดจากบ่อกลับไปที่ตัวตึกอย่างเร็ว

คำแก้ววิ่งมาที่ห้องรับแขก  วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น  ทั้งสองแห่งไม่เจอเจ้าสัวจึงวิ่งไปที่ระเบียงหน้าตึกไม่เจออีก วิ่งมาที่โถงบันไดมองขึ้นไปเห็นหน้าห้องเม่งฮวย อาอึ้มกำลังยืนคุยกับใครในห้องอยู่จึงรีบวิ่งขึ้นไปหาอาอึ้ม ถามโพล่งว่า นายอยู่ไหน

อาอึ้มมองปรามคำแก้ว แต่เม่งฮวยที่อยู่ข้างในพูดอย่างไม่พอใจว่า ทำไมมาเรียกกลางวันแสกๆ ปรามอย่างไม่พอใจว่า "ม่ายต้องเลียกหานายทั้งกางคืนกางวัน ทำอาลายน่าเกียก!"

แม้คำแก้วจะไม่พอใจแต่ก็ไม่เถียงหันลงบันไดมาแต่ก็ยังแอบอยู่แถวนั้น ได้ยินเม่งฮวยพูดอย่างชิงชังว่า เรียกหาแต่นายน่าเกลียดบาปกรรมจริงๆ และที่สำคัญ เม่งฮวยพูดกับอาอึ้มว่า

"อั๊วไม่บอกมันหลอกว่าเฮียไปไหน อั๊วลู้ล้วย"

คำแก้วแอบอยู่ตรงนั้นจนเม่งฮวยเข้าห้องปิดประตูแล้วจึงรีบเข้าไปถามอาอึ้มว่าอยากหานายตอนนี้นายอยู่ไหน อาอึ้มมองหน้าคำแก้วอึกอัก ไม่กล้าบอก

ooooooo

ที่แท้ เจ้าสัวไปที่บริษัทเจ้าสัวเชงที่สาทรไปหา ก้องเกียรติ ลูกชายที่เกิดกับเม่งฮวย ไปบอกว่าสารทจีนอย่าลืมกลับไปบ้านเพราะอาม้าสั่งให้มาบอกกลัวเขาจะลืม

ก้องเกียรติบอกอาเตียว่าตนไม่ลืม เจ้าสัวลุกยืนมองหน้า ลูกชายนิ่งก่อนจะบอกว่า

"จาล่ายพบแม่เลี้ยงล้วย" เห็นก้องเกียรติทำหน้าฉงนนิดๆ เจ้าสัวถามเสียงเข้มว่า "แปลกใจรึอาใหญ่"

ก้องเกียรติรีบบอกว่า "ไม่ครับอาเตีย ผมไม่ได้แปลกใจอะไร" กลับถูกเจ้าสัวถามว่าแล้วจะแปลกใจเมื่อไหร่ ทำเอาก้องเกียรติหลบตาคมกริบของอาเตีย ตอบอึกอักว่า "ผม...คงไม่แปลกใจ เอ้อ...ผมคงแปลกใจไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อเป็นธรรมเนียมที่ใครๆก็ยอมรับ ผมจะคิดแตกต่างจากคนอื่นได้ยังไงครับ"

เจ้าสัวมองลูกชายอย่างรู้ทัน เดินมาตบไหล่หัวเราะเบาๆ พูดอารมณ์ดีว่า

"ลี...ลี...เข้าใจอย่างนั้นก็ลีเลี้ยว ไป...ไปส่งอั๊วข้างหน้าหน่อย จากลับเลี้ยว"

ก้องเกียรติเปิดประตูเดินไปส่งอาเตีย บรรดาพนักงานต่างหันมาไหว้เจ้าสัวกัน บางคนกล้าหน่อยก็ทักยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยท่าทีเคารพนบนอบถามว่า "กลับแล้วหรือคะท่านประธาน" เจ้าสัวทำเสียงในคอ "ฮื่อ" แต่ใบหน้าเรียบเฉย แล้วเดินเลยไป

ทักทายเจ้าสัวแล้ว พนักงานคนนั้นหันไปพูดกับพนักงานรุ่นน้องเบาๆว่าตนนี่กล้าจริงๆที่ทักทายพญามังกรที่แสนดุ พนักงานรุ่นน้องคนนั้นถามว่าท่านประธานดุมากหรือ ได้รับคำตอบว่า

"อุ๊ย...ดุไม่ดุเมียสามคนก็อยู่บ้านเดียวกัน แถมต่างคนต่างอยู่ในห้องตัวเอง ไม่มีใครกล้าแหยมกันเลยล่ะ"

