คัมแบ็กเล่นละครอีกครั้งในรอบ 9 ปีเพราะนางเอกเจ้าบทบาท “จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค” โดนใจกับบทบาทในละคร “บ่วงใบบุญ” ช่อง 8 ที่กระตุ้นความอยากให้กลับมาอีกครั้งหลังหายไปเรียนด็อกเตอร์ศึกษาต่อปริญญาเอก สาขาอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล เลยตื่นเต้นเหมือนเล่นละครครั้งแรก จอย เผยในงานบวงสรวงละคร “บ่วงใบบุญ” ที่ตึกอาร์เอส ว่า

“ที่ลงละครในรอบ 9 ปีนี้รู้สึกตื่นเต้นและกังวลตั้งแต่เริ่มถ่ายละครเพราะว่าบทหนักมากท้าทายมากๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบทนี้ทำให้เรามีแรงกระตุ้นในการที่อยากจะกลับมาเล่นละครอีกครั้งหนึ่งแล้วก็เป็นทางดราม่าด้วย อยากจะขอบคุณจริงๆแฟนคลับและแฟนละครที่เคยติดตามเรามา พอรู้ว่าเราลงละครปุ๊บทุกคนก็ให้กำลังใจตลอดเลย แม้ว่าเรื่องนี้จะถ่ายทำค่อนข้างนานแต่ว่าคนก็ยังให้กำลังใจ”

บทเป็นยังไงบ้าง?

“รับบทเป็น ใบศรีค่ะ โดยตัวใบศรีตัวของเค้าเองก็ลำบากอยู่แล้ว เกิดมาก็มีชะตากรรมหนักๆมาเยอะ หนีเสือปะจระเข้เพื่อให้ตัวเองรอดตลอด ฉะนั้น ตัวละครมันจะต้องต่อสู้กับความถูกต้อง กับความปลอดภัยทางจิตใจ”

...

ได้ยินว่ามีละครติดต่อไปเยอะมาก?

“ใช่ค่ะ ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะว่าติดต่อมาตลอด ตั้งแต่เรียนหนังสือ เรายังเรียนไม่จบตอนนั้น จนมีพี่บางคนบอกว่าเมื่อไหร่แกจะเลิกเรียนสักที เมื่อไหร่จะเรียนจบ แต่ตอนนั้นมันก็ต้อง บังคับตัวเองว่าต้องเรียนให้จบก่อนเพราะไม่อย่างนั้นพอเรามาเล่นละครมันก็ต้องทุ่มสุดตัว ถ้ามาเล่นตอนที่เรียนอยู่เรื่องเรียนก็คงจะไม่สำเร็จเรารู้ตัวเอง”

บางคนคิดว่าจะหันหลังให้วงการบันเทิงแล้ว?

“จริงๆแล้วไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น จอยมองว่าจังหวะชีวิตมันเป็นไปตามธรรมชาติเอง ตอนนั้นมันสนใจเรื่องเรียน ที่จริงตอนแรกจะไปเรียนแค่สองปีแล้วมันต่อยอดไป รอบข้างก็สนับสนุนไปสอบได้ก็เลยต้องเรียนต่อ พอเรียนต่อก็ต้องทำให้มันสำเร็จเลยทำให้ยังไม่ได้ลงละครสักที แล้วที่จริงที่กลับมาเล่นละครด้วยความที่เราก็อายุมากขึ้นแล้วเราก็เลยรู้สึกว่าเราไม่อยากใช้ชีวิตหนักๆในกองถ่ายเพราะเราก็อยากดูแลสุขภาพเรา แต่พอถึงเวลาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรับเรื่องที่หนักขนาดนี้เพราะว่าพอมาอ่านแล้วมันรู้สึกได้ คือถ้าอ่านแล้วเห็นตัวเราก็จะเล่น”

เรียกว่าตอนนี้เนื้อหอม?

“ถ้าเนื้อหอมก็ดีนะ ก็คิดว่ายังมีคนให้โอกาสอยู่เรื่อยๆดีกว่า”

กลับมาเล่นละครในรอบ 9 ปีต้องเคาะสนิมมั้ย?

“มันเป็นความกลัวของตัวเองมากกว่าค่ะ เราก็คิดว่าจะไหวมั้ย วงการเปลี่ยนไปเยอะมั้ยทีมงานเหมือนเดิมมั้ย ระบบกล้องถ่ายทำเหมือนเดิมมั้ย มีกี่กล้อง ฉันต้องไปเรียนรู้การใช้ชีวิตในกองถ่าย แต่พอเข้ามาเราได้รู้ว่าเรื่องนี้เป็นทีมงานที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือพี่บุ๋ม-ปกาสิต เป็นผู้กำกับ เราก็คือโอเคเล่นด้วยเลย”

ความรู้สึกเหมือนละครเรื่องแรกมั้ย?

“ก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะคะ เหมือนกลับมาลงละครเรื่องแรก เราเคยทำงานกับพี่เล็กน้อย แล้วพี่เค้าให้ความมั่นใจขนาดนั้นแล้วทำให้เราพร้อมแล้วพอเป็นพี่บุ๋มกำกับ เราก็รู้แล้วว่าพวกพี่เค้ารู้ทางเรา เค้าก็จะมีวิธีในการกำกับเรา หรือว่าให้กำลังใจเราให้ผ่านไปได้ แล้วก็พี่กวาง-กมลชนก เราก็ไม่เคยเจอเลย พอรู้ว่าเป็นพี่กวางเราโอเคเลย เพราะเราก็ติดตามละครพี่เค้าอยู่แล้วและยิ่งโอ-อนุชิต เราก็อยากได้สายดราม่ามาเจอกันปะทะกันหน่อยมันก็เลยลงตัวไปหมด”

ในเรื่องรับบทพูดไม่ได้ ยากมัั้ย?

“นั่นแหละค่ะที่ทำให้ตอนแรกไม่กล้าเล่น กลัวไม่ถึงหรือแบบว่า พี่เค้าคาดหวังไว้ภาพหนึ่งแล้วเราจะไปได้มั้ย แต่พอมาเล่นมันก็ยากจริงๆค่ะคือเวลาร้องไห้ ปกติธรรมชาติเรามันก็ต้องมีเสียงสะอึกสะอื้น แต่นี่เราต้องร้องแบบไม่ให้เสียงมันออกไปเลย เศร้ายังไงเสียงก็ไม่ให้ออก แรกๆต้องปรับแต่วิธีการปรับก็คือให้เป็นตัวละครตัวนั้น เราก็ต้องทำสมาธิว่าเราเป็นใบศรี ถึงเวลาเล่นก็จะไปได้”

หลายคนบอกว่าจอยหน้าตาไม่เปลี่ยน สวยโกงอายุเหมือนสตัฟฟ์ไว้?

“ถือว่าเป็นคำชมนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ ก็มีคนทักอยู่เรื่อยๆค่ะ แต่ เรื่องริ้วรอยมันก็ต้องมีบ้างตามธรรมชาติ แต่เราก็ ดูแลมันและอีกอย่างเราไม่ยึดติดกับเรื่องนี้ด้วยปล่อยมันเป็นไปตามธรรมชาติแล้วเราก็จะไม่ต้องมารู้สึกว่าวันนี้ฉันมีริ้วรอยตีนกากี่เส้นหรือวันนี้แก่หรือเปล่าเราปล่อยไปตามธรรมชาติเลยเพราะมันไม่มีอะไรจีรังอยู่แล้ว ก็สบายๆค่ะ ถ้าใครมาบอกว่าเราเหมือนเดิมเลยก็ขอบคุณค่ะ”

วางแพลนในอนาคตสำหรับงานในวงการบันเทิงยังไงบ้าง?

“ก็ถ้ามีเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเรื่องบ่วงใบบุญ ความรู้สึกที่ว่าอยากเล่น ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นละครหนักๆนะ อยากเล่นละครสบายๆอยากดูแลสุขภาพ เอาสุขภาพเป็นที่หนึ่ง แต่พอมาลงเรื่องนี้ ถึงบอกว่า ถ้าเจอบทที่มันกระตุ้นความรู้สึกเรา ก็รับเล่นค่ะ”.

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