ก้องเกียรติยืนฟังอยู่ พอรู้ตัวพวกพนักงานก็ถลาเข้าประจำที่ของตัวเองกระวีกระวาดทำงาน พนักงานรุ่นพี่ที่ทักทายเจ้าสัวรีบเอากระดาษสอดเข้าเครื่องพิมพ์ดีด ก้องเกียรติมองไปรอบๆแล้วพูดกับพนักงานหญิงคนนั้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเรียบร้อยว่า

"ผมขอให้ทุกคนทำงาน งานสำคัญอันดับหนึ่งที่บริษัทของเรานี้ ส่วนเรื่องอื่นๆสำคัญรองลงไป" ก้องเกียรติย้ำประโยคสุดท้ายเชิงปราม พูดจบก็เดินเข้าห้องตัวเอง

พนักงานทุกคนเงียบกริบ พนักงานหญิงคนนั้นหยุดพิมพ์ ดึงกระดาษออกมาแล้วขยำทิ้งตะกร้าบอกรุ่นน้องคนนั้นว่า "พิมพ์ไปยังงั้นแหละ โธ่! เจ้านายยืนมองจะให้ทำอะไร"

ooooooo

มีเสียงรถเข้ามาที่บ้านเจ้าสัว เม่งฮวยถามอาฮุ้งว่าอาเฮียกลับมาแล้วใช่ไหม ชะโงกดูทีซิ

"กลับมาเลี้ยวฮ่ะอาตั่วไน่" อาฮุ้งไปดูแล้วร้องบอก เม่งฮวยดีใจรีบออกจากห้องไปทันที

เม่งฮวยวิ่งย่องแย่งลงมาจนเจ้าสัวเตือนว่าระวังเดี๋ยวตกบันได พลางเดินขึ้นไปเจอกันที่กลางบันไดเม่งฮวยถามว่าเจออาตั่วตี๋ไหม อีจะกลับมาสารทจีนไหม เจ้าสัวตอบสั้นๆว่าเจอและมา แล้วทำท่ารำคาญจะเดินขึ้นชั้นบน

เม่งฮวยถามอ้อนๆว่าจะไปไหน ขอให้แวะห้องตนหน่อย เจ้าสัวถามหน้านิ่งๆว่ามีอะไร เม่งฮวยบอกว่ามีเรื่อง ถูกถามอีกว่าเรื่องอะไร คราวนี้เม่งฮวยหน้าเศร้าอ้อนว่า

"ไปห้องอั๊วก่องน้า...เฮียม่ายล่ายไปห้องอั๊วมาหลายเดือนเลี้ยว..."

เจ้าสัวจ้องหน้าเม่งฮวยนิ่งแล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนต่อ เป้าหมายคือห้องคำแก้ว เม่งฮวยหัวใจแทบสลาย หอบฮืดๆ แล้วแผดเสียงกรี๊ดออกมาดังก้องไปทั้งบ้าน

ครู่ต่อมาก้องเกียรติก็ได้รับโทรศัพท์จากอาฮุ้งบอกให้รีบกลับบ้านหน่อยคุณนายใหญ่ไม่สบายมาก ก้องเกียรติรีบเก็บของบนโต๊ะออกจากห้องทันที พอมาถึงก็ตรงไปที่ห้องของเม่งฮวย เห็นอาฮุ้งยืนมองอยู่ส่วนเม่งฮวยนั้นร้องไห้จนน้ำตาเปรอะไปทั้งหน้า พอหันมาเห็นลูกชายก็ผวาเข้าหา

ก้องเกียรติโอบร่างแม่ไว้แนบอก เม่งฮวยสะอื้นฮักๆอยู่กับอกลูกชายที่ได้แต่ลูบหลังปลอบโยน

ooooooo

ที่หน้าตึก คำแก้วลงมาเห็นรถหรูของก้องเกียรติ จอดอยู่ก็มองอย่างสับสนสงสัย แล้วเดินผ่านไปที่ต้นพุดซ้อน เด็ดกิ่งที่มีดอกมา 4-5 กิ่งแล้วเดินกลับเข้าตึก

แต่ขณะจะขึ้นตึก คำแก้วต้องชะงักหลบวูบเมื่อเห็นก้องเกียรติหรือชายใหญ่เดินล้วงมือในกระเป๋าสองข้างลงมา คำแก้วเพ่งมองอย่างสงสัยว่าเป็นใคร พอก้องเกียรติเดินมาถึงคำแก้วทำตัวลีบแทบจะกลั้นหายใจเพราะกลัวถูกเห็น

ทันใดนั้น ก้องเกียรติก้มลงหยิบดอกพุดซ้อนที่ตกอยู่ดอกหนึ่งขึ้นดู พอเงยหน้าขึ้นก็สบตาคำแก้วที่กำลังตกใจอย่างจัง!

ก้องเกียรติมองหน้าคำแก้วแล้วนึกถึงคำบอกเล่าของเม่งฮวยเรื่องคุณนายที่สี่ของเจ้าสัวที่ว่า

"อาเตียของลื้อเอาเมียอีกคนเข้าบ้าน บาปกรรมเอาเมียเหล็กๆ อียังเหล็กจิงๆ นาอาตั่วตี๋ปากยังม่ายสิ้นกิ่นน้ำนมเลย น่าเกียกอีน่าเกียกจิงๆ หน้าขาวเป็นปีศาก ตาก็กลมเหมือนตาลิง คอก็ยาวเหมือนคอห่าน"

นึกถึงคำบอกเล่าถึงเมียคนที่สี่ของเจ้าสัวแล้ว  ก้องเกียรติก็แทบจะหัวเราะออกมากับตัวจริงที่เห็นตรงหน้า เขามองยิ้มๆ แล้วก้มหัวให้ คำแก้วยังมองอย่างสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร จนเขาก้มหัวให้อีกครั้งพร้อมกับส่งดอกพุดซ้อนคืนให้แล้วเดินไปหน้าตึกขับรถออกไป

คำแก้วมองจนลับตาแล้วเดินขึ้นบันไดไป ใจยังคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?

ooooooo

ขณะคำแก้วนั่งหมุนดอกพุดซ้อนในมือและคิดถึงคนที่คืนดอกพุดซ้อนให้อย่างสับสนอยู่นั่นเอง กิมลั้งก็เปิดประตูเข้ามาเพื่อจะเอาผ้าไปซัก   คำแก้วจ้องจิก สั่งเสียงเข้ม

"ออกไป! แล้วเคาะประตู รอให้ฉันอนุญาตก่อน"

กิมลั้งยืนนิ่ง คำแก้วสั่งอีกครั้ง กิมลั้งพูดเสียงแข็ง

ว่าพรุ่งนี้ค่อยมาเอาก็ได้ คำแก้วไม่ยอมสั่งให้ต้องเอาไปคืนนี้ กิมลั้งอยากลองดีเดินเร็วๆเข้าไปหยิบตะกร้าผ้าซักจะออกไป คำแก้วเสียงดังกว่าเก่าบอกว่า

"กิมลั้ง ถ้าแกเอาเสื้อผ้าฉันออกไปจากห้องนี้ ก่อนออกไปเคาะประตู แกจะไม่ได้อยู่บ้านนี้อีกต่อไป" กิมลั้งหยุดยืนนิ่ง คำแก้วเดินไปเผชิญหน้า "กิมลั้ง แกเป็นคนใช้ประจำตัวฉัน มีหน้าที่มาเอาเสื้อผ้าฉันไปซักเวลาสองทุ่มของทุกวัน แกก็ทำหน้าที่ของแกไป ที่ฉันให้แกทำก็แค่เคาะประตูห้องก่อนจะเข้ามา มันก็เป็นเรื่องถูกต้องไม่ใช่รึ จะเข้าห้องใครก็ต้องเคาะประตูก่อน แกจะเดือดร้อนทำไมนักหนา"

ทั้งสองจะเอาชนะคะคานกันเรื่องเคาะประตูก่อนเข้าห้อง จนคำแก้วสั่งให้กิมลั้งวางตะกร้าลงและออกไปเคาะประตูห้องเสียก่อน กิมลั้งแค้นจนน้ำตาคลอทำท่าจะกระแทกตะกร้าผ้าลง ถูกสั่งอีกว่าให้วางเบาๆ อย่ากระแทก กิมลั้งจำต้องวางลง

"ฉันจะไม่เตือนแกอีกนะ เอาสิจะลองดีก็เอา" คำแก้วจ้องหน้ากิมลั้ง "อย่าหาเรื่องเลย แกสู้ฉันไม่ได้หรอก"

กิมลั้งเลยจำต้องค่อยๆวางตะกร้าผ้าลงแล้วเดินออกจากห้อง คำแก้วรอว่าเมื่อไรจะมีเสียงเคาะประตู ปรากฏว่าเงียบหายไปเลย พอเปิดประตูออกไปดูไม่มีกิมลั้งอยู่ตรงนั้นแล้ว

คำแก้วแค้นใจมาก หยิบตะกร้าผ้าไปวางไว้หน้าห้องแล้วเดินกลับเข้าห้องอย่างพยายามระงับสติอารมณ์

ooooooo

มงกุฎดอกส้ม

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด